ภาคต่อของเมียคนธรรมดา
ภาคต่อของเมียคนธรรมดา
เด็กๆเมื่อได้ฟังคำพูดของหลู่เจียว พวกเขาก็ทำตามคำสอนของนางทันที เด็กน้อยหลายคนตื่นเต้นมากเมื่อยิงถูกเป้าจนต้องกระโดดโลดเต้น "อ่า ข้ายิงถูกแล้ว ข้ายิงถูกแล้ว"
เอ้อเป่าก็รู้สึกตื่นเต้น "แม่ เอาธนูให้ข้าหน่อย ข้าอยากยิงบ้าง ข้าอยากยิงบ้าง"
เขาต้องการแขร็งแกร่งกว่าคนอื่นๆ เพราะเขาต้องการเป็นแม่ทัพ
ไม่เพียงแต่ เอ้อเป่าต้องการยิงเท่านั้น แม้แต่เซี่ยเสี่ยวเป่าและคนอื่นๆ ก็ต้องการยิงด้วย ในท้ายที่สุด ต้าเป่าและคนอื่นๆ ก็มอบคันธนูและลูกธนูให้กับเซี่ยเสี่ยวเป่าและคนอื่นๆ
ในท้ายที่สุด ทุกคนก็เริ่มยิงธนูตามคำแนะนำของหลู่เจียว
เมื่อเห็นว่ามันสายแล้ว หลู่เจียวก็เร่งเร้า “เอาล่ะๆ วันนี้พอแค่นี้ก่อน พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ วันนี้ต้องกลับแล้ว พ่อของเจ้าอยู่บ้านคนเดียว”
ทันทีที่เอ่ยถึงเซี่ยหยุนจิน เด็กน้อยทั้งสี่ก็เลิกเล่นทันที แล้วพูดออกมาพร้อมกันว่า "ลงเขากัน กลับบ้านก่อน แล้วค่อยเล่นใหม่พรุ่งนี้"
หลู่เจียวพาเด็กกลุ่มหนึ่งลงจากภูเขาอย่างมีความสุข เด็กๆ บนถนนก็พูดคุยกันอย่างกระตือรือร้น เกี่ยวกับประสบการณ์การยิงธนูของพวกเขา และพวกเขาก็ รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้น และพวกเขายังบอกว่าจะให้พ่อแม่พวกเขาทำธนูใหม่แบบดีๆกว่านี้และพรุ่งนี้เราจะขึ้นไปบนภูเขาเพื่อทดสอบ
หลู่เจียวเดินตามหลังพวกเขาไปจนสุดทางลงภูเขาจนกระทั่งนางเข้ามาที่ด้านหน้าลานบ้านของนางเอง
“กลับบ้านไปเถอะ อย่าให้พ่อแม่เป็นห่วง” นางบอกเด็กๆคนอื่น
เซี่ยเสี่ยวเป่าและคนอื่นๆโบกมือให้หลู่เจียว อย่างมีความสุข “ป้าสาม ลาก่อน”
หลู่เจียวโบกมือและเดินกลับบ้านพร้อมกับเด็กน้อยทั้งสี่ ทันทีที่แม่และลูกเข้าไปในลานบ้าน ก็ได้ยินเสียงดังมาจากห้องนอนทิศตะวันออก
“โอกาสนี้ควรมอบให้กับต้าเฉียงและลูกสี่”
“ลูกสี่ยังไม่แต่งงาน จะรีบไปทำไม ครอบครัวของต้าเฉียงมีลูกชายสองคนที่ต้องเลี้ยงดู”
“ไม่ ลูกคนที่สี่กำลังจะหมั้นในไม่ช้า และก็จะแต่งงานในไม่ช้า เขาจะเลี้ยงดูครอบครัวได้อย่างไรถ้าเขาไม่มีอะไรทำหลังจากแต่งงาน?”
ตรงลานบ้าน เด็กสี่คนเมื่อได้ยินเสียงพูดคุยเหมือนทะเลาะกันมาจากห้องนอนทางทิศตะวันออก สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป เด็กทั้งสี่กลัวว่าพ่อของพวกเขาจะเกิดเรื่อง ดังนั้น พวกเขาจึงรีบเดินตรงไปที่ห้องนอนทางทิศตะวันออก
ความจริงหลู่เจียวต้องการไปที่ห้องครัวเพื่อทำอาหารเย็น แต่นางกังวลว่าเด็กน้อยทั้งสี่คนจะเกิดเรื่องด้วยเช่นกัน ดังนั้นนางจึงตามไปด้วย
….
ในห้องนอนทางทิศตะวันออก คนสองกลุ่มยืนเผชิญหน้ากัน คล้ายว่าพร้อมจะชักดาบออกมาฟาดฟันกัน ราวกับว่าพวกเขากำลังจะต่อสู้กันจริงๆ
หลู่เจียวมองดูผู้คนในห้องอย่างลึกลับ นี่ไม่ใช่ครอบครัวของตระกูลเซี่ย ที่รักกันมากไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงทะเลาะกันแล้วซะล่ะ
“เกิดอะไรขึ้น?”
หลู่เจียววางตะกร้าของนางลงแล้วถามเซี่ยหยุนจินบนเตียง
เซี่ยหยุนจินเดิมทีมองไปที่กลุ่มคนในห้องด้วยท่าทางเย็นชาและเมื่อเขาเห็นหลู่เจียว และเด็กน้อยทั้งสี่ใบหน้าและดวงตาของเขาก็อ่อนลงเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำถามของหลู่เจียวเซี่ยหยุนจินกล่าวอย่างเหน็บแนม
“บ่ายวันนี้ ผู้ใหญ่บ้านและผู้อาวุโสประชุมกับชาวบ้านเพื่อหารือเรื่องการเลี้ยงปลิง พ่อกับแม่พาพี่ใหญ่และน้องสี่ มาที่นี่ เพื่อทะเลาะกันให้ดู คนหนึ่งบอกว่าพี่คนโตควรเรียนรู้วิธีเลี้ยงปลิง แต่อีกคนบอกว่าน้องสี่ควรเลี้ยงปลิง”
เมื่อได้ยินดังนี้ หลู่เจียวก็อดหัวเราะไม่ได้
ในห้อง นางเหยียนที่ไม่ชอบหลู่เจียวมากที่สุด เมื่อเห็นหลู่เจียวหัวเราะ นางร้องออกมาอย่างโกรธเคืองว่า "เจ้าหัวเราะอะไร"
หลู่เจียวพูดอย่างใจเย็น "หัวหน้าหมู่บ้านกับผู้อาวุโสไม่ได้บอกพวกท่านดอกหรือว่าใครเป็นคนสอนวิธีเลี้ยงปลิง?"
ทุกคนในห้องตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ความจริงพวกเขาก็รู้ว่าเป็นหลู่เจียวที่เป็นคนสอนเลี้ยงปลิงจากผู้ใหญ่บ้าน ดังนั้นมันจึงขึ้นอยู่กับหลู่เจียวที่จะตัดสินใจว่าใครสามารถมาเรียน และมันก็ไร้ประโยชน์ที่จะพวกเขาจะโต้เถียง แต่พวกเขาก็อยากใช้อำนาจครอบครัวบังคับ
ตอนนี้ใบหน้าของตระกูลเซี่ย กลายเป็นสีดำ และเฉินหลิวก็กล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว โดยมองไปที่หลู่เจียว ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
“น้องสะใภ้ก่อนหน้านี้พวกเราทำไม่ดีต่อพวกเจ้า หากเจ้ายังโกรธอยู่เราก็ต้องขอโทษเจ้าด้วย”
เซี่ยต้าเฉียงไม่ได้หยุดคำขอโทษของเฉินหลิวในครั้งนี้ เขาต้องการเรียนรู้ทักษะอาชีพเพื่อทำเงินจริงๆ ถ้าเขาเรียนรู้ทักษะการเลี้ยงปลิงจะไม่มีใครในหมู่บ้านนี้ที่จะไม่ให้เกียรติเขาอีกในอนาคต ดังนั้น เซี่ยต้าเฉียงจึงไม่ค่อยหยุดเฉินหลิวเอ่ยขอโทษหลู่เจียว
อีกด้านหนึ่งของห้อง นางเหยียนเห็นการเคลื่อนไหวของเฉินหลิว และมองดูเซี่ยหยุนหัว ลูกชายคนที่สี่ของนางทันที
เซี่ยหยุนหัวก็กล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว "พี่สะใภ้สาม ก่อนหน้านี้พี่ชายของข้าทำไม่ดีกับท่าน และพี่ชายของข้าขอโทษแล้ว หวังว่าพี่สะใภ้จะสอนวิธีเลี้ยงปลิงให้พี่ชายของข้า พวกเราจะจดจำน้ำใจของพี่สามและพี่สะใภ้ในอนาคตอย่างแน่นอน”
เซี่ยหยวนเซิน ก็กล่าวว่า “ลูกสะใภ้สาม เจ้าสอนพี่ชายของเจ้าเกี่ยวกับทักษะการเลี้ยงปลิงเถอะ เขายังมีครอบครัวที่ต้องเลี้ยงดู และเขายังมีลูกชายสองคน”
นางเหยียนรีบตะโกนด้วยน้ำเสียงแหบพร่าออกมาทันที “ลูกสี่กำลังจะแต่งงาน เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะปลูกพืชผักอย่างไร เขาจะอยู่ได้อย่างไรโดยปราศจากทักษะอาชีพ”
เมื่อนางเสียงดัง คนอื่นๆก็หันมามองดูนาง
เซี่ยหลานก็เอ่ยออกมาบ้างว่า "พ่อและแม่อย่าพึ่งทะเลาะกันทักษะการเลี้ยงปลิงนี้เป็นของพี่สะใภ้สามและพี่สะใภ้สามเป็นคนในครอบครัวของเรา ไม่ว่านางจะสอนใครในครอบครัวเรา ก็ยังดีกว่าสอนคนอื่น ไม่ว่าสอนพี่ใหญ่หรือสอนพี่สี่ ก็ยังดีกว่าสอนชาวบ้านทั่วไปอยู่ดี?"
เมื่อเซี่ยหยวนเซินและนางเหยียนได้ยินสิ่งนี้ พวกเขาก็คิดว่านางมีเหตุผล เรื่องทักษะอาชีพ เคล็ดลับ หรือทักษะงานฝีมือ อะไรพวกนี้ ต้องเก็บเอาไว้สำหรับคนในครอบครัวย่อมดีกว่าตกอยู่ในมือของผู้อื่น…
เมื่อได้ยินดังนี้ เซี่ยหยวนเซินและนางเหยียนก็หันไปมองหลู่เจียว
เดิมทีหลู่เจียวต้องการดูคู่สามีภรรยาสูงอายุทะเลาะกันเอง แต่นางถูกรบกวนโดยเซี่ยหลานเสียก่อน จึงทำให้ขัดใจอยู่บ้าง
“พวกท่านมีปัญหาทางสมองหรือเปล่า”
เซี่ยหยวนเซินและนางเหยียนไม่เข้าใจว่านางหมายถึงอะไรเมื่อถามสิ่งนี้ พวกเขาจึงไม่ส่งเสียง
หลู่เจียวยกนิ้วขึ้นและชี้ไปที่เซี่ยต้าเฉียง "คนๆนี้ต้องการทุบตีข้าก่อนหน้านี้ ข้าจะสอนทักษะอาชีพให้เขาทำไม พวกท่านคิดว่ามีปัญหาทางสมองหรือเปล่า?"
หลู่เจียวหันกลับมาและชี้ไปที่เซี่ยหยุนหัว "เซี่ยหยุนจิน คือคนที่ทำให้เราถูกไล่ออกมา พวกท่านคิดว่าข้าจะสอนคนผู้นี้อีกหรือ"
หลังจากพูดจบ นางก็ขี้เกียจเกินไปที่จะพูดมากกว่านี้ นางมองดูตระกูลเซี่ย แล้วพูดอย่างเคืองๆ "เอาล่ะ ถ้าหากข้าต้องสอนใครซักคน ข้าจะให้สอนพี่รองเพียงคนเดียวก็แล้วกัน คนอื่นก็ไม่ต้องคิดอะไรให้วุ่นวาย"
สีหน้าของเซี่ยหยวนเซินและนางเหยียนเปลี่ยนไปเมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของหลู่เจียว
เซี่ยหยวนเซินหันไปดูคนอื่นๆแล้วจ้องมองที่หลู่เจียวอย่างโกรธเกรี้ยว และตะโกนออกมาว่า "หลู่เจียว นี่เป็นวิธีลูกสะใภ้ประพฤติตนต่อพ่อแม่สามีหรือ เจ้าไม่เชื่อฟังแม่สามี และไม่เชื่อฟังข้าที่เป็นพ่อสามี พวกเรามีเหตุผลมากมายที่จะหย่าเจ้า"
นางเหยียนก็พยักหน้าเห็นด้วยอย่างหนึ่ง "ใช่ ถ้าเจ้าไม่สอนลูกใหญ่และลูกสี่ เราจะให้เจ้าสามไล่เจ้าออกไป"
หลู่เจียวกำลังจะพูดว่า ข้ารอที่จะหย่าไม่ไหวแล้ว! แต่เซี่ยหยุนจินที่อยู่บนเตียงก็พูดออกมาด้วยดวงตาที่มืดมนเสียก่อน "ทำไมพวกท่านไม่ถามหัวหน้าหมู่บ้าน และเหล่าผู้อาวุโสก่อนละว่า พวกเขาจะตอบเรื่องนี้ว่ายังไง หากต้องให้หลู่เจียวออกจากหมู่บ้าน อาจบางทีไม่ใช่ว่าหลู่เจียวที่ถูกขับไล่ออกไป อาจเป็นพวกท่านที่จะถูกไล่ออกจากหมู่บ้านเซี่ยเจียก่อน"
เซี่ยหยวนเซินและนางเหยียนก็สะดุ้งเล็กน้อย พวกเขารู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะให้ลูกชายหย่าภรรยาในตอนนี้ แต่ก็ลืมคิดไปว่าหากต้องการไล่หลู่เจียวออกไปแล้วหากผู้คนในหมู่บ้านเซี่ยเจียไม่เห็นด้วย คนอื่นๆอาจจะคิดว่าพวกเขาสร้างปัญหามากเกินไป และก็มีความเป็นไปได้ ที่พวกเขาอาจถูกคนในหมู่บ้านเซี่ยเจียไล่ออกหมู่บ้านแทน
เซี่ยหยวนเซินและนางเหยียนรู้สึกหงุดหงิดมากจนไม่สามารถบอกได้ จ้องไปที่หลู่เจียว แล้วจ้องไปที่เซี่ยหยุนจินบนเตียง ด้วยความโกรธเคือง
ลูกชายคนที่สามคนนี้เหินห่างจากพวกเขาจริงๆ แม้ว่าเขาจะสอบเป็นขุนนางแล้วกลายเป็นข้าราชการระดับสูง เขาก็คงจะไม่ช่วยพี่น้องของเขา เป็นการดีกว่าที่จะไม่มีลูกชายแบบนี้…
ในเวลาต่อมา หลู่เจียวก็ไม่สนใจครอบครัวเซี่ยอีกต่อไป หันกลับไปทำอาหารเย็น ตอนเที่ยงยังมีอาหารเหลืออีกมาก ในตอนเย็น นางจึงทำแค่โจ๊กและอุ่นซาลาเปาเท่านั้น…