Your Wishlist

เมียคนธรรมดา (คนที่น่าอึดอัดใจ)

Author: หยูเสี่ยวถง

เกิดใหม่ เป็นแม่ของตัวร้าย ในช่วงวัยเด็กในนิยาย แถมสามียังเป็นอัมพาตเดินไม่ได้ แต่พวกเขากลับอยากฆ่านาง นางจะอยู่สอนเด็กๆให้เป็นคนดีไม่กลายเป็นตัวร้ายในอนาคต หรือจะจากไปดี แต่เด็กพวกนี้ก็น่ารักจริงๆ...

จำนวนตอน :

คนที่น่าอึดอัดใจ

  • 13/05/2565

หลู่เจียว บอกเซี่ยหยุนจิน ว่าให้เขาช่วยดูซาลาเปาน้อยทั้งสี่

 

หลังจากที่นางพูดจบ นางหันหลังเดินจากไป และ เซี่ยหยุนจิน ก็เหลือบมองไปทางด้านหลังของนาง ผู้หญิงคนนี้ยังคงอ้วนอยู่เหมือนเดิม แต่ฝีเท้าของนางคงที่ ไม่รีบร้อนหรือเชื่องช้า ท่าทางการเดินของนางแสดงความมั่นใจ ไม่เหมือนนางเลยจริงๆ

 

ยิ่งเซี่ยหยุนจินคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะเปลี่ยนไป กลับกลายเป็นว่าตอนแรก เขาคิดว่าแม่ยายคงจะสอนเรื่องพวกนี้ให้นาง แต่ถ้าแม่ยายสอนคนแบบนี้ได้ ทำไมนางไม่สอนดี และพอดูหน้านางก็ยังคงเหมือนเดิม

 

เซี่ยหยุนจิน งงงวย นี่มันสถานการณ์อะไร

 

หลู่เจียว ไม่สนใจเซี่ยหยุนจิน หลังจากออกจากห้อง นางคุ้ยบ้านอยู่เป็นเวลานาน แต่ไม่พบขวาน แต่พบตระกร้าไม้ไผ่สานสะพายหลังขาดรุ่งริ่ง

 

แต่ไม่มีขวาน หากนางต้องขึ้นไปบนภูเขาเพื่อตัดฟืน จะทำได้ยังไงหากไม่มีขวาน เอามือหักกิ่งไม้เอาเหรอ หลู่เจียว นำตะกร้าสะพายหลัง แล้วเดินออกไป คงต้องไปยืมมีดจากเพื่อนบ้าน

 

อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงของนางตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก และคนทั่วไปอาจไม่สามารถยืมมันได้ หลู่เจียว รู้สึกอายเล็กน้อยที่ยืนอยู่หน้ารั้วบ้านใครคนหนึ่ง

 

อยู่ไม่ไกล หน้าประตูลานบ้าน หญิงชราร่างผอมบาง เห็นว่านางมายืนอยู่หน้าประตูด้วยท่าทางเขินอาย จึงเข้ามาถามขณะเดินไปหา

 

“ลูกสะใภ้หยุนจิน เจ้าเป็นอะไรไป?”

 

หลู่เจียว หันกลับมาและคิดอย่างรอบคอบ นางจำได้ว่า หญิงชราคนนี้คือใคร นางคือ เซี่ยซือ พี่สะใภ้คนที่สองของ เซี่ยเหวินเหยา พ่อตาของนาง และทุกคนในหมู่บ้านต่างเรียกนางว่าย่าสอง

 

ปู่คนที่สองเสียชีวิตก่อนกำหนด ท่านย่าสองเป็นม่าย นางเลี้ยงลูกชายสองคนและลูกสาวสองคนเพียงคนเดียว นางเป็นคนใจบุญมาก พวกเขาเคยถูกขับไล่มาที่นี่ และท่านย่าสองผู้นี้ ก็มักนำไข่ต้มมาให้บ่อยๆ

 

เมื่อเห็นท่านย่าสอง หลู่เจียวก็ยิ้มและพูดว่า "ท่านย่าสอง ท่านมีขวานที่บ้านหรือเปล่า บ้านข้าไม่มีฟืน ข้าอยากขึ้นไปบนภูเขาเพื่อตัดฟืน"

 

หลังจากได้ยินคำพูดของหลู่เจียว ย่าสองก็รู้สึกเป็นทุกข์ทันที “เจ้าจะตัดไม้ฟืนได้ที่ไหนกัน ในฐานะผู้หญิง ให้หูจื่อของข้าขึ้นไปบนภูเขาเพื่อตัดฟืนให้เจ้าดีหรือไม่”

 

หูจื่อ เป็นหลานชายของย่าสอง เขาแต่งงานมาสองปีแล้ว และดูเหมือนจะยังไม่มีลูก

 

โดยธรรมชาติแล้ว หลู่เจียว ไม่สามารถขอให้ หูจื่อ ฟันฟืนให้กับนางได้ เพราะมันไม่ใช่แค่วันหรือสองวัน ที่ต้องหาฟืนมาใช้งาน ดังนั้นคงต้องเรียนรู้ที่จะหาเอง

 

“ท่านย่าที่สอง ไม่จำเป็น ข้าจะเดินไปรอบๆภูเขา แล้วสับฟืนแถวนั้น แต่ข้าจะไม่ขึ้นไปบนภูเขา”

 

หลังจากได้ยินเรื่องนี้ ท่านย่าสองก็หยุดยืนกราน และพาหลู่เจียวไปที่บ้าน เพื่อเอาขวาน

 

ตอนนี้ครอบครัวของท่านย่าสอง แยกกันอยู่ นางอาศัยอยู่กับลูกชายคนโตและลูกสะใภ้ เห็นได้ชัดว่าลูกสะใภ้ของนางไม่พอใจเมื่อเห็นหลู่เจียว และนางก็ท่าไม่สนใจ อย่างไรก็ตาม หลู่เจียว ก็ไม่ได้พูดอะไรมากเกินไป เพียงแค่ หยิบขวานแล้วจากไป

 

ท่านย่าสอง ที่อยู่ด้านหลังเตือนด้วยความเป็นห่วง นางจ้าวที่เป็นลูกสะใภ้ ก็บ่นออกมาอย่างอดไม่ได้ว่า

 

“ท่านแม่ ทำไมท่านให้นางยืมมีดของเรา นางจะสามารถฟันฟืนได้อย่างไร ล้อเล่นแล้ว”

 

ท่านย่าสอง หันกลับมามองลูกสะใภ้และพูดว่า “เอาล่ะ มันไม่ง่ายเลย ที่ผู้หญิงคนหนึ่ง จะดูแลผู้ชายที่บาดเจ็บสาหัส และเลี้ยงลูกอีกสี่คน หากเจ้าช่วยได้ ก็ช่วย อย่าใจร้ายนักเลย ญาติๆกันทั้งนั้น”

 

….

 

หลู่เจียว ไม่สนใจคนที่อยู่เบื้องหลังนาง นางหยิบขวานและขึ้นไปบนภูเขา

 

หมู่บ้านเซี่ยเจีย อยู่ใกล้กับภูเขา และหลู่เจียว อาศัยอยู่ในส่วนตะวันตกสุดของหมู่บ้านใกล้กับภูเขา

 

อย่างไรก็ตาม ร่างกายของนางไร้ประโยชน์จริงๆ เมื่อนางขึ้นไปบนภูเขา นางมีเหงื่อออกมากเพราะความเหน็ดเหนื่อยและเสื้อผ้าของนางก็เปียกโชก โชคดีที่เป็นฤดูร้อน ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาร้ายแรง

 

หลังจากที่หลู่เจียวขึ้นไปบนภูเขา นางก็สังเกตดูก่อน มีทรัพยากรบนภูเขาค่อนข้างมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสมุนไพร พืชผัก ผลไม้ และเห็ดต่างๆ

 

เดิมทีตามความคิดของนาง บนภูเขาลูกนี้ ไม่น่าจะมีอะไรมากมาย ถึงอย่างไร ก็มีหลายหมู่บ้านอยู่โดยรอบ แต่หลังจากที่นางขึ้นมา และมองดู ก็พบว่าบนภูเขานั้นมีหลายสิ่งหลายอย่าง ที่มีประโยชน์มากมาย เหมือนกับภูเขาแถวดอยอินทนนท์ แถวดอยอ่างขางของไทย มีความหลากหลายทางชีวภาพ

 

หลู่เจียว งงในตอนแรก แต่หลังจากคิดๆดูแล้ว นางก็รู้ว่าชาวบ้านในหมู่บ้านนั้น โดยทั่วไปแล้วไม่รู้หนังสือและมีความรู้น้อย บนภูเขานั้นมีของกินหรือไม่ ก็ไม่กล้าเดินเข้าไปหรือเก็บลงไปกินซีซั้ว เพราะกลัวกินของมีพิษ

 

โดยปกติเมื่อชาวบ้านขึ้นไปบนภูเขาเพื่อเก็บผักและเห็ดป่า พวกเขาจะเลือกเฉพาะที่เคยเห็น ที่เคยกินได้ และไม่กล้าแตะต้องสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

 

หลู่เจียว คิดและยิ้ม แล้วเดินไปทำกับดักบนภูเขา และโยนหนูไผ่ตัวเล็กที่นางจับได้ ด้วยการป้ายน้ำพุจิตวิญญาณ ลงไปใส่ตัวมันเพื่อให้มันกลายเป็นเหยื่อย่อ

 

หลังจากทำเช่นนี้ นางก็หยิบขวานแล้วไปสับฟืน

 

หลู่เจียวแข็งแกร่งมากและสับฟืนได้ง่าย ดังนั้นนางจึงสับเป็นมัดๆได้อย่างรวดเร็ว

 

แต่การฟาดฟันฟืนอย่างรุนแรง เมื่อนึกถึง เซี่ยหยุนจิน ที่เป็นอัมพาตอยู่บนเตียง เนื่องจากการถูกกระทบกระแทกและการตกเลือดของม้าม เซี่ยหยุนจิน ไม่ควรเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถลุกจากเตียงได้

 

หลู่เจียว คิดอยู่ครู่หนึ่งและตัดสินใจใช้ไม้ไผ่ทำห้องน้ำธรรมดาๆ ไม้ไผ่นั้นมีอยู่มากมายบนภูเขา สามารถทำให้มันกลายเป็นกระบอกน้ำได้

 

หลังจากทำเช่นนี้ก็สายแล้ว หลู่เจียว ก็รีบไปที่กับดักเพื่อตรวจสอบ และพบว่ามีไก่ฟ้าสองตัวและกระต่ายติดอยู่ในกับดักและพวกมันทั้งหมดยังมีชีวิตอยู่

 

หลู่เจียว หัวเราะอย่างมีความสุข นี่คือเนื้อทั้งหมดที่ได้วันนี้

 

นางเอาไก่ฟ้ากับกระต่ายมัดเอาไว้ แล้วแบกฟืนไว้ข้างหลัง แล้วเดินลงจากภูเขา

 

เพราะสายแล้ว เลยไม่เจอใครเลยบนถนน พอเข้าไปในประตู ก็เห็นสี่หัวเล็กๆ หน้าห้องหลัก พอเด็กสี่คนเห็นร่างของนาง ทุกคนก็ถอยกลับ

 

หลู่เจียว ส่ายศีรษะอย่างขบขัน แล้ววางฟืนที่สูงกว่าคนไว้ที่ประตูห้องครัว เนื่องจากฟืนที่ตัดจากภูเขาเปียกจึงต้องใช้เวลาสองสามวันในการตากให้มันแห้ง และคงสามารถใช้ได้สองสามวัน

 

แต่นี่มันสายมากแล้ว และหลู่เจียวกำลังจะทำอาหารเย็น ก่อนทำอาหารเย็น นางไปที่ห้องนอนด้านทิศตะวันออก

 

เซี่ยหยุนจิน ตื่นอยู่บนเตียง เมื่อเห็นนางกลับมา ดวงตาของเขาก็มืดมนลงเล็กน้อย หลู่เจียว เลิกคิ้วขึ้นและถาม เซี่ยหยุนจินว่า "เจ้ากระหายน้ำหรือไม่ ให้ข้าเทน้ำสักแก้วให้เจ้าชุ่มคอของเจ้าก่อน"

 

เซี่ยหยุนจิน ปฏิเสธด้วยใบหน้าเย็นชา "ไม่ ไปทำอาหาร เด็กๆ หิวแล้ว"

 

เมื่อเห็นว่าเขาไม่กระหายน้ำ หลู่เจียว ก็หันหลังกลับและเดินออกไป

 

ต่อมา เซี่ยหยุนจิน เลียริมฝีปากของเขาโดยไม่รู้ตัว คนทั้งตัวก็มืดมนอย่างสุดจะพรรณนา และดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา

 

เขาไม่ได้คาดหวังว่าวันหนึ่งเขาจะตกอยู่ในสภาพอับอายเช่นนี้ และจำเป็นต้องได้รับการดูแลจากผู้หญิงที่เขาเกลียดชัง ซึ่งทำให้เขาเกลียดตัวเองมากที่สุด

 

ที่หน้าประตู หลู่เจียว ก็หยุดและมองย้อนกลับไป ทันได้เห็น เซี่ยหยุนจิน เลียริมฝีปากของเขาโดยไม่ตั้งใจ เห็นได้ชัดว่าเขากระหายน้ำ

 

หลู่เจียว พูดไม่ออก ผู้ชายคนนี้ปากแข็งจริงๆ

 

ท่านโชวฟู่ในอนาคตกลายเป็นชายที่น่าอึดอัดใจ

 

หลู่เจียว หยุดคิด หันหลังและเดินออกไป และเทน้ำใส่น้ำตาลลงไป แต่นางก็คิดกับตัวเองว่า เซี่ยหยุนจิน ได้รับบาดเจ็บและควรดื่มน้ำมากๆ นี่เป็นการละเลยหน้าที่ของนาง

 

หลู่เจียว นำน้ำต้มน้ำตาลเข้ามาในห้องขณะคิดว่า "ดื่มน้ำสักชามก่อน"

 

เซี่ยหยุนจิน ฟังคำพูดของนางและปฏิเสธทันที "ข้าบอกว่าไม่"

 

หลู่เจียวเมินเขา ยกน้ำขึ้น ยกเขาขึ้นเล็กน้อย และสั่งด้วยท่าทีหนักแน่น "เอาล่ะ ดื่มน้ำ"

 

เซี่ยหยุนจิน จ้องไปที่นางอย่างเย็นชา และในที่สุดก็ก้มหัวลงดื่มน้ำ น้ำที่มีน้ำตาลหวานเข้าไปในลำคอของเขา และเขาก็รู้สึกสบายตัวมาก

เมื่อป้อนน้ำ หลู่เจียวพูดอย่างสบายๆ

 

“วันนี้ข้าขึ้นไปบนภูเขาเพื่อตัดฟืน จับไก่ฟ้าสองตัวและกระต่ายตัวหนึ่ง แล้วพรุ่งนี้ข้าจะทำซุปไก่ให้เจ้า นอกจากนี้ ข้าเก็บเห็ดหลินจือสองต้นบนภูเขา พรุ่งนี้จะเอาไปที่เป่าเหอถัง 1 ดอก เพื่อแลกเปลี่ยนเป็นเงิน...”

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป