Your Wishlist

โปรแกรมเมอร์ธรรมดา (แขกมาเยือน)

Author: เพื่อนคนหนึ่ง

ย้อนเวลาเปลี่ยนชีวิต จากโปรแกรมเมอร์และนักธุรกิจหมื่นล้าน กลายเป็นเด็กนักเรียนยากจนธรรมดา ในต่างโลก เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ พยายามไม่ใช้ชีวิตผิดพลาดเหมือนโลกที่เคยจากมา และสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยอีกครั้ง

จำนวนตอน :

แขกมาเยือน

  • 01/06/2565

ระหว่างการเดินทาง หม่ากั๋วหมิงก็หลอกถามข้อมูลจากหลี่มู่จื่อไม่น้อย

 

ตู้หลิงเฟิงนั้นเป็นลูกชายคนโต มีน้องสาวหนึ่งคนชื่อตู้หลิงเฟย ตอนนี้อยู่เซี่ยงไฮ้ พ่อแม่ตายหมดแล้วจากอุบัติเหตุ เหลือเพียงสองคนพี่น้อง 

 

เมืองที่อยู่ตอนนี้คือเมืองจิงโจว มณฑลหูเป่ย บ้านที่จะไปนั้นเป็นบ้านของตู้หลิงเฟิง ส่วนบ้านที่อยู่เมื่อครู่ก็เป็นบ้านมรดกของบิดาของตู้หลิงเฟิง ปกติแล้วตู้หลิงเฟิงจะมีหลายบ้าน เหมือนกระต่ายที่มีหลายรัง ทั้งบางบ้านยังเลี้ยงเมียน้อยเอาไว้อีกด้วย

 

การกลับไปกินข้าวเที่ยงกับคุณนายนั้น ตู้หลิงเฟิงจะทำอาทิตย์ละสามครั้ง กินข้าวเย็นอาทิตย์ละสามครั้ง และนอนบ้านนั้นอาทิตย์ละสามวัน เป็นกิจวัตร นั่นก็แสดงว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ไม่ค่อยดีนัก อาจจะแต่งงานกันเพราะการเมือง หรือธุรกิจ ก็เป็นไปได้

 

 

ใช้เวลาไม่นาน ก็มาถึงบ้านอีกแห่ง ความจริงก็ไม่ได้ไกลกันมาก เพียงใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็มาถึง

 

ภายในบ้านนั้นกว้างขวางกว่าบ้านที่อยู่ก่อนหน้านี้เสียอีก

 

เมื่อรถจอดและหม่ากั๋วหมิงเดินออกไป ก็มีคนรับใช้มาทำความเคารพอยู่สองฟากข้าง มีทั้งผู้หญิงผู้ชาย ตอนนี้ยังพอมีเวลา หม่ากั๋วหมิงจึงให้หลี่มู่จื่อ นำทางไปที่ห้องโถงเก็บสมบัติ เขาอยากจะรู้ว่า ในบ้านนี้มีลูกบอลหยกธาตุอื่นด้วยหรือเปล่า

 

เมื่อมาถึงห้องเก็บสมบัติ ที่นี่จะเป็นห้อง คล้ายพิพิธภัณฑ์ มีสมบัติมากมายอยู่ภายในนี้ โดยเฉพาะพวกหยกสีต่างๆ เพียงใช้เวลาไม่นาน หม่ากั๋วหมิงก็เจอลูกบอลหยกขาว มันมีลักษณะกลมเกลี้ยงสีขาวเนียน เหมือนหยกไขมันแพะ เหมือนกับลูกบอลหยกธาตุอื่นๆ เพียงแต่เป็นหยกขาว ของธาตุน้ำ

 

เมื่อเห็นดังนี้ หม่ากั๋วหมิงก็หันมาด้านข้างแล้วว่า

 

"ลู่สวิน ในบ้านของฉันเมื่อวันก่อน มีโจรขึ้นบ้าน มีของหลายอย่างหายไป ของบางอย่างมีลักษณะทรงกลมแบบนี้ เป็นหยกเขียว และหยกสีแดง ดังนั้น คนที่ขโมยไป อาจจะมีหยกสีอื่นเหมือนกันด้วยหรือเปล่า นายช่วยไปสืบหาดู ว่าใครที่กำลังครอบครองก้อนหยกอีกสองก้อน สีทองและสีดำ"

 

"ครับท่านประธาน" ลู่สวินก็ขานรับออกมา ถึงแม้จะฟังดูแปลกๆอยู่บ้าง แต่ผู้ช่วยที่ดีย่อมไม่ถามอะไรมากความ

 

 

"มาแล้วหรือ" ยังไม่ทันที่หม่ากั๋วหมิงจะเอ่ยอะไร ก็มีบางคนเดินเข้ามาทักทาย ดูรูปลักษณะแล้วเป็นชายชรามีอายุห้าสิบกว่าปี แต่ยังแข็งแรง

 

"ท่านหรวน" ลู่สวินกับหลี่มู่จื่อ ก็ทำความเคารพชายผู้นั้น

 

ก่อนเข้ามาในบ้าน หม่ากั๋วหมิงก็หาข้อมูลเอาไว้แล้ว และให้หลี่มู่จื่อเปิดรูปให้ดูถึงคนที่เกี่ยวข้องในชีวิตของตู้หลิงเฟิงทั้งหมดในแท็บเลต 

 

ชายผู้นี้คือ หรวนหมิงเย่ คนของตระกูลหรวน มาจากเขตเซียงหนาน เป็นหนึ่งในยอดฝีมือของสมาคมสามยอดฝีมือ

 

"ท่านหรวน" หม่ากั๋วหมิงก็ทักทายด้วยเช่นกัน ชายผู้นี้ถือว่าเป็นญาติผู้ใหญ่ของภรรยา เป็นพี่น้องร่วมสาบานของพ่อตา

 

"ท่านมาครั้งนี้ คงมีเรื่องอะไรให้ผมช่วยใช่หรือเปล่าครับ" หม่ากั๋วหมิงถามออกไป

 

หรวนหมิงเย่ รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย กับกิริยาท่าทางของตู้หลิงเฟิง ดูเหมือนว่าเขาพยายามจะสงวนท่าทีอยู่สินะ

 

"แน่นอนว่ามีเรื่อง ไม่งั้นข้าคงไม่มาด้วยตัวเอง"

 

"…"

 

"เช่นนั้น นี่ก็ใกล้เวลาอาหารเที่ยงแล้ว กินไปคุยไปก็แล้วกัน เชิญท่านหรวน" กล่าวจบหม่ากั๋วหมิงก็ผายมือเชิญ

 

หรวนหมิงเย่ก็พยักหน้ารับอย่างพอใช้ แล้วเดินควบคู่กับหม่ากั๋วหมิงไปที่ห้องทานอาหาร

 

ความจริงแล้ว การมาพบเจอตอนกำลังจะกินข้าวเที่ยงนั้น นับว่าเสียมารยาทมาก ถึงแม้ว่าจะเป็นอาหารค่ำ ก็ยังนับว่าเสียมารยาทอยู่ดี ดังนั้นแล้ว การมาในครั้งนี้ คงร้ายมากกว่าดี เพราะไม่ได้สนใจมารยาทอันใด

 

ในห้องทานข้าวนั้น มีคนมากมายรออยู่ที่นี่ นับรวมกันแล้วหลายสิบคน ที่ยืนโดยรอบ คนพวกนี้เป็นลิ่วล้อ ส่วนคนที่นั่งอยู่มีเพียงแค่สามคน กำลังคุยไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบกันอยู่ ส่วนบนโต๊ะนั้นยังไม่มีอาหาร 

 

หญิงสาวที่งดงามผู้หนึ่ง ที่นั่งอยู่คนเดียว บนโต๊ะ จึงหันไปทางหัวหน้าคนใช้ สั่งให้นำอาหารขึ้นโต๊ะ เมื่อเห็นว่าตู้หลิงเฟิง หรือตอนนี้คือหม่ากั๋วหมิง เดินเข้ามาในห้องกินข้าวแล้ว

 

หญิงสาวนางนี้ก็คือ หลู่หลิงฉี ภรรยาของตู้หลิงเฟิง อายุยี่สิบกว่าๆ รูปร่างหน้าตาจัดได้ว่างดงามและหุ่นดี ลักษณะดูเป็นคนมีการศึกษาและถูกอบรมมาดี แต่งกายด้วยชุดเดรสสีชมพูสดใส ผิวกายขาวผ่องเรียบเนียนเหมือนดั่งหยกไขมันแพะ ดวงตาดูมีความกังวลใจอยู่เล็กน้อย คงเพราะวันนี้มีผู้ใหญ่มาเยี่ยมบ้าน

 

ในฐานะเจ้าบ้าน ความจริงหม่ากั๋วหมิงต้องนั่งหัวโต๊ะ แต่วันนี้ดูเหมือนว่าจะมีคนใหญ่คนโตมากินข้าวด้วย และยึดหัวโต๊ะเอาไว้แล้ว เป็นญาติทางฝ่ายภรรยา คนผู้นี้คือหลู่หลัวเฟิง บิดาของหลู่หลิงฉี ภรรยาของตู้หลิงเฟิง ด้านข้างก็มี จางฉิงฟาง คนจากตระกูลจาง สองคนนี้ก็เป็นคนในสมาคมสามยอดฝีมือ หม่ากั๋วหมิงจึงเดินไปนั่งข้างๆภรรยาแทน

 

สามยอดฝีมือมี หลู่หลัวเฟิง จางฉิงฟาง และหรวนหมิงเย่ ทั้งสามคนเป็นเหมือนเจ้าพ่อใต้ดิน ปกครองกันคนละเขตในเมืองจิงโจว ส่วนหลู่หลิวเฟิงนั้นเป็นพี่ใหญ่ของบรรดาสามยอดฝีมือ และขึ้นชื่อว่ายอดฝีมือ นั่นเพราะในวัยหนุ่ม สามคนพี่น้องได้ประกาศศักดากวาดล้างบรรดาแก๊งใหญ่แก๊งน้อยทั้งหลาย ให้กลายเป็นหนึ่งในสามเขตการปกครอง และก่อตั้งสมาคมขึ้นมา และตั้งชื่อสมาคมแบบไม่ต้องคิดอะไรมากคือ สมาคมสามยอดฝีมือ เพื่อเป็นเกียรติประวัติให้แก่ตัวเอง

 

"ท่านพ่อตา ท่านจาง ทุกท่านสบายดี"

 

หลู่หลัวเฟิง ชำเลืองมองลูกเขยทีหนึ่ง พยักหน้ารับแบบขอไปทีครั้งหนึ่ง แล้วหันไปมองลูกสาวตัวเอง แล้วถอนหายใจ 

 

"พ่อ คุณอาทั้งสอง วันนี้มาเยี่ยมพวกเราสองคน ไม่บอกก่อนล่วงหน้า จะได้ให้คนเตรียมสุราอาหารไว้ต้อนรับ"

 

"ทุกท่านเชิญทานข้าว"

 

"ไม่ต้อง วันนี้ที่เรามา เพราะมีเรื่องจะบอก"

 

"พวกเจ้าสองคน หย่ากันซะ" จางฉิงฟาง เอ่ยออกมา ในขณะที่หลู่หลัวเฟิงก็ไม่ได้คัดค้าน แสดงว่าสามคนนี้คงคุยกันมาก่อนแล้ว

 

"พวกเจ้าสองคน แต่งงานกันแค่ในนามเท่านั้น นังหนูหลิงฉี ก็ยังถือว่าบริสุทธิ์อยู่ อีกทั้งอายุก็ไม่น้อยแล้ว หากว่าเจ้าไม่มีปัญญากำราบเมียได้ ไม่สู้หย่ากัน และปล่อยให้นังหนูไปแต่งงานใหม่กับคนอื่นดีกว่า" หรวนหมิงเย่ ก็เอ่ยออกมาสมทบ และพูดเข้าประเด็นทันที ถึงแม้จะดูเหมือนหยาบคายอยู่บ้าง แต่มันก็คือเรื่องจริง

 

หลู่หลิงฉี หน้าแดงเล็กน้อย คล้ายรู้สึกอับอาย พูดเสียงอ่อน "คุณอารอง…"

 

หม่ากั๋วหมิง ไม่มีความคิดเห็นในเรื่องนี้ เพราะยังไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องของตัวเอง เขาเพียงยืมร่างของตู้หลิงเฟิงมาใช้ชั่วคราวในโลกนี้ เพื่อค้นหาลูกบอลหยกธาตุอื่นๆ และศึกษาเทคโนโลยีของโลกนี้ และอาจจะมีการกอบโกยทรัพย์สินเงินทองอีกเล็กน้อย นั่นเท่ากับว่า เขาเป็นโจรไปแล้วมากกว่าครึ่ง คงจะเป็นเรื่องดี หากหย่าแล้วหมดเรื่องปวดหัว เพราะจะได้ไม่มีคนมาคอยจับผิด 

 

แต่ในขณะที่หม่ากั๋วหมิงกำลังจะพูดว่าเห็นด้วย ก็มีคนเอ่ยขัดออกมา

 

"คุุณพ่อ คุณอาทั้งสอง หนูไม่อยากหย่า" หลู่หลิงฉี เอ่ยออกมา หน้าดำหน้าแดง รู้สึกว่าอารมณ์จะขึ้นเล็กน้อย คล้ายว่าได้ตัดสินใจแล้ว

 

"คุณพ่อ คุณอาทั้งสอง ก่อนหน้านี้ พวกท่านบอกให้หนูแต่ง หนูก็แต่ง ทั้งที่ตอนนั้นหนูมีคนรักอยู่แล้ว และพอตอนนี้หนูเริ่มชินแล้ว ก็บอกให้หนูหย่า แล้วหนูต้องหย่าด้วยหรือ พวกท่านเห็นหนูเป็นอะไร เป็นคนหรือสิ่งของ พออยากได้อะไรก็เอาหนูไปแลกมา พอสมใจแล้วก็หยิบเอาหนูกลับไป พวกท่านคงจะเอาหนูไปแลกอะไรที่ได้มากกว่าเดิมอีกหรือเปล่า คราวนี้เป็นใครอีกล่ะ หรือว่าชีวิตนี้ หนูจะไม่มีความคิดและทำอะไรตามใจตัวเองได้" หลู่หลิงฉีเริ่มโวยวาย

 

"…"

 

ถึงแม้ว่าเธอจะแต่งงานกับตู้หลิงเฟิงเพราะผลประโยชน์ และคนอย่างตู้หลิงเฟิงจะไม่ได้ดีเด่อะไรมากมาย เพราะเขาขี้ขลาดและอ่อนแอเกินไป แค่จะนอนกับเธอก็ยังไม่กล้า เพราะกลัวบารมีของบิดา แต่ถึงกระนั้น เขากลับกล้าไปมีบ้านเล็กบ้านน้อยอยู่ข้างนอก ไม่กลัวบิดาของเธอมาตามเอาเรื่อง แต่เขาเองก็คงมีเรื่องลำบากใจด้วยเหมือนกัน 

 

แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น ก็ได้ชื่อว่าเป็นสามีเธอ และถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ของเธอจะไม่ค่อยดีนักกับสามี ถือว่าต่างคนต่างอยู่ ต่างใช้ชีวิตตามใจปราถนาของตัวเอง 

 

แต่อย่างน้อยอยู่ที่บ้านนี้ เธอก็สามารถทำอะไรตามใจได้ทุกอย่าง เป็นนายหญิงของบ้าน มีสิทธิขาดทุกอย่าง แต่ถ้าหากหย่าจากเขาแล้วแต่งงานใหม่ ชีวิตของเธอคงไม่เรียบง่ายอีกแล้ว อีกทั้งเธอก็ไปสืบข่าวรู้มาว่า คนที่มาติดต่อกับบิดาเพื่อให้เธอหย่าและแต่งงานใหม่นั้น แต่งไปเป็นอนุเท่านั้น เพราะเธอเคยหย่าและแต่งงานมาแล้ว แล้วอย่างนี้เธอจะหย่าได้ยังไง นี่มันไม่เท่ากับตกต่ำลงกว่าเดิมไม่ใช่หรือ…

 

หม่ากั๋วหมิงชำเลืองดูหลู่หลิงฉีแวบหนึ่ง รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่เธอไม่ยอมหย่า แต่เธอคงมีเหตุผลอะไรบางอย่าง ซึ่งนั่นก็นับว่าพอที่เข้าใจได้ อย่างน้อยๆอยู่บ้านนี้เธอก็เป็นคุณนายของบ้าน และพอหย่าไปอาจร้ายมากกว่าดี

 

"ท่านพ่อตา คุณอาทั้งสอง ผมเห็นด้วยกับหลู่หลิงฉี หากเธออยากหย่า ผมจะหย่าให้เธอทันที แต่ถ้าหากเธอไม่หย่า ผมก็จะไม่หย่ากับเธอ"

 

"…"

 

ทั้งสามพี่น้องมองดูตู้หลิงเฟิงอย่างดูถูก นี่ไม่เท่ากับเอาหลู่หลิงฉีมาเป็นไม้กันหมาดอกหรือ 

 

"แน่ใจนะว่าจะเอาแบบนี้" จางฉิงฟาง เอ่ยแล้วจ้องมาทางหม่ากั๋วหมิงอย่างเดือดดาล

 

"หากไม่หย่า แต่ผัวตาย ก็สามารถแต่งงานใหม่ได้เหมือนกัน" 

 

พอได้ยินแบบนี้หม่ากั๋วหมิงก็รู้สึกไม่สบอารมณ์เหมือนกัน 

 

"แต่ตอนนี้ผมก็ยังอยู่ดีไม่ใช่เหรอ"

 

หลู่หลัวเฟิง เป็นสัญญาณให้น้องชายร่วมสาบานทั้งสองเงียบ ไม่ต่อปากต่อคำกันอีกต่อไปแล้วว่า

 

"คนที่สนใจหลิงฉี เป็นคุณชายของสมาคมเสื้อคลุมโลหิต ชูจวงฉีหยวน มันผู้นี้เป็นปรามาจารย์ระดับมนุษย์ขั้นสอง มีลูกน้องอยู่ในสังกัดมากมาย และยังได้ยินมาว่ามันยังมีหุ่นยนต์รบอีกหลายตัวให้ใช้งาน ลำพังหุ่นยนต์บอดี้การ์ดของนาย คงไม่สามารถดูแลความปลอดภัยของนายได้"

 

"…"

 

"ท่านพ่อตา หากว่าแข็งแกร่งแล้ว จะแย่งเมียคนอื่นก็ทำได้หรือ ประเทศนี้ยังมีกฏหมายอยู่หรือเปล่า"

 

หลู่หลัวเฟิง ทำหน้าเอือมระอา หากประเทศนี้ยังมีกฏหมาย แล้วพวกเขาจะได้เป็นเจ้าพ่อท้องถิ่นได้ยังไง 

 

"ท่านพ่อตา ท่านไม่ต้องเป็นห่วง หากว่าผมยังอยู่ ผมจะปกป้องหลิงฉีเอง ผมจะไม่ยอมให้ใครมารังแกเธอได้…"

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า