Your Wishlist

เนเน่ ธิดาพญายม (ภาคพิเศษ ของ พยัคฆ์ร้าย..สายลับ) (ตอนที่ 8 .. “ ไม่เป็นอะไร ”)

Author: พัชฌา

เมื่อความถูกต้องถูกมองข้ามไป ระหว่างความจริงกับความเท็จ เมื่อมันอยู่คาบเกี่ยวกัน ก็ช่างยากเสียเหลือเกินกับการที่จะเลือกรับรู้ได้ ทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้สิ่งนั้นหายไป มันก็คือ..การสืบหาความจริงไงหละ

จำนวนตอน : 32

ตอนที่ 8 .. “ ไม่เป็นอะไร ”

  • 30/08/2565

หวาน - Mote ปราโมทย์ วิเลปะนะ 

นิยาย แนว สืบสวนสอบสวน (Suspense) / Action

ตอนที่ 8 .. “ ไม่เป็นอะไร ”

       ทับทิมก็เบื่อกับเนเน่เด็กดื้อคนนี้เช่นกัน จึงพูดออกมา

“คิดเหรอ ว่าวันนี้ถ้าแกกำจัดหงส์ฟ้าปลอมคนนี้ได้ มันจะไม่มีหงส์ฟ้าปลอมคนใหม่ขึ้นมาอีก สู้เก็บแรงเอาไว้และสะสางในวันครั้งหน้าจะไม่ดีกว่าเหรอ ไอ้เน่เชื่อพี่ ไป กลับ วันนี้กลับไปตั้งหลักใหม่กันก่อน” เมื่อทับทิมพูดแบบนั้น แจงจึงได้โอกาส

“พูดได้ดี พิราบเทา วิหคขาวและลูกสาวสุดที่รัก แม่คงต้องขอตัวก่อนหละนะลูก เพราะแม่ยังมีงานอีกเยอะ ไปหละ คงไม่เป็นอะไรนะ ถ้าแม่จะขอตัว อิอิ”

       พูดจบแจงก็ปาระเบิดควันและรีบหายตัวไปจากตรงนั้นอย่างไว เนเน่จะตามไป ก็ไม่ไหวแล้ว ก้าวขาไม่ออกล้มลงตรงนั้น เนเน่นั่งชันเข่าไว้ ปูนและทับทิมวิ่งเข้ามาประคองและรีบนำตัวเนเน่กลับฟิตเนตทันที เมื่อมาถึง ทั้งสองคนก็พาเนเน่มานอนพักรักษาตัว เพราะสภาพร่างกายของเนเน่ย่ำแย่มาก ทับทิมส่ายหัวและพูดไม่ออก

       ส่วนปูนนั่งจับมือเนเน่เอาไว้ ถึงจะโกรธเนเน่ที่เคยว่าร้ายและใส่ความเธอยังไง แต่ปูนก็ยังอดเป็นห่วงเนเน่ไม่ได้ จะด้วยเพราะเนเน่เป็นลูกสาวของคนที่เธอรักหรือจะด้วยสาเหตุอื่นหรือไม่ อันนี้ก็ไม่สามารถรู้ได้ ปูนนั่งเฝ้าเนเน่ตั้งแต่บ่ายจนเย็น ตลอดเวลาที่ปูนนั่งเฝ้า เนเน่ก็ได้แต่เพ้อออกมาตลอดเวลา

“แม่ แม่ พ่อ พ่อ พ่อไม่รักหนู ไม่รักแม่ หนูเกลียดพ่อ แม่ แม่ แม่” ปูนได้นั่งกุมมือเนเน่เอาไว้ และร้องไห้ออกมาแบบไม่รู้ตัว

       ปูนเอามือมาลูบหัวเนเน่ เหงื่อซึมออกเต็มหน้าไปหมด ปูนไม่สบายใจเลย แตงโมเดินลงมาจากชั้น 3 เพื่อจะกลับบ้าน ผ่านห้องพักที่ชั้นสอง จึงแอบดูและฟังอยู่นานพอสมควร ไม่นานก็เดินลงไปที่ชั้นหนึ่งเปิดประตูเดินออกไปทันที โดยไม่เดินไปหาปูนซึ่งนั่งก้มหน้าน้ำตาตกอยู่ในห้องพัก ทับทิมหันไปจะเรียกเพื่อคุยอะไรบางอย่าง ก็ไม่ทันเสียแล้ว แตงโมเดินหน้ามุ่ยออกไปอย่างเร็ว ทับทิมไม่รู้จะทำยังไงกับครอบครัวของเธอดี มันสับสนและวุ่นวายไปหมดในตอนนี้

$$$$$ ----- $$$$$

       เนื่องจากเนเน่เจ็บหนัก จึงไม่มีคนที่มากวนใจ และขัดขวางงานของจุ๊บแจงอีกเลย ตั้งแต่คืนนั้นเป็นต้นมา จุ๊บแจงจึงทำงานได้อย่างสะดวกโยธิน เพราะไม่มีใครมาวุ่นวาย และทำให้เธอไม่สบายใจอีกเลย ถึงแม้จะมีตำรวจอย่างวิทย์มาวุ่นวายกับเธอ แต่แจงก็ถือว่าไม่มีพิษสงอะไรมากนัก เธอหนีได้

       ดลเองก็ยังคงตามรอยและตามหาข่าวต่อไปแบบไม่ลดละ แต่ก็ไม่ได้อะไรมาก เพราะตั้งแต่เนเน่หายหน้าไป ดลก็ไม่มีกระจิตกระใจทำอะไร ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม .. ทางด้านของเผด็จ ก็ได้แต่คิดหาวิธีที่จะตามรอยของแจงให้ได้ ถึงจะรู้ข่าวการต่อสู้ของเธอที่โรงงานริมน้ำในวันนั้น ก็ยังคงอยู่นิ่งๆ เพื่อให้รถคู่ใจกลับมาทำงานให้ได้ดีดังเดิมก่อน ค่อยว่ากันใหม่ เมื่อไม่มีเผด็จและเนเน่ตามมากวนใจ แจงจึงทำงานได้อย่างสบายใจในช่วงนี้

       ดลได้นำเสนอข่าวของมนุษย์หน้ากากอีกครั้ง ข่าวนี้จึงเป็นที่น่าติดตามของประชาชนในตอนนี้ เรทติ้งของสถานีที่ดลทำงานอยู่ขึ้นพรวด เพราะมีนำเสนออยู่เพียงสถานีเดียวเท่านั้น เบิ้มเองก็พลอยได้หน้าไปด้วยที่มีทีมงานดี ช่วงนี้เลยปล่อยให้ดลทำงานแบบบินเดี่ยว ได้อะไรมา ก็ให้รีบเอามานำเสนอกับเบิ้มทันที ดลได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นนักข่าวประจำในเวลาอันรวดเร็ว ไม่ต้องเป็นพนักงานฝึกงานอีกแล้ว เพราะข่าวที่นำมาเสนอนี่เอง ทางสถานีจึงให้เป็นรางวัลในการเป็นนักข่าวที่ดี เพื่อให้ดลมีกำลังใจในการทำงานมากขึ้น

“ดีใจด้วยนะไอ้น้องที่ได้เป็นพนักงานประจำ สมดังใจหมายแล้ว ต่อไปนี้ก็ตั้งใจทำงานให้ดีกว่าเดิมหละ ไปๆ”

<<<<< $$$$$ >>>>>

       หลายวันผ่านไป (26 พ.ค.) ที่เกาะรีสอร์ทของเผด็จ ทับทิมโทรไลน์ไปหาเพ็ญเพื่อนของเธอ เพื่อจะสอบถามอะไรบางอย่าง ยังไงคืนนี้เธอต้องรู้ให้ได้ว่า เรื่องที่เผด็จแอบมีอะไรกับปูนมันจริงหรือไม่ แล้วเพ็ญรู้เรื่องนี้หรือเปล่า เพราะมันเกี่ยวโยงกับชีวิตของใครอีกหลายต่อหลายคน

“ไอ้เพ็ญ แกรู้เรื่องของอาเด็จกับไอ้ปูนหรือเปล่าตอบฉันมา” เพ็ญงงมากกับคำถามสายฟ้าแล่บแบบนี้

“เดี๋ยวไอ้ทิม แกใจเย็นๆ เอาใหม่ แกพูดช้าๆชัดๆอีกทีซิ ฉันฟังไม่ทัน แกกรุณาช่วยพูดแบบช้าๆและชัดๆที อาเด็จทำไม” เพ็ญงงมาก

“แกฟังนะ ตอนนี้ทาง กทม. กำลังระอุกับข่าวลือเรื่องที่อาเด็จผัวแก” ทับทิมรีบพูดอีกครั้ง

“แอบมีอะไรๆกับไอ้ปูนมาเกือบสองปีแล้ว จนเขาพูดกันให้แซ่ด ว่าลูกคนที่สองของไอ้ปูนเนี่ยไม่ใช่ลูกของพี่โม แต่เป็นลูกของอาเด็จกับไอ้ปูน แกพอจะรู้เรื่องนี้บ้างไหม”

       เพ็ญตกใจมาก “ไม่ ไม่รู้เลย ฉันว่าไม่น่าใช่นะ” เพ็ญยืนยันหัวชนฝา “แล้วทำไมแกถึงมั่นใจและเชื่อข่าวลือพวกนั้นหละ” เพ็ญอยากจะรู้รายละเอียด

“ก็เมื่ออาทิตย์ก่อนนี้หนะ ไอ้เน่มันทะเลาะกับไอ้ปูนอย่างรุนแรง แล้วมันก็หลุดปากพูดเรื่องนี้ออกมา เรื่องมันจึงแดงออกมานี่ไง แม้กระทั่งพี่โมเองก็ได้ยิน จนตอนนี้พี่โมกับไอ้ปูน ก็ยังไม่ยอมพูดจากันเลย ฉันเองเป็นคนกลาง ก็ไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว เลยมาถามแกไง” เพ็ญกำลังสับสน

“เรื่องนี้ฉันไม่รู้จริงๆไอ้ทิม” เพ็ญยืนยันเช่นกัน

“คนอย่างอาเด็จนะเหรอจะทำแบบนั้นได้ ถึงเค้าจะไม่ยอมนอนกับฉันมา 3 ปีแล้วก็เถอะ ก็คงจะไม่มีปัญญาไปนอนกับใครได้หรอกมั้ง เมาแอ๋อยู่ทุกวันอย่างนั้น ตอนนี้ก็ยังนอนกอดขวดเหล้าอยู่ที่กระท่อมรังรักเก่าของเขากับอีนังโบว์อยู่เลย” ทับทิมตกใจมาก

“จริงดิ เฮ้ย..แล้วจะทำยังไงให้รู้ความจริงได้หละวะ” ทับทิมกลุ้มใจมาก

“ยังไงกันเนี่ย แล้วเรื่องนี้มันจริงเท็จแค่ไหนกันหละวะ” ทับทิมถอนหายใจ เพราะหมดหนทางจริงๆ

“ฉันว่าเป็นไปไม่ได้หรอก 2 ปีที่ผ่านมา ฉันก็เห็นเขาอยู่แบบนี้มาตลอด นานๆทีถึงจะโผล่หน้ามาดูลูกบ้าง มาครั้งนึงก็ไม่ถึง 5 นาที ก็ไปแล้ว อะไรวะ คนอย่างแกฉลาดออกอย่างนั้น ไม่เห็นจะยากเลยนี่หว่า ง่ายจะตาย”

 “ง่ายยังไงวะ” ทับทิมงงกับคำพูดของเพ็ญ

“อีโง่ ขอด่าสักทีเถอะ มีลูกสองคนแล้วความฉลาดหายไปไหนหมดวะนังทิม” ทับทิมขึ้นทันที

“นังเพ็ญ นี่อยู่ดีๆแกมาด่าฉันทำไมเนี่ย” เมื่อเจอเพ็ญด่าเข้าให้

“สมัยนี้เขาสามารถตรวจ Dna ได้ ถ้าแกไม่แน่ใจ ก็ให้พี่โม ไอ้ปูนและเด็กคนนั้น เจาะเลือดตรวจซิวะ ไง ฉลาดขึ้นรึยัง ไม่เห็นจะยากเลยคุณแม่ คุณพิราบเทา”

       ทับทิมเงียบกริบไปพักใหญ่เลยทีเดียว “ไอ้ทิม ไอ้ทิม เอ๊ย ยังอยู่ป่าว ฮู้ๆ” เพ็ญสะกิดต่อมฉลาดของเพื่อน

“เออใช่ จริงด้วย ทำไมฉันถึงลืมนึกถึงเรื่องง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไงวะ ขอบใจเพื่อนขอตัวก่อนนะ ลูกหิวนมแล้ว ขอเอานมให้ลูกทานก่อน บาย”

       แล้วทับทิมก็วางสายสนทนากับเพ็ญ ทับทิมก้มลงไปอุ้มลูกสาวคนที่สองขึ้นมาเพื่อให้นมทาน เธอแบะเสื้อเพื่อให้นมลูก ป๋องอาบน้ำเสร็จ ก็เดินออกมาจากห้องน้ำพอดี เห็นทับทิมกำลังนั่งให้นมลูกที่เต้าทางซ้าย ตัวเองจึงคิดแกล้งทับทิมแบบสนุกๆไม่ได้ทำแบบจริงจังอะไร นั่งลงข้างเตียงข้างหลัง แล้วเอียงตัวมาดูดเต้าทางขวาเหมือนลูกบ้าง ทำไปทำมาเกิดติดใจจริงๆ

“บ้า พี่ทำอะไรหนะ น่าเกลียด อย่าพี่ หนูเสียว กำลังให้นมลูกอยู่ พี่” ป๋องไม่ฟังเสียง เพราะติดลมซะแล้ว

       ทับทิมแทบจะกลั้นอารมณ์ไม่อยู่เสียแล้ว มือซ้ายนั่งก็ประคองลูกอยู่ มือขวาก็กอดโอบหัวป๋องเอาไว้ ปล่อยไม่ได้ เพราะป๋องเล่นกระตุ้นอารมณ์เสียวเธอแล้วในตอนนี้ ทับทิมค่อยๆเอนตัวลงไปนอนราบกับเตียงนอนแบบไม่รู้ตัว เพราะเสียวมากจริงๆกับสิ่งที่ป๋องทำในตอนนี้ มือซ้ายก็ยังคงประคองลูกเอาไว้ เพื่อให้ทานนมต่ออย่างปลอดภัย และตัวเธอตอนนี้ก็หลับตาพริ้ม เสียวซ่านไปทั้งตัว สาเหตุมาจากป๋องไม่ยอมปล่อยปากจากหัวนมเธอ

     ป๋องได้โอกาส จึงรีบฉีกถุงยางอนามัยที่ถือเตรียมไว้มาใส่ทันที พร้อมกับถลกชุดนอนขึ้นไป ดึงบิกินี่ตัวน้อยของเมียออกจากตัว จากนั้นก็ดันขาทั้งสองของเมียออกพอประมาณ แล้วจัดการกับสิ่งที่เขาต้องการแบบไม่รอช้า ทับทิมพูดไม่เป็นภาษาแล้วในตอนนี้ เมื่อป๋องเอาสิ่งนั้นใส่เข้าไปในร่างกายเธอ และขยับเข้าออกเป็นจังหวะ

“อืม อูย อ้า ซี๊ด ผัวขา พี่” มือขวาของทับทิม เกร็งและจิกลงไปที่กลางหลังของป๋องอย่างแรง ขณะที่เธอหลับตาปี๋

       ไม่นานป๋องก็เสร็จกิจ ปลดปล่อยอารมณ์จนได้ สำเร็จ ตัวเบาไปเลย สักพักพอทับทิมลืมตาขึ้นมา ก็โกรธป๋องมากที่ทำแบบนี้ ดีนะที่ลูกสาวคนเล็กไม่เป็นอะไร

“ถ้าลูกเป็นอะไรขึ้นมาจะว่ายังไง” ทับทิมต่อว่าป๋อง

“ทำเข้าไปได้ยังไง อุบาทว์จริงๆ ถ้าอยากก็บอก และขอกันดีๆก็ได้ ทำไมถึงต้องทำแบบนี้ หนูไม่ชอบนะพี่ พี่ก็รู้ว่าหนูไม่ได้จะห้ามอะไร ขอโทษ เมื่อทำแบบนี้แล้วอย่าหวังอีกเลยว่าจะมีครั้งต่อไป ตั้งแต่นี้พรุ่งนี้เป็นต้นไปหนูจะไปอยู่ที่ฟิตเนส ถ้ายังไม่สำนึกผิดอีกก็ไม่ต้องพบเจอกัน ออกไป ออกไป หนูจะนอน ไปเลยนะ สมอยากแล้วนี่ ออกไป” ทับทิมเอามือขวาชี้หน้าป๋อง

“บอกว่าให้ออกไป ยังอีก จะออกไปดีๆไหม ยังอีก บอกว่าให้ออกไป” ทับทิมโมโหจริงๆ เหวี่ยงหมอนไป ป๋องหลบแทบไม่ทัน แล้วชี้ไปที่ประตู

“ยังอีก ออกไป ล๊อกด้วย” ป๋องต้องทำตาม ไม่งั้นเรื่องใหญ่จะตามมาอีก เพราะรู้ว่าทับทิมเอาจริง

       พอป๋องออกไป ทับทิมก็เอาลูกนอนลงในเปล แล้วตัวเองก็เข้าไปอาบน้ำอีกครั้งเป็นครั้งที่สอง โดยเปิดประตูห้องน้ำทิ้งไว้ เผื่อลูกทั้งสองคนส่งเสียงร้องขึ้นมา เธอจะได้วิ่งออกมาดูได้ทัน ส่วนป๋องก็ต้องไปนอนอีกห้อง ซึ่งเป็นห้องรับแขกชั่วคราว สมน้ำหน้า เล่นอะไรไม่เข้ารื่อง เลยโดนซะ

>>>>> ##### <<<<<

       ดลหลังจากที่ได้เลื่อนตำแหน่งหน้าที่การงาน ก็เริ่มทำงานกับสิ่งที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่ และในเวลาเดียวกัน เขาก็คอยสืบและตามหาเนเน่ไปในตัวด้วยเพราะ เนเน่หาย และขาดการติดต่อไปพักใหญ่ โทรไปเนเน่ก็ไม่ยอมรับสาย ไม่รู้ว่าเนเน่ยังโกรธเขาอยู่หรือเปล่าที่ได้ไปโกหกเอาไว้

       ทางแจงก็สบายใจเป็นที่สุดทำงานแบบไม่มีใครมากวนใจ ข่าวและคดีก็มีเพิ่มขึ้นทุกวัน ร้านทองและเพชรพลอยถูกปล้นแทบจะรายวัน ไหนจะเรื่องของแบงค์ปลอมที่กำลังระบาดหนักอีก วิทย์และทีมทำงานกันตัวเป็นเกลียว หัวเป็นน๊อตเลยทีเดียว

((((( ----- )))))

      2 วันต่อมา (28 พ.ค.) เนเน่ยังคงนอนรักษาตัวอยู่ที่ฟิตเนตของปูน ยังไม่หายดี แต่ก็เริ่มแข็งแรงขึ้นมาเยอะ ปูนมาเฝ้าทุกวัน แต่เนเน่ก็ยังไม่ยอมที่จะพูดดีด้วย จากคนที่สนิทกันมาก กลับกลายเป็นคนที่เหมือนไม่รู้จักกัน ไม่สนิทกันไปเสียแล้ว ทับทิมหลังจากที่ตัดสินใจย้ายออกมาอยู่ยังที่ทำงานชั่วคราว ก็อุ้มลูกคนเล็กเดินเข้ามาหาทั้งสองคน ไม่ได้จะเข้ามาไกล่เกลี่ยอะไร เพียงแค่จะถามข่าวอาการของเนเน่เท่านั้นเอง แต่เมื่อเห็นสีหน้าของทั้งสองคนแล้ว ไม่อยากจะอ้าปากถามอะไรเลย

“พี่ทิม มีอะไรกับหนูหรือเปล่า” เนเน่ลุกขึ้นมาจากเตียงนั่งห้อยขาแบบสบายๆ ปูนซึ่งยืนอยู่ที่หน้าต่างหันกลับมา

“อ้าวไอ้เตี๊ย มีอะไรกับฉันหรือเปล่า ได้ข่าวว่าทะเลาะกับอาป๋องเหรอ แล้วดูหน้าแกซิหนะ ทำหน้าดีๆหน่อย มีอะไรก็ว่ามา เดี๋ยวฉันจะลงไปสอนเด็กคอร์สเช้าแล้ว”

       ทับทิมหาที่นั่งแถวนั้นแล้ว แล้วยิงคำถามแบบไม่น่าจะถาม กับปูนเพื่อนรักทันที

“ตอนนี้แกยังติดต่อกับอาเด็จอยู่อีกหรือเปล่า” ปูนมองหน้าเพื่อน

“ทำไมแกถามฉันอย่างนั้นวะ ไอ้เตี๊ย” ปูนจ้องหน้าเพื่อน และหันไปมองหน้าเนเน่ ทับทิมนั่งหน้านิ่ง เพื่อรอคำตอบจากปากของปูน

“ตอบมา ไม่ต้องมาถามฉันกลับ ฉันถาม แกตอบ ง่ายๆ จบไหม” ทับทิมยังคงยืนยันคำถามเดิม

“เปล่า ฉันกับอาเด็จไม่ได้คุยกันมาเกือบปีแล้ว พอใจหรือยัง ต้องการรู้แค่นี้ใช่ไหม” ปูนยืนยันคำตอบแบบนั้น

“ทำไมแกถึงไม่ยอมพูดความจริงกับฉัน” ปูนไม่เข้าใจว่าทับทิมต้องการอะไร

“แกหมายความว่ายังไง แกถาม ฉันก็ตอบ ตามที่แกต้องการแล้วไง แล้วแกยังต้องการอะไรจากฉันอีก”

“ตกลงว่าแกยังคงยืนยันคำตอบเดิมอยู่ใช่ไหมไอ้ปูน” ปูนยืนยิ่งเงียบ ไม่ตอบอะไร จนทับทิมต้องระเบิดอารมณ์ออกมา

“แล้วนี่อะไร” ทับทิมโยนหลักฐานอย่างหนึ่งให้ปูนดู ต่อหน้าเนเน่ จนปูนไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้เลย

       มันคือกระดาษถ่ายเอกสาร ที่ดึงบทเจรจาการแชทระหว่างปูนกับเผด็จออกมาเมื่อ 2 วันก่อนนี่เอง จากแอปแมสเซนเจอร์และไลน์ ในเครื่องของปูน ปูนหยิบกระดาษพวกนั้นขึ้นมาดู เนเน่ก็เช่นกัน

“ทีแรกฉันก็ไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ไอ้เน่มันพูด ฉันโทรไปหาไอ้เพ็ญ เผื่อมันจะรู้อะไรบ้าง แต่ก็เหลว มันก็บอกไม่รู้ ฉันก็เลยต้องหน้าด้านมาโกหกและหลอกลวงแก แกจำได้ไหม ว่าฉันรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง”

“อย่าบอกนะว่า เมื่อคืนวานที่แกขอยืมโทรศัพท์ฉันไป โดยอ้างว่า โทรศัพท์แกเสียจะเอาไปใช้ชั่วคราว พอเช้าแกก็เอามาคืนฉัน นี่แสดงว่าแกแอบเปิดทั้งเฟสทั้งไลน์ของฉันและแคปเจอร์หน้าจอพวกนี้ส่งไปที่เครื่องของแกเพื่อเก็บเอาไว้ใช่ไหม แกทำอย่างนี้ทำไมวะไอ้เตี๊ย แล้วแกรู้รหัสผ่านของฉันได้ยังไง แกทำอย่างนี้ทำไม แกทำไปเพื่ออะไร” ปูนมองหน้าเพื่อน

“ทำไมฉันจะไม่รู้ ก็ทุกอย่างในเครื่องแก ฉันเป็นคนทำให้ แกจำไม่ได้เหรอ”

       ปูนนึกขึ้นได้ ใช่จริงๆด้วย เพราะปูนทำไม่เป็น ปูนโกรธทับทิมมาก ที่แอบขโมยความลับ เรื่องส่วนตัวกันแบบซึ่งๆหน้า ทับทิมชี้หน้าเพื่อนรักแบบไม่ไว้หน้าแล้ว

“ช่วยไม่ได้ ฉันทำเพื่อพี่ชายของฉัน” ทับทิมพูดเช่นนั้น

“ในเมื่อแกไม่ยอมพูดความจริงกับฉัน ฉันก็เลยต้องใช้วิธีนี้กับแก จะโกรธก็โกรธไป ฉันไม่ว่า”

       เนเน่มองดูและอ่านข้อความในแชทที่พูดคุยกันนั้น มันไม่ใช่แค่วันสองวัน แต่พูดคุยกันมาเป็นปี เนเน่หันไปมองหน้าปูน

“หลักฐานชัดเจนแบบนี้ พี่ยังจะมาแถและโกหกหนูอยู่อีกเหรอพี่ปูน หนูไม่คิดเลยว่า พี่จะเป็นคนแบบนี้ หนูผิดหวังกับพี่จริงๆ” ปูนทำอะไรไม่ถูกแล้ว

“ก็ตามใจ” ปูนจึงต้องยอมพูดความจริง เพราะปิดไม่ได้อีกแล้ว

“ในเมื่อพวกแกเห็นและรู้ความจริงหมดแล้วนี่ ฉันก็ไม่ขอปิดบังอะไรอีกต่อไป” ปูนหันไปชี้หน้าเพื่อน

“โดยเฉพาะแกไอ้เตี๊ย ฉันผิดหวังกับแกจริงๆที่ตัดสินและหักหลังฉันด้วยวิธีนี้ แล้วแกจะเอายังไงต่อไป ว่ามา”

“ไม่ ฉันไม่เอาอะไร ฉันก็แค่อยากจะรู้ความจริงจากปากของแกก็เท่านั้น” ทับทิมอยากรู้แค่นี้

“ในเมื่อแกยอมรับมันก็จบ และตั้งแต่นี้ไป เราสองคนก็ต่างคนต่างอยู่” ทับทิมเล่นวิธีนี้เลย

“ใครมีงานอะไรก็ไปทำ เพียงแต่แกกับฉันเราขาดกัน แกไม่ใช่เพื่อนรักของฉันอีกต่อไปแล้ว เป็นเพียงแค่เพื่อนร่วมงานกันเท่านั้น และหุ้นส่วนเฉยๆ ไม่มีอะไรพิเศษ แกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบคนทำตัวแบบนี้ คนมีชู้ แอบคบชู้ ฉันไม่นิยมเอามาเป็นเพื่อนด้วยก็เท่านั้น” ทับทิมลุกขึ้นตอบแบบไม่มองหน้าปูน

“ได้ ถ้าแกต้องการแบบนั้น” ปูนตอบทับทิมเสร็จก็เดินผ่านทับทิมและเนเน่ลงไปที่ชั้นหนึ่งทันที เพื่อเตรียมการสอนในวันนี้ ทับทิมหันไปถามเนเน่ต่อ

“แล้วแกหละไอ้เน่ ยังคงจะดื้อรั้นทำงานนี้ต่ออีกไหม” คราวนี้ทับทิมหันมาเล่นเรื่องของเนเน่

“แล้วพี่จะถามหนูทำไม รู้ทั้งรู้ว่าคำตอบคืออะไร” เนเน่ยังคงยื่นยันคำตอบเดิม

“สำหรับหนู มันไม่เป็นอะไร เสี่ยงแค่ไหนก็ยอม” เนเน่ตอบกลับทับทิมแบบมั่นใจ

“ได้ ที่ฉันถาม เพราะฉันจะบอกแกว่า ถ้าแกยังคงคิดจะทำเรื่องนี้ต่อ ฉันก็จะไม่ห้าม” เนเน่ตั้งใจฟัง

“ต่อแต่นี้ไป แกจะไปขึ้นช้างลงม้าที่ไหน ก็ไป แต่อย่าให้งานที่นี่ของฉันเสียหายเป็นอันขาดก็แล้วกัน” ทับทิมย้ำเช่นนั้น

“มีสอนตอนไหน เวลาใด ก็กรุณามาทำงานมาสอนให้ตรงเวลาด้วย เสร็จงานของแกแล้ว แกจะไปตายที่ไหนก็ไป เพราะฉันจะไม่ยื่นมือและตามเข้าไปช่วยเหลือแกเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว”

       ทับทิมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

“ชีวิตใครชีวิตมัน เท่านี้แหละ” พูดจบทับทิมก็เดินออกไปทันที

       เนเน่ไม่รู้จะตอบทับทิมยังไงดี เพราะเรื่องนี้มันอธิบายยาก บวกกับความดื้อรั้นของตัวเองเป็นทุนอยู่แล้ว จึงทำให้เรื่องเริ่มที่จะบานปลายออกไปทุกที เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงเกิดความไม่สบายใจ

“ไม่ช่วยก็ไม่ต้องช่วยซิ ใครใช้ให้เข้ามาช่วยหละ ไม่ได้ขอร้องซะหน่อย ชิ ไปก็ได้ ไม่ต้องไล่กันทางอ้อมหรอก จำไว้เลย”

-----*****-----

       วิทย์ถูกผู้กำกับจักรพันธ์หัวหน้างาน เรียกมาต่อว่า นึกว่าจะชมที่สามารถช่วยเหลือหญิงสาวผู้ที่เคาระห์ร้าย 2 คนนั้นออกมาได้ แต่เปล่าเลย ไม่ชมไม่ว่า แต่กลับด่าซะเนี่ย

“นี่คุณทำอะไรของคุณ สารวัตร แทนที่จะได้ตัวใหญ่ แต่นี่กลับไม่ได้อะไรเลย และยังปล่อยให้เบาะแสสุดท้ายที่เรามีอยู่หลุดหายไปอีก กว่าเราจะได้ข่าวนี้มา เราต้องเสียงบประมาณไปเท่าใด คุณรู้บ้างไหม”

       วิทย์ถึงกับงงเลย ทำดีกลับไม่ได้ดี

“แต่ท่านครับ งานนี้ ผมไม่เห็นว่าหน่วยงานของเราจะทำอะไรเลย ที่ผมรู้และผมไปได้ทัน มันก็มาจากแหล่งข่าวและเบาะแสจากคนของผมทั้งนั้นนะ แล้วทำไม ท่านถึงบอกว่า เป็นคนของท่าน ผมไม่เข้าใจ”

       วิทย์เถียงหัวชนฝา แต่คนอย่างจักรพันธ์ ใครๆก็รู้กันอยู่ว่านิสัยเป็นยังไง หาความดีเข้าตัว เอาความชั่ว ความเลวร้ายใส่ลูกน้องและคนอื่น ภณและเผด็จแอบได้ยินเข้าจึงส่ายหัวตามๆกัน

“พัง นาย พัง งานนี้พังจริงๆ แล้วแบบนี้ คุณวิทย์จะเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานได้ยังไง ไม่ส่งเสริมไม่ว่า นี่กลับมาขัดแข้งขัดขวางตลอด” เผด็จให้ภณเงียบและแอบฟังต่อ

“ไปเลย ตอนนี้คุณรีบตามประกบไอ้สองเสี่ยนรกนั่นเลย ชื่ออะไรนะ”

       ภณตอบเองกับเผด็จขณะที่อยู่ใน Save House

“ไอ้กวง ไอ้ตุ้ม ไอ้นรก” เผด็จเดินมาแตะไหล่

“ใช่ ไอ้นรก 2 ตัวนี่มันดวงดีจริงๆ ดวงมันยังไม่ถึงคาด แต่ครั้งนี้ มันคงจะถึงคาดแล้วหละ ไม่รอดเงื้อมมือของเราไปได้อีกแน่ แกจัดการตามประกบมันให้ดีเลยนะ เดี๋ยวฉันมา”

“จะไปไหนอีกหละนาย พึ่งกลับเข้ามาไม่ใช่เหรอ หาอะไรทานก่อนดีไหม รถพึ่งซ่อมเสร็จ อย่าอ้างนะว่า เอารถไปลองหนะ” ภณรู้ทัน

“ยุ่งน่า เรื่องของข้า ทำเรื่องของแกให้ดีเถอะ ข้าไปหละ” แล้วเผด็จก็หยิบเสื้อหนังใส่และออกไปทันที ผิวปากอารมณ์ดีสบายใจ          

>>>>> ***** <<<<<

     เนเน่รีบเก็บข้าวของที่จำเป็นใส่เป้ของตัวเองทันที แล้วหายตัวออกไปจากฟิตเนสในเวลาต่อมา ส่วนทับทิมกับปูน ถึงจะอยู่ในที่ทำงานเดียวกัน ตั้งแต่เกิดเรื่องในตอนเช้าของวันนี้ ทั้งสองก็ไม่ได้พูดคุยเล่นหัวกันเหมือนอย่างเคยอีกเลย แตงโมเดินลงมาหาทับทิม ยังไม่รู้ว่าทั้งสองคนมีปัญหากัน เห็นอยู่กันครบ แต่ไม่เรียกเมีย เพราะยังแครงใจในเรื่องนั้นอยู่ จึงตะโกนเรียกทับทิมเพื่อที่จะชวนกันไปหาอะไรทานมื้อค่ำก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับบ้าน

“ไอ้เตี๊ยๆ” ทับทิมหันมา ปูนก็หันมาเช่นกัน

“มีอะไรพี่” แตงโมเดินมาเอาแขนวางไว้ที่เคาน์เตอร์ และยิ้มให้น้องสาว แต่ไม่ยิ้มให้กับเมีย ปูนเห็นดังนั้นจึงรีบเดินหนีหายไปอีกทางทันที

“หาอะไรทานกัน พี่หิวแล้ว วันนี้ยังไม่ได้ทานอะไร ทั้งวันเลย ไป” ทับทิมลุกขึ้นมา

“ดีเหมือนกันพี่ งั้นเดี๋ยวหนูเอาลูกไปไว้ให้กับพี่เลี้ยงเด็กข้างบนก่อนนะ คงไม่นานใช่ไหม”

       แตงโมพยักหน้าพร้อมกับเล่นกับหลานไปด้วยในตัว เพราะกำลังน่าฟัดเลยทีเดียว

“เออไม่นานหรอก ว่าจะถามตั้งนานแล้ว ตกลงที่แกหอบลูกทั้งสองคนมาอยู่ที่นี่เนี่ย ทะเลาะกับคุณป๋องมาเหรอ”

      แตงโมถามทับทิมขณะที่ ทับทิมเดินผ่านขึ้นไปชั้นบน ทับทิมยังไม่ตอบอะไร จนเดินกลับลงมา

“อย่าพูดถึงเค้าเลยพี่ หนูไม่อยากได้ยินชื่อ” ทับทิมยืนยันแบบนั้น

“ไป หนูหิวแล้ว จะได้รีบกลับมาดูลูก ไม่อยากปล่อยไว้กับพวกนั้นนาน”

“เออ ตามใจแก ไปไป” แตงโมกอดคอน้องสาว

“พี่โมเลี้ยงนะ” แตงโมยิ้ม

“เออๆ ทุกทีเลยแก”  

       ทั้งสองพี่น้องนานๆจะมีแบบนี้เสียที หลังจากที่มีครอบครัวกันไป ปูนได้แต่แอบยืนมองดูสองพี่น้อง คนหนึ่งก็เพื่อนรัก อีกคนก็สามี ไม่รู้จะทำยังไงดีต่อไปกับชีวิต อะไรๆมันก็ไม่เป็นไปอย่างตามที่คิดเอาเสียเลย สักพักเผด็จก็โทรเข้ามา หลังจากรับสาย ปูนก็รีบออกไปทันทีแบบเร่งด่วน และก่อนไปก็ไม่ลืมที่จะให้นมลูก แล้วฝากพี่เลี้ยงของเธอดูแลไว้เช่นกัน เหมือนกับทับทิม สำหรับเนเน่หลังจากที่ออกมาจากที่ทำงาน ก็ตรงเข้าบ้านตัวเองเลยทันที ไม่แวะที่ใดเช่นกัน

{{{{{ ===== }}}}}

       ขิงโทรหาวิทย์ เพราะเป็นห่วงสามี เนื่องจากไม่ได้กลับคอนโดมาสองวันเต็มๆแล้ว

“วิทย์ เป็นยังไงบ้าง ขิงเป็นห่วงนะ นี่พ่อแวะมาหา และเล่าให้ขิงฟังเรื่องคดีที่วิทย์ทำอยู่ ใจเย็นๆนะ ไม่ต้องเครียด ขิงเป็นห่วงวิทย์จริงๆนะ” ขิงกังวลมากลัววิทย์จะเป็นอะไรไป

“ไม่มีอะไรหรอก งานมันยุ่งๆอยู่ วิทย์ต้องขอโทษด้วยนะที่เงียบหายไป ต้องทิ้งให้ขิงอยู่ตามลำพังเพียงคนเดียว”

“ไม่เป็นไร ช่วงนี้พ่อมาอยู่ด้วย ไม่รู้ว่าทะเลาะกับยัยทิมหรือเปล่า เห็นขนเสื้อผ้ามาเต็มกระเป๋าเลย” ขิงแอบบอก

“ยังไงคืนนี้วิทย์กลับคอนโดนะ ขิงคิดถึง ไม่ได้นอนกอดเหมือนทุกวัน มันยังไงก็ไม่รู้ นะกลับมานะ พ่อบอกว่าจะทำกับข้าวให้ทานด้วย เราสามคนไม่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้มานานแล้วนะ นะวิทย์คนเก่งของเมีย”

       วิทย์พอได้ยินเสียงเมียก็คลายเครียดและความกังวลได้บ้าง

“ได้ๆ แล้วเย็นนี้วิทย์จะกลับ” วิทย์วางสายแล้วก็รีบเรียกลูกน้องและทีมทั้งหมดประชุมกันแบบด่วนจี๋ทันที

===== <> =====

       เย็นย่ำประมาณ 17.30 น. ณ.ม่านรูดเล็กๆแห่งหนึ่งแถบชานเมืองที่ห่างไกลผู้คนพอสมควร สองหนุ่มสาวแอบมามีความสุขกันหลังจากที่ไม่ได้พบกันมานานพอสมควรพักใหญ่ ไม่ใช่ใครเผด็จกับปูนนั่นเอง หลังจากที่เสร็จกิจทั้งสองก็มานอนกอดและคุยกัน

“หนูน่ารังเกียจมากไหมคะอาที่ทำแบบนี้ เกือบ 2 ปีที่ผ่านมา หนูไม่สบายใจเลย” เผด็จเอามือมาลูบหัวปูนเมียเก็บสาวที่น่ารักของเขา

“ไม่เอาซิคนดี ไหนเราตกลงและคุยกันรู้เรื่องแล้วไง อะไรที่ทำให้ปูนมีความสุข อายินดีทำให้ปูนได้เสมอ”

“แต่หนู..” เผด็จเอานิ้วชี้ขวามาแตะที่ริมฝีปากอันเรียวบางของปูน และก้มลงจูบไปเบาๆ

“รักอาไหม” ปูนพยักหน้า

“ดีมาก ถ้ารักก็ไม่ต้องพูดอะไรอีก อะไรที่ทำแล้วมีความสุขก็ทำไป อะไรที่ไม่มีความสุขก็อย่าทำ” แต่ปูนก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี

“แต่มันผิดกับพี่โมมากนะคะ” ปูนยังคงคิดมากอยู่ดี

“หนูเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้ หนูมีชู้หนูเป็นหญิงแพศยามากรักหลายผัว อาขา เราหนีไปอยู่ต่างประเทศกันสองคนเลยดีไหม หนูเริ่มจะทนไม่ไหวแล้วนะ บางครั้งมันก็เกิดแบบกระทันหันขึ้นมา จนหนูจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว” ปูนเริ่มไม่มีความสุขเพราะระยะหลัง อาการเธอเริ่มเป็นมากขึ้น ถ้าไม่ได้ร่วมรักกับใครจะเกิดอาการชักทันที

“ไม่ได้ ถ้าหนูทำแบบนั้น ก็เท่ากับว่า สิ่งที่เราสองคนอุตส่าห์ทำมามันก็เสียเปล่าซิ อีกอย่าง ถ้าหนูออกไปยอมรับความผิดทุกอย่าง คนเขาจะมองหนูยังไง ถ้าปูนอยากหายจากโรคนี้ หนูก็ต้องอดทนอีกหน่อย อาคิดว่า อาหาวิธีได้แล้วนะ” เผด็จพยายามทำให้ปูนสบายใจขึ้น ถึงแม้ว่าเขาจะรักปูนมากแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ต้องรักษาปูนให้หาย

“จริงนะคะ หนูทรมานเหลือเกิน ไม่รู้ว่าจะหันไปปรึกษากับใคร จนบัดนี้ หนูยังหาไอ้ตัวคนที่วางยาหนูไม่ได้เลย อาขา ทำไมมันถึงต้องทำกับหนูแบบนี้ด้วยนะ หนูไม่เข้าใจ มันทำทำไม หนูไปทำอะไรให้มัน มันถึงได้..” ปูนไม่อยากพูดต่อ เผด็จพยายามตั้งสติและบอกเรื่องทุกอย่างเท่าที่สืบรู้มาได้ เพราะคิดว่าแน่ชัดแล้ว

“ที่จริงมันไม่ได้ตั้งใจเล่นงานหนูหรอก มันต้องการเล่นงานคุณโมมากกว่า” เผด็จบอกความจริงให้ปูนฟัง

“เพราะ คุณโมเป็นทนายในคดีนี้ ถ้ามันทำให้คุณโมหมดความเชื่อถือได้ ก็เท่ากับว่า พวกมันรอด” ปูนตั้งใจฟัง

“แต่เผอิญว่าวันนั้นมันเกิดผิดแผน หนูดันไปทานขวดไวน์ที่มันใส่ยาบ้าๆนี้เอาไว้ซะก่อน และพอหนูทานมันไปมากๆเชื้อมันก็เลยสะสม ทำให้เกิดอาการอยากจะมีเพศสัมพันธ์ขึ้นมาทันทีในเวลาที่ไม่เลือก” ปูนเริ่มเข้าใจ

“ถ้าใครไม่ได้เสพสมหรือปล่อยมันออกมา มันจะมีอาการชักมือไม้เกร็งเลือดไหลออกมาตามหูและปาก รวมถึงทวารทั้ง 7 ไม่หยุด” ปูนเอามือมาปิดปากตัวเองทันที

“ร้ายแรงขนาดนั้นเชียว” เผด็จพยักหน้า

“ใช่..แต่ถ้าได้มีการเสพสม ปล่อยมันออกมาบ้างแล้ว อาการนี้มันก็จะหายไป” เผด็จพูดและหอมแก้มปูนไปด้วย

“แต่อาการนี้จะไม่หายขาด ถ้าไม่มียาถอน เพราะมันจะเกิดขึ้นทุกๆ 7 วัน” ปูนมีสีหน้าที่ไม่ดีเอาซะเลย

“ดีนะที่วันนั้นอามาพบเจอและช่วยหนูไว้ได้ทัน ไม่งั้นหนูได้ตายไปจากโลกนี้แล้วเมื่อ 2 ปีที่แล้ว”

       เผด็จอธิบายไป พร้อมกับหอมแก้มปูน เพื่อให้เธอผ่อนคลาย

“แล้วทำไมช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมานี้ อาการหนูถึงไม่กำเริบหละคะ” ปูนสงสัย

“พึ่งจะเป็นเมื่อเช้านี่เอง ไม่งั้นหนูคงไม่ส่งข้อความบอกอาหรอก”

“อาก็ไม่เข้าใจ อืม..คิดว่าคงเป็นเพราะโสมตัวนั้นกับน้ำผึ้งที่อาให้หนูทานไปมั้ง อาก็ยังแปลกใจว่าทำไมหนูถึงหายไป ไม่ติดต่อมาหาอาเหมือนทุกครั้ง อาพยายามไปถามซินแสที่เก่งๆ ถึงวิธีการแก้ยาพิษชนิดนี้ แต่ก็ยังไม่มีวิธีใดที่แก้แล้วหายสักที คงเพียงแค่ประทังไปได้สักระยะหนึ่งเท่านั้น” ปูนโผเข้ากอดเผด็จและร้องไห้

“อาขา หนูขอบอกตามตรงเลยก็ได้ว่า หนูไม่อยากหายจากอาการบ้าๆนี้เลย”

“อ้าวทำไมหละ” เผด็จมองหน้าปูน เพราะไม่เข้าใจว่า ทำไมอยู่ดีๆ ปูนถึงกล้าพูดออกมาแบบนั้น

“ถ้าได้ยาถอนมามันก็จบ ปูนไม่ดีใจรึไง” ปูนส่ายหน้า

“ไม่เป็นอะไร หนูทนได้ หนูรักอามากนะ” เผด็จอ้าปากค้างเลย

“อาเป็นรักแรกของหนู” เผด็จพูดอะไรไม่ออกเลย เมื่อได้ยินปูนพูดแบบนั้น

“แล้วคุณโมหละ ถ้าหนูไม่รักเขา แล้วหนูรับปากแต่งงานกับเขาทำไม” เผด็จยังคงไม่เข้าใจ ปูนเลยยอมเฉลยความจริง

“ก็ตอนนั้นหนูโมโห งอน หนูยอมรับว่าโกรธอามากที่อาไม่สนใจหนูเลย คนที่เรารักไปมีลูกกับผู้หญิงคนอื่น หนูก็เลยอยากจะเอาคืนดูซิว่า อาจะเลือกใคร ระหว่างหนูกับผู้หญิงพวกนั้น อาจะรักหนูเหมือนที่หนูรักอาไหม” ปูนยอมสารภาพความจริงกับเผด็จในวันนี้

“อาจะตามมาไหม ถ้าอามาหนูก็จะพังงานแต่ง แล้วยอมหนีไปอยู่กับอาทันที” ปูนกล้าเผยความในใจ

“แต่อากลับไม่มา หนูเสียใจมากจึงต้องยอมเป็นของพี่โม” ปูนพูดไปก็น้ำตานองหน้า

“1 ปีที่ผ่านมา หนูไม่มีความสุขเลยรู้ไหม กะว่าจะมีแค่คนเดียว แต่ก็พลาดมีคนที่สองจนได้เพราะไม่ได้คุม” ปูนพูดออกมาเพราะอึดอัดมาก

“และช่วงนั้นเองที่เกิดเรื่องบ้าๆกับหนูขึ้นมาพอดี มันก็เลยทำให้หนูกับอามาตกอยู่ในสภาพนี้ หนูบอกกับตัวเองไม่ถูกเหมือนกันว่า จะดีใจหรือเสียใจดี อาเข้าใจที่หนูพูดไหม”

       เผด็จกอดปูนเอาไว้ด้วยความซาบซึ้ง กับความรักที่ปูนมีให้แบบใสซื่อ และบริสุทธิ์ เผด็จจูบไปที่หน้าผากของปูนเบาๆ

“สุดท้ายอาก็เลือกมัน อีเพ็ญมันท้อง ไหนจะพี่โบว์และพี่เนตรอีก ในเวลาต่อมา ยิ่งทำให้หนูแค้นมากกับความเจ้าชู้ของแฟน คนที่เรารักเอามากๆ บอกตามตรงหนูอยากมีลูกกับอาสักคน ทำไมหนูถึงไม่มีโอกาส”

     ปูนบ่นไปพลางมือก็เล่นไปทั่ว ไม่นานก็เอามือซ้ายตัวเองลูบไล้ไปที่แผ่นอกอันบึกบึนของเผด็จแบบจริงจัง

“เออ..อา ไม่คิดว่าปูน จะต้องการถึงแบบนั้น ก็เลยได้แต่ช่วยให้อาการหนู หายไปเป็นคราวๆเท่านั้น”

“อาขา ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ต่อไปไม่ต้องคุมแล้วนะ หนูอยากมีลูกกับอาสักคน เพื่อเป็นตัวแทนในตอนที่อาไม่อยู่ นะ ได้ไหม จะหาว่าหนูหน้าด้าน หน้าทน ไม่มียางอายก็ได้ นะ หนูอยากมีลูกกับอาจริงๆนะ นี่มันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว นะ หนูขอนะ เห็นใจหนูเถอะ” พูดไม่ทันขาดคำ ปูนก็จัดการกับเผด็จทันที

       เธอขึ้นคร่อมเผด็จเองเลยในคราวนี้ และจัดการตามความต้องการของเธอ ทั้งสองคนใช้เวลาร่วมรักกันอยู่นานพอสมควร สลับกันไปมา จนเผด็จขึ้นมาอยู่ด้านบน ไม่นานก็เสร็จกิจในรอบที่สอง เผด็จจะชักออก แต่ปูนเอามือกดเอวและลำตัวของเผด็จไว้

“ปูน” ปูนดีใจมากที่ลาวาไหลเข้าสู่ตัวเธออย่างเต็มที่ ไม่หายไปไหนสักหยด สมใจอยากดั่งที่เธออยากได้

“ปูนทำไมถึงทำแบบนี้ ไม่น่ารักเลย ทานยาซะ เอ้านี่”

       เผด็จเอื้อมมือหยิบยาคุมชั่วคราวบนโต๊ะให้ ปูนเหวี่ยงมือออกไป จนยาเม็ดสุดท้ายกระเด็นหายไป

“ไม่เป็นอะไรหรอกผัวขา” แล้วบอกกับเผด็จด้วยน้ำเสียงดังฟังชัด

“หนูไม่กิน หนูจะมีเจ้าตัวเล็กกับอา ขอแค่คนเดียว ถ้ามีแล้วหนูจะทำหมันทันที หนูให้สัญญา” ปูนยืนยันเช่นนั้น

“ถ้าหนูมีลูกกับอาแล้ว หนูจะไม่ขอมีกับใครอีกเลยแม้กระทั่งพี่โม” ปูนพูดแบบจริงจัง

“ในเมื่อโอกาสเป็นของหนูแล้ว หนูจะไม่ยอมทิ้งมันไป ทำไม อาไม่รักหนูแล้วเหรอ” ปูนถามแบบน้อยใจ

“อาไม่รักเมียคนนี้แล้วเหรอ หนูเป็นเมียอานะ หนูก็เป็นเมียอาคนหนึ่งนะ เข้าใจไหม” ปูนย้ำให้เผด็จเข้าใจ

“หนูอุตส่าห์ยอมถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมอาถึงได้ใจร้ายกับหนูได้ถึงขนาดนี้น่ะ”

       ปูนระเบิดโทสะและความน้อยเนื้อต่ำใจออกมา เพื่ออยากจะบอกให้เผด็จรับรู้ว่า ไม่ว่าตอนไหนตอนนี้หรือตอนไหน วินาทีใด เธอไม่เคยที่จะลืมเผด็จได้เลย เกือบ 2 ปีที่ผ่านมาที่แอบมีอะไรกัน เธออยากบอกเผด็จมาตั้งนานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้บอก แต่วันนี้ไม่รู้ทำไมถึงได้กล้าเอ่ยปากบอกออกมา อาจเป็นเพราะเธอรักเผด็จมากจริงๆ และไม่อยากที่จะยอมปล่อยคนที่เธอรักให้หลุดมือไปอีกเพราะความจริงได้ถูกเปิดเผยออกไปจนหมดแล้ว

“ทำไมอาถึงไม่ยอมให้ลูกกับหนูเหมือนกับอีเพ็ญ อีโบว์และอีเนตรบ้าง ทำไม ทำไม หนูไม่เข้าใจ หนูอุตส่าห์ยอมถึงขนาดนี้แล้ว ยอมให้คนด่า ว่าเป็นผู้หญิงไม่ดี มากรัก หลายผัว แอบคบชู้ หนูทำให้อาได้ถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมอาถึงทำให้หนูไม่ได้ ทำไม ทำไม” ปูนเอามือทุบอกและตบหน้าเผด็จแล้วร้องไห้ จนเผด็จต้องใจอ่อน ไม่งั้นไม่จบเรื่องแน่

“Ok Ok มีก็มี ไม่คุมก็ไม่คุม เลิกร้องไห้และงอแงได้แล้ว” ปูนเอามือเช็ดน้ำตาที่ใบหน้า

“จริงนะ อาพูดจริงนะ อาจะให้ลูกกับหนูจริงๆนะ”

       เผด็จยิ้มและพยักหน้า ไม่งั้นเรื่องไม่จบแน่ ปูนดีใจมากที่เผด็จรับปากจะมีทายาทตัวน้อยกับเธอ เมื่อสบายใจและความอยากได้ของปูนมีมาก เธอจึงขออีกรอบ เพื่อที่จะได้เติมเชื้อให้แรงขึ้น สรุปคืนนี้ไม่รู้ว่าปูนขอเผด็จไปกี่รอบ และในความเป็นจริง ทั้งสองคนทำสถิติได้เท่าไหร่ก็ไม่รู้ได้

       4 ทุ่ม เผด็จมาส่งปูนที่หน้าบ้าน ปูนถอดหมวดกันน๊อคคืน เผด็จก็ถอดเช่นกัน และหอมแก้มสามีสุดที่รักที่แก้มซ้าย

“ไม่อยากไปเลย อยากอยู่กับอาทุกวันเลย ทำไงดี” ปูนอ้อนสามีขณะที่นั่งกอดเอวเผด็จอยู่

“อารู้แล้วนะว่าใครเป็นคนใส่ยานั้นในขวดไวน์” ปูนทำหน้าตกใจเล็กน้อย

“ยาที่ปูนโดนมีชื่อว่า พิษบำเรอรัก” ปูนตกใจมาก เพราะไม่เคยได้ยินชื่อยาตัวนี้เลยในชีวิต

“มันชื่อแจ้ง เท่าที่สายรายงานมา มันเป็นคนของแก็งค์มังกรดำ รายละเอียดอายังได้มาไม่มากนัก ต้องขอไปสืบอีกครั้ง” ปูนยิ้มให้เผด็จ

“เอาที่ผัวสบายใจเลยค่ะ เมียอย่างหนู ยินดีทำตามที่ผัวสั่งและบอกทุกอย่าง”

       ปูนเอื้อมมือมาลูบแก้มเผด็จ “จะให้เมียช่วยหรือทำอะไร ผัวก็บอกมาได้ทุกเมื่อและทุกเวลา”

“น่ารักมาก เวลาที่หนูไม่ดื้อ ก็น่ารักแบบนี้แหละ” เผด็จเอียงหน้าไปหอมแก้มขวาปูนเบาๆ

“อ้อ อา ยังไงก็เตือนอีเน่มันหน่อยนะ อย่าให้มันมาหาเรื่องหนูบ่อยนัก ยังไงหนูก็เป็นแม่เลี้ยงมันนะ ให้มันให้เกียรติ์หนูบ้าง ถ้าอาไม่ให้หนูดูแลมัน หางตาสักนิด หนูจะไม่แลมันเลย ขอบอกไว้ให้รู้เลย เข้าใจไหมคะผัวขา”

“ได้ๆ เดี๋ยวอาจะปรามมันเอง อีกอย่างมันไม่รู้นี่ว่าหนูเป็นอะไรกับอา” เผด็จยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้

“น้อยหน่อย ไม่รู้เหรอ หนูว่ามันรู้นะ ว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน ไม่งั้นมันไม่กล้าวีนใส่หนูแบบนี้หรอก ถ้าไม่เห็นว่ามันเป็นลูกสาวอา หนูไม่เกรงใจด้วยจะบอกให้ อยากจะตีให้ตายคามือสักวัน”

       ปูนได้ทีฟ้องผัวเหมือนกัน “เอาน่า ถือว่าอาขอก็แล้วกัน ปูนก็รู้ว่ามันกำพร้าแม่มาสองครั้งแล้ว มันไม่มีใครที่จะคอยสั่งสอน อาก็ไม่ค่อยมีเวลา หาเงินให้มันใช้อย่างเดียว และอีกอย่างก็ต้องสืบหาเพื่อที่จะเอายาถอนพิษมาให้หนูให้ได้อีก ไม่มีใครเอามันอยู่นอกจากหนู ถ้าหนูไม่ใช่คนสำคัญ อาไม่ฝากมันไว้กับหนูหรอกเข้าใจไหมครับ”

       เผด็จหันมาแล้วเอามือจับจมูกน้อยๆของปูนเล่น “ไปได้แล้ว ปาดนี้ลูกหิวนมแล้วมั้ง”

“ค่ะ อาเองก็ดูแลและรักษาตัวเองด้วยแล้วกัน อย่าลืมนะว่าเมียคนนี้เป็นห่วงอยู่ ทำอะไรก็ระวังตัวด้วยนะ ไปหละ บาย”

      ก่อนที่ปูนจะลงรถมอเตอร์ไซด์ ก็เอียงหน้าไปจูบปากเผด็จอยู่พักใหญ่ พอถอนปากออกมา ก็ลงรถและเดินเข้าบ้านทันที ปูนยังไม่อยากที่จะละสายตาจากเผด็จเลย ยกมือบ๊ายบายอยู่หลังประตูลูกกรงเหล็ก พอเผด็จลับสายตาไป ปูนก็เดินอมยิ้มเข้าบ้านจนลืมไปเลยว่า ตอนนี้ตัวเองไม่ได้โสดเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

       แตงโมเดินอุ้มลูกชายคนโตออกมารอที่หน้าห้องรับแขก ปูนตกใจมาก เพราะไม่ได้ตั้งตัวและทำใจ “อุ๊ย”

“ทำไมถึงกลับมืดหละวันนี้” ปูนไม่พูดกับแตงโม เพราะยังโกรธกันอยู่ เนื่องจากหลายวันนี้ แตงโมเองที่เป็นฝ่ายไม่พูดกับปูน

“ยิ้มหน้าบานมาเลยนะ ไปทำอะไรมาหละ ถึงได้เป็นแบบนี้”

       ปูนยอมหันไปพูดกับแตงโม ด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยเป็นมิตร

“ยุ่งอะไรด้วย” แล้วก็เดินไปดึงลูกชายคนโตมาอุ้ม

“หิวนมหรือยังลูก ไป แม่จะเอาให้ทาน คงหิวหละซิท่า ดูซิ”

       ลูกชายหิวจริงๆพออยู่ในอ้อมอกแม่ ก็เอียงหน้าไปที่เต้าทันที ปูนแบะกระดุมที่เสื้อออก แล้วก็เอานมให้ลูกทานและเดินขึ้นชั้นบน

“สักวันเถอะปูน พี่ต้องรู้ให้ได้ ว่าเธอหายไปไหนมา เดี๋ยวนี้หัดมีความลับกับพี่นักนะ”

       หลังจากพูดเสร็จแตงโมก็เดินขึ้นไปชั้นบนเข้าห้องนอนทันที .. นานๆจะมีโอกาสและเวลาให้กับครอบครัวเสียหน่อย หลังจากที่วันนี้ไปทานอะไรกับทับทิมมา ทับทิมได้แนะเคล็ดลับบางอย่างให้ ซึ่งต่างกับผัวเธอมาก รายนั้น เอาใจทั้งวันจนเกินขอบเขต จนน่าเบื่อ จ้องจะเอา ปั๊มลูกคนที่ 3 อย่างเดียว แต่แตงโมซิกลับบ้างานจนละเลยความเป็นสามี ไม่ค่อยจะทำการบ้านเอาซะเลย จึงทำให้ปูนเบื่อเลยต้องไปหาเศษหาเลยและหากินนอกบ้านอยู่บ่อยๆเป็นประจำ

       ทับทิมเตือนพี่ชายทางอ้อม ไม่รู้ว่าแตงโมจะเข้าใจหรือเปล่าก็ไม่รู้

“ปูน” แตงโม กระแซะปูนขณะที่เธอกำลังนั่งให้นมลูกชายคนโตอยู่

“อะไร” แตงโมแกล้งทำปูไต่ๆไปที่แขนขวา ปูนเอามือซ้ายดึงออก แล้วพูดแบบไม่มีเยื่อใย

“ไม่มีอารมณ์ หนูเหนื่อย” ปูนวางลูกชายคนโตในเปล และอุ้มลูกสาวคนที่สองขึ้นมา ให้นมอีกคน แต่เป็นคนละข้างกัน เมื่อกี้ทางซ้าย ตอนนี้ ทางขวา แตงโมพยายามจะสวมกอดเอวปูนจากทางด้านหลัง

       ปูนรู้ว่าแตงโมจะทำอะไร จึงลุกขึ้นยืนและเดินไปมา ทำเป็นร้องเพลงกล่อมลูก ไม่สนใจแตงโม จนแตงโมต้องล้มตัวนอนไปเองคนเดียว ปูนหันไปมองแตงโมด้วยหางตา และรำพึงเบาๆ

“หนูขอโทษด้วยนะพี่ ที่ต้องทำแบบนี้ หนูไม่ได้รักพี่ หนูรักอาเด็จ หนูขอโทษ”

       แล้วปูนก็ร่ำไห้ออกมาเบาๆ ไม่มีใครรู้ได้ว่าอนาคตของสองคนนี้จะเป็นเช่นไร แต่ที่รู้ๆ ปูนไม่ได้มีใจรักให้กับแตงโมอีกแล้วอย่างแน่นอน

///// +++++ /////

       รุ่งเช้าวันใหม่ (29 พ.ค.) เนเน่มาสอนตามตารางของเธอปกติ ทำให้ปูนและทับทิมงงและประหลาดใจเอามากๆ ในเมื่อ วันก่อนทับทิมประกาศลั่นไปแล้ว เธอจึงยึดเอาคำพูดนั้นของทับทิมเป็นที่ตั้ง เนเน่ส่งยิ้มให้กับทั้งสองคน จนปูนและทับทิม ทำหน้าเหวอ ไม่รู้จะตอบยังไงเลยได้แต่ยกมือให้เท่านั้น แล้วเนเน่ก็ทำตัวปกติ

       จะมีก็แต่ปูนกับทับทิมนั่นแหละที่บรรยากาศเหมือนมาคุกันเอง เพราะทับทิมโกรธปูนที่ทำตัวไม่ดี แอบมีสัมพันธ์สวาทกับเผด็จ พูดง่ายๆ มีชู้ สวมเขาให้กับพี่ชายตัวเอง จากเพื่อนรัก เพื่อนสนิท ก็เลยกลายเป็นเพียงคนที่รู้จักกันเท่านั้น โชคดีที่ตอนนี้ทั้งสองคนแยกกันทำงานอย่างเด็ดขาด

       ปูนคุมฟิตเนตชั้น 2 ส่วนทับทิม คุมวิชาศิลปป้องกันตัวอยู่ที่ชั้นหนึ่งล่างสุด ตลอดวัน ทั้งสองคนจึงไม่ได้เจอหน้ากันเลยตั้งแต่นั้นมา เนเน่เองก็ไม่สนใจอะไรเช่นกัน หมดหน้าที่เมื่อไหร่เธอก็ไปตามทางของเธอเมื่อนั้น เท่ากับว่าทั้งสามคน ต่างคนต่างอยู่ไม่ก่าวก่ายชีวิตของใครตามที่ทับทิมเคยลั่นวาจาเอาไว้ ส่วนแตงโมก็ทำงานอยู่ที่สำนักงานทนายความชั้นสาม ถึงกระนั้นพอแตงโมลงมาหาลูก และทักทายเมียอย่างปูน ปูนก็ไม่สนใจเหมือนกัน เพราะปูนได้ตัดสินใจไปแล้ว ถ้าเธอท้องกับเผด็จจริง เธอจะหย่ากับแตงโมทันที แต่ถ้าไม่ เธอก็จะขอทนอยู่แบบนี้ตลอดไป เลยทำให้ความสัมพันธ์ของทั้ง 4 คนสั่นคลอดไปโดยปริยายทางอ้อม

***** ฿฿฿฿฿ *****

       แจงมีความสุขมากที่ไม่คนมากวนใจ นานๆจะมีเวลาเป็นส่วนตัวสักที จึงมานั่งทานอะไรกับพี่ชายในสวนที่เมืองนนท์

“แกสบายใจอะไรของแกนักหนาวะแจง หลายวันที่ผ่านมา ฉันเห็นแกยิ้มตลอด ตั้งแต่ส่งธนบัตรปลอมล๊อตล่าสุด และส่งเด็กออกนอกได้เมื่อวาน”

       แจงยิ้มและยกกระป๋องน้ำอัดลมขึ้นดื่ม “ไม่มีอะไรหรอกพี่ ก็แค่ไม่มีใครมาคอยขวางหูขวางตาเหมือนครั้งก่อนๆ”

“เออ นั่นซินะ ถึงว่า 3-4 วันที่ผ่านมานี้ งานที่แกรับผิดชอบทุกงาน แบบไม่มีสะดุดเลย เห็นจะมีแต่พวกตำรวจหน้าโง่ ที่ไม่ค่อยมีน้ำยาสักเท่าใด ไม่เห็นเกิดเรื่องอะไรกับแกหนักๆเลยเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาเลย แกทำได้ยังไงวะถึงเงียบสงบได้แบบนี้” แจงไม่รู้จะบอกพี่ชายยังไงดี เพราะมันตอบและอธิบายไม่ถูกจริงๆ

“ไม่รู้ซิ หนูอาจจะคิดไปเองก็ได้ พี่จำไอ้เด็กบ้าที่ใส่หน้ากากชุดสีขาวตัวเล็กๆคนนั้นได้ไหม” โจ้พยักหน้า

“นั่นแหละ วันก่อนที่โกดัง หนูอัดมันซะเละไปเลย สงสัยคงจะกำลังนอนหยอดน้ำข้าวต้มอยู่เป็นแน่แท้ 2-3 วันนี้หนูเลยไม่เห็นหน้ามัน และยังจะมีตาแก่โรคจิตอีกคน ที่คอยตามจิกและกัดหนูไม่ปล่อย”

       แจงเล่าให้ฟัง “หลายวันก่อนหนูพังรถมอเตอร์ไซด์คู่ใจของมันไป สงสัยปาดนี้คงจะแอบไปร้องไห้โฮอยู่ที่ไหนสักแห่งหนึ่งตามลำพังแล้วมั้ง คงจะเข็ดไปอีกนาน ไม่กล้ามาตอแยกับหนูอีกแล้วแหละ หนูถึงสบายใจไงพี่โจ้” โจ้ดีใจที่น้องมีความสุข ไม่เครียดเหมือนกับทุกๆครั้งที่ผ่านมา

“เอานี่ ส่วนแบ่ง” โจ้โยนส่วนแบ่งให้

“ค่าเหนื่อยของแก มาดาม แบ่งมาให้ ทั้งสองงาน รวมๆแล้วเกือบ 3 แสนเลยนะ” แจงหยิบแล้วจูบนิดหน่อย

“เก็บไว้บ้างนะ อย่าเอาไปใช้สุรุ่ยสุร่ายมากนักหละ ข้าวของปัจจุบันมันแพง ไอ้เครื่องสำองค์กับกระเป๋าแบรนด์เนมแพงๆ ก็อย่าไปซื้อมันมากนัก เข้าใจไหม”

โจ้เตือนน้องสาว เพราะไม่อยากจะให้กลับไปจนเหมือนก่อน

“เออๆ รู้แล้วน่า หนูผู้หญิงนะพี่ มันก็ต้องมีบ้าง” โจ้ไม่ลืมที่จะถามถึงเรื่องแม่พิมพ์แบ็งค์ปลอมทั้งสามชนิด

“เมื่อไหร่ที่เงินหมด ไม่มีงาน มันจะลำบาก อย่าลืมเก็บใส่ธนาคารบ้าง รู้ไหม”

       แจงลุกขึ้นยืนและยกมือทำท่าตะเบ้พี่ชาย ก่อนที่จะจะออกไปพักผ่อนสมอง

>>>>>>>>> ********** <<<<<<<<<<

โปรดติดตามตอนต่อไปใน ตอนที่ 9 .. “ ไม่หมู่ก็จ่า ”

5 กรกฎาคม 2565
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า