กินยาเพิ่มพลังปราณ ปรับปรุงร่างกาย หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณและเพิ่มอายุขัย เขาแค่ต้องกินยาเม็ดเดียวเพื่อให้สถานะมีผลตลอดชีวิต เขาคือ‘เจียงหลี’ คุณชายผู้ทรงเสน่ห์ที่สามารถเปลี่ยนสถานะให้เป็นถาวรได้ในพริบตา!
กินยาเพิ่มพลังปราณ ปรับปรุงร่างกาย หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณและเพิ่มอายุขัย เขาแค่ต้องกินยาเม็ดเดียวเพื่อให้สถานะมีผลตลอดชีวิต เขาคือ‘เจียงหลี’ คุณชายผู้ทรงเสน่ห์ที่สามารถเปลี่ยนสถานะให้เป็นถาวรได้ในพริบตา!
"โอ๊ย หัวฉัน!"
นี่เป็นความรู้สึกแรกที่ ‘เจียงหลี’ รู้สึกหลังจากฟื้นคืนสติ ราวกับว่าศีรษะของเขาเพิ่งถูกค้อนทุบ มันเจ็บมากจนสมองจะระเบิด
เขาพยายามฝืนลืมตาขึ้นก่อนจะเห็นว่าเขาอยู่ในรถม้าที่กำลังเคลื่อนที่
ขณะที่รถม้าโยกไปมา เขาก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดบริเวณศีรษะที่ทวีขึ้นกว่าเดิม
เขาลืมตาสังเกตสภาพแวดล้อมรอบตัวทั้งที่ยังรู้สึกเจ็บแปลบ
รอบตัวเขาเป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมผืนผ้าล้อมรอบด้วยแผ่นไม้สีดำ โดยมีชายหนุ่มและหญิงสาวแต่งกายด้วยชุดจีนโบราณนั่งอยู่ บางคนมองเขาอย่างเย้ยหยัน ในขณะที่คนอื่น ๆ ทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน
เขารู้ตัวว่าตนเองกำลังนอนอยู่บนพื้น กลิ่นเชื้อราเหม็น ๆ บวกกับพื้นที่เย็นเฉียบทำให้เขารู้สึกไม่สบายตัว เขาจึงพยายามพยุงตัวเองลุกขึ้น
แต่ในเวลานี้ความรู้สึกเจ็บปวดแล่นไปทั่วทั้งศีรษะ ราวกับว่ามีแรงกดดันบางอย่างในกะโหลกศีรษะเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน ควบคู่ไปกับความรวดร้าวที่เหมือนกับว่าสมองของเขากำลังจะระเบิด ในขณะเดียวกันความทรงจำที่ไม่คุ้นเคยมากมายเกี่ยวกับชีวิตของใครบางคนก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขา
เจียงหลีทรุดตัวลง ดวงตาของเขากลอกขึ้นไปด้านบน ก่อนจะหมดสติไปอีกครั้ง
…
“น้องหลี! ตื่นเร็ว! น้องหลี!”
คนถูกเรียกตื่นขึ้นมาด้วยความงุนงง เสมือนว่าจิตวิญญาณที่ล่องลอยออกไปถูกดึงกลับมา แล้วเขาก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น
‘ฉัน… ตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?’
เจียงหลียังคงจำกลิ่นควันขณะที่แคปซูลเกมถูกไฟไหม้ได้
ประตูนิรภัยที่บ้านเขาแน่นหนามากจนก่อนที่ทีมกู้ภัยจะพังประตูเข้ามา เขาน่าจะถูกไฟคลอกตายทั้งเป็นไปแล้ว
‘นี่ฉันฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่อย่างนั้นเหรอ?’
เนื่องจากรถม้าโบราณและแผ่นไม้ที่เต็มไปด้วยเชื้อราสามารถพบเห็นได้เฉพาะในภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ย้อนยุคเท่านั้น
เมื่อนึกถึงความทรงจำที่ปรากฏขึ้นในหัวของเขา เจียงหลีก็เริ่มตระหนักถึงตัวตนในปัจจุบันและสถานการณ์ของโลกใบใหม่
โลกนี้มีความคล้ายคลึงกับฉากในสมัยโบราณที่มักพบเห็นในละครและนิยาย เพราะในโลกนี้มีเทพเซียนอยู่จริง ๆ!!
ด้วยความบังเอิญ จู่ ๆ ในปัจจุบันเขาก็เข้ามาอยู่ในร่างของเด็กหนุ่มที่มีชื่อว่า ‘เจียงหลี’ ผู้ซึ่งเป็นลูกชายของตระกูลผู้สืบทอดวรยุทธ์
เนื่องจากเขาเป็นลูกชายคนโตของตระกูล พ่อแม่จึงตั้งชื่อให้กับเขาว่า ‘หลี’ ที่มาจากคำว่า ‘หลีหมิง*’ ซึ่งหมายความว่าในอนาคตจะมีบุตรหลานจำนวนมาก โดยรวมแล้วชื่อนี้มีความหมายว่า ‘มีลูกดก’
*หลีหมิง = รุ่งอรุณ
ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา ในระหว่างการทดสอบ เจ้าของร่างนี้โชคดีมาก เขาได้รับการตรวจสอบแล้วพบว่ามีความสามารถในการฝึกตนเป็นเซียนที่คนทั่วไปเรียกกันว่า ‘มีรากฐานทางจิตวิญญาณ’
ตามคำกล่าวที่ว่า การแสวงหาความเป็นอมตะเป็นหนทางที่ยากลำบากยิ่งนัก ทุกคนจำเป็นต้องฝึกฝนอย่างหนัก แต่ในทำนองเดียวกัน สำนักเซียนทั้งหลายก็ต้องการรับสมัครลูกศิษย์ที่มีความสามารถจำนวนมากมาเพื่อให้สำนักของตนแข็งแกร่งมากขึ้น
แม้กระทั่งขอทานที่มีรากฐานทางจิตวิญญาณก็ยังมีโอกาสที่จะลุกขึ้นมาทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้
ดังนั้นตราบใดที่บุคคลนั้นมีรากฐานทางจิตวิญญาณ สำนักเซียนส่วนใหญ่จะไม่ปฏิเสธเขา
อย่างไรก็ตาม พ่อของเจียงหลี ‘เจียงหยวนซาน’ ซึ่งเป็นหัวหน้าตระกูลเจียงที่อยู่ในยุทธภพมายาวนาน เพื่อให้เจียงหลีกลายเป็นศิษย์ของสำนักเซียน เขาจำเป็นต้องจ่ายเงินจำนวนมากให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
ตอนนี้เจียงหลีอยู่บนรถม้าที่กำลังมุ่งหน้าไปยังสำนักเซียน
เมื่อเขาลุกขึ้นจากพื้น อาการปวดหัวของเขาก็ทุเลาลงแล้ว
เขามองไปยังเด็กหนุ่มที่ปลุกเขาขึ้นมา
เด็กหนุ่มคนนี้มีใบหน้ากลม จมูกใหญ่และริมฝีปากหนา แต่แขนเขากลับเรียวเล็กมาก ทำให้มันดูน่าขบขัน แต่มีรัศมีจาง ๆ ที่บ่งบอกว่าเขาไม่ใช่ลูกหลานตระกูลธรรมดาทั่วไป
“ฮิฮิ น้องหลี! ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นเสียที หากอีก 1 ชั่วยาม*เจ้ายังไม่ตื่น พวกเขาคงจะโยนเจ้าออกไปเป็นอาหารหมาป่าแล้ว”
*1 ชั่วยาม = 2 ชั่วโมง
เมื่อเด็กชายตัวโตเห็นเจียงหลีลืมตาขึ้น เขาก็ยิ้มอย่างมีความสุข
ฝ่ายที่เพิ่งฟื้นคืนสติยกมือขึ้นกุมศีรษะแล้วพยายามค้นหาความทรงจำที่อยู่ในสมองของเขา ในไม่ช้าเขาก็ค้นพบตัวตนของคนตรงหน้า
“ขอบใจเจ้ามาก พี่ใหญ่”
เขาสังเกตเห็นได้เลยว่าเด็กหนุ่มสาวที่เดินทางมาพร้อมกับเขาไม่ใช่สามัญชนธรรมดา เนื่องจากพวกเขาได้รับการปฏิบัติแตกต่างจากคนอื่น ซึ่งโดยพื้นฐานแล้ว คนจำพวกนี้สามารถจ่ายสินบนให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้
‘เหยียนหง’ ผู้นี้เป็นบุตรชายของท่านอ๋อง แม้ว่าเขาจะไม่ใช่บุตรชายของพระชายาคนแรก แต่เขาก็ยังได้รับการยกย่องเป็นองค์ชาย เห็นได้ชัดว่าสถานะของเขาสูงส่งกว่าบุตรหลานของตระกูลผู้ฝึกวรยุทธ์มาก
“ฮิฮิ ไม่ต้องเกรงใจ ยังไงพวกเราก็เป็นพี่น้องกัน เจ้ารีบลุกขึ้นเถิด”
เหยียนหงช่วยพยุงเจียงหลีขึ้นมาจากพื้น เด็กหนุ่มคนนี้ดูมีอายุเพียง 13-14 ปีเท่านั้น แต่พละกำลังที่มาจากแขนของเขานั้นแข็งแกร่งมากจนเหนือกว่าตัวเจียงหลีในชาติก่อนอย่างแน่นอน
“แล้วก็… นี่ เก็บไว้ดี ๆ ครั้งนี้ข้าออกหน้าไม่ได้ จึงต้องดำเนินการอย่างลับ ๆ อย่าทำหายอีกล่ะ”
ก่อนที่เจียงหลีจะทันได้ตอบสนอง อีกฝ่ายก็ยัดถุงผ้าใบเล็กใส่ไว้ในมือเขาแล้ว
เด็กหนุ่มสัมผัสสิ่งของในมือ มันมีผิวสัมผัสที่เรียบ แข็งและเย็นราวกับจี้หยก
ทันใดนั้น ความทรงจำบางอย่างก็ผุดขึ้นในหัวของเขาอย่างรวดเร็ว
“เจียงหลี ลูกชายข้า จงเก็บสิ่งนี้ไว้ให้ดี ครอบครัวของเราได้ใช้เงินจำนวนมหาศาลเพื่อขอของขวัญชิ้นนี้จากท่านเซียน มันจะช่วยไม่ให้เจ้าต้องทำงานหนักเป็นเวลา 2 ปีและเดินบนเส้นทางสู่ความเป็นอมตะได้ง่ายขึ้น! เจ้าต้องดูแลมันอย่างดี อย่าทำหายซะล่ะ!”
“เจ้าต้องแสวงหาความเป็นอมตะและศึกษาปรัชญาแห่งเต๋า หนทางนี้ยังอีกยาวไกล อนาคตก็ไม่แน่นอน นี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่ข้าสามารถทำให้เจ้าได้ ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถฝึกตนได้สำเร็จและนำพาตระกูลเจียงของเราไปสู่จุดสูงสุด!”
ในความทรงจำของเขา ชายวัยกลางคนที่มีร่างกายกำยำเป็นบิดาของเจ้าของร่างเดิมซึ่งเป็นปรมาจารย์ผู้ฝึกวรยุทธ์ชั้นหนึ่งที่ได้รับการฝึกฝนกำลังภายในมาเป็นอย่างดี ในความทรงจำนี้เขากำลังย้ำเตือนถึงความสำคัญของสิ่งที่อยู่ในถุง
หลังจากนั้นเจียงหลีก็ตรวจสอบร่างกายทั้งหมดของเขาอย่างรวดเร็ว ขณะนี้ของมีค่าที่เขานำติดตัวมาทั้งหมดถูกขโมยไป นอกจากป้ายหยกนี้แล้ว เจียงหยวนซานยังได้เตรียมเงินทองและของมีค่าจำนวนมากให้เขาด้วย
หลังจากเปิดถุงและยืนยันว่าป้ายหยกไม่บุบสลาย เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
โชคดีที่มีเหยียนหง 'องค์ชายน้อย' ผู้นี้คอยช่วยเหลือเขาอยู่ ไม่อย่างนั้นเขาคงจะตกที่นั่งลำบาก
ในชาติที่แล้ว เส้นทางสู่ความเป็นอมตะคือจินตนาการที่ไม่มีอยู่จริง เกมเสมือนจริงที่เจียงหลีเคยเล่นก่อนที่เขาจะตายก็ใช้ธีมของการฝึกฝนเช่นกัน ตัวเขาเองจึงปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาไม่ต้องการจะเป็นอมตะ
นอกจากนี้เด็กหนุ่มก็ไม่อยากให้สมบัติที่ครอบครัวของเขาให้มาหายไปอย่างไร้ค่า แล้วยังต้องไปเป็นเด็กรับใช้ที่คอยทำงานหนักเป็นเวลาอีก 2 ปี
แม้ว่าเขาจะถูกทำร้ายให้อยู่ในสภาพเช่นนี้ในช่วงเริ่มต้นของการเกิดใหม่ แต่สถานการณ์ปัจจุบันก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์เสียทีเดียว
ถึงแม้เขาจะมีความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม แต่บุคลิกและนิสัยของเขาก็ยังแตกต่างกันอย่างมากเมื่อเทียบกับเจียงหลีคนเก่า ถ้าเขาใช้เวลากับพ่อแม่และครอบครัวของเจ้าของร่างเดิม ในที่สุดเรื่องนี้ก็จะถูกเปิดโปง
ในยุคนี้ เรื่องภูตผีปีศาจถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงมาก หากมีข่าวลือว่าเขาถูกผีสิง แล้วมีเซียนเดินทางมาปราบเขา ชีวิตนี้ของเขาคงจบเห่แล้วจริง ๆ
แต่ตอนนี้เขาออกจากบ้านมาแล้ว ทุกคนรู้ดีว่าการออกมาฝึกตนเพื่อเป็นเซียนนั้นหมายถึงการตัดสัมพันธ์ทั้งหมดกับโลกมนุษย์ การเปลี่ยนแปลงทางบุคลิกภาพถือเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ เซียนหลายคนอาจจะกลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับคนรักและพ่อแม่ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติมาก
“ขอบใจเจ้ามากพี่ใหญ่ หากไม่มีของสิ่งนี้ ข้าคงลำบากแย่”
เจียงหลีเก็บป้ายหยกไว้ในเสื้อด้านในอย่างระมัดระวัง แต่เมื่อเขาเผลอไปสัมผัสถูกบาดแผล เขาก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาอีกครั้ง
“ฮิฮิ เราเป็นพี่น้องกันนี่นา” ใบหน้าอวบอิ่มของเหยียนหงปรากฏรอยยิ้มที่มีเสน่ห์และไร้เดียงสา
“แต่ว่านะ ในฐานะที่เจ้าเป็นพี่ใหญ่ ทำไมเจ้าถึงปล่อยให้ข้านอนอยู่บนพื้นนานขนาดนั้น”
คำถามที่เจียงหลีถามขึ้นมาอย่างไม่ทันให้ตั้งตัวทำให้ท่าทางของเหยียนหงกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะยิ้มแห้ง ๆ ตอบไปว่า "น้องหลี เจ้าไม่ควรตำหนิข้าสำหรับเรื่องนี้ ใครใช้ให้เจ้าไปทำอย่างนั้นกับเหยียนเฟิงเยว่เล่า”
คำพูดของอีกฝ่ายทำให้เจ้าของคำถามตกตะลึง แล้วเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าเจ้าของร่างเดิมนั้นไม่ใช่คนดี
ดูเหมือนว่าเจียงหลีคนเก่าจะไม่ได้เสียชีวิตอย่างไม่ยุติธรรม ซึ่งหลังจากนั้นเจียงหลีคนปัจจุบันก็ได้เข้ามาครอบครองร่างกาย
“นางเป็นถึงองค์หญิง เจ้าไม่รู้หรือว่าในขบวนรถม้านี้มีคนหมายปองนางอยู่กี่คน? แม้ว่าข้าจะไม่ถูกชะตากับนางเท่าไหร่ แต่ข้าก็ยังคงมีศักดิ์เป็น ‘พระปิตุจฉา*’ ของข้าอยู่ดี”
*คำราชาศัพท์ที่ใช้เรียก อา หรือ ป้า
“เพราะฉะนั้น ข้าจึงทำได้เพียงแอบช่วยเหลือเจ้าอย่างลับ ๆ เท่านั้นแหละ”
เมื่อได้ยินคำพูดขององค์ชายน้อย เจียงหลีก็นึกถึงสาเหตุที่เจ้าของร่างเดิมถูกทำร้าย
แม้ว่าเขาจะไม่อยากยอมรับมัน แต่ไม่ว่าเขาจะมองมุมไหน การที่เขาถูกทำร้ายจนสาหัสก็เป็นสิ่งที่เขาสมควรได้รับ
เจียงหลีคนเก่าอาจกล่าวได้ว่าเป็นแบบอย่างของคนโง่เขลาที่ไร้ความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนวรรณกรรมหรือการฝึกวรยุทธ์ก็แทบจะไม่มีหวังเลย แค่ความสามารถในการอ่านเขียนก็ถือได้ว่าเป็นพรอันยิ่งใหญ่จากบรรพบุรุษของเขาแล้ว
การกลั่นแกล้งคนอื่นโดยใช้ประโยชน์จากอิทธิพลของครอบครัวเป็นสิ่งที่เขามักจะทำอยู่เป็นประจำ
ในละครโทรทัศน์ ชายหนุ่มผู้กล้าหาญเหล่านั้นจะพบกับฉากของนายน้อยผู้ชั่วร้ายที่ชิงตัวหญิงสาวชาวบ้านหน้าตาสะสวยทุกครั้งที่เขาเข้าไปในเมือง
มันเป็นเพียงฉากหนึ่งที่ถูกจัดขึ้นมาเพื่อให้ตัวเอกดูมีคุณธรรมมากขึ้นหรือเปล่า?
ไม่! มันเป็นเรื่องธรรมดาที่นายน้อยของตระกูลใหญ่ที่ต้องการแสดงอำนาจจะทำอย่างนี้บ่อย ๆ ดังนั้นเหตุการณ์เช่นนี้จึงมีโอกาสพบเห็นได้ทั่วไป
สิ่งที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงคือพี่ใหญ่เหยียนหงคนนี้รู้จักเขาจากเหตุการณ์ดังกล่าว แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดมาก่อนก็คือสหายคนนี้กลับไว้ใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ
สำหรับเหยียนเฟิงเยว่ นางเป็นน้องสาวคนสุดท้องของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ว่ากันว่านางเกิดจากฮ่องเต้ผู้ล่วงลับและหญิงต่างชาติ ผิวของนางจึงดูขาวดั่งหิมะและมีรูปร่างสูง
ชายหนุ่มส่วนใหญ่ในขบวนรถม้าถูกดึงดูดด้วยใบหน้าเย้ายวนที่งดงามในแบบชาวต่างชาติ
เจียงหลีคนเก่านั้นค่อนข้างโง่ การกระทำที่กดขี่ข่มเหงในถิ่นของตัวเองก็เป็นเรื่องหนึ่ง เพราะอย่างน้อยเขาก็มีครอบครัวคอยหนุนหลัง
อย่างไรก็ตาม ตอนที่เขาอยู่ในขบวนรถม้านี้ ภูมิหลังทางครอบครัวของเขาอาจจะไม่ได้แย่ที่สุด แต่ก็ยังห่างไกลจากสิ่งที่ดีที่สุดอยู่ดี
หลังจากที่เห็นเหยียนเฟิงเยว่ เขาก็ยังไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจตัวเอง ผลที่ตามมานั้นช่างน่าสมเพชเมื่อเขาทำในสิ่งที่ไม่น่าให้อภัย
การถูกปฏิเสธความรักนั้นเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ทำไมเขาต้องแอบดูคนอื่นอาบน้ำด้วยล่ะ
ส่วนการแอบดูหญิงอาบน้ำก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ทำไมเขาโง่ถึงขนาดให้โดนจับได้เล่า
การถูกจับได้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่นอกจากเขาจะไม่วิ่งหนีไปแล้ว ยังพยายามยัดเยียดตัวเองเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้นอีก!
พอคิดมาถึงตรงนี้ เจียงหลีก็ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรต่อแล้ว เขาสามารถเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น
ต่อมา คนในขบวนรถม้าก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง พวกเขาจึงรีบเข้ามาทุบตีจนเจ้าของร่างคนเดิมจนตาย ทำให้เจียงหลีคนปัจจุบันได้ตื่นขึ้นมาในร่างนี้แทน
สิ่งที่น่าโมโหที่สุดก็คือเจ้าของร่างเดิมยังไม่ทันได้เห็นอะไรเลย
จะมีใครโง่ไปกว่านี้อีกไหม!!
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขานึกถึงรายละเอียดบางอย่างก่อนที่เขาจะถูกทำร้ายร่างกาย เจียงหลียังคงรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลก ๆ
ในเวลานั้น เหยียนเฟิงเยว่น่าจะรู้ตัวนานแล้ว แต่นางยังจงใจหลอกล่อเจียงหลีคนเดิมไปที่ริมแม่น้ำเพื่อจับเขาให้ได้คาหนังคาเขา
ฮึ่ม! เรื่องมันไม่ง่ายขนาดนั้นจริง ๆ เป็นไปตามที่คาดไว้ คนธรรมดา ๆ จะเติบโตมาในวังหลวงได้อย่างไร
“เอาเถอะ มันเป็นความผิดของข้าเอง ขอบใจเจ้ามากนะพี่ใหญ่ แต่เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือไม่ ข้าวของของข้าถูกคนพวกนั้นเอาไปหมดเลย”
เจียงหลีใช้มือแตะไปที่ด้านหลังศีรษะ ก่อนจะเห็นว่ามันเปื้อนเลือดสีแดงสด และร่างกายของเขาก็เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ หากเขาไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ก็ยากที่จะบอกว่าอาการบาดเจ็บนั้นจะแย่ลงอีกไหม
“ฮิฮิ ข้าเตรียมไว้ให้เจ้าแล้ว” เหยียนหงยิ้มพลางยื่นขวดยาขนาดเล็กให้เขา
“นี่คือยาที่สกัดจากดอกหลีฮวา ตำรับลับของวัดเป่ยหยาง เป็นของดีหายากที่จอมยุทธ์ทั้งหลายในยุทธภพอยากจะได้ไปครอบครอง มันสามารถรักษาบาดแผลภายนอกได้ผลชะงัดนัก ถึงขั้นไม่ทิ้งแม้แต่รอยแผลเป็น แม้กระทั่งฮองเฮาก็ยังให้คนไปสรรหามาให้”
“เอาล่ะ เจ้ารีบรักษาบาดแผลแล้วออกไปกินข้าวเถอะ ข้าอยู่นานกว่านี้ไม่ได้แล้ว ถ้ามีคนรู้ว่าข้ามาส่งยาให้เจ้า ข้าก็คงอยู่ในขบวนรถไม่ได้เหมือนกัน”
หลังจากกล่าวจบ เด็กหนุ่มร่างใหญ่ก็เปิดประตูไม้ของรถม้าแล้ววิ่งหายออกไปอย่างรวดเร็ว
ขณะนี้เจียงหลีทำอะไรไม่ถูก ความจริงก็คือเจ้าของร่างเดิมได้ทำสิ่งที่ผิดมหันต์ หลังจากสร้างความโกรธเคืองให้ฝูงชน เขากลายเป็นเป้าหมายของเกือบทุกคนในขบวนรถ ถ้าเหยียนหงทำตัวสนิทสนมกับเขามากเกินไป อีกฝ่ายก็จะตกเป็นเป้าไปด้วย
ลืมมันไปเสียเถิด ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนี้ การรีบรักษาอาการบาดเจ็บให้เร็วที่สุดมีความสำคัญมากกว่า
เด็กหนุ่มถอดเสื้อผ้าออกแล้วทายาบริเวณที่บาดเจ็บเบา ๆ เมื่อตัวยาไปสัมผัสกับแผล เขาก็สะดุ้งเป็นพัก ๆ
อย่างไรก็ตาม เหยียนหงไม่ได้กล่าวเกินจริง ฤทธิ์ของยาดอกหลีฮวานั้นไม่เลวเลย หลังจากทาไปเพียงไม่กี่นาที ความเย็นก็แทรกซึมเข้าไปในผิว มันช่วยบรรเทาความเจ็บปวดลงไปได้มาก
[ใช้ยาดอกหลีฮวา เพิ่มสถานะ: การรักษาระดับต่ำ]
เวลาถัดมา มีข้อความปรากฏขึ้นในสายตาของเขาก่อนจะค่อย ๆ เลือนหายไป
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันทำให้สีหน้าของเด็กหนุ่มทั้งประหลาดใจและยินดี
เขารีบเรียกอินเทอร์เฟซขึ้นมาภายในใจ
ตามที่คาดไว้ เหมือนกับเกมออนไลน์เสมือนจริงที่เขาเคยเล่นมาก่อนหน้านี้เพราะมันมีหน้าจอสีน้ำเงินโปร่งแสงปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันทีที่เขาคิดจบ
[ชื่อ: เจียงหลี]
[อายุ: 13 ปี]
[เผ่าพันธุ์: มนุษย์]
[คลาสหลัก: มนุษย์ธรรมดา]
[คลาสย่อย 1: ไม่มี]
[คลาสย่อย 2: ไม่มี]
[พลังชีวิต: 132/200]
[ความอึด: 92/160]
[ความแข็งแกร่ง: 0.6]
[ความเร็ว: 0.7]
[สมรรถภาพร่างกาย: 0.6]
[จิตวิญญาณ: 1]
[ความตระหนักรู้: 1.1]
[วรยุทธ์: กรงเล็บพยัคฆ์ชันษาระดับ 0]
[ทักษะ: การประเมินระดับ 1, ดาบทลายภูผาระดับ 1]
[บัฟ*: การรักษาระดับต่ำ]
*บัฟ = ค่าสถานะเชิงบวก
[ดีบัฟ*: บาดเจ็บระดับปานกลาง, ความหิว]
*ดีบัฟ = ค่าสถานะเชิงลบ
[การรักษาระดับต่ำ: ฟื้นฟูค่าพลังชีวิต 2 แต้มต่อชั่วโมง ระยะเวลา: 6 ชั่วโมง] (− +)
[บาดเจ็บระดับปานกลาง: คุณสมบัติทั้งหมดลดลง 20% ระยะเวลา: 72 ชั่วโมง] (− +)
[ความหิว: ลดความอึด 1 แต้มต่อชั่วโมง]
‘นะ… นี่… นี่มันแผงอินเทอร์เฟซตัวละครของเกมที่ฉันเล่นก่อนหน้านี้ไม่ใช่เหรอ มันติดตัวมาพร้อมกับฉันจริง ๆ!’
เจียงหลีชำเลืองมองข้อมูลบนอินเทอร์เฟซอย่างรวดเร็วและเข้าใจคร่าว ๆ ว่า นอกเหนือจากวิชากรงเล็บพยัคฆ์ชันษาและดาบทลายภูผาที่เจ้าของร่างเดิมทิ้งไว้แล้ว ร่างกายใหม่นี้น่าอนาถกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีก
แต่ถึงอย่างไร สิ่งที่ทำให้เขามีความสุขก็คือปุ่มบวกและปุ่มลบบนแผงควบคุมของเขา
ดูเหมือนว่าจะมีปาฏิหารย์บางอย่างเกิดขึ้นระหว่างตอนที่เขาตายแล้วเกิดใหม่ ไม่เพียงแต่เขาจะตื่นขึ้นมาพร้อมกับอินเทอร์เฟซของเกม เขายังนำสูตรโกงที่ทำให้แคปซูลเกมไฟฟ้าลัดวงจรจนเกิดไฟลุกไหม้ติดตัวมาด้วย
เจียงหลีไม่รอช้า เขากดปุ่มบวกที่ด้านหลังสถานะ [การรักษาระดับต่ำ] อย่างตื่นเต้นและกดค้างไว้ 5 วินาที
[การรักษาระดับต่ำ: ฟื้นฟูค่าพลังชีวิต 2 แต้มต่อชั่วโมง ระยะเวลา: ไม่จำกัด] (-)
ระยะเวลาของการรักษาระดับต่ำเปลี่ยนไปทันทีเมื่อคำว่า ‘ไม่จำกัด’ ปรากฏขึ้น
มันได้ผลจริง ๆ ด้วย!
จากนั้นเขาก็กดปุ่มลบบนสถานะ [บาดเจ็บระดับปานกลาง] ค้างไว้อีก 5 วินาทีก่อนที่ดีบัฟจะหายไปจากแถบสถานะของเจียงหลี
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ฟื้นฟูค่าพลังชีวิตจนเต็ม แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาผ่อนคลายลง เขาสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระและไม่ถูกจำกัดด้วยอาการบาดเจ็บอีกต่อไป
-------------------------------------------
อากิระ talk: พ่อแม่พระเอกนี่ก็ดี๊ดี ตั้งชื่อลูกมีความหมายว่าลูกดก