ว่ากันว่าผู้ชายที่เคร่งขรึมเป็นผู้ชายที่น่าดึงดูดที่สุด
โฮวอู่ไม่ได้ตระหนักว่าเรื่องนี้เป็นความจริงเพียงใดจนถึงขณะนี้
โฮวอี้เสิ่นถอดกระดุมและสูทสีขาวออก เขาเปลี่ยนเป็นชุดลำลองสีอ่อน ดูเป็นคนมากขึ้นและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เขาดูโดดเดี่ยวและห่างเหินน้อยกว่าเมื่อก่อน
ในขณะนี้นิ้วของเขาวางอยู่บนแป้นพิมพ์ และสายตาของเขาก็จับจ้องไปที่หน้าจอ
เธอไม่รู้ว่าเขามีความแตกต่างที่ตรงไหน แต่ในตอนนี้เขาดูมีเสน่ห์กว่าเมื่อก่อนมาก
โฮวอี้เสิ่นสังเกตว่าโฮวอู่ตื่นแล้ว เขาปิดแล็ปท็อปและคลึงหัวคิ้วด้วยมือขวา เขาถามเธออย่างอ่อนเพลียว่า “หิวรึยัง?”
โฮวอู่ตอบกลับด้วยเสียงอันแผ่วเบา “ค่ะ”
“พี่ชาย ตอนนี้กี่โมงแล้ว?”
โฮวอูเสิ่นเหลือบมองเวลาก่อนที่จะปิดแล็ปท็อป เขาตอบเธออย่างไวว่า “ตีสองแล้ว”
หืม ตีสองแล้ว?
ไม่แปลกใจที่ข้างนอกมืดแล้ว คำนวณจากเวลาตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว
โฮวอู่ไม่คิดว่าเขาจะรักษาสัญญาและอยู่เป็นเพื่อนเธอในห้อง
โฮวอู่รู้สึกจุกในลำคอ และอดไม่ได้ที่จะขยับตัวเล็กน้อย
จู่ๆ เธอก็มีความคิดในใจ เธออยากให้ความคิดนั้นเป็นจริง
เธอคิดว่าจะดีแค่ไหนถ้าโฮวอี้เสิ่นเป็นพี่ชายของเธอจริงๆ ?
ถ้าหากเขาเป็นพี่ชายของเธอจริงๆ ถ้างั้นเธอก็สามารถมีความสุขกับการใช้ชีวิตอย่างสงบสุข เธอสามารถซ่อนอยู่ใต้ปีกกว้างของเขาอย่างปลอดภัยไปชั่วชีวิต เธอไม่ต้องการเผชิญกับความทุกข์ยากใดๆ
ในขณะที่เธอจมอยู่ในความคิดของเธอ โฮวอี้เสิ่นได้ไปที่ห้องครัวและนำข้าวอุ่นๆ และโจ๊กผักกลับมา
ตามคำกล่าวที่ว่า เริ่มต้นสิ่งต่างๆ อาจจะยาก แต่จะง่ายขึ้นในภายหลัง
การเคลื่อนไหวของโฮวอี้เสิ่นนั้นแข็งและผิดธรรมชาติในครั้งแรกที่เขาพยายามช่วยโฮวอู่ขึ้นจากเตียงของเธอ แต่คราวนี้เขาช่วยเธอลุกขึ้นจากเตียงได้อย่างชำนาญ
“ยังอยากให้ป้อนอยู่ไหม?”
เขาถามเพราะแสดงให้เห็นถึงความห่วงใย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้หวังให้เธอตอบตกลง
โฮวอู่ตอนนี้ก็อายุสิบเจ็ดแล้ว ไข้ลดลงไปบ้าง บางทีเธออาจไม่ต้องการให้ใครป้อน
แต่เพราะเขาคือพี่ชายของเธอ โฮวอี้เสิ่นจึงรู้สึกว่าเขาจำเป็นต้องถามเธอก่อน
สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือโฮวอู่เป็นคนหน้าหนา เธอต้องการได้รับการปรนเปรอและการดูแลจากพี่ชายเท่าที่จะทำได้
เธอมีเวลาอยู่กับเขาอย่างมากก็หนึ่งปี ดังนั้นทุกนาทีจึงมีค่าสำหรับเธอ
โฮวอู่ไม่แน่ใจว่าเธอจะได้รับการปฏิบัติที่ดีแบบนี้ไปได้นานแค่ไหนหลังจากที่ความจริงถูกเปิดเผย อีกอย่างเธอไม่รู้ว่าจะเกาะขาเขาได้จริงๆ โฮวอู่คิดว่าตอนนี้ตัวตนของเธอยังไม่ถูกเปิดเผย เธอก็ขอใช้ชีวิตให้มีความสุขให้มากเท่าที่เธอทำได้
เธอต้องการใช้ตัวตนของเธอออดอ้อนเขาให้ดูแลเธอ เธอเป็นลูกคนเดียวของพ่อกับแม่ เธอไม่เคยมีพี่ชาย ในเมื่อโอกาสหายากนี้หล่นมาใส่ตัวเธอ เธอก็ขอใช้ประโยชน์จากมันก็แล้วกัน
คิดได้แล้วโฮวอู่ก็พยักหน้าและเอื้อนเอ่ยอย่างอ่อนหวานว่า “ค่ะ”
มือที่ถือถ้วยโจ๊กแข็งไปชั่วขณะ
เขาไม่คิดว่าเธอจะตอบตกลง
อย่างไรก็ตามเขาไม่อาจเรียกคืนสิ่งที่พูดไปแล้ว เขาเป็นคุณชายของบ้านและไม่ใช่วิธีการของเขาที่จะกลับคำพูด
เขาใช้ช้อนตักโจ๊กหนึ่งช้อนแล้วจ่อที่ปากโฮวอู่
ดวงตารูปผลซิ่งที่มีเสน่ห์ของโฮวอู่โค้งลงเล็กน้อยเป็นรอยยิ้ม รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอดูหวานเป็นพิเศษ เธอมองไปที่โฮวอี้เสิ่นและพูดด้วยความจริงใจว่า “พี่ชาย อาอู่ดีใจที่มีพี่อยู่ด้วย”