Your Wishlist

เนเน่ ธิดาพญายม (ภาคพิเศษ ของ พยัคฆ์ร้าย..สายลับ) (ตอนที่ 32 .. “ สัญญาใจ ” จบ-อวสาน)

Author: พัชฌา

เมื่อความถูกต้องถูกมองข้ามไป ระหว่างความจริงกับความเท็จ เมื่อมันอยู่คาบเกี่ยวกัน ก็ช่างยากเสียเหลือเกินกับการที่จะเลือกรับรู้ได้ ทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้สิ่งนั้นหายไป มันก็คือ..การสืบหาความจริงไงหละ

จำนวนตอน : 32

ตอนที่ 32 .. “ สัญญาใจ ” จบ-อวสาน

  • 14/02/2566

ซ่าส์...(สั่นๆ) - D2B 

นิยาย แนว สืบสวนสอบสวน (Suspense) / Action

ตอนที่ 32 .. “ สัญญาใจ ”

       หลังจากที่เสร็จกิจครั้งสุดท้าย ประมาณเที่ยง เผด็จไปส่งปูนที่บ้านในเวลาต่อมา ปูนร่ำลาเผด็จแบบใจจะขาด ร้องไห้ซบที่หน้าอก หลังจากที่เผด็จจูบให้เป็นรางวัลและกำลังใจให้แล้ว เหมือนแทนสัญญาใจ เผด็จก็ผลักปูนเบาๆให้เข้าบ้านไปทันที แล้วตัวเองก็รีบขับรถกลับไม่หันกลับไปมองปูนอีกเลย

       ปูนรู้ดีว่าต่อแต่นี้ไปอะไรๆระหว่างเธอกับเผด็จคงจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ถึงเผด็จจะยอมรับปากกับปูนไว้ แต่ปูนก็รู้ว่าเผด็จรับปากไปอย่างนั้นเอง สัญญาใจที่ให้ไว้ก็เพื่อที่จะให้เธอสบายใจ ปูนเข้าใจ ต้องทำใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นอีกต่อไปในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้ ถ้าเธอย่างเท้าเดินกลับเข้าไป อะไรจะเกิดก็คงต้องปล่อยให้เกิด

       ปูนเดินเข้าบ้านมาต้องพบว่า แตงโมและทับทิมยืนรออยู่แล้ว ปูนไม่พูดอะไรมาก ชิงพูดขึ้นมาก่อนเลยทันที

“จะเอายังไงก็ว่ามา ฉันพร้อมแล้ว” ปูนมองหน้าเพื่อน

       ทับทิมโยนเอกสารปึกเบ้อเร้อลงพื้นต่อหน้าปูน ปูนเหลือบตาไปมองเล็กน้อย

“มีอะไรร้ายแรงขนาดนี้ ทำไมแกถึงไม่บอกฉันและพี่โมตรงๆ” ทับทิมโมโหเพื่อนมาก

“ถ้าฉันไม่เจอเอกสารพวกนี้จากห้องนอนของแก ฉันก็คงจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแกบ้าง”

       ทับทิมมองหน้าเพื่อน “ปูน แกเป็นเพื่อนที่ฉันรักที่สุดนะ” ทับทิมย้ำแบบนั้น

“มีอะไร ทำไมถึงไม่บอกและปรึกษากัน แกทำเหมือนฉันเป็นคนอื่น แกทำได้ยังไง”

“ฉันไม่มีอะไรจะพูด จะแก้ตัว” ปูนตัดปัญหาไปเลย เพราะแบบนี้มันง่ายดี

“ไหนๆเรื่องมันก็ล่วงเลยมาถึงขนาดนี้แล้ว ฉันยอมรับผิดทุกอย่าง ว่าไง” ปูนมองหน้าแตงโม

“พี่โมหนูขอโทษ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว พี่กับไอ้เตี๊ยก็รู้เรื่องหมดแล้วใช่ไหม” ปูนยืนยันแบบนั้น

“นัดวันหย่ามาได้เลย หนูเองก็ไม่อยากที่จะให้มันเป็นแบบนี้ เพราะมันค้างคามานานแล้ว”

“ปูน พี่ขอโทษ” ปูนงงมาก นี่มันเกิดอะไรขึ้นนะ

       กลับกลายเป็นว่า แตงโมไม่โกรธกลับมาขอโทษซะอย่างนั้น จึงทำให้ปูนอึ้งไปพักใหญ่

“หมายความว่ายังไงพี่โม หนูไม่เข้าใจ หนูมีชู้ ผิดกับพี่นะ” ปูนย้ำอีกครั้งถึงความผิดของเธอ

“แล้วพี่มาขอโทษหนูทำไม หนูมีชู้ หนูนอกใจพี่ พี่ต้องฟ้อง ต้องโกรธหนูซิ แล้วพี่มาทำแบบนี้ทำไม ทำไม”

“เรื่องทุกอย่างมันเกิดมาจากพี่ ทับทิมมันไปสืบมาหมดแล้ว วันนั้นถ้าคุณเผด็จไม่ช่วยปูนเอาไว้ ปาดนี้ปูนตายไปแล้ว พี่เองที่ผิด ผิดที่ไม่เคยฟังอะไรหนูเลย หนูห้ามพี่ทำคดีนั้น แต่พี่ก็ยังรั้นทำ” แตงโมมารู้เมื่อสาย

“จนถูกลอบวางยา แต่สุดท้ายคนที่รับเคราะห์และรับกรรมมันกลับต้องเป็นหนู” แตงโมเสียใจมาก

“วันนั้นพี่ขึ้นศาลปิดคดีของกลุ่มอิทธิพลนั้นแล้วชนะก็จริง” แตงโมท้าวความเดิม

“แต่พี่กลับไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหนูบ้างในวันและเวลาเดียวกัน” แตงโมคาดไม่ถึง

“วันนั้นถ้าพี่อยู่บ้านเรื่องแบบนี้คงจะไม่เกิดขึ้น” แตงโมไม่อยากจะให้อภัยตัวเองเลย

“พี่ถึงบอกไงว่าพี่ขอโทษ เอกสารการซื้อยาเพื่อมาบำบัดมากมายขนาดนี้มันมากมายจนพี่รับไม่ได้จริงๆ”

“ปูน ฉันขอโทษแกจริงๆนะ ที่เข้าใจแกผิดมาตลอด ฉันขอโทษ ฉันได้ไปสอบถามหมอและผู้เชี่ยวชาญหลายต่อหลายคนมาแล้ว ว่าคนที่โดนพิษนี้มันร้ายแรงยังไง อาการจะเป็นยังไงบ้าง” ทับทิมยอมสารภาพ

“เมื่อฉันรู้ความจริงฉันจึงเข้าใจว่าทำไมแกกับอาเด็จถึงต้องทำแบบนี้ ฉันไม่โกรธแกนะ อะไรที่มันผ่านมาแล้ว ก็ให้มันผ่านไปนะ เรากลับมาใช้ชีวิตกันแบบเดิมนะ จะได้ไหม” ทับทิมพยายามขอความเห็นใจจากปูน

“ส่วนพิษที่แกโดนฉันพยายามจะหาทางแก้ให้ ฉันได้ติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญด้านพิษกับซินแสของจีนแผ่นดินใหญ่แล้ว คงไม่นานหรอก จะได้ยาถอนพิษมาอย่างแน่นอน” ทับทิมหวังดีกับเพื่อน แต่มันสายไปแล้วไง

“ไม่ต้อง ขอบใจ อาเด็จผัวฉัน เค้าช่วยถอนพิษให้ฉันเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวานนี้ ฉันหายดีแล้ว”

       ทั้งสองคนได้ยินประโยคนั้นอย่างชัดเจนจากปากของปูน จึงตกใจมาก โดยเฉพาะแตงโม อึ้งไปเลย

“ไอ้ปูน” ปูนไม่พูดอะไรมาก

“เมื่อความจริงทุกอย่างปรากฏแล้ว” ปูนย้ำอีกครั้ง

“ก็คงไม่ต้องพูดอะไรกันอีกแล้วนะ ฉันขอตัว มีงานที่ต้องทำอีกเยอะ” ปูนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ปูน พี่ขอโอกาสอีกสักครั้งจะได้ไหม ได้ไหม” แตงโมขอเป็นคนไม่มีศักดิ์ศรีแล้ว

“ถือซะว่าพี่ขอชดใช้กับสิ่งผิดที่ผ่านมาทั้งหมด นะ จะได้ไหม เรากลับมาเริ่มต้นกันใหม่นะ”

“พี่โม พี่ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว หนูรู้ว่าพี่จะพูดอะไร พี่ไม่ต้องฝืนใจทำดีกับหนูหรอก หนูรู้ว่าพี่ยังคาใจเรื่องลูกสาวคนเล็กของเราใช่ไหม เพื่อความสบายใจ พรุ่งนี้เราไปตรวจ Dna กัน แค่นี้นะหนูเหนื่อย ขอความเป็นส่วนตัวด้วย ขออย่าให้ใครมารบกวน หนูจะนอน ถ้าไม่มีอะไรอีก หนูขอตัว”

       พูดจบปูนก็เดินเข้าห้องและปิดประตูเงียบ แล้วเดินมาดูลูกทั้งสองคนของเธอที่นอนหลับตาพริ้ม ปูนเอามือลูบหัวลูกทั้งสองคน

“ลูกจ๋าแม่ทำดีที่สุดแล้วนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม่จะเลี้ยงดูลูกของแม่ทั้งสองให้ดีที่สุด”

----- ***** -----

       (อ.17 ธ.ค.) เทียนหอมกับปูนมาขอพบดลที่ทำงาน จากการบอกทางของเนเน่ ไม่นานดลก็ลงมาพบ ทั้งหมดไปคุยกันที่สวนในสำนักงาน เทียนหอมเป็นคนยืนยันความบริสุทธิ์ให้กับปูนต่อหน้าดล

       เทียนหอมยื่นโทรศัพท์ของเธอให้ดลดูรูปทั้งหมดข้างในนั้น โดยเอารูปของวิหคขาวปลอม ตัวสร้างปัญหาสร้างเรื่องในวันนั้นให้ดลดู เทียนหอมได้เก็บภาพวันนั้นเอาไว้ได้โดยไม่ได้ตั้งใจขณะที่กำลังเดินซื้อของในห้างแห่งนั้น จนเกิดเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้น ตอนนั้นพวกตัวปลอมกำลังเหิมเกริม

       เทียนหอมจึงได้แต่ถ่ายคลิปนี้เอาไว้ เพื่อที่จะจัดการกับคนชั่วภายหลัง สุดท้ายก็กำจัดลงได้ และในคลิปนั้นก็ได้เห็นหน้าของวิหคขาวตัวปลอมอย่างชัดเจน หลังจากที่ถอดหน้ากากออกมาแล้ว ตอนที่นั่งอยู่ในรถ

“คนๆนี้ชื่อแก้ว เธอได้ตายและชดใช้กรรมไปแล้วเมื่อ 3 ปีที่แล้วที่ไทรโยค ส่วนคนนี้ ปูน วิหคขาวตัวจริง”

“ผมต้องขอโทษพี่ปูนด้วยนะครับที่เข้าใจผิดมาตลอด ตอนนี้ผมสบายใจแล้ว จากนี้ไป ปมในใจของผมจะได้หมดไปสักที สัญญาใจที่ตั้งใจจะแก้แค้นก็ถือว่าจบไปเสียที บอกตามตรง หลายปีที่ผ่านมาผมไม่เคยนอนหลับอย่างเต็มตาสักคืนเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ผมขอบใจพี่ทั้งสองคนมากนะครับ ที่ทำให้ผมสามารถนอนหลับได้เต็มตาสักทีกับเรื่องนี้ ตั้งแต่วันนี้ผมถือว่า ผมมีชีวิตใหม่แล้ว ขอบคุณๆมากๆเลยครับ”

       จากนั้นทั้งสองคนก็กลับไป ดลได้แต่ยืนจ้องมองจากทางด้านหลัง

“ลาก่อนวิหคขาว ลาก่อนหงส์หยก ลาก่อนมนุษย์หน้ากาก” แล้วดลก็หันหลังกลับไปทำงานแบบมีความสุข

xxxxx ===== xxxxx

       (ศ.20 ธ.ค.) 1 วัน ก่อนที่เนเน่จะไป ดลได้มาขอพบหน้าและร่ำลาคนรักในช่วงบ่าย เนเน่เองก็ไม่อยากที่จะไปเช่นกัน นอกจากเรื่องพ่อแล้ว ก็มีเรื่องดลอีกเรื่องนี่หละที่ทำให้เธอปั่นป่วนหัวใจเสมอมาเป็นอย่างมาก ดลใจกล้ามาสารภาพรักขอเนเน่ต่อหน้าเผด็จอีกครั้ง หลังจากที่วันนั้นทำพลาดไปครั้งนึงแล้ว

“ท่านครับ” เผด็จไม่ชอบพิธีรีตอง

“ท่งท่านอะไร ไร้สาระหวะ” เผด็จตะคอกออกไป

“ลุงหรืออาก็ได้เลือกเอาแล้วกัน” ดลจึงเปลี่ยนใหม่ ตามที่เผด็จบอกมา

“คุณอาครับ” เผด็จพยักหน้า

“ว่าไป” ดลพนมมือขึ้นแบบสั่นๆ

“ผมรักเนเน่จริงๆอยากใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกัน ผมเลยมาบอก เพื่อให้คุณอาได้รับรู้ และยินดีที่จะส่งผู้ใหญ่มาสู่ขอให้ถูกต้องตามประเพณีหนะครับ ถ้าคุณอาไม่ขัดข้องและไม่ห้ามอะไร อนุญาตให้เราสองคนได้คบกันแบบเปิดเผย ตั้งแต่นี้ไปจะได้ไหมครับ” เผด็จนั่งแอ๊คท่า แล้วหันไปมองเมียทั้งสองคน เทียนหอมกับเพ็ญชี้นิ้วมาที่ตัวเองทั้งคู่

“ว่าไงหอม เพ็ญ เราสองคนก็ถือว่าเป็นแม่เจ้าเน่มัน มีความคิดเห็นยังไงบ้าง” เผด็จขอความเห็น

“แล้วขิงหละลูก น้องจะมีคู่เนี่ย พวกเจ้ามีความเห็นยังไง” แหม เผด็จได้ที วางท่าใหญ่เลย

“ผ่านไหม กับเจ้าหนุ่มคนนี้หนะ เหมาะไหมที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของรุจินานนท์ของเราเนี่ย” เทียนหอมหมั่นไส้สามี จึงพูดออกไป

“ทำมาพูดดี ทีตัวเองหละ จะเอาใครเข้ามาอยู่ในตระกูล เคยมาถามอะไรแบบนี้กับพวกเราไหม ไร้สาระ อย่าไปฟังและสนใจเลยดล” นั่นเผด็จ โดนเมียใหญ่หักหน้าเข้าให้แล้ว

“ใช่ พี่ว่า ถ้าแกสองคนรักกัน ก็ขอแค่รักษาความรักและมั่นคงต่อกันเอาไว้ให้ได้เท่านั้นก็พอ ขอให้รักกันจริงๆ ชีวิตเป็นของเราเอง แค่เข้าตามตรอก ออกทางประตูแบบนี้ พี่ก็ไม่ว่าแล้ว จริงไหมพี่หอม”

       เพ็ญตอกหน้าผัวอีกคน เล่นซะเจ็บเลยสองเมียวันนี้ เผด็จหน้าเหยเกไปเลย

“เออๆ ตามนั้น” เผด็จไม่ขัดข้องอะไร

“ถ้าเจ้ารักลูกสาวฉันจริง ก็ขอให้รอนะ แค่ 6 ปีเท่านั้นเอง รอได้ไหมหละ เพราะนี่เป็นความฝันเดียวของฉันที่ได้วางอนาคตของไอ้เน่เอาไว้นานแล้ว” อันนี้เผด็จพูดจริง

“อยากให้มันเรียนจบจนถึงปริญญาเอกเลยและไม่อยากให้ไอ้เน่มันเข้ามายุ่งเกี่ยวพัวพันเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อีกตั้งแต่นี้ไป และฉันขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า ต่อไปนี้ จะไม่มีทีมพญายมอีกแล้ว ฉันเองก็เลิกเหมือนกัน”

“ผมรอได้ครับคุณอา” ดลยังคงยืนยันคำตอบเดิมอย่างหนักแน่น

“ถ้าเจ้ารอได้ หลังจากนี้อีก 6 ปี ถ้าเจ้าทั้งสองคน ไม่เปลี่ยนใจกันไปเสียก่อน ไอ้เน่เรียนจบกลับมาเมื่อใด ฉันจะจัดการแต่งงานให้เลยทันที โดยไม่บิดพลิ้ว แต่ในระหว่าง 6 ปีนี้ ถ้าทั้งสองคน คนหนึ่งคนใดเปลี่ยนใจไปเอง ก็ไม่ว่ากัน ไม่ต้องมีการหมั้นหมาย ให้มันเป็นการผูกมัดอะไรทั้งสิ้น ใช้ใจวัดใจกันไปเลย” เผด็จสรุปง่ายๆ

“ว่าไง แกสองคนทำได้ไหมหละ” เนเน่กับดลรับปากพ่อ “ครับ+ค่ะ เราสองคนจะทำตามสัญญานี้”

       < หวาน - ปราโมทย์ วิเลปะนะ > เผด็จร้องให้ดลและเนเน่ฟัง และทุกคนก็เป็นพยานให้ด้วยไปในตัว

+++++ ***** +++++

       และแล้ววันที่เนเน่เดินทางก็มาถึง (เสาร์ที่ 21 ธ.ค.) ทุกคนที่เกี่ยวข้องก็มาส่ง ภณ นพ ป๋อง ทับทิม วิทย์ ขิง เพ็ญ นิ่ม แตงโมและปูน โดยเฉพาะแตงโมสบายใจแล้วเมื่อผลการตรวจ Dna ออกมาแล้วว่า ลูกคนที่สองของเขา เป็นลูกระหว่างเขากับปูน แตงโมจึงมาขอโทษเผด็จต่อหน้าทุกคน ส่วนเรื่องความรักฝังใจของปูนกับเผด็จนั้น ปูนได้อธิบายให้กับทุกคนได้เข้าใจ แตงโมเองก็เข้าใจและไม่ได้คิดติดใจอะไรอีกแล้วเช่นกัน

       เนเน่เดินเข้ามาขอโทษปูนคนที่เลี้ยงและดูแลเธอมาตลอด 2 ปีหลังจากที่พ่อหายตัวไปในช่วงนั้น เพราะติดภารกิจ

“หนูเสียใจที่ทำตัวไม่ดีและแสดงอาการร้ายๆไม่ดีออกไปกับพี่ปูนอย่างนั้นหวังว่าพี่ปูนคงให้อภัยหนูนะ” ปูนรักเนเน่มากจึงให้อภัย

“หนูขอยอมรับกับทุกคนนะคะ ว่ารักอาเด็จมากจึงต้องยอมรับทำงานชิ้นนี้ การรักใครสักคนไม่ใช่เรื่องผิด รักแต่ไม่ได้เอามาครองครอง มันจึงไม่ผิดอะไรใช่ไหม ความรักเป็นสิ่งบริสุทธิ์ เหมือนที่แจงรักอาเด็จ เธอยอมตายเพราะความรัก มันก็เหมือนกับที่หนูรักอาเด็จนั่นแหละ ความรักครั้งแรกของเด็กสาวอย่างหนูที่ไม่สามารถจะลืมได้ แต่ปัจจุบันหนูเลือกที่จะอยู่กับพี่โม มันเป็นความรักอีกแบบหนึ่งที่อธิบายไม่ได้ เรื่องนี้ไอ้เพ็ญมันรู้ดียิ่งกว่าใคร มันจึงเข้าใจ” ปูนหันไปมองหน้าเพ็ญ และเดินเข้าไปหาก่อนที่จะลาจากไป

“ไอ้เพ็ญ ฉันขอโทษนะที่ทำให้แกเจ็บ ฉันรักอาเด็จมาก พอๆกับที่แกรัก มันต่างกันตรงที่แกชนะฉัน ตรงที่แกสามารถมีพยานรักออกมาได้ก็เท่านั้น เมื่อฉันแพ้ ฉันก็ต้องถอยออกมามันก็เท่านั้นเอง แกคงเข้าใจฉันนะเพื่อน แต่ความรักยังไงมันก็ยังคงอยู่ในใจฉันเสมอ ขอให้แกโชคดีนะเพ็ญ ฉันไปหละ พี่ไปก่อนนะเน่ พี่หอมด้วย”

       ปูนและแตงโมโบกมือบ๊ายบายลาทุกคน ด้วยความสบายใจ หลังจากที่ปูนกับแตงโมเดินจากไป เนเน่ก็จับมือนิ่มและแตะมือเบาๆ

“พี่ไปก่อนนะนิ่ม แกเองก็เหมือนกัน กลับไปตั้งหน้าตั้งตาเรียนต่อให้จบ ฉันฝากแกกับพ่อแล้ว สบายใจได้ ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าใด เราสองคนถึงจะได้กลับมาเจอกันอีก ฉันรักแกนะนิ่ม ไอ้น้องสาว”

“หนูก็รักพี่ค่ะพี่เน่ หนูจะตั้งใจเรียน” นิ่มยิ้ม และสัญญาให้กับพี่สาวที่เธอมีอยู่คนเดียวในตอนนี้

“แล้วสักวัน เราสองคน คงจะได้กลับมาเจอกันอีก หนูจะรอวันนั้นนะคะพี่ ไปเถอะ ได้เวลาแล้ว”

       เนเน่และเทียนหอมเดินเข้าสู่ประตูขาออก เพื่อไปขึ้นเครื่องบินตรงไปยังอเมริกาทันที ทุกคนเดินขึ้นไปโบกมือให้กับเทียนหอมและเนเน่บนดาดฟ้า ไม่นานทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน ป๋องและทับทิมขอแยกทางเป็นครอบครัวที่สอง หลังจากที่ปูนกับแตงโมได้แยกตัวไปแล้ว เป็นครอบครัวแรก ตามด้วยครอบครัวของวิทย์และขิง ที่อุ้มเด็กน้อยสาวน้อยตาใสมาด้วย และสุดท้าย

“ภณ แกกลับไปอยู่กับลูกเมียได้แล้ว ไม่มีงานอีกแล้ว หยุดยาว ไป”

“ครับเจ้านาย” ภณรับคำสั่ง

“นพแกด้วย” เผด็จหันไปบอก

“พานิ่มกลับไปได้แล้ว ดูแลน้าชื่นให้ดีนะ ว่างๆฉันจะไปเยี่ยม”

“ครับนาย” นพรับคำสั่ง

“อาจารย์หนูลาหละค่ะ” เผด็จลูบหัวนิ่ม ลูกศิษย์คนสุดท้าย

“โชคดีลูก ตั้งใจเรียนหนังสือนะ อย่ามัวแต่ซนอีกหละ”

“ค่ะ อาจารย์ก็เหมือนกัน ดูแลตัวเองด้วยนะคะ หนูเป็นห่วง” เผด็จยีหัวเล่น

“เออ ขอบใจ ไปได้แล้ว” แล้วทั้งสามคนก็เดินจากไป คงเหลือแต่ดลซึ่งยืนมองท้องฟ้าอยู่คนเดียว เพ็ญหันมามองหน้าสามี

“ว่าไงพ่อตัวดี จะเอายังไงว่ามา”

     เพ็ญยืนกอดเอวเผด็จอยู่ เผด็จทำหน้ากวนๆ ไม่พูดอะไรมาก ก้มหน้าลงไปหอมแก้มเพ็ญแบบไม่ให้เธอตั้งตัว เพ็ญตกใจมากที่เผด็จทำแบบนี้ เพราะเผด็จไม่เคยทำแบบนี้กับเธอมาหลายปีแล้ว ตั้งแต่คลอดลูก จึงทำให้เธอตกใจมาก

“อาเต๋า” เพ็ญจ้องหน้าสามี จะยิ้มก็ไม่กล้า จะร้องไห้ก็ไม่รู้จะทำดีหรือไม่

       เพราะว่าความรู้สึกแบบนี้ มันได้หายไปนานแล้วถึง 3 ปีเต็มๆ เผด็จทำไม่รู้ไม่ชี้ ทำลอยหน้าลอยตา แล้วค่อยๆก้มหน้าลงมา เอาแก้มซ้ายไปอยู่ตรงจมูกของเพ็ญ เพ็ญเข้าใจแล้ว จึงไม่รอช้าตรงเข้าหอมแก้มซ้ายของเผด็จทันที พอเพ็ญหอมแก้มเผด็จจึงรวบขาของเพ็ญขึ้นมาอุ้มทันที

“อาเต๋า จะทำอะไร อายเค้านะ นี่มัน..” เพ็ญใจเต้นตุ๊บตับๆขึ้นมาทันที

       เผด็จยิ้มแต่ไม่พูดอะไร ก้มหน้าลงไปจูบปากของเพ็ญทันที เพ็ญทำอะไรไม่ถูกจึงได้แต่เอามือทุบๆไหล่ของสามีอยู่พักใหญ่ไม่นานก็สิ้นฤทธิ์เปลี่ยนจากทุบมาเป็นกอดคอแทน เผด็จจูบได้พักใหญ่ ก็วางตัวเพ็ญลงมายืน

“หายโกรธอารึยังครับเมียจ๋า” เพ็ญไม่ตอบอะไรได้แต่พยักหน้าอย่างเดียว

       เผด็จหันไปตะโกนบอกให้ดลรู้ว่า เขาจะไปแล้วนะ “ไอ้หนู” ดลไม่ได้หันกลับมา

“ฉันไปหละนะ ถ้าว่างก็อย่าลืมไปเที่ยวที่รีสอร์ทฉันที่ใต้บ้างก็ได้นะ ยินดีต้อนรับ ว่าที่ลูกเขยเสมอ ฉันมีส่วนลดให้ด้วยนะ เพียบ” ดลยกมือขวาให้และทำนิ้ว Ok

       จากนั้นเผด็จก็กอดเอวเพ็ญเดินจากไป ทิ้งให้ดลยืนคิดอะไรอยู่คนเดียว

“หวังว่าความรักของเราทั้งสองคน คงจะยั่งยืนและยาวนานนะเนเน่”

       ดลมองขึ้นไปบนฟากฟ้าที่ว่างเปล่า แล้วก็เดินจากสนามบินไป

>>>>> @@@@@ <<<<<

       ช่วงค่ำในวันเดียวกัน ทั้งสองคนจับมือกันอีกครั้ง ระหว่างเผด็จกับปราชญ์ หลังจากที่เสร็จภารกิจ เผด็จจึงรู้ว่ายี่หวาเป็นใคร

“ขอบใจนะเฮียที่มาช่วย” ปราชญ์ไม่ลืมที่จะขอบคุณรุ่นพี่ที่ได้ช่วยชีวิตเอาไว้

“แหม ถ้าไม่ได้ไอ้ลูกธนู 3 ดอกนั้นของเฮีย ผมคงม่องเท่ง ไม่มีโอกาสมายืนคุยกับเฮียอย่างนี้อย่างแน่นอน”

“ไม่เป็นไร ก็เราเพื่อนกัน ฝีมือดีนะลูกน้องคนนี้ของแกหนะ” เผด็จยกมือทักทายยี่หวาเล็กน้อย

“ขอบคุณคะท่าน ดิฉันมีบุญมากที่ได้เห็นตัวจริงของมือปราบเทวดา ถือว่าไม่เสียชาติเกิด หัวหน้าพูดถึงวีรกรรมของท่านเยอะมากจนดิฉันอยากจะพบตัวจริงสักครั้ง”

       ยี่หวาเข้มตลอดเมื่อออกงานสังคม

“พอได้พบ จึงได้รู้ว่า ไม่ผิดจริงๆกับฝีมือและฉายาที่พวกนั้นตั้งให้ ขอบคุณมากค่ะที่ช่วยพวกเรา”

“ไม่เป็นไรๆ ตอนนี้ ฉันเลิกแล้ว เมียกับลูกขอไว้” เผด็จถ่อมตัวเสียแล้ว

“ขืนไม่ทำตาม เดี๋ยวพากันงอนทั้งบ้านแน่ ตอนนี้ขอกลับไปเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานดีกว่า สบายใจดี”

“ฝีมือ ยังไม่ตกเลยนะเฮีย จะเลิกทำไม ขนาดอายุปาดนี้แล้ว ยังไวปานนี้” ปราชญ์ขอแซวนิดนึง

“ก็อย่างที่บอก จบงานนี้ จะเลิกขาดเลย บรรดาเมียๆและลูกขอร้องไว้ ขอให้วางมือ ไอ้เราก็ต้องทำ ไม่งั้น ไม่ให้เข้าบ้าน ซวยตายโหง มาๆ หาอะไรทานกัน หิวแล้วไอ้น้อง อย่าพูดเรื่องเครียดเลย มาพูดเรื่องอื่นดีก่า..”

       จากนั้นทุกคนก็ฉลองกันต่อ และหาเรื่องต่างๆนาๆมาคุยกัน ไม่นานก็แยกย้ายกันกลับคนละทาง

..... +++++ .....

       ก่อนที่เผด็จจะกลับรีสอร์ท เผด็จได้ไปไหว้หลุมศพแจงอีกครั้ง เพ็ญเข้าใจและไม่ได้ว่าอะไร จากนั้นทั้งสองก็ขึ้นเครื่องกลับรีสอร์ททันทีในเวลาต่อมา บ้านและคอนโดที่ กทม.จึงประกาศให้เช่า รวมทั้งที่เมืองกาญจน์ด้วย หลังจากที่เทียนหอมและเนเน่มาถึงอเมริกา เนเน่ก็ได้พบกับ ย่าผาด ขนมผิงและขนมเบื้อง รวมถึงเกศินีด้วย

“คุณย่าขา” เนเน่ปากหวานทันทีเมื่อเจอคุณย่า

“คิดถึงคุณย่าจัง มา ขอหนูหอมก่อน กอดด้วย”

“แกนี่ยังขี้อ้อนเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนเลยนะ ไอ้ตัวแสบ ไหนมาให้ย่าดูซิ ตัวโตขึ้นมากกว่าเดิมเลยนี้ สวยด้วย”

“แหมย่าหงะ ทำไมถึงชอบเอาความจริงมาพูดหละ หนูก็เขินเป็นนะ เค้าอายไม่ใช่หรา” ทุกคนมีความสุขกันดี

     บ้านหลังนี้เป็นของสามีใหม่เกศ ทุกคนอยู่รวมกันที่นี่ตั้งแต่ย้ายมา เพราะสามีใหม่ของเธอนั้นสามารถเข้ากับลูกๆของเธอได้ดี จึงไม่มีปัญหาอะไร ทุกคนดีใจมากที่เนเน่มาเป็นสมาชิกใหม่เพิ่มอยู่ด้วยอีกคน โดยเฉพาะขนมผิง เธออยากมีเพื่อนผู้หญิงมาอยู่กับเธอนานแล้ว พอเนเน่มา เธอจึงมีความสุขมาก เพราะได้พี่สาวที่แสนจะน่ารักของเธอมาแบบไม่คาดฝัน

“พี่เน่ สุดท้ายเราก็มาอยู่ด้วยกันอีกจนได้นะ” ขนมผิงนึกถึงคืนวันเก่าๆเมื่อก่อน

“คิดถึงแกมากเลยไอ้ผิง แกด้วยไอ้เบื้อง” สามพี่น้องเข้ามากอดกัน

“ยังซ่าส์ อยู่เหมือนเดิมหรือเปล่าพี่ อย่าลืมนะว่า เป็นผู้หญิงนะ 555+” ขนมเบื้องแซว

“ก็มีบ้างไอ้น้อง” เนเน่ตอบกลับไปแบบนักเลง แล้วทั้งสามคนก็นั่งคุยแบบเฮฮากันไปตามประสาพี่น้อง

       มาอยู่ทางนี้เนเน่อยู่ในความดูแลของเทียนหอม เผด็จมอบหมายให้เทียนหอมเมียสุดที่รักอีกคนหนึ่ง ดูแลลูกสาวสุดที่รักของเขา .. หลายวันผ่านไปจนถึงหน้าเทศกาล เนเน่ก็ได้มีโอกาสฉลองวันคริสต์มาสและวันปีใหม่ที่อเมริกานี้ด้วย พร้อมหน้ากันทั้งครอบครัวเป็นครั้งแรกในชีวิต แล้วสิ่งที่จะลืมไม่ได้เลยก็คือ ต้องเปิดกล้องไปเคาน์ดาวน์กับพ่อตัวเองที่ประเทศไทย ตอนนี้เผด็จกลับมาดูแลเกาะกับเพ็ญดังเดิมหลังจากหันหลังให้กับอดีต

 “สวัสดีปีใหม่ค่ะพ่อ แม่เพ็ญด้วยนะ และน้องชายหนูด้วย”

       ช่วงนี้จึงทำให้ครอบครัวของเผด็จกลับมามีชีวิตชีวาและความสุขอีกครั้งได้ระยะหนึ่ง รวมถึงปูน+แตงโม ทับทิม+ป๋อง ยายชื่น นพและนิ่ม ต่างคนก็มีทางของตัวเอง

***** ..... *****

       2 เดือนผ่านไปถ้านับจากเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว ที่ปูนมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายกับเผด็จ ราวๆกลางเดือนมกราคม ประมาณวันที่ 12 หลังวันเด็กเพียงวันเดียว  ปูนเริ่มแพ้ท้องอย่างหนัก จนแตงโมคิดว่าปูนไม่สบายมากอาจจะเป็นโรคกระเพาะกำเริบ จึงรีบพาไปหาหมอทันที พอผลตรวจออกมา ทำให้แตงโมรับไม่ได้กับสิ่งที่เขาได้ยิน

“ยินดีด้วยนะครับ ตอนนี้คุณสองคนเป็นคุณพ่อและคุณแม่กันแล้ว”

       ผิดกับปูนที่ดีใจกับสิ่งที่เธอรอคอยมาตลอดชีวิต และก็สมหวังตามความตั้งใจเสียที

“จริงเหรอคะคุณหมอ ที่ดิฉันตั้งครรภ์ ไม่ได้โกหกนะ” หมอยิ้มละพยักหน้า

“จริงซิครับ ผมจะโกหกทำไม ผลออกมาชัดขนาดนี้ คุณตั้งครรภ์ได้ประมาณ 2 เดือนแล้ว แน่นอน”

      ซึ่งตรงกันข้ามกับแตงโม เมื่อทับทิมรู้ข่าวก็ตกใจและรับไม่ได้เช่นกัน

“อะไรนะ ไอ้ปูนท้อง ลูกพี่ใช่ไหม หรือว่า”

     เมื่อแตงโมส่ายหน้า สองพี่น้องทำอะไรไม่ถูกนิ่งอึ้งไปพักใหญ่ จนป๋องต้องเข้ามาปลอบใจเมียอยู่พักใหญ่

“ไอ้เพ็ญ เกิดเรื่องใหญ่แล้วแก” ทับทิมโทรหาเพ็ญบอกเรื่องนี้ให้เพื่อนรับรู้ แต่ไม่ได้บอกตรงๆว่าปูนท้องกับใคร แค่บอกให้เพ็ญรับรู้ว่า ปูนท้องมีน้องคนที่สามแล้วเท่านั้น แต่ทับทิมกับเพ็ญต้องคิดแล้วว่าใคร

“อะไรนะ ไอ้ปูนท้อง มีน้องคนที่สาม”

       เพ็ญไม่อยากที่จะคิดว่าเด็กคนนี้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเผด็จตามที่ลางสังหรณ์บอก เรื่องที่ปูนท้องเผด็จยังไม่รู้ เพราะไม่มีใครแจ้งให้ทราบ เนื่องจากโทรศัพท์ของปูนได้อันตธานหายไปโดยไร้ร่องรอย ในเวลาต่อมา

$$$$$ ----- $$$$$

     ปูนไม่ท้อถอยที่จะติดต่อบอกคนรักของเธอให้ได้ แต่ไม่ว่าจะทำทุกวิถีทางใดแล้วก็ตาม ก็ถูกแตงโมและทับทิมขัดขวางอยู่เสมอตลอดเวลา ซื้อโทรศัพท์ใหม่เมื่อใดก็ถูกริบ จะโทรที่ทำงานโทรศัพท์ก็ถูกตัดสายโทรออก จนทำให้ปูนเริ่มอึดอัด ยิ่งไปกว่านั้น แตงโมได้จ้างบอดี้การ์ดมาคุมและเฝ้าเธอไว้ตลอด 24 ชั่วโมง ยิ่งกว่าติดคุกเสียอีก เมื่อใดอยู่บ้านก็อยู่ในสายตาของแตงโม แต่ถ้าไปข้างนอกก็อยู่ในสายตาของบอดี้การ์ดผู้นี้เสมอ จนปูนเริ่มจะทนไม่ไหวกับพฤติกรรมที่แตงโมทำ นี่มันเป็นการริดรอนสิทธิและเสรีภาพชัดๆ จนปูนรับไม่ได้

##### ^^^^^ #####

       1 เดือนผ่านไป (กุมภาพันธ์) ซึ่งแตงโมทำแบบนี้กับเธอ มันเหมือนว่าเธอกำลังติดคุก ถูกริดรอนสิทธิเสรีภาพอย่างหนัก เธอไม่มีอิสระ เมื่อเธอมั่นใจว่าเธอท้องกับเผด็จแน่ ลูกที่อยู่ในท้องแข็งแรงขึ้นทุกวัน เธอจึงบอกแตงโมขอหย่าทันที แตงโมเสียใจมากที่ปูนทำกับเขาแบบนั้น แตงโมจึงสั่งยกเลิกการมีบอดี้การ์ดทันที แต่มันสายไปเสียแล้ว ปูนไม่ยอมคืนดีด้วย เพราะเธอได้เสียความรู้สึกไปแล้ว

         < ต่างคนต่างไป - เท่ห์ อุทน พรหมมินทร์ > แตงโมร้องให้ปูนฟังตอนที่รู้ว่าต้องหย่ากัน แตงโมยื้ออยู่นาน ไม่ยอมหย่า แต่ปูนจะหย่า

“ได้ ถ้าพี่ไม่ยอมหย่ากับหนูดีๆ เราคงต้องเจอกันในศาล รอรับหมายศาลได้เลย ผลจะออกมายังไง ใครแพ้หรือชนะ ได้รู้กันเร็วๆนี้”

       ปูนเอาจริงในการตัดสินใจครั้งนี้ ถึงแตงโมจะยอมคืนโทรศัพท์ให้ แต่มันก็ไม่สามารถทำให้ความเกลียดชังที่ปูนมีต่อแตงโมลดและหายลงได้ เพราะแตงโมทำกับเธอมากเกินไป จนเธอรับไม่ได้จริงๆ ทำกับเธอเยี่ยงสัตว์เลี้ยงตัวนึง กักขัง แถมหน่วงเหนี่ยว จำกัดเสรีภาพ รวมถึงอิสรภาพต่างๆ และคุกคามเรื่องส่วนตัว อีกอย่างปูนยื่นหนังสือฟ้องหย่าไปแล้วด้วย สุดท้ายแตงโมก็ยอมหย่าโดยดี โดยต้องไม่รอให้ขึ้นศาล เพราะเขารู้ดีว่า ถ้าเรื่องถึงศาลยังไงเขาก็แพ้ แตงโมไม่อยากให้เรื่องนี้อื้อฉาว จึงยอมหย่าแบบเงียบๆ รู้กันเองภายในครอบครัว

“ขอบใจนะคะ ที่ยอมทำให้ ตามต้องการ เชิญ”

       < ไม่เป็นอะไร - Mote ปราโมทย์ วิเลปะนะ > แตงโมร้องให้ปูนฟังตอนที่ก่อนจะหย่า

“พี่โม เอาจริงเหรอ” ทับทิมถามย้ำอีกครั้ง ก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรลงไปอย่างนั้น

       และหลังจากที่หย่าเสร็จเรียบร้อย ทุกคนเดินออกมา < น้ำในตา - โป่ง ปฐมพงศ์ หิน เหล็ก ไฟ >

“ขอบใจทุกคนนะคะที่มา นี่ค่ะของพี่ ขอลาขาดค่ะ” ปูนยื่นใบหย่าให้กับแตงโมต่อหน้าพยานทุกคน

       วันต่อมา ปูนได้ทำการขายหุ้นที่เหลือทั้งหมดให้กับทับทิมจนหมด ทีแรกทับทิมไม่เอาไม่รับซื้อ

“ทิ้งมันไว้แบบนี้แหละ เผื่อแกเปลี่ยนใจ กลับมาอยู่กับพี่โมอีก” แต่ปูนกลับบอกต่อหน้าทับทิมแบบคำขาดเลย

“ตั้งแต่นี้ไปฉันจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกแล้ว จะขอฝังรกรากและตายอยู่ที่ลำพูนบ้านเกิดเท่านั้น”

       เมื่อปูนยืนยันแน่นหนักแบบนั้นทับทิมจึงต้องยอม เท่ากับว่า ตอนนี้ทับทิมเป็นเจ้าของกิจการแองเจิ้ลฟิตเนตแต่เพียงผู้เดียว 100% หลังจากที่ปูนทำทุกอย่างที่นี่จนเสร็จหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเงินทุกประเภท เธอปิดบัญชีที่นี่จนหมดทุกบัญชี ก็จัดการขนข้าวของที่จำเป็นที่ต้องใช้และต้องเอาไป ขึ้นรถจนเรียบร้อย ย้ายของออกจากบ้านของแตงโมทันที ปูนหอบลูกไปอยู่ที่ลำพูนบ้านเกิดของเธอด้วยทั้งหมด ตัดขาดกับทุกคนไม่ติดต่อใครเลย สำหรับลูกทั้งสองคน ถ้าแตงโมคิดถึงอยากจะไปหา เธอก็ไม่ได้ห้ามถ้าอยากเจอ

       จากนั้นเธอก็ออกเดินทางทันที โดยไม่รอช้าและไม่หันหน้ากลับไปมองบ้านหลังนั้นอีกเลย หลังจากหย่าเธอก็ทำบัตรประชาชนใหม่ โดยใช้นามสกุลของเผด็จแทนทันที เป็นนางกัญญ์วรา รุจินานนท์ โดยที่แตงโมกับทับทิมก็ไม่รู้ว่าปูนได้เปลี่ยนนามสกุลไปใช้ของเผด็จแล้ว แต่ลูกสองคนแรกนั้น ยังคงใช้นามสกุลของแตงโมอยู่เช่นเดิม เพราะเป็นลูกที่เกิดจากเขา แต่ลูกคนที่สามนั้นปูนตั้งใจอยู่แล้วว่า ยังไงก็ต้องใช้นามสกุลของเผด็จคนที่เธอรักสุดหัวใจ ไม่ว่าลูกจะเป็นหญิงหรือชายก็ตาม เธอก็ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เพราะตอนฝากท้อง เธอลงชื่อเผด็จเป็นพ่อด้วยอีกต่างหาก และนอกเหนือไปกว่านั้น เธอคิดยาวไปจนถึงวันที่ลูกเกิดเลยทีเดียว ถ้าลูกคนนี้คลอดเมื่อใด เธอก็จะลงชื่อในใบแจ้งเกิดว่าคนที่เป็นพ่อนั้นก็คือ เผด็จนั่นเอง

!!!!! &&&&& !!!!!

       หนึ่งเดือนผ่านไป (มีนาคม) หลังจากที่ปูนจัดทุกอย่างจนเข้าที่เข้าทางเป็นที่เรียบร้อย ปูนก็รีบโทรหาเผด็จแจ้งข่าวดีให้กับสามีสุดที่รักทันที ครั้งแรกไม่มีใครรับสาย เพราะเผด็จลืมโทรศัพท์ไว้ที่เคาน์เตอร์ ครั้งที่สองดังขึ้นอีกเพ็ญเดินมาพอดี จึงรับแทน “สวัสดีจากที่ไหนคะ” ปูนพูดด้วยน้ำเสียงที่สดชื่น

“ขอสายอาเด็จหน่อยคะ” เพ็ญไม่ค่อยได้ยิน เพราะคลื่นลมแถวนั้นแรงมาก

“ไม่ทราบว่าจากที่ไหนคะ พอดีอาเต๋าไม่ว่างกำลังติดต้อนรับลูกค้าชาวต่างชาติอยู่คะ” เพ็ญตะโกนผ่านกระแสลมแรงเข้าไป

“ฝากชื่อไว้ได้ไหมคะ คือตอนนี้สามีดิฉันไม่สะดวกจริงๆ ถ้าเสร็จงานแล้วจะได้บอกให้โทรกลับ”

ปูนจำเสียงนี้ได้ และไม่มีใครเรียกเผด็จว่าอาเต๋า นอกจากเพ็ญ ปูนตกใจมาก

“อีเพ็ญนี่” จึงรีบวางสายเลยทันที เพ็ญงงมากที่อยู่ดีๆปลายสายวางสายซะงั้น

“อะไรวะ มีงี้ด้วย ใครวะ” พอแหงะไปดูชื่อก็ไม่มี เพราะปูนเปลี่ยนเบอร์ใหม่หมด  จึงถือโทรศัพท์ติดมือไปด้วย พอเจอเผด็จก็ส่งโทรศัพท์ให้

“เอ้า นี่โทรศัพท์ของอา หนูก็หาแทบตาย ขี้ลืมนัก” เจอเพ็ญต่อว่าเข้าให้

“ชอบจัง วางทิ้งตรงนั้นที ตรงนี้ที มีสายเข้ามาเพียบ เงินทั้งนั้นนะคะผัวขา”

“จร้า นี่เมียหรือแม่วะเนี่ย เรื่องมากฉิบ” เพ็ญได้ยินถึงตอกกลับทันที

“ก็เมียไง อย่าเรื่องมากได้ไหมไอ้แก่ ระวังคืนนี้จะอด และออกไปนอนนอกห้องด้วย อย่าหือกะแม่นะจะบอกให้ ยิ่งหงุดหงิดอยู่ด้วย คิ้วขวาก็มากระตุกไม่หยุดเลยวันนี้ อึ๊ย หลีกไป ขวางทาง”

       นั่นไปพาลกับลูกน้องอีกต่างหาก เผด็จเลยไม่อยากที่จะยุ่งด้วย ขออยู่แบบสบายๆสงบๆดีกว่า คิดได้ดังนั้นจึงเดินออกมาที่ชายหาด กะว่าจะขับไอ้แก่ของโบว์เล่นซะหน่อย ปูนเลยตัดใจลองโทรอีกครั้ง ถ้าครั้งนี้เผด็จไม่รับก็จะไม่โทรแล้ว โชคดีเป็นของปูน

“สวัสดีครับ ผมนายเผด็จรับสาย มีอะไรให้รับใช้มิทราบ” เผด็จรับสายและดูชื่อว่าใคร แต่ก็ไม่ปรากฏ มีแต่เบอร์ ที่จริงเพ็ญไม่ได้ไปไหนไกล เดินต้อนรับลูกค้าอยู่แถวนั้นแหละ จึงได้ยินการสนทนาระหว่างปูนกับเผด็จโดยไม่ได้เจตนา อย่างชัดเจน เพราะตรงนั้น เงียบสงบ เนื่องจากเผด็จยังไม่ได้ก้าวขาลงไปที่ชายหาดเลย ยืนอยู่เฉยๆ

“อาขา นี่ปูนเมียอาไง คิดถึงหนูไหม” เผด็จดีใจมาก จนยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

“ปูน คิดถึงซิจ๊ะ มีอะไรเหรอถึงโทรหาอาได้หละ ระวังคุณโมเค้าจะได้ยิน มันจะไม่ดีนะ”

       คือเผด็จยังไม่รู้ว่าปูนนั้นได้เป็นอิสระ หย่าขาดจากแตงโมแล้ว จึงได้เอ่ยวาจาออกไปเช่นนั้น

“อาขาตอนนี้หนูเป็นอิสระแล้วนะ” เผด็จทำหน้างงๆ

“ยังไง อาไม่เข้าใจ ช่วยพูดให้เข้าใจง่ายๆหน่อย”

“หนูหย่ากับพี่โมแล้ว อาดีใจไหม” เผด็จนิ่งไปพักนึง

“เออๆๆ ดีๆใจครับ” เผด็จดีใจแบบไม่เต็มเสียงเลย

“ทำไมดูเหมือนอาไม่ดีใจเลยหละคะ” ปูนทำหน้าไม่ดีเลย

       เพราะฟังน้ำเสียงแล้ว เหมือนไม่ดีใจเอาเสียเลย “ดีใจซิ” เผด็จพูดบอกไป

“โธ่ ใครบ้างจะไม่ดีใจ เมียเป็นอิสระแล้วทั้งคน” เผด็จเดินไปคุยไป เพ็ญก็ตามไป

“แล้วตกลงที่โทรมาหาอาเนี่ย จะบอกข่าวดีเรื่องนี้เรื่องเดียวใช่ไหมจ๊ะ”

“เปล่า ที่จะบอกไม่ใช่เรื่องนี้ ไอ้ที่จะบอกหนะอีกเรื่องต่างหาก”

       ปูนมีรอยยิ้มอีกครั้ง “เรื่องอะไรครับ” เผด็จตะโกนถามไป เพราะตอนนี้ออกมาข้างนอกแล้ว

“หนูท้อง” ปูนรีบบอกข่าวดีให้กับเผด็จด้วยน้ำเสียงที่ดังฟังชัด

“ท้อง ปูนท้อง” เผด็จตกใจมาก เพ็ญได้ยินถึงกับอึ้ง

“กับใคร” เผด็จไม่แน่ใจกลัวฟังผิด

“บ้า ทำไมถามแปลกๆ ก็กับอานะซิ หนูมีผัวคนเดียว คืออานะ ดีใจไหมที่รัก ผัวขา”

“กับอา ปูนท้องกับอา จริงๆเหรอ..เออๆ ดีใจครับดีใจ” เพ็ญเอามือปิดปากทันที

“หนูมีลูกกับอาสมใจแล้ว ตอนนี้หนูย้ายมาอยู่ที่ลำพูนแล้วนะ” ปูนรีบบอกข่าวดี

“ถ้าอาว่าง พอมีเวลาขึ้นมาหาหนูด้วยนะผัวขา หนูจะรอนะ หนูคิดถึง อยากนอนกอดแล้ว”

“ครับๆ แล้วอาจะรีบขึ้นไป” ปูนอ้อนสามี

“แน่นะ ถือว่าอารับปากหนูแล้วนะ” ปูนอิ๊ฟทันทีกับคำสัญญานี้

“ถ้าภายในสัปดาห์นี้หนูไม่เห็นอา หนูจะโกรธจริงๆด้วย”

“จร้าๆ รับรองว่าอาจะขึ้นไปหาหนูอย่างแน่นอน” เผด็จรับปากส่งๆไปก่อน

“ขอ Clear งานที่ค้างอยู่ก่อนนะเมียจ๋า” ปูนดีใจมาก

“ตามนี้ แล้วหนูจะจัดห้องรอ” พอสิ้นเสียง ปูนก็วางสายทันที แบบว่าไม่ให้เผด็จตั้งตัวได้ทันเลย

“นี่มันบังคับทางอ้อมนี่หว่า” เผด็จบ่นนิดหน่อยพอเป็นพิธี

“เวร กูเอ๊ย มีอีกคนแล้วเหรอนี่ เอ้า มีแล้วก็เลี้ยงกันไป มรดกเรามีเยอะแยะ ใช้เท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมด” เผด็จคิดแบบนั้นจริงๆ

“แค่ลูกเพิ่มมาอีกคนจะเป็นไรไปวะ ดีเหมือนกัน เราจะได้ออกไปจากตรงนี้สักที อิอิ”

     บ่นจบเผด็จก็หันไปทำงานต่อทันที ส่วนเพ็ญก็หลบหายไปจากตรงนั้นทันที หลบไปแอบร้องไห้เสียใจอยู่คนเดียวเมื่อรู้ว่า เด็กที่อยู่ในท้องของปูนเป็นลูกของเผด็จจริงๆ อย่างที่เธอคิดเอาไว้ไม่มีผิด ลางสังหรณ์เป็นจริง ทำให้เธอไม่สบายใจทันที เรื่องใหญ่จริงๆ เพ็ญเริ่มหงุดหงิดอีกแล้ววันนี้

%%%%% ----- %%%%%

      ดลกับเนเน่ ใช้วิธีคุยกันทางไลน์หรือไม่ก็แมสเซนเจอร์กันทุกวัน จนขนมผิงและขนมเบื้องแอบแซวไม่ได้ ทำให้ดลได้รู้จักญาติพี่น้องของเนเน่มากขึ้นอีก แถมยังเริ่มสนิทกันมากขึ้นอีกด้วยซ้ำไป ถึงขั้นแซวกันแล้ว

“พี่ดล คิดผิดคิดใหม่ได้นะ พี่เน่เนี่ย มันเป็นทอม พี่เข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า” ขนมผิงแซวหนักเลย

“อีกอย่าง อย่าเห็นแค่ว่า นมมันใหญ่ ก็คิดว่ามันเป็นหญิงแล้วนะ ของปลอม ยัดทั้งนั้น ของจริงหนะติ๊ดเดียว” ขนมผิงเล่นหนักเลย

“ไอ้ผิง แรงนะแก มาหาว่าของฉันของเทียม จริงโว๊ย แม่ให้มา ของแท้ มันถึงล้นขนาดนี้ ไม่เหมือนของแกหรอก อ้วนแต่ตัว แต่นมเล็ก ชิไปเลย ไปไกลๆเลย ดลอย่าไปเชื่อมัน ฉันไม่ใช่ทอม”

“ทอมๆๆๆๆ พี่ดล รักทอม พี่ดลชอบทอม กระโดกกระเดกจะตาย คิดผิดคิดใหม่ได้นะพี่ดล 5555+ อิอิ แบร่”

“อีบ้านี่ ฉันเป็นกุลสตรี 100% บังอาจมากที่จะทำให้แฟนฉันเขว” เนเน่เอามือตีไหล่น้องสาวตัวดี

“หน้าไม่อาย พูดออกมาเต็มได้ปาก แฟน กิ๊วๆ หน้าไม่อาย” ขนมผิงยังไม่หยุด แซวต่อ

“พี่ดล วันก่อน พี่เน่แอบส่งสายตาให้ฝรั่งข้างบ้านด้วยหละ”

       ดลชอบมากกับความเป็นกันเองของครอบครัวนี้ ยิ่งได้คบ ยิ่งได้รู้จัก ดลก็มั่นใจเนเน่มากขึ้นทุกวันว่าคิดถูก

“จริงหรา คนสวย ก็ย่อมมีคนหมายปองเสมอ แต่พี่เชื่อใจว่าแฟนพี่คนนี้ ต้องรักเดียวใจเดียวเสมอ ไม่นอกใจพี่หรอก จริงไหมเน่”

       เนเน่ชอบมากที่ดลพูดออกมาแบบนั้น เพราะมันถูกใจเธอมาก

“ถูกต้องเลยจร้าที่รัก อย่าไปฟังมัน อีนี่มันขี้อิจฉา อ้วนยังกะหมู ก็เลยยังหาแควนไม่ได้ 3 ปีที่มาอยู่ที่นี่ ยังไม่มีใครมาจีบมันเลย”

      ขนมผิงเมื่อถูกเอาคืนบ้างก็ไม่พอใจ อารมณ์เก่าขี้วีนก็เริ่มกลับมาอีกแล้ว

“พี่เน่หนะ หนูโกรธแล้วนะ มาว่าเค้าเป็นหมู เออ อย่าให้เค้าผอมและสวยเหมือนตะเองบ้างก็แล้วกัน จะพามาเย้ยวันละคนเลย คอยดู”

     เนเน่รู้ว่าน้องเป็นคนขี้งอน จึงเข้ามาขอโทษ ผิงก็รู้ว่าพี่สาวไม่ได้ตั้งใจ แค่แหย่เล่นเท่านั้น จึงหายโกรธไม่ได้ถือสาอะไร จากนั้นทั้งสามคนก็สนทนากันไปอย่างมีความสุข นานวันความรักของทั้งสองก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น สัญญาใจที่ให้ไว้คงไม่มีวันจางไปอย่างแน่นอน

<<<<< $$$$$ >>>>>

       (ส.8 มี.ค.) ปูนกำลังนั่งให้นมลูกสาวคนที่สองอยู่ที่ระเบียงบ้านด้านข้างลมเย็นสบายๆ จึงขอเอนหลังกับเก้าอี้นวม แล้วเผลอหลับตา อากาศกำลังสบาย สักพักก็มีคนผู้หนึ่งค่อยๆย่องขึ้นมาอย่างเงียบๆและเบาๆ เห็นเสื้อแบะออกหน้าอกข้างซ้ายให้ลูกสาวดูดอยู่ คนผู้นี้จึงค่อยๆถือวิสาสะ ขอปลดกระดุมออกอีกเม็ดสองเม็ด เพื่อให้กว้างขึ้น จนเสื้อหลุดออกจากกัน และค่อยๆก้มหน้าลงไปทำงานกับเต้าข้างขวาอย่างเบาๆ แบบทนุถนอมนิ่มนวล

       ปูนเริ่มรู้สึกว่าทำไมวันนี้ลูกดูดแรงจัง จนเธอเริ่มมีอารมณ์ขึ้นมาทันที แบบนี้ไม่ใช่ลูกดูดแล้วอย่างแน่นอน และจำได้ว่าให้นมลูกข้างซ้ายไม่ใช่ข้างขวานี่ จึงลืมตาขึ้นมาและหันไปดูทันที ปูนไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่กำลังดูดเต้าเธออยู่อย่างเอาเป็นเอาตายจะเป็นเผด็จ คนที่เธอรอคอยอยู่ทุกวี่ทุกวัน

“อาเด็จ อืม มิน่าหละ ถึงได้อารมณ์แบบนี้ พอแล้วผัวขา หนูใจจะขาดอยู่แล้ว ซ้ายก็ลูก ขวาก็ผัว พอแล้ว ยังอีก”

     เผด็จไม่อยากหยุดเลย “แหมไม่น่ามาขัดจังหวะเลย กำลังอร่อย” เผด็จแกล้งแหย่ปูน

“เอาไว้ให้ลูกทานอิ่มก่อนซิคะ แล้วหนูจะไม่ขัดใจเลย ตอนนี้ลูกทานอยู่ มันจะเกิดอันตรายได้ ลูกอิ่มเมื่อไหร่ ผัวค่อยทานต่อ รอหน่อยนะคะ แล้วหนูจะให้เต็มที่เลย อยากดูดนานแค่ไหน อยากดูดตรงไหน ทั้งบนทั้งล่าง นานยังไง อยากทำอะไรก็เชิญได้เต็มที่ตามสบาย เพราะบนบ้านนี้ไม่มีใครนอกจากหนูกับอาสองคนเท่านั้น”

       แม่เลี้ยงปูนซะอย่าง ตอนนี้เป็นอิสระจากแตงโมแล้วนี่ จะทำอะไรก็ได้ ไม่น่าเกลียด

“ตอนนี้ลูกหนูสองคนนี้ก็เหมือนลูกอานั่นแหละ อาไม่รักลูกหนูเหรอ”

       เผด็จกอดปูนเอาไว้ และก้มลงไปหอมแก้มขวา และจุ๊บปาก 1 ที ลูกก็ทานนมไป ปูนประคองเอาไว้

“รักซิ รักแม่ก็ต้องรักลูกด้วย ต่อไปนี้ เด็กสองคนนี้ก็ถือว่าเป็นลูกของอาด้วย ตามนั้น” ปูนให้รางวัลไปหนึ่งจุ๊บ  

“น่ารักมาก” ไม่นานลูกสาวก็ทานอิ่มและมองแม่ตาแป๋วเลย

       เผด็จก้มลงไปหอมด้วย เด็กหัวเราะร่าเลยแปลกมากไม่ยักจะกลัวหรือแหกปากร้อง เวลาเจอคนแปลกหน้า กลับยกมือซ้ายขึ้นมาแตะที่แก้มของเผด็จด้วย เหมือนคนคุ้นเคย ปูนแปลกใจมาก

“ยายหนู ดูซิ เค้าชอบอาหนะ” ปูนอุ้มลูกสาวลงเปลและไกวเบาๆ

       ปูนดีใจมากที่ลูกสาวคนนี้ไม่กลัวเผด็จ แถมชอบด้วยอีกต่างหาก สงสัยจะถูกชะตากัน ยอมให้หอมอีกด้วย จากนั้นก็ดึงเอาเสื้อคลุมอาบน้ำที่วางอยู่ใกล้ๆมาใส่คลุมไว้แทนชั่วคราว พร้อมกับร้องเรียกพี่เลี้ยงเด็ก

“เอื้องๆ เอื้อยๆ ใครก็ได้ มาเอาน้องไปอาบน้ำทีซิ” ทั้งสองคนวิ่งขึ้นมาพร้อมกัน

“เจ๊า แม่เลี้ยง” ปูนเลยแนะนำให้รู้จักเผด็จ

“อ้อ นี้รู้จักไว้ซะผัวฉัน ชื่อเผด็จ” ทั้งสองคนยกมือไหว้

“เจ้านายพวกเธออีกคน คำสั่งเขาก็เหมือนคำสั่งฉันเข้าใจไหม” ทั้งสองคนพยักหน้า

“เอาน้องไปอาบน้ำนะ ระวังด้วยอย่าให้น้ำเข้าหูเข้าตาเหมือนเมื่อวานหละ” ปูนสอนสองสาวพี่น้องชาวเขา

“เดี๋ยวจะโดนหักค่าแรงโทษฐานประมาท เข้าใจนะ” ปูนแกล้งขู่สองศรีพี่น้อง

“สอนไปแล้ว จำด้วย ไปไป แล้วถ้าไม่ได้เรียก ไม่ต้องเสนอหน้ามาให้เห็นหละ” ปูนกำชับอย่างดี

“พาน้องนอนด้วย เปลอยู่ห้องโน้นรู้นะ ดูแลกันคนละคน แล้วอย่าขี้เกียจ” แล้วก็หันมาหาเผด็จ

“เผลอไม่ได้หรอกอาพวกนี้ ต้องคาดโทษบ้างชอบลืม แต่หัวไว ใช้ได้” ปูนมีความสุขมาก

“สองคนนี้เป็นชาวเขา พี่น้องกัน เอื้องหนะพี่ ส่วน เอื้อยหนะน้อง .. ไปกันเถอะ ตรงนี้เสร็จแล้ว”

       ปูนรีบจูงมือเผด็จเข้าห้องนอนทันที ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจะทำอะไร ลงไล่ลูกจ้างไม่ให้เข้ามาวุ่นวายขนาดนี้ มีอยู่อย่างเดียว อย่างว่า และก็จริง เมื่อถึงเตียงนอน ปูนกับเผด็จก็รำลึกอดีตจนถึงปัจจุบันกันไม่รู้ว่ากี่ยกกี่รอบ ต่อแขนต่อขาให้ลูกอีก มีความสุขกันอย่างเต็มที่ จนปูนสำลักความสุขแบบยื้อไม่หยุด ฉุดไม่อยู่จริงๆ กับสามีคนนี้

>>>>> ##### <<<<<

       หลายเดือนต่อมา (พฤษภาคม) หลังจากที่เนเน่พักผ่อน ปรับตัวเพื่อให้เข้าที่เข้าทางกับสภาพแวดล้อม เป็นที่เรียบร้อย และพร้อมแล้วที่จะไปสมัครเข้าเรียนปริญญาโท หลังจากที่ไปเข้าคอร์สเรียนภาษาอังกฤษเบื้องต้น จนสามารถติดต่อสื่อสารในเบื้องต้นได้ เนเน่ก็ไปสมัครเรียนมหาวิทยาลัยที่เทียนหอมจัดการไว้ให้ ซึ่งเป็นมหาลัยเดียวกันกับที่ขนมผิงและขนมเบื้องเรียนอยู่นั่นเอง โดยขนมผิงเป็นผู้พาไป ก็ไม่วายที่ต้องเกิดเรื่องจนได้กับวัยรุ่นเกเรในมหาลัยนั้น เนเน่ไม่ชอบอยู่แล้วกับคนที่ชอบมาวางกล้ามและกวนตีนกับเธอ

       คนไทยชาวสยามอย่างเนเน่ ไม่ยอมให้ใครมาหยามกันง่ายๆอยู่แล้ว เธอกับขนมผิงเดินออกมานั่งพักผ่อนที่สวนสาธารณะด้านนอกในช่วงสายๆ หลังจากที่เดินเข้าไปเอาใบสมัครมากรอกเพื่อที่จะเข้าเรียน

“อากาศที่นี่หนาวนะผิง ไม่ยักกะเหมือนบ้านเรา”

“ใช่พี่ ที่นี่อากาศเย็นมาก ต้องใส่ถุงมือและผ้าหนาๆ” ขนมผิงพูดไปสั่นไปนิดหน่อย ขนาดอยู่มานานแล้วนะ

“พูดทีออกมาเป็นควันเลย บรื๋อ ว่าแต่สัญญาใจ ของพี่เน่กับพี่ดลหนะ Sure ป่าว”

       ขณะที่เดินคุยกันมานั้น ก็มีเด็กหนุ่มวัยรุ่นผิวขาวชาวต่างชาติ คนหนึ่งวิ่งมาชนเนเน่อย่างแรงจนล้มและไม่ขอโทษด้วย จึงเกิดเรื่องทันที

“อะไรวะ วิ่งชนแล้วยังไม่ขอโทษอีก เป็นผู้ชายอะไรวะ”

       กลุ่มเด็กหนุ่มเกเรกลุ่มนั้นหันมา แล้วล้อมเนเน่กับขนมผิงไว้ทันที

“ได้เลย ยังงั้น พวกแกก็เรียงหน้ากันเข้ามา” เนเน่ยืนมองหน้าและตั้งท่าเตรียมประจัญบานกับกลุ่มนั้นทันที ยกเท้าขวาชูขึ้นค้างไว้ เอียงตัวนิดหน่อย กำหมัดทั้งสองแน่น และยกมือเตรียมสู้ โดยที่สายตาจ้องมองไปที่เด็กเกเรกลุ่มนั้น เพื่อคุ้มครองน้องสาวของตัวเองไปด้วยให้ปลอดภัย จากกลุ่มเด็กที่นิสัยไม่ดี

      < รางวัลแด่คนช่างฝัน - จรัญ มโนเพชร > เผด็จขึ้นไปอยู่กับปูนที่ลำพูน จนลูกคลอดในเวลาต่อมา และไปๆมาๆ ระหว่างลำพูนกับรีสอร์ท จนเพ็ญไม่พอใจอย่างมาก แต่จะทำไงได้ ในเมื่อเผด็จเป็นแบบนี้ เพ็ญก็ต้องทำใจ

จบ .. The End .. อวสาน

>>>>>>>>> ********** <<<<<<<<<<

โปรดติดตามตอนต่อไปใน ภาค 2 ของ พยัคฆ์ร้าย..สายลับ .. กับ “ พยัคฆ์..สะบัดลาย ”

เร็วๆนี้ อย่าลิมติดตามกันต่อนะครับ รับรอง มันส์และสนุก เช่นเดิม

เพราะเราไม่กล้า ทำให้คุณๆผิดหวัง

แล้วพบกันใหม่ จากใจ.. ...พัชฌา / วีณา / มัชฌิมา...

วัดี

---------- ========== ----------

ตัวเอกของเรื่อง ( แนะนำ )

1.เผด็จ รุจินานนท์                 วัย 58 ปี ชื่อเล่น ลูกเต๋า อดีต พลตำรวจเอก  ฉายา มือปราบเทวดา (ผู้การ/ท่านรองฯ)

2.เนตรทิพย์ รุจินานนท์        วัย 20 ปี ชื่อเล่น เนเน่ ฉายา ธิดา พญายม (ลูกบุญธรรมของ เผด็จ ที่รักและหวงพ่อมาก) 

3.จุ๊บแจง หงส์ฟ้าปลอม         วัย 30 ปี น้องสาวแท้ๆของโจ้ ที่หน้าตาและโครงหน้าคล้ายกับเนตรอัปสรมากที่สุด

4.ปวรรัชดล เดชาวัตร            วัย 24 ปี ชื่อเล่น ดล นักข่าวจบใหม่ไฟแรง ที่มาหลงรักและชอบ เนเน่ สาวเปรี๊ยวจี๊ด จอมแก่น

5.กัญญ์วรา ชยานนท์ ณ ลำพูน        วัย 27 ปี ชื่อเล่น ปูน ภรรยาสาวของ แตงโม ฉายา วิหคขาว ปัจจุบัน เมียคนสุดท้ายของเผด็จ

6.พันตำรวจตรี อัธวิทย์  ปัญจโชติ   วัย 29 ปี ชื่อเล่น วิทย์ ฉายา มือปราบกระดูกเหล็กและนักสู้พ่อลูกอ่อน (สารวัตรวิทย์)

7.รุจิษยา ปัญจโชติ              วัย 27 ปี ชื่อเล่น ทับทิม ภรรยาสุดน่ารัก สุดหวงของ อัธวุฒิ ฉายา พิราบเทา

8. มนัญญา ปัญจโชติ           วัย 27 ปี ชื่อเล่น ขิง ภรรยา ของสารวัตรวิทย์ อดีต ลูกเลี้ยงมาเฟียใหญ่ (ร้อยตำรวจเอกหญิง)

9.เพ็ญนภา รุจินานนท์          วัย 27 ปี ชื่อเล่น เพ็ญ อดีต เด็กสาวที่แอบรักอาตัวเอง สุดท้ายก็ได้อาตัวเองมาเป็นสามี+ลูก 1 คน

10.กันตภณ ตุ้มวิวัฒน์           วัย 34 ปี ฉายา พ่อมด อีเลคทรอนิกส์ (ลูกน้องเผด็จ)

11.เทียนหอม ศิริพงศ์รักษา   วัย 38 ปี ชื่อเล่น หอม ฉายา หงส์หยก (เมียคนที่สามของ เผด็จ อดีตผู้อำนวยการศูนย์)

12.ร้อยตำรวจตรีหญิง ภัคภัสร์ปภา ธฤษวรรณ  วัย 23 ปี ชื่อเล่น ยี่หวา เป็นตำรวจสากลนอกเครื่องแบบ แฟนเก่าของดล

13.ยายชื่น                             วัย 82 ปี คนรับใช้เก่าแก่ของแม่เผด็จ ผู้ที่รู้เห็นเหตุการณ์การตายของดารณีนุช

14.อรรณพ                            วัย 48 ปี ชื่อเล่น นพ เป็นลุงแท้ๆของนิ่ม ลูกชายคนโตของยายชื่น

15.นวลปรางค์                       วัย 16 ปี ชื่อเล่น นิ่ม หลานสาวของยายชื่น แม่ชื่อน้อย

16.ร้อยโทบริบูรณ์ อนุทิน    วัย 24 ปี หมวดบริบูรณ์ คู่หูคนสนิทของอัธวิทย์

17.จ่าสิบตรีสมนึก ดอนกระโทก      วัย 38 ปี จ่านึกลูกน้องคนสนิทของของอัธวิทย์

18.มาดาม                                วัย 46 ปี หัวหน้าองค์กรลับ กงจักรทอง ที่ไม่เปิดเผยตัว

19.จิงโจ้                                  วัย 34 ปี ลูกน้องคนสนิทของมาดาม พี่ชายแท้ๆของจุ๊บแจง

20.บิงซู อวยธารา                    วัย 49 ปี อดีตคนขับรถเก่าของฉัตรเทพ พอนายเก่าตาย จึงมาอยู่กับกงจักรทอง ได้ตำแหน่งสูง

21.เสี่ยกวง                              วัย 44 ปี อดีตลูกน้องเก่าของฉัตรเทพ ขัดแย้งผลประโยชน์กัน จึงมาอยู่กับกงจักรทอง

22.เสี่ยตุ้ม                                วัย 44 ปี อดีตลูกน้องเก่าของฉัตรเทพ ขัดแย้งผลประโยชน์กัน จึงมาอยู่กับกงจักรทอง

23.เฒ่าหยิน หัวหน้ามังกรดำ             วัย 62 ปี มีวิชาการป้องกันตัวแบบจีนติดตัว หลบหนีมาจากฮ่องกงแล้วมาหากินในไทยได้ 2 ปีแล้ว

24.อาหยี ลูกชายของเฒ่าหยิน          วัย 45 ปี รองหัวหน้าของ พรรคมังกรดำ มีลูกสาว 1 คน ที่หลบหนีความผิดมากันทั้งครอบครัว

25.เสี่ยวปิง ลูกสาวของอาหยี            วัย 23 ปี หลานสาวสุดที่รักของเฒ่าหยิน เก่งทางกังฟู เพราะปู่และพ่อถ่ายทอดวิชาให้จนหมด

26.บรรชา เสริมแก้วสกุล                 วัย 35 ปี ชื่อเล่น เบิ้ม เพื่อนรุ่นพี่นักข่าวสายอาชญากรรม

27.พันตำรวจเอก จักรพันธ์ มหันธา   วัย 50 ปี ผู้กำกับจักร หัวหน้างานสายปราบปรามคนใหม่ ซึ่งขึ้นมาแทน อัธวุฒิ

รับเชิญ ( พิเศษ )

๑.อัธวุฒิ ปัญจโชติ                            วัย 55 ปี ชื่อเล่น กระป๋อง อดีต พลตำรวจตรี ฉายา เป๋สมองเพชร

๒.ชัชพิมุข ชยานนท์ ณ ลำพูน            วัย 35 ปี ชื่อเล่น แตงโม อดีต ฉายา เหยี่ยวราตรี (พี่ของทับทิม)

๓.มณีบุษราคัม เพชรรัตน์                  วัย 33 ปี ชื่อเล่น เบ็นซ์ อดีต ฉายา นางเสือดาว (นักฆ่าสาว นางแบบสาว หวานใจ ต้นกล้า)

๔.พลตำรวจตรี ปราชญ์ วิทยานุกุล    วัย 52 ปี บัดดี้/คู่หูเก่าของเผด็จในอดีต แยกตัวออกจากกัน เพราะเผด็จต้องทำภารกิจลับที่พม่า

๕.ร้อยตำรวจโท กฤษณะ ยุทธนา       วัย 24 ปี ชื่อเล่น โจ สายลับ/นักสืบ เพื่อนเก่าของดล ที่แอบหลงรักยี่หวามานานหลายปี

๖.ชื่นจิต โสพันธุ์                                 วัย 42 ปี ชื่อเล่น ชื่น (ผู้จัดการที่ดูแลรีสอร์ทของเผด็จ มาตั้งแต่เริ่มสร้างใหม่ๆ)

๗.เชี่ยว ชาญยุทธ                                วัย 62 ปี อดีตผู้บัญชาการ ตำรวจแห่งชาติ พ่อของเพ็ญ

๘.แม้นมาศ วรารักษ์                             วัย 85 ปี แม้น (แม่นมของเพ็ญ เลี้ยงเพ็ญมาตั้งแต่แรกเกิด เพราะแม่แท้ๆ ตายตอนคลอด)

๙.เกศินี ผ่องพินิจ (พยาบาลสาว)          วัย 38 ปี ชื่อเล่น เกศ (เมียเก่าคนแรกของ เผด็จ ที่ยังวนเวียนอยู่ใกล้ๆเพราะรัก)

หมายเหตุ : 1.ยายชื่น คนรับใช้เก่าแก่ของแม่เผด็จ อายุไล่ๆกับแม่ผาด เผด็จให้ไปหลบซ่อนตัวหลังจากที่เมียแต่งของเขาตาย เนื่องจากยายชื่นเป็นคนเดียว ที่เห็นเหตุการณ์การฆาตกรรมเมียเขาทั้งหมดของฉัตรเทพ เพื่อความปลอดภัยของยายชื่น เผด็จจึงพาตัวยายชื่นและครอบครัวไปหลบซ่อนไว้ เพื่อไม่ให้ฉัตรเทพตามเจอ หลายปีแล้วที่ครอบครัวนี้ต้องหลบๆซ่อนๆ ปัจจุบันปลอดภัยแล้ว หลังจากที่ฉัตรเทพเสียชีวิตไป ครอบครัวนี้จึงไม่ต้องคอยนอนผวาอีกต่อไป สามารถออกมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ

             2.อรรณพ หรือนพ เป็นลุงแท้ๆของนิ่ม ลูกชายคนโตของยายชื่น คนที่ปลอมตัวเป็นเผด็จเพื่อตบตาคนบนเกาะ เมียตาย เพราะเป็นคนรับใช้คนสนิทของดารณีนุช ถูกฉัตรเทพฆ่าตายพร้อมกันกับเมียของเผด็จ และจากนั้นเป็นต้นมา ก็ได้ให้ช่วยงานเผด็จอย่างลับๆมาโดยตลอด

           3.นวลปรางค์ หรือ นิ่ม หลานสาวของยายชื่น แม่ชื่อน้อย น้อยเป็นลูกสาวคนที่สองของชื่น เป็นน้องแท้ๆของนพ น้อยเสียชีวิตตอนที่เข้าไปช่วยเหลือภรรยาของเผด็จและพี่สะใภ้ สุดท้ายถูกฉัตรเทพฆ่าตายเช่นกัน เผด็จมาช่วยไม่ทัน ซาบซึ้งบุญคุณจึงรับเลี้ยงและอุปการะครอบครัวนี้ไว้เอาไว้อย่างเงียบๆและลับๆ ให้ปลอดภัยจากฉัตรเทพ

<<<<< ===== >>>>>

5 กรกฎาคม 2565
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า