Your Wishlist

ทะลุมิติเป็นแม่ใจโหดนักทำอาหาร (ตอนที่ 7 สอบถาม)

Author: TealChair แปล

หลี่เหอฮว๋าทะลุมิติกลายเป็นหญิงสาวชาวบ้าน เจ้าของร่างเดิมเป็นหญิงร่างอ้วนที่สุดแสนจะเกียจคร้าน ทั้งยังจิตใจชั่วร้าย จู่ๆ ก็ต้องกลายเป็นคนที่ทุกคนเกลียดชัง เพื่อความอยู่รอดนางจะใช้ฝีมือทำอาหารที่ได้รับการสืบทอดมาจากชาติที่แล้วทำมาหาเลี้ยงตัวเอง พร้อมๆ กับแก้ไขความสัมพันธ์แม่ลูกให้พลิกฟื้นขึ้นมาให้จงได้

จำนวนตอน : 87 ตอนจบ (แปลแบ่งย่อยเป็น 153 ตอนจบ)

ตอนที่ 7 สอบถาม

  • 30/06/2565

รุ่งเช้าวันต่อมาหลังล้างหน้าบ้วนปากแล้วหลี่เหอฮว๋าก็กินโจ๊กข้าวกล้องอย่างเร่งรีบก่อนจะออกไปข้างนอกอีกครั้ง

 

วันนี้นางจะไปหมู่บ้านอีกแห่งหนึ่งเพื่อเสาะหาว่ามีใครกำลังจะจัดงานแต่งงานบ้าง

 

หลี่เหอฮว๋าเดินออกจากหมู่บ้านแล้วมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกซึ่งมีบ้านเรือนอยู่อย่างหนาแน่น ดูเหมือนจะเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ทีเดียว

 

หลังเดินไปราวหนึ่งชั่วยาม ในที่สุดนางก็มาถึงหมู่บ้านแห่งนั้น หลี่เหอฮว๋าเช็ดเหงื่อบนหน้าผากแล้วหาที่นั่งพัก นางจะต้องรอให้เหงื่อตามร่างกายแห้งและหายเหนื่อยหอบเสียก่อนไม่เช่นนั้นเสื้อผ้าจะดูไม่สะอาดเพราะรอยเปียกชื้นจากเหงื่อซึ่งอาจสร้างความรู้สึกไม่ประทับใจขึ้นได้

 

หลังนั่งพักอยู่เป็นเวลานาน หลี่เหอฮว๋าก็สำรวจเสื้อผ้าของตนก่อนที่จะมุ่งหน้าเข้าไปในหมู่บ้าน

 

พอคนในหมู่บ้านเห็นนางพวกเขาก็พากันมองมาด้วยความสงสัยพร้อมกับก้มหน้ากระซิบกระซาบบางอย่างกันเป็นครั้งคราว ไม่จำเป็นต้องได้ยินก็รู้ว่าพวกเขากำลังพูดถึงรูปร่างของนางอยู่

 

หลี่เหอฮว๋าทำราวกับไม่ได้เห็นอะไรได้แต่ยิ้มแย้มอย่างสดใสที่สุดออกไป นางเดินเข้าไปหาหญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งแล้วเอ่ยสีหน้ายิ้มๆ ว่า “พี่สาว ข้าขอถามอะไรหน่อย มีคนในหมู่บ้านของท่านกำลังจะแต่งงานบ้างหรือไม่เจ้าคะ?”

 

พอพี่สาววัยกลางคนได้ยินคำพูดนั้นก็มองหลี่เหอฮว๋าตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นก็ถามว่า “เจ้าจะถามเรื่องนี้ไปทำไมกัน? เจ้ามาที่หมู่บ้านของพวกเราด้วยเรื่องอันใดหรือ?”

 

หลี่เหอฮว๋าถึงกับเหงื่อซึม ทำไมสายตาของพี่สาวคนนี้อย่างกับเครื่องตรวจจับแน่ะ? เรื่องนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวกับนางสักหน่อย ไอ๊ ดูเหมือนทุกคนที่นี่จะอยากรู้อยากเห็นและชอบคุยเรื่องซุบซิบ

 

หลี่เหอฮว๋าไม่มีทางเลือกนอกจากบอกความจริงออกไป “พี่สาว ข้าไม่ปิดบังท่าน ข้าเป็นแม่ครัวแต่ตอนนี้ไม่ได้ทำงานที่เดิมอีกแล้ว ข้าอยากจะทำงานในละแวกใกล้เคียงกันนี้จึงได้มาสอบถามที่หมู่บ้านของท่านว่ามีจัดงานบ้างหรือไม่”

 

เมื่อได้ยินคำพูดนั้นพี่สาวผู้นั้นก็ตกตะลึง สายตาของนางสื่อความหมายออกมาชัดเจนว่า อย่างเจ้ายังจะเป็นแม่ครัวได้ด้วยหรือ?’ ข้าไม่อยากจะเชื่อ

 

หลี่เหอฮว๋ากล่าวต่อด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “พี่สาว ท่านมองว่าดูไม่เหมือนเลยใช่ไหมเล่า? แต่ข้าเป็นแม่ครัวจริงๆ อีกทั้งยังไม่เคยมีใครพูดเลยสักคนว่าฝีมือทำอาหารของข้าแย่ ท่านดูรูปร่างข้าสิ หลายปีมานี้ด้วยความที่เป็นแม่ครัวข้าอดใจไม่ได้จึงกินเข้าไปมาก คนเราพอได้กินดีเกินไปก็ได้แต่อ้วนขึ้นเรื่อยๆ เท่านั้น”

 

ได้ยินคำพูดของหลี่เหอฮว๋าพี่สาวคนนั้นก็เริ่มเชื่อถือขึ้นมานิดหน่อยพลางเอ่ยว่า “เจ้ามาได้จังหวะพอดี มีคนในหมู่บ้านพวกข้ากำลังจะแต่งงานจริงๆ เป็นบ้านเฒ่าหวัง เจ้าลองไปสอบถามดูสิ”

 

ดวงตาหลี่เหอฮว๋าเป็นประกายขึ้น “จริงหรือพี่สาว? เช่นนั้นลำบากท่านช่วยพาข้าไปที่นั่นได้หรือไม่? รบกวนท่านด้วย”

 

ผู้คนในยุคนี้ยังคงมีชีวิตเรียบง่ายและอยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรจะทำอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงชอบดูเรื่องสนุกๆ เป็นพิเศษ ตอนนี้มีหญิงร่างอ้วนมาบอกว่าเป็นแม่ครัวและต้องการจรับจ้างจัดเลี้ยง พวกเขาจึงพากันเข้ามาฟังด้วยความอยากรู้อยากเห็น

 

ตอนนี้พอเห็นหลี่เหอฮว๋าจะไปบ้านเฒ่าหวังทุกคนจึงให้ความสนใจและต่างพูดว่าพวกเขาสามารถพานางไปที่นั่นได้

 

พี่สาวผู้นั้นลุกขึ้นยืนพลางกวักมือ “มากับข้า ข้าจะพาเจ้าไปที่นั่นเอง”

 

หลี่เหอฮว๋ารีบเอ่ยขอบคุณ “พี่สาว ต้องขอบคุณท่านมาก ท่านเป็นคนดีจริงๆ”

 

พี่สาววัยกลางคนผู้นั้นรู้สึกดีมากเมื่อถูกชม มุมปากของนางยกโค้งสูงขึ้นเรื่อยๆ

 

หลังเดินมาได้สักพักก็ถึงบ้านของตาเฒ่าหวัง พี่สาวผู้นั้นเดินนำเข้าไปในลานบ้านแล้วตะโกน “เฒ่าหวัง! เฒ่าหวัง! มีใครอยู่บ้าง?”

 

คนในบ้านได้ยินเสียงเรียกก็ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว “ไอ๊ อยู่อยู่ พวกข้าอยู่นี่!”

 

ชายสูงวัยผู้หนึ่งเดินออกมา เป็นเฒ่าหวังที่พี่สาวเรียกหานั่นเอง “สะใภ้เฉา เจ้ามาเรียกข้ามีเรื่องอะไร?”

 

พี่สาวผู้นั้นดึงตัวหลี่เหอฮว๋ามา “ไม่ใช่ว่าบ้านเจ้ากำลังจะจัดงานแต่งงานหรอกหรือ? คนผู้นี้บอกว่านางเป็นแม่ครัว อยากจะมาทำอาหารงานเลี้ยงให้บ้านเจ้าน่ะ”

 

สายตาของเฒ่าหวังที่เหลือบมองหลี่เหอฮว๋าฉายแววสงสัย “สะใภ้เฉา เรื่องคนทำอาหาร บ้านข้าตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะเชิญตัวโจวเหล่าเกินจากหมู่บ้านเหอซีมา พวกข้าไม่ต้องการหาคนอื่นมาอีกแล้ว”

 

หลี่เหอฮว๋ารู้ว่านี่คือการปฏิเสธของผู้อื่น แต่นางจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ นางก้าวเท้าขึ้นออกมามาพูดกับเฒ่าหวัง “สวัสดีเจ้าค่ะท่านลุง ข้าหลี่เหอฮว๋า ข้าเป็นแม่ครัวที่ทำอาหารอร่อยมากนะเจ้าค่ะ หลังได้กินอาหารที่ข้าทำแล้วไม่มีผู้ใดพูดว่าไม่อร่อยเลย บ้านท่านกำลังจะจัดงานแต่งงาน รสชาติอาหารเป็นเรื่องที่สำคัญมากนะเจ้าค่ะ”

 

คำพูดของหลี่เหอฮว๋าตรงใจผู้คน เป็นเรื่องจริงที่งานเลี้ยงต้อนรับในงานมงคลเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก หากอาหารอร่อยแล้วแขกที่มากินได้มาก เจ้าภาพก็จะได้หน้าเป็นอย่างมาก ผู้อื่นจะมองมาอย่างชื่นชมยกย่อง ดังนั้นต่อให้มีฐานะไม่ร่ำรวยแต่เมื่อเป็นงานมงคลแล้ว พวกเขาจะต้องซื้อหาอาหารอย่างดีมาเตรียมไว้ให้มากพอและเชิญตัวผู้เชี่ยวชาญด้านจัดงานเลี้ยงมาทำอาหารให้

 

เฒ่าหวังกล่าวว่า “แน่นอน พวกข้าจัดเตรียมการอาหารสำหรับงานเลี้ยงไว้เป็นอย่างดี บ้านข้าได้เชิญคนทำอาหารฝีมือดีจากหมู่บ้านใกล้เคียงเอาไว้แล้ว ฝีมือทำอาหารของเขามีแต่ผู้คนยกย่อง”

 

จริงๆ แล้วสิ่งที่เฒ่าหวังไม่ได้พูดออกมาคือหญิงอายุน้อยเช่นเจ้าจะไปเทียบพ่อครัวที่มีประสบการณ์มานานนับ 10 ปีได้อย่างไร

 

หลี่เหอฮว๋าสัมผัสได้ถึงความไม่เชื่อถือในคำพูดของเฒ่าหวัง ทว่านางก็ไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองแต่อย่างใด นางพูดต่อ “ท่านลุง ข้าเชื่อว่าฝีมือของผู้อื่นไม่ได้แย่ แต่ข้าก็เชื่อเช่นกันว่าฝีมือของข้าไม่ด้อยไปกว่าผู้อื่นแน่นอน หากข้าไม่มีความสามารถจริงๆ ข้าคงไม่กล้าพูดจาใหญ่โตเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ หรือไม่อย่างนั้นให้ข้าลองทำอาหารให้ดูก่อน พวกท่านจะได้ลองชิมดูว่าฝีมือของข้าดีหรือไม่ หรือว่าฝีมือของผู้อื่นดีกว่า ถ้าท่านคิดว่าฝีมือของข้าด้อยกว่าผู้อื่น ถึงตอนนั้นข้าจะไม่พูดอะไรอีกเลยและจะจากไปทันที”

 

คำพูดของหลี่เหอฮว๋าทำให้คนที่ยืนดูอยู่รอบๆ ต่างก็พูดคุยถกเถียงกันอย่างคึกคัก

 

“พูดน้ำเสียงหนักแน่นขนาดนี้ นางคงไม่ได้โม้หรอก”

 

“โจวเหล่าเกินผู้นั้นทำอาหารงานเลี้ยงมาเป็นสิบๆ ปี ฝีมือของนางจะเทียบเขาไหวหรือ?”

 

“มันก็ไม่จำเป็นนะ นางกล้าพูดว่าจะทำอาหารให้ดู บางทีนางอาจจะมีความสามารถจริงๆ ก็ได้”

 

ในเวลานี้มีคนเอ่ยขึ้นมา “เฒ่าหวัง เจ้าก็ให้นางลองทำดูสิ อย่างไรก็ใกล้จะถึงเวลาอาหารกลางวันอยู่แล้ว จะได้เป็นอาหารมื้อกลางวันพอดีเลย”

 

คำพูดนี้ทำให้เกิดเสียงฮือฮาจากผู้ที่อยู่รอบข้างเขาขึ้นมาทันที

 

ถึงตอนนี้คนในบ้านเฒ่าหวังก็เดินออกมา หนึ่งในนั้นเป็นชายหนุ่มอายุราว 18 -19 ปี เขาดึงแขนเสื้อของเฒ่าหวัง “ท่านพ่อ ให้นางได้ลองทำเถิด หากทำไม่ดีก็ไม่ต้องใช้นาง ไม่ได้เสียหายอะไร แต่หากนางทำอาหารได้ดีกว่าโจวเหล่าเกินจริงๆ เราจะได้คนมีฝีมือมาทำอาหารในงานเลี้ยงให้”

 

เมื่อเห็นว่าทุกคนต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าให้นางลองทำดู เฒ่าหวังจึงไม่ลังเลอีกต่อไป เขาพยักหน้าตอบรับ “ตกลง ลองทำดู แต่ต้องลองทำให้เปล่าๆ นะ พวกข้าไม่ให้เงินเจ้า”

 

หลี่เหอฮว๋ารีบพูดขึ้น “ข้าไม่คิดเงินท่านอย่างแน่นอน แค่จะลองทำให้พวกท่านได้ชิมดูเท่านั้น”

 

เฒ่าหวังหันหลังกลับ “เช่นนั้นมากับข้า วันนี้เพิ่งจับปลามาได้ เจ้าทำจานปลาก็แล้วกัน”

 

หลี่เหอฮว๋าดีใจมาก นางรีบตามเขาเข้าไปอย่างรวดเร็ว

 

พวกชาวบ้านที่เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ก็ไม่ยอมแยกย้ายกลับไปเช่นกัน พวกเขาทั้งหมดจะตามเข้าไปในห้องครัวด้วย ทว่าห้องครัวไม่มีที่ทางกว้างพอให้ยืน พวกเขาจึงพากันไปยืนดูจากด้านนอก

 

หลี่เหอฮว๋าไม่สนใจว่าจะมีคนรอดูอยู่ข้างนอกมากมายเท่าใด นางเดินตรงเข้าไปในครัวก็เห็นปลาเฮย*ที่ถูกเชือดไว้แล้ว

*ปลาช่อนหรือปลาหัวงู

 

ปลาเฮยเป็นวัตถุดิบชั้นดีในการทำต้มปลาผักกาดดอง หลี่เหอฮว๋าจึงตั้งใจจะทำต้มปลาผักกาดดอง*(1)

*เป็นหนึ่งในอาหารขึ้นชื่อของมณฑลเสฉวน มีรสชาติเปรี้ยวเผ็ด

 

หลี่เหอฮว๋าถามเฒ่าหวัง “ท่านลุง ที่บ้านท่านมีผักกาดดองหรือไม่? ขอให้ข้าสักถ้วยได้หรือไม่?”

 

เฒ่าหวังพยักหน้า “ได้ เจ้ารอเดี๋ยว” จากนั้นเขาก็บอกภรรยาของตนให้ไปเอาผักกาดดองมาให้

 

หลี่เหอฮว๋าเริ่มจัดการกับปลาเฮย

 

ขั้นแรกนางแล่เนื้อปลาส่วนที่หนาออกมาเป็นชิ้นๆ จากนั้นก็ตัดส่วนหัว ส่วนหางและส่วนอื่นๆ แยกเอาไว้ทำน้ำแกงปลา เนื้อปลาที่แล่เป็นชิ้นถูกนำมาหมักด้วยไข่ขาวและเหล้าปรุงอาหาร

 

ระหว่างหมักเนื้อปลา หลี่เหอฮว๋าก็เตรียมเครื่องปรุงต่างๆ อาทิเช่น ขิง กระเทียม พริกไทยเม็ดและอื่นๆ จากนั้นนางก็ตั้งกระทะจนร้อน เทน้ำมันลงไปตามด้วยขิงหั่นแว่น กระเทียม พริกไทยเม็ด พริก ผัดให้เข้ากันจนหอมแล้วใส่ส่วนของหัวปลา หางปลาและเครื่องปรุงอื่นในการทำน้ำแกงลงไปผัดให้เข้าไป หลังจากนั้นก็เติมเหล้าลงไปแล้วผัดต่อ

 

ไม่นานกลิ่นหอมเย้ายวนก็อบอวลไปทั่วห้องครัว

 

พวกคนในหมู่บ้านไม่รู้ว่านางกำลังทำอาหารอะไร ไม่ใช่ปลาตุ๋นน้ำแดงหรอกหรือ? ทำไมถึงต้องแล่เป็นชิ้น? แล้วเอาผักกาดดองมากมายมาทำอะไร?”

 

ท่านป้าหวังที่เป็นภรรยาของเฒ่าหวังก็สงสัยอยู่เหมือนกัน นางอดเอ่ยถามไม่ได้ “แม่หนู เจ้ากำลังทำอะไรอยู่น่ะ? ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”

 

หลี่เหอฮว๋าตอบในขณะที่มือยังเคลื่อนไหวไม่หยุด “ข้าจะทำต้มปลาผักกาดดองเจ้าค่ะ คนส่วนใหญ่ไม่รู้วิธีการทำอาหารชนิดนี้” ดูเหมือนคนที่นี่จะไม่รู้จักต้มปลาผักกาดดองปลา

 

หลังได้ยินคำพูดของหลี่เหอฮว๋า ทุกคนจึงเข้าใจว่าอาหารจานนี้เป็นสูตรอาหารเฉพาะของนาง ทันใดนั้นความรู้สึกที่มีต่อนางก็ถูกยกสูงขึ้น เริ่มเชื่อมั่นมากขึ้นว่านางเป็นคนมีความสามารถ

 

หลี่เหอฮว๋าไม่สนใจเรื่องที่ผู้อื่นกำลังถกเถียงกัน นางยังเคลื่อนไหวมือไม้ของตนต่อไป หลังจากที่กระดูกปลาที่ผัดเริ่มเป็นสีขาวนางก็เทน้ำร้อนลงไปในกระทะ จากนั้นก็ใส่ผักกาดดองตามลงไปในน้ำแกงปลา รอจนกระดูกปลาเริ่มสุกสัก 9 ส่วนก็ถ่ายใส่หม้ออีกใบหนึ่ง จากนั้นก็ใช้ตะเกียบคีบปลาที่หมักเอาไว้จัดเรียงวางแผ่ทั่วหม้อ ต้มด้วยไฟแรงจนกระทั่งเนื้อปลาเปลี่ยนสีจึงดับไฟ

 

ขั้นตอนสุดท้ายโรยพริกแห้งหั่น พริกไทยและผักชีลงบนเนื้อปลา จากนั้นนำน้ำมันเดือดหนึ่งช้อนราดลงไปบนเนื้อปลา และแล้วต้มปลาผักกาดดองจานนี้ก็เสร็จเรียบร้อย

 

อันที่จริงตั้งแต่ก่อนที่จะทำปลาเสร็จ คนที่เฝ้าดูอยู่ต่างก็เริ่มกลืนน้ำลายเนื่องจากกลิ่นอาหารหอมมากจริงๆ คนที่ได้กลิ่นเอาแต่กลืนน้ำลายไม่หยุด พวกเขาแทบรอไม่ไหวอยากจะเข้าไปหยิบมาลองชิมสักชิ้นในตอนนี้เลย

 

ใครบางคนเอ่ยขึ้น “กลิ่นหอมมาก ไม่ต้องกินก็รู้ว่าต้องอร่อยแน่ กลิ่นหอมยิ่งกว่าอาหารที่โจวเหล่าเกินทำเสียอีก”

 

หลายคนพากันเห็นด้วย ทุกคนต่างก็เคยได้กินอาหารที่โจวเหล่าเกินทำขึ้นไม่มากก็น้อย พวกเขายกย่องฝีมือในการทำอาหารของโจวเหล่าเกินมาโดยตลอด แต่วันนี้เมื่อได้กลิ่นของต้มปลาผักกาดดองจานนี้ ด้วยจิตสำนึกที่มีพวกเขาไม่สามารถพูดได้เลยว่าอาหารจานนี้เทียบกับของโจวเหล่าเกินไม่ได้ อย่างน้อยการปรุงอาหารของโจวเหล่าเกินก็ไม่ได้หอมเท่านี้

 

ความรู้สึกของเฒ่าหวังเปลี่ยนจากที่ลังเลไม่เต็มใจในตอนแรกเป็นรอคอยอย่างคาดหวัง เมื่อเห็นหลี่เหอฮว๋าทำเสร็จเขาก็ถามขึ้นทันที “ข้ากินได้หรือยัง?”

 

หลี่เหอฮว๋าพยักหน้า “ได้แล้วเจ้าค่ะ เชิญลองชิมดูเถิด”

 

ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมาคนในครอบครัวหวังก็หยิบตะเกียบออกมา พวกเขาแทบจะรอยื่นตะเกียบออกไปคีบปลามากินไม่ไหวแล้ว

 

เฒ่าหวังได้ชิมคำแรกไปก็ชะงักชั่วอึดใจพลางเหลือบตามองไปที่หลี่เหอฮว๋าก่อนจะถอนสายตากลับแทบจะในทันที จากนั้นก็ยืดตะเกียบตนออกไปคีบต่อ

 

คนที่เหลือในครอบครัวหวังก็เป็นเช่นเดียวกัน ชั่วขณะหนึ่งครอบครัวหวังต่างก็กินกันไม่หยุดอยู่ตรงนั้น

 

เหล่าคนที่เฝ้าดูต่างรอฟังผลลัพธ์จากครอบครัวหวัง ทว่าคนในครอบครัวไม่พูดอะไรออกมาเลย มัวแต่ก้มหน้าก้มตากินกันอยู่เช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? เห็นแล้วทำให้พวกเขาอยากกินด้วยเหมือนกัน

 

สะใภ้เฉาที่เป็นคนพาหลี่เหอฮว๋ามาที่นี่อดไม่ได้เอ่ยปากถามเฒ่าหวัง “เป็นอย่างไรบ้างเฒ่าหวัง เหตุใดเจ้าถึงไม่พูดอะไรเลยเล่า?”

 

เฒ่าหวังปรายตามองไปที่สะใภ้เฉาโดยไม่พูดอะไร หลังกลืนอาหารที่อยู่ในปากลงไปแล้วเขาก็ยืดตะเกียบของตนออกไป จากนั้นสักพักจึงตอบว่า “อร่อย ข้าไม่เคยกินปลาที่อร่อยถึงขนาดนี้มาก่อนเลย”

 

บุตรชายคนเล็กของเฒ่าหวังก็ใช้เวลาครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ไม่ใช่แค่ปลา ข้าไม่เคยกินอาหารจานไหนที่อร่อยเช่นนี้เลย”

 

เมื่อได้ยินคำพูดของพ่อลูกบ้านหวังคนที่อยู่รอบข้างต่างสูดหายใจดังเฮือก

 

อร่อยขนาดนั้นจริงๆ น่ะหรือ? พูดเกินจริงไปหรือไม่?             

 

อย่างไรก็ดี น้ำลายของทุกคนได้ไหลท่วมไปทั่วบริเวณนั้นแล้ว การที่ทำได้เพียงเฝ้ามองคนในครอบครัวหวังกินช่างน่าอึดอัดใจยิ่งนัก

 

คนหน้าหนาบางคนเลียริมฝีปากของตนเองพลางเอ่ยปาก “เฒ่าหวัง ให้ข้าชิมด้วยได้หรือไม่? น้ำลายข้าไหลจนจะหมดปากแล้ว”

 

คนในครอบครัวหวังไม่ใส่ใจกับคนเหล่านั้น พวกเขาขยับตะเกียบของตนต่ออย่างเร็ว ไม่นานหลังจากนั้นต้มปลาผักกาดดองทั้งหม้อก็หายวับไป แม้แต่ผักกาดดองก็ถูกกินจนเกลี้ยง

 

เฒ่าหวังเช็ดปากแล้วพูดกับคนที่อยู่รอบๆ ว่า “ต้องขออภัยด้วย หมดเสียแล้ว”

 

คำพูดนี้ทำให้ผู้คนที่อยู่รอบข้างโมโหไม่น้อย ทว่าก็ไม่สามารถทำอะไรได้

 

ระหว่างนี้หลี่เหอฮว๋านิ่งเงียบอยู่ตลอด กระทั่งถึงเวลานี้เมื่อพวกเขากินเสร็จแล้วนางค่อยเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “เป็นอย่างไรเจ้าคะ? ฝีมือทำอาหารของข้าดีพอสำหรับบ้านท่านหรือไม่?”

 

เฒ่าหวังไม่มีท่าทีห่างเหินอีกต่อไป เขายกย่องหลี่เหอฮว๋าด้วยความกระตือรือร้น “นับถือนับถือ ฝีมือทำอาหารของเจ้ายอดเยี่ยมจริงๆ ข้าจะให้เจ้าเป็นคนจัดโต๊ะงานเลี้ยงให้บ้านข้า”

 

หลี่เหอฮว๋ายิ้มออกมา

 

สะใภ้เฉาถามขึ้น “ไม่รู้ว่าเจ้าจะคิดค่าจ้างเท่าไหร่ล่ะ?” ฝีมือทำอาหารยอดเยี่ยมเช่นนี้ราคาย่อมไม่ถูก หากคิดราคาสูงเกินไปพวกเขาย่อมจ่ายไม่ไหว

 

หลี่เหอฮว๋าไม่รู้ราคาค่าจ้างเช่นกันจึงกล่าวว่า “ข้าคิดราคาเท่าๆ กับผู้อื่น โจวเหล่าเกินคิดราคาเท่าไหร่ข้าก็คิดราคาเท่านั้น ไม่คิดเกินไปกว่านี้”

 

เมื่อได้ยินดังนั้นคนในครอบครัวหวังก็หัวเราะออกมาอย่างดีใจ เฒ่าหวังเอ่ย “ดี เช่นนั้นมาคุยกัน ตามราคาของโจวเหล่าเกินคิด 5 อีแปะต่อโต๊ะ”

 

หลี่เหอฮว๋าถามว่า “แล้วครั้งนี้ครอบครัวท่านต้องการสักกี่โต๊ะ?”

 

เฒ่าหวังยื่นกำปั้นออกมา “ครั้งนี้ครอบครัวข้าจะเชิญแขก 10 โต๊ะ”

 

พูดเช่นนี้ก็หมายความว่านางสามารถหาเงินได้ 50 อีแปะในคราวเดียว เปรียบเทียบกับหมั่นโถวราคาก้อนละ 1 อีแปะถือว่าเป็นราคาที่ยอมรับได้ หลี่เหอฮว๋าจึงพยักหน้ารับ “ตกลงตามนี้ วันจัดงานข้าจะมาถึงที่นี่ตั้งแต่เช้าตรู่”

 

หลังจากนั้น หลี่เหอฮว๋าก็พูดคุยรายละเอียดปลีกย่อยกับคนในครอบครัวหวัง รวมทั้งอธิบายเรื่องวัตถุดิบและเครื่องปรุงที่ครอบครัวหวังจะต้องซื้อเตรียมไว้ จนกระทั่งยามอู่*นางถึงได้เดินทางกลับบ้าน

*ช่วงเวลา 11.00-12.59 น.

.............................................

(1) ต้มปลาผักกาดดอง

酸菜鱼的做法

ภาพจาก https://home.meishichina.com/recipe-538764.html

 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป