Your Wishlist

เมียคนธรรมดา (โชคไม่ดีจริงๆ)

Author: หยูเสี่ยวถง

เกิดใหม่ เป็นแม่ของตัวร้าย ในช่วงวัยเด็กในนิยาย แถมสามียังเป็นอัมพาตเดินไม่ได้ แต่พวกเขากลับอยากฆ่านาง นางจะอยู่สอนเด็กๆให้เป็นคนดีไม่กลายเป็นตัวร้ายในอนาคต หรือจะจากไปดี แต่เด็กพวกนี้ก็น่ารักจริงๆ...

จำนวนตอน :

โชคไม่ดีจริงๆ

  • 13/05/2565

หลังจากได้ยินคำพูดของหลู่เจียวแล้วนั้นเสี่ยวซือเป่าก็หันกลับมาอย่างรวดเร็วและเหลือบมองต้าเป่า

 

ต้าเปาเม้มปากหันกลับมาและเดินไปที่มุมเตียงเอื้อมมือออกไปแล้วหยิบมันออกมาเป็นชุดพู่กันหมึกกระดาษและหินหมึกออกมาและถือไว้ข้างหน้าหลู่เจียว

 

"นี่ไง"

 

นี่คือสิ่งที่พ่อเคยใช้เขากลัวว่านางจะโยนทิ้งจึงแอบซ่อนเอาไว้

 

จริงๆแล้วต้าเป่าก็กังวลนิดหน่อยตอนนี้กลัวว่านางจะทิ้งของพวกนี้ไปแต่เมื่อเห็นแก่ช่วงนี้นางเปลี่ยนแปลงเขาจะให้นางยืมใช้ก่อนถ้านางกล้าทิ้งเขาก็จะเมินเฉยนางในอนาคต

 

ต้าเปาตัดสินใจอย่างลับๆ

 

เมื่อหลู่เจียวเห็นพู่กันหมึกกระดาษและหินหมึกนางหยิบมันขึ้นมาอย่างมีความสุขแล้ววางลงบนโต๊ะเล็กๆกลางห้องจากนั้นนางก็นำน้ำมาใส่และเริ่มฝนหมึกเตรียมที่จะเขียนวิธีแก้ปัญหาพิษงู

 

หลังจากฝนหมึกแล้วก็หยิบพู่กันขึ้นมาเพื่อเขียนวิธี…

 

ยามนั้นหลู่เจียวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและจ้องไปที่กระดาษตรงหน้านางอย่างว่างเปล่าโดยไม่สามารถเขียนคำใดๆออกมาเป็นเวลานาน…

 

ถึงแม้นางจะพูดภาษาจีนและเขียนภาษาจีนได้แต่นางไม่รู้วิธีเขียนอักษรจีนตัวเต็มที่ใช้ในยุคโบราณและนางไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางจะเขียนวิธีแก้ปัญหาพิษงูได้ยังไง?หากไม่เขียนตัวย่อเพียงแต่สมัยนี้เขาไม่ได้ใช้ตัวย่อกันเขียนไปก็ไม่มีใครอ่านออกและหากเขียนเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษก็แล้วใหญ่ดังนั้นนางจึงไม่รู้จะเขียนยังไงดี…

 

ในห้องนอนทางทิศตะวันออกทุกคนมองไปที่หลู่เจียวสงสัยว่าทำไมเมื่อนางกลับมานางมองหาพู่กันหมึกกระดาษและตอนนี้พอได้แล้วกลับไม่มีการเคลื่อนไหวเพียงจ้องมองไปที่กระดาษเหมือนกำลังอึ้งหรือมึนงงอะไรบางอย่าง…

 

บนเตียงเซี่ยหยุนจินก็ถามนางออกมาอย่างเฉยเมย"มีอะไรผิดปกติ?"

 

หลู่เจียวคิดถึงซูต้าจินที่ถูกงูกัดนางกัดฟันและหันไปมองเซี่ยหยุนจิน

 

"เจ้ารู้จักซูต้าจินใช่ไหมเขาถูกงูแหวนทองกัด"

 

ใบหน้าของเซี่ยหยุนจินเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันคิ้วของเขาเย็นชาและเขาถามด้วยน้ำเสียงที่ลึกล้ำ

 

"ตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง"

 

เขารู้จักพี่ซูเขาเป็นคนซื่อสัตย์มากก่อนหน้านี้เขาก็มักนำอาหารมาให้ขณะนั้นก็ได้ว่าเขาจะไปล่าสัตว์บนภูเขาและรวบรวมเงินเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของเขาแต่เขากลับถูกงูกัดอย่างนั้นเหรอ

 

ยิ่งเซี่ยหยุนจินคิดเกี่ยวกับมันมากเท่าไหร่อารมณ์ของเขาก็ยิ่งหนักหน่วงขึ้นเท่านั้นและกลิ่นอายที่เย็นชาและโหดร้ายไปทั่วร่างกายของเขา

 

หลู่เจียวเลิกคิ้วขึ้นและคิดไปว่าถ้านางบอกว่านางสามารถล้างพิษงูได้เขาจะคิดมากไปหรือเปล่า

 

แต่ตอนนี้นางไม่สนใจอะไรมากอีกแล้วหลู่เจียวคิดเกี่ยวกับมันและพูดออกไป

 

“ข้าเพิ่งได้เจอเขาบนภูเขาก่อนหน้านี้เลยช่วยปฐมพยาบาลช่วยควบคุมพิษงูให้เขาไม่ให้แพร่กระจายตอนนี้เขาไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับชีวิตของเขาแค่เขียนใบสั่งยาสำหรับล้างพิษงู”

 

เซี่ยหยุนจินฟังคำพูดของหลู่เจียวเลิกคิ้วและมองดูนางดวงตาของเขาก็ยิ่งลึกล้ำและดำมืด

 

หลู่เจียวมองดูเขาแบบนี้และขยับศีรษะของนางอย่างรวดเร็วโดยคิดว่าจะโกหกอย่างไรเพื่อให้เรื่องนี้กระจ่างแต่ก่อนที่นางจะพูดเซี่ยหยุนจินก็พูดขึ้นมาก่อน

 

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ให้ใบสั่งยาต้านพิษงูแก่เขา”

 

หลู่เจียวเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจและเหลือบมองเซี่ยหยุนจินอย่างระมัดระวังเขาไม่สงสัยนาง?

 

อย่างไรก็ตามการเขียนใบสั่งยาล้างพิษในตอนนี้ยังคงเป็นสิ่งสำคัญและนางก็กำลังจะเขียนอยู่นี่ไงแต่มันยังติดปัญหาอยู่ว่าจะเขียนยังไง

 

หลู่เจียวมองไปที่เซี่ยหยุนจินด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวและพูดว่า"ข้าเขียนไม่เป็นก็เลยเขียนไม่ได้"

 

คราวนี้ถึงคราวของเซี่ยหยุนจินที่ต้องแปลกใจใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ

 

ท่าทางและลักษณะของผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีตั้งแต่อายุยังน้อยแต่ตอนนี้คนๆนี้กลับบอกว่าไม่รู้หนังสืออย่างนั้นเหรอ

 

ทำไมเขาถึงรู้สึกเหลือเชื่อมาก?แต่ถ้าผู้หญิงคนนี้เขียนได้จะแสร้งทำเป็นไม่รู้วิธีเขียนไปทำไมหรือว่านางจะไม่รู้หนังสือจริงๆ

 

ขณะที่เซี่ยหยุนจินกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้หลู่เจียวกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า"จริงๆแล้วข้ารู้จักตัวหนังสือบางตัวแต่ก็มีหลายตัวที่ข้าไม่รู้จัก"

 

มารดาของเจ้าของร่างเดิมเคยสอนเจ้าของร่างเดิมอยู่บ้างและนางก็สืบทอดความทรงจำมาบ้างและนางสามารถจำบางอย่างและคำบางคำได้แต่การเขียนใบสั่งยามันยังไม่เพียงพอเพราะไม่รู้จะเขียนชื่อสมุนไพรยังไงและนางไม่สามารถเขียนใบสั่งยาได้เลย

 

บนเตียงเซี่ยหยุนจินสงบลงหลังจากช็อคครั้งแรกสิ่งที่เขากังวลตอนนี้คือพี่ซูถูกงูพิษกัดสำหรับการไม่รู้หนังสือของผู้หญิงคนนี้เขาจะคุยกับนางในภายหลัง

 

“เอาพู่กันกับกระดาษมาเจ้าบอกมาข้าจะเขียนให้”

 

หลังจากที่เซี่ยหยุนจินพูดจบหลู่เจียวก็พูดอย่างกังวลว่า"เจ้าเขียนได้จริงหรือ"

 

เซี่ยหยุนจินกัดฟันและพูดว่า“เอามานี่”เขาไม่ได้เป็นง่อยถึงขนาดเขียนหนังสือไม่ได้ถึงขนาดนั้นมั้ง…

 

หลู่เจียวคิดถึงคนไข้ที่ถูกงูพิษกัดและเขาก็รอช้าอยู่ไม่ได้บางทีอาจมีคนมารับใบสั่งยาแก้พิษเร็วๆนี้ดังนั้นนางควรจดใบสั่งยาแก้พิษไว้แต่เนิ่นๆยิ่งแก้พิษงูแหวนทองได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี

หลู่เจียวคิดเรื่องนี้

 

นางหยิบพู่กันกระดาษและหมึกแล้วเดินไปที่เตียง

 

เซี่ยหยุนจินเอนตัวลงข้างเตียงหยิบพู่กันและกระดาษแล้วเริ่มเขียน

 

หลู่เจียวก็พูดสูตรล้างพิษงูอย่างรวดเร็ว"ปังจือเหลียนสิบเฉียน,เบญจมาศป่า,เกิ่นเทียน,จิ่นหนานซิง,ชวนเป่ย,เซียงไป่จื่อ,ฟางเฟิง,ชะเอมดิบสามตำลึงตามลำดับชิงมู่เซียงและซูฉางชิงสี่เฉียนตามลำดับ,รูบาร์บดิบหกเฉียนตะขาบแมงป่องสิบตัวต้มในน้ำเดือดดื่มวันละ3เวลาเช้าเที่ยงและเย็น”

 

หลังจากที่หลู่เจียวพูดจบเซี่ยหยุนจินเขียนได้เพียงครึ่งเดียวแต่ถึงแม้เขาจะเขียนเพียงครึ่งเดียวแต่ใบหน้าของเขาก็น่าเกลียดมากและมือของเขาก็สั่นอย่างไม่รู้ตัวรู้สึกมือไม่มั่นคงหลู่เจียวรู้ได้อย่างไรว่าเขาเวียนหัวและมีอาการปวดหัวจึงรีบพูดแต่ยิ่งพูดเร็วสมองของเขาก็ตื้อเร็วกว่าเดิมยังดีที่สมองของเขายังดีอยู่จดจำได้ทุกคำ

 

‘เอาล่ะอย่าพึ่งหยุดเขียนเขียนให้เสร็จก่อน’

 

เซี่ยหยุนจินคิดในใจกัดฟันเขียนส่วนที่เหลือในลมหายใจเดียวจากนั้นเขาก็ทรุดตัวลงนอนบนเตียงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เป็นเวลานาน…

 

แฝดสี่ตกใจมากจนมารุมรอบเตียงและร้องว่า "ป๊า"

 

ก่อนหน้านี้เซี่ยหยุนจินรับประทานอาหารที่ดีในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาและหลู่เจียวก็หายาดีๆมาให้เขาบวกกับน้ำพุจิตวิญญาณแต่ร่างกายของเขาก็พึ่งบาดเจ็บเพิ่มจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ในตอนนี้จึงถือว่าเขาฝืนตัวเองพอสมควร

 

แม้ว่าจะเป็นอย่างนั้นก็ตามถึงแม้ว่าเขาจะหน้าซีดและเวียนศีรษะแต่เขาก็ยังไม่ถึงกับหมดสติเขาเพียงนอนพะงาบๆอยู่บนเตียงและสูดหายใจสองสามครั้งและร่างกายของเขาก็ผ่อนคลายลงอย่างมาก

 

เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยทั้งสี่เป็นห่วงเขาจึงหันกลับมามองเด็กน้อยทั้งสี่อย่างอ่อนแรง“พ่อสบายดี”

 

หลู่เจียวเหลือบมองเขาและพบว่าเขาไม่เป็นไรจริงๆดังนั้นนางจึงวางพู่กันกระดาษและใบสั่งยาแก้พิษไว้บนโต๊ะเล็กๆนั้น

 

เดิมทีนางคิดว่าคนในตระกูลซูจะมารับยาแก้พิษในไม่ช้าแต่พวกเขากลับไม่มาเลย…

 

หลู่เจียวประหลาดใจและนางก็รู้ว่าพวกเขาไม่เชื่อว่านางจะสามารถล้างพิษงูได้บางทีพวกเขาอาจส่งคนไข้ไปที่เมืองเพื่อรักษาพยาบาลแล้วแต่ยังไงนางก็ปฐมพยาบาลเบื้องต้นไปแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหากถึงมือหมอแล้ว…

 

หลู่เจียววางยาแก้พิษแล้วไปที่ห้องครัวเพื่อทำอาหารเย็น

 

ไม่ใช่ว่านางไม่คิดจะช่วยแต่หากคนไม่เชื่อก็ไม่รู้จะทำยังไงเพราะในกฏการเป็นหมอมีอยู่ข้อหนึ่งสำหรับคนไข้ที่ไม่สามารถได้หนึ่งในนั้นก็คือคนไข้ไม่เชื่อใจหมอและคนไข้ไม่อยากรักษาไม่ว่ากรณีไหนก็ไม่สามารถรักษาได้อย่างไรก็ตามนางก็ทำทุกอย่างที่นางควรจะทำไปแล้ว…

 

หลู่เจียวไปที่ห้องครัวเพื่อทำอาหารเย็นและจัดการงานให้เสี่ยวซือเป่า

 

"เอากระต่ายไปให้พี่เสี่ยวเป่าที่บ้าน"

 

เอ้อเป่าพูดขึ้นมาก่อน“แม่ครับข้าจะเอาไปส่งเอง”

 

หลู่เจียวเหลือบมองเอ้อเป่าด้วยรอยยิ้มตอนนี้เด็กน้อยทั้งสี่ไม่กลัวนางและเริ่มแสดงลักษณะของตนเองโดยไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในท้ายที่สุด

 

หลู่เจียวมองซือเป่าอย่างครุ่นคิดและพูดว่า"ไปด้วยกันทั้งหมดอย่าลืมต้องรู้จักทักทายคนอื่นด้วย"

 

เสี่ยวซือเป่ากับเสี่ยวเอ้อเป่าก็พยักหน้าอย่างจริงจังทันที"ข้ารู้"

 

"อืมไปกันเถอะ"

 

เนื่องจากในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาที่บ้านไม่ขาดแคลนเนื้อสัตว์เด็กๆทั้งสี่จึงไม่ได้กังวลอะไรเป็นพิเศษเอ้อเป่านำกระต่ายแล้วเดินไปที่บ้านของย่าสองพร้อมกับคนอื่นๆต้าเป่าซันเป่าและซือเป่าก็ไปด้วยกันเพราะไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว

 

เนื่องจากทั้งสองครอบครัวสนิทสนมกันหลู่เจียวจึงไม่กังวลใจอะไรและบ้านก็อยู่ใกล้ๆนางจึงเดินเข้าไปในครัวเพื่อทำอาหารเย็น

 

เนื่องจากอากาศร้อนเกินไปนางจึงตัดสินใจทำบะหมี่เย็นกินเป็นอาหารเย็นบะหมี่เย็นผสมกับแตงกวาไข่กวนกับกุ้ยช่ายและหั่นเนื้อหัวหมูจานหนึ่งถือว่ามีอาหารครบห้าหมู่แล้ว

 

เมื่อนางทำเสร็จแล้วเสี่ยวซือเป่าก็กลับมาจากข้างนอก

 

นอกจากพวกเขาแล้วยังมีนางจ้าวและเซี่ยเสี่ยวเป่าติดตามมาด้วย

 

เมื่อเห็นหลู่เจียวนางจ้าวก็กล่าวด้วยท่าทางเขินอาย"มันน่าอายมากที่จะกินเนื้อของเจ้าตลอดเวลา"

 

เซี่ยเสี่ยวเป่ายืนอยู่ข้างๆแล้วถามด้วยรอยยิ้มว่า"ป้าสามซุปหลู่เว่ยของท่านอยู่ที่ไหนท่านช่วยเทให้ครอบครัวข้าหน่อยได้หรือไม่"

 

หลู่เจียวไม่มีปัญหาเอื้อมมือออกไปหยิบชามที่นางจ้าวนำมาและเดินเข้าไปในครัวและเทส่วนผสมออกจากพื้นที่มิติใส่ชามนั้นมองไปคล้ายว่าเสกออกมาจากความว่างเปล่าแล้วนำกลับมาให้นางจ้าว

 

"ท่านเติมน้ำเพิ่มซักหน่อยและต้มเนื้อให้นานขึ้นอีกนิดหนึ่งเพื่อที่เนื้อจะถูกเคี่ยวจนเละและมีรสชาติดีกว่าเดิม"

 

"ตกลงข้าเข้าใจแล้ว"

 

หลังจากนางจ้าวพูดจบนางก็เอนตัวไปที่ด้านข้างของหลู่เจียวและกระซิบว่า“เจ้ารู้อะไรไหมซูต้าจินของตระกูลซูถูกงูพิษกัดและครอบครัวพวกเขาก็ส่งเขาเข้าไปที่เมือง?”

 

“ข้าได้ยินมาว่าเขาถูกงูวงแหวนสีทองกัดงูวงแหวนสีทองเชียวนางูตัวนี้เมื่อกัดคนไม่ตายก็มักจะเป็นอัมพาตครอบครัวซูโชคไม่ดีจริงๆ”

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป