Your Wishlist

พลิกลิขิตฟ้าคว้าใจเธอ (บทที่ 5 : คืนสู่เหย้า)

Author: อักษรเงิน

เมื่อถูกใส่ร้าย! อดีตนักแสดงสาวก็ตกหลุมพลางและถูกฆ่าตายในที่สุด ทว่าสวรรค์ยังมีตาให้เธอกลับมาเกิดใหม่ และคราวนี้เธอต้องการแก้แค้นและเพื่อค้นหาความจริง! คราวนี้เธอตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่ตกหลุมพรางของความรักอีก แต่! ใครบอกเธอได้ว่าทำไมอดีตสามีที่น่ารำคาญถึงตามหลอกหลอนเธอทั้งวันทั้งคืนแบบนี้!

จำนวนตอน :

บทที่ 5 : คืนสู่เหย้า

  • 06/05/2565

ทั้งสามคนเดินออกมาพลางยิ้มหัวเราะอย่างมีความสุข นี่เป็นภาพที่ไม่เคยพบเห็นที่ไหนมาก่อนที่ตระกูลสวี่สามารถเข้ากันได้อย่างกลมกลืนถึงเพียงนี้

 

“พี่เจียง!” เหยียนหนานเซิงมองเห็นร่างสง่างามดุจหยกมาแต่ไกล

 

ใบหน้าหล่อเหลา คิ้วคมดกดำมีสไตล์ทว่าไม่ดุร้าย แต่กลับเจือไปด้วยความจริงจังเสียมากกว่า ดวงตารูปดอกท้อแต่ไร้ความหวานเยิ้ม หางตาเชิดขึ้นเล็กน้อย แววตาเฉียบคมดุจนกอินทรี มีทั้งความเฉยเมยและกระตือรือร้นปะปนอยู่ภายใน

 

สันจมูกโด่งเชิด ริมฝีปากบางเป็นประกายสีชมพูอ่อน แต่ก็ไม่ได้ดูหน่อมแน้มเหมือนกับพวกหนุ่มน้อยหน้าละอ่อน แต่กลับยิ่งทำให้อดไม่ได้ที่จะมองอย่างเพ้อฝันซ้ำๆ รู้ทั้งรู้ว่าเขาเป็นผู้ชายที่อันตรายและไร้หัวใจ แต่ก็ยังอยากจะใกล้ชิดเขาอยู่ดี

 

เมื่อได้ยินเสียงเรียก เจียงจื่อเฉิงจึงหันหน้ากลับมา และพยักหน้าหงึกงัก มองดูร่างอรชรย่างฝีเท้าเดินเข้ามาหาด้วยความสดใส แว่นกันแดดบนใบหน้าของหญิงสาวบดบังใบหน้าเกือบครึ่งของเธอ ทำให้มองเห็นหน้าตาไม่ชัดเจน แต่เมื่อมองดูจมูกอันสวยงามและริมฝีปากอันยั่วยวนที่เหมือนกับลูกท้อของเธอแล้ว ก็รู้เลยว่าต้องเป็นสาวสวยอย่างแน่นอน

 

หนุ่มหล่อสาวสวยที่หาตัวจับยากปรากฏตัวคู่กันที่สนามบิน จึงทําให้หลายคนอดไม่ได้ที่จะเหลียวมอง

 

เจียงจื่อเฉิงลอบถอยหลังไปสองก้าว หลังจากกอดเหยียนหนานเฉิงพอเป็นพิธีแล้ว เห็นว่ามีคนรอบตัวกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่ไม่น้อย จึงดันอีกฝ่ายออกอย่างไร้เยื่อใย “ที่นี่ประเทศจีนนะ ระวังหน่อย”

 

“อ้อ ค่ะๆ ฉันจะอยู่ห่างๆ แล้วกัน” เหยียนหนานเซิงหน้ามุ่ย แม้จะไม่พอใจสักเท่าไร แต่ก็ไม่ได้แสดงมันออกมา

 

“ไปกันเถอะ ฉันจองร้านอาหารไว้ต้อนรับเธอแล้ว” เจียงจื่อเฉิงเดินนำหน้าไปยังลานจอดรถ

 

เหยียนหนานเซิงหรี่ตาลงภายใต้แว่นกันแดด แต่ดวงตาสีหมึกกลับเปล่งรัศมีอันน่าสะพรึงกลัวราวกับงูพิษ หลังแอบก่นด่าอยู่ในใจก็โปรยยิ้มรับพร้อมหัวเราะคิกคักเดินตามจังหวะการเดินของคนที่อยู่ด้านหน้า

 

เจียงจื่อเฉิงไม่ได้ให้คนขับรถตามมาด้วย จึงขับรถไปยังโรงแรมด้วยตัวเอง เมื่อพนักงานเห็นว่าเขาคือประธานเจียง ก็รีบยิ้มหน้ารื่นเข้ามากล่าวทำความเคารพเขาทันที ซ้ำใบหน้ายังเจือสีแดงเรื่ออีกด้วย “ประธานเจียง กี่ท่านคะ?”

 

“สองคน” ก่อนที่เจียงจื่อเฉิงจะได้พูด เหยียนหนานเซิงก็ถอดแว่นกันแดดออกแล้วยิ้มอ่อน มองพนักงานคนนั้นพร้อมกับชิงเอ่ยปากพูดขึ้นก่อน ใบหน้าที่ตกแต่งเครื่องสำอางมาอย่างปราณีตมีกลิ่นอายของความเป็นผู้ใหญ่อันดูเย็นชา ไร้แววล้อเล่นแผ่มวลออกมา ทว่ากลับทำให้รู้สึกถึงอันตรายที่อบอุ่น เหมือนกับดอกกุหลาบที่มีหนามแหลมคม

 

“เหยียน...เหยียนหนานเซิง?!” พนักงานสาวถูกผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าทำให้ตกตะลึงไปเรียบร้อยแล้ว นี่คือเหยียนหนานเซิงนักแสดงสาวที่อายุน้อยที่สุดไม่ใช่เหรอ?! ตัวจริงสวยสุดๆ ไปเลย!

 

“ฉันเอง เธอคงรู้จักแล้วเนอะ?” เหยียนหนานเซิงขยิบดวงตาอันสดใสราวกับน้ำบริสุทธิ์สองครั้ง ริมฝีปากสีแดงอ่อนกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ แฝงความสนุกอยู่ในนั้นซึ่งแตกต่างจากรอยยิ้มเสแสร้งเมื่อครู่อย่างชัดเจน

 

เจียงจื่อเฉิงไม่สนใจความคิดหยุมหยิมของพวกผู้หญิง อย่าว่าแต่ดาราเลย ไม่ว่าใครก็มีความลำพองใจเวลามีคนรู้จักตัวเองทั้งนั้น เพียงแต่ความรู้สึกเสียวสันหลังนี่มันอะไรกัน? มันทำให้เขาอดขมวดคิ้วไม่ได้

 

เมื่อครู่รู้สึกราวกับว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองเขาอยู่ตลอดเวลา คิดได้ดังนั้น เจียงจื่อเฉิงจึงหันหน้ากวาดมองไปรอบๆ คนที่มองมายังเขามีจำนวนเยอะมากจริงๆ ทว่าสายตาเมื่อครู่นี้กลับให้ความรู้สึกที่ไม่เป็นมิตรอย่างชัดเจน ถึงขั้นเกลียดชังเลยด้วยซ้ำ เหมือนกับตอนที่...สวี่ซินหรานมองเขาเมื่อก่อน

 

เจียงจื่อเฉิงสลัดความคิดนี้ออกไปอย่างรวดเร็ว คนตายแล้วฟื้นได้ที่ไหนกัน

 

“ไปกันเถอะค่ะ พี่เจียง” น้ำเสียงของเหยียนหนานเซิงเจือไปด้วยความสดใส ดูเหมือนจะอารมณ์ดีที่ผู้คนจำนวนไม่น้อยมาขอลายเซ็นเธอเมื่อครู่นี้

 

“อืม”

 

ทั้งสองยังเดินไปได้ไม่เท่าไร เหยียนหนานเซิงก็ชะงักฝีเท้าอีกครั้ง สีหน้าเธอแลดูไม่ค่อยดีนัก พลางเพ่งมองไปยังด้านหน้า เจียงจื่อเฉิงจึงมองตามสายตาของเธอไป เห็นเป็นครอบครัวสมาชิกสี่คน พ่อแม่และลูกสาวสองคนมาทานอาหารด้วยกัน

 

เมื่อหันหน้าไป สายตาก็ปะทะกับนัยน์ตาสีอ่อนอันเฉยชาเข้าพอดี หญิงสาวร่างผอมซูบจนหนังหุ้มกระดูกก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็ว และสายตาชิงชังไม่เป็นมิตรก็มลายหายไปเช่นกัน เมื่อครู่ผู้หญิงคนนี้คอยมองมาจากด้านนี้ตลอดเลยอย่างนั้นเหรอ? แล้วยังใช้สายตาอาฆาตแบบนั้นอีกด้วย?

 

“พี่เจียง พอดีฉันเจอคนรู้จักค่ะ ขอเข้าไปทักทายสักหน่อยได้ไหมคะ?” เหยียนหนานเซิงเอ่ยประโยคนี้ด้วยความหวั่นเกรง เธอรู้ว่าเจียงจื่อเฉิงเกลียดการที่ถูกคนอื่นใช้ฐานะของเขาเพื่อเข้าสังคมเป็นที่สุด ต่อให้ไปพบคนรู้จักก็ไม่สบอารมณ์อยู่ดี

 

เธอและเจียงจื่อเฉิงโตมาด้วยกันตั้งแต่ยังเล็ก เธอก็เลยอยากจะลองวัดความสัมพันธ์ตรงนี้ดูว่าจะเอาชนะภรรยาในนามที่ตายไปแล้วคนนั้นได้หรือเปล่า

 

“ได้สิ” เจียงจื่อเฉิงผู้มักทำให้คนอื่นประหลาดใจตอบรับคำ ซ้ำยังเดินนำไปอีกด้วย

 

เหยียนหนานเซิงยกมุมปากขึ้นเผยรอยยิ้มที่ไม่มีใครสังเกตเห็น เธอรู้อยู่แล้วว่าอย่างไรพี่เจียงก็รักและเอ็นดูเธอที่สุด เฮ้อ สวี่ซินหรานหนอ ขนาดแกตายไปแล้วก็ยังเอาชนะฉันไม่ได้เลย

 

สวี่เฉียวหลีและพี่สาวของเธอ สวี่สี่ชิง ไม่ใช่คนประเภทที่จะเข้ากันได้ยากเลย ตรงกันข้าม พวกเธอกลับเข้ากันได้ดีมาก อีกอย่าง เมื่อเห็นจมูกแดงที่ผ่านการร้องไห้ของเธอ แม้ว่าเธอจะไม่มีความทรงจําแล้ว แต่ก็รู้สึกสะเทือนใจตามสัญชาติญาณ

 

เมื่อครู่นับเป็นการทำความรู้จักกันระหว่างพี่สาวกับน้องสาว แม้จะไร้ซึ่งความทรงจํา แต่ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกแยกอะไรนัก แต่สวี่เฉียวหลีกลับรู้สึกว่าตัวเองมีความรู้สึกต่อต้านอยู่ในใจเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความทรงจำส่วนที่ขาดหายไป หรือเป็นเพราะอย่างอื่นกันแน่

 

เมื่อทั้งครอบครัวพากันมายังร้านอาหารที่จองไว้อย่างมีความสุข แต่เรื่องโชคชะตานำพาผู้คน คุณว่าบางทีมันเป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่า เธอมองเห็นผู้ชายคนนั้นตั้งแต่วินาทีแรกที่เขาเดินเข้ามาแล้ว

 

ความทรงจําอันแสนสาหัสจากชีวิตก่อนถาโถมเข้ามาในหัวของเธออีกครั้ง แล้วก็อีกคนหนึ่ง เหยียนหนานเซิง ผู้หญิงที่ในชาติก่อนเธอไม่มีวันลืม และในชาตินี้เธอก็จะไม่ลืมเช่นกัน การตายของเธอเกิดจากผู้หญิงคนนี้

 

แต่เมื่อมองดูใบหน้าอ่อนหวานที่ดูแลมาเป็นอย่างดีของเหยียนหนานเซิง เธอก็อยากจะหัวเราะขึ้นมาดังๆ ชาติที่แล้วเธอต้องกลายเป็นแบบนั้น แต่คนที่ทำร้ายเธอกลับอยู่อย่างมีความสุข ไม่ใช่แค่โลกที่หมุนย้อนกลับ แต่คนที่สมควรมีชีวิตอยู่กับไม่ได้ใช้ชีวิตต่อ ใจมนุษย์นี่หนอ น่าหวาดกลัวเสียยิ่งกว่าผีสางมากนัก แต่โชคยังดีที่พระเจ้าให้โอกาสเธอ ให้เธอได้กลับมาอีกครั้งเพื่อจะมองดูคนหน้าเนื้อใจเสือพวกนี้

 

อย่างน้อยก็ยังมีโอกาสกลับมาไล่คิดบัญชีกับคนเหล่านี้ จะคิดได้ละเอียดหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง อย่างน้อยก็เพื่อคืนความบริสุทธิ์ให้ตัวเองเมื่อชาติที่แล้ว

 

เรื่องราวของอดีตนำพาให้เธอใจลอยล่องไป ผู้ชายคนนั้นยังคงปราดเปรียวเช่นเคย วินาทีต่อมาเขาก็กวาดตามองไปรอบทิศด้วยสายตาที่ประดุจดั่งนกอินทรี ราวกับกำลังมองหาเหยื่อ ทำให้ผู้คนรู้สึกหายใจติดขัดขึ้นมา  ทว่าเหยียนหนานเซิงกลับหันมองมาอย่างไม่คาดคิด กระทั่งทั้งสองคนได้เดินมุ่งตรงมายังบริเวณที่ครอบครัวของเธอนั่งอยู่

 

เธอก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็ว ตัวเธอในตอนนี้นั้นอ่อนแอเกินไป ไม่มีทางต่อกรกับคนเหล่านี้ได้แน่ อีกอย่าง แม้ว่าตระกูลสวี่จะร่ำรวยแต่ก็ไม่เหมือนกับตระกูลจาง ครอบครัวนี้ทำเพียงธุรกิจเล็กๆ เท่านั้น ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เธอไม่สามารถนำครอบครัวของตัวเองเข้าไปพัวพันด้วยได้  หรือว่าเขาจำเธอได้? ไม่นะ! เป็นไปไม่ได้ สวี่เฉียวหลีปฏิเสธความคิดนี้ในทันที เกรงว่าแม้แต่กู้เฉินก็จำรูปลักษณ์ปัจจุบันของเธอไม่ได้เหมือนกัน แล้ว...มีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง หรือพวกเขารู้จักกับเจ้าของร่างเดิมนี้?

 

ในใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ก้มศีรษะลงพลางสั่นงกๆ ฟังพ่อแม่และพี่สาวสนทนากันเรื่อยเปื่อย แต่ในหัวกลับกำลังครุ่นคิดอยู่ว่าจะโต้ตอบอย่างไรดี

 

“สี่ชิง” เสียงหวานของเหยียนหนานเซิงดังลอยเข้ามาในหูของสวี่เฉียวหลี จากนั้นเธอก็รับรู้ได้ในทันที ที่แท้คนที่หล่อนรู้จักไม่ใช่เธอ แต่เป็นพี่สาวของเธอต่างหาก สวี่เฉียวหลีอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา ในใจก็เกลียดตัวเองที่ตื่นตระหนกถึงเพียงนี้ นี่คือสิ่งที่ไม่ควรทำที่สุดแล้ว

 

สวี่สี่ชิงรู้จักเหยียนหนานเซิงอย่างนั้นเหรอ? ซ้ำยังรู้สึกว่าจะคุ้นเคยกันมากอีกด้วย สายตาเหนือศีรษะของเธอยังคงเหมือนเคย เธอเข้าใจแล้วว่ามันไม่ได้มาจากเหยียนหนานเซิง แต่มาจากผู้ชายคนนั้น และเธอยังไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้น ด้วยความกลัวว่าตัวเองจะไม่สามารถควบคุมความเกลียดชังแล้วถูกผู้ชายคนนั้นจับได้

 

“หนานเซิง” น้ำเสียงของสวี่สี่ชิงคล้ายคนพูดไม่ออกอยู่เล็กน้อย

 

“ฉันไม่เจอเธอตั้งแต่ม.3 แหน่ะ คิดถึงเธอมากๆ เลย เป็นอย่างไรบ้าง ได้หิ้วสามีต่างชาติกลับมาด้วยหรือเปล่า?” สวี่เฉียวหลีแอบครุ่นคิดอยู่ในใจ ตอนนั้นเธอกับเหยียนหนานเซิงยังไม่รู้จักกันเลยด้วยซ้ำ ดูเหมือนทั้งคู่จะรู้จักกันมานานมากแล้ว อีกอย่าง ตอนที่เธอรู้จักกับเหยียนหนานเซิง สวี่สี่ชิงก็น่าจะไปต่างประเทศแล้ว

 

เธอกับเหยียนหนานเซิงรู้จักกันหลังจากที่แต่งงานกับเจียงจื่อเฉิงได้ไม่นาน หลังพี่สาวของเจียงจื่อเฉิงเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถชน แม่บุญธรรมของเธอก็ประสบอุบัติเหตุจนนอนไม่ได้สติตามมา ไร้วี่แววฟื้นคืน อำนาจของตระกูลจางเองก็ถดถอยลงมาเช่นกัน  จากนั้นไม่รู้ว่าทำไมชีวิตของเธอกับเจียงจื่อเฉิงถึงเริ่มแตกหักไปทีละเล็กทีละน้อย และเธอก็ได้เห็นสีหน้าอันน่ารังเกียจของเหยียนหนานเซิงในท้ายที่สุด โดยพูดใส่หน้าเธอว่า “ใช่แล้วล่ะ ถ้าจะโทษก็โทษที่แกมันโง่ อยากแต่งงานกับเจียงจื่อเฉิงทำไมล่ะ”

 

เธอมีความรู้สึกคลุมเครืออยู่ในใจ รู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่าเจ้าของร่างเดิมกับพี่สาวมีความสัมพันธ์ที่อธิบายไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเหล่านั้น แต่มันก็เป็นเพียงความรู้สึกเท่านั้น  สายตาที่อยู่เหนือศีรษะหายไปแล้ว สวี่เฉียวหลีถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้น ปรากฏว่าบุญบาปอันใดไม่ทราบ ดันปะทะเข้ากับดวงตารูปดอกท้อสีหมึกนั่นพอดี ผูู้ชายคนนั้นแอบละสายตาไปชั่วครู่เพื่อหลอกเธออย่างนั้นเหรอ!

 

ความรู้สึกนั้นคล้ายการขโมยอาหารแล้วถูกจับได้ ในใจพลันตื่นตระหนกอย่างไม่ทราบสาเหตุขึ้นมา สวี่เฉียวหลีรีบละสายตากลับมาทันที

 

เจียงจื่อเฉิงยกมุมปากขึ้นโดยที่ไม่ได้ละสายตาหนี น่าสนใจดีจริงๆ อาจจะเป็นแฟนเก่าของเขาสักคนหรือเปล่า? แต่แล้วก็รีบปฏิเสธความคิดนี้ทันควัน เขาไม่ชอบความผอมจนมองเห็นกระดูกแบบนี้ ผู้หญิงแบบนี้ราวกับเป็นโรคเบื่ออาหารที่มีแต่สุนัขเท่านั้นที่ชอบ

 

แต่เขามั่นใจว่าผู้หญิงคนนี้…ไม่สิ เด็กผู้หญิงคนนี้ เขาไม่เคยเจอมาก่อน ทว่าเพียงแวบเดียวที่สบสายตากันเมื่อครู่นั้น ภายในดวงตาคู่นั้นฉายแววความเป็นผู้ใหญ่ออกมาอย่างเด่นชัด เหมือนคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน 

 

แต่เมื่อมองไปที่ใบหน้าและความสูงก็เห็นได้ชัดว่าเป็นเด็กมัธยมปลายที่ขาดสารอาหาร เป็นแค่เด็กอมมือคนหนึ่ง เขาไม่ค่อยเข้าใจนักว่าทำไมตัวเองถึงต้องกวนประสาทเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนนี้ด้วย

 

สวะ! สวี่เฉียวหลีตัดสินการสำรวจมองของเจียงจื่อเฉิงอยู่ในใจ จ้องแม้กระทั่งเด็กที่ยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ สวะจริงๆ แถมยังเป็นเฒ่าหัวงูอีก! น่าขยะแขยง!

 

หลังจากสวี่สี่ชิงและเหยียนหนานเซิงที่อยู่ด้านข้างทักทายกันอยู่นานสองนาน ในที่สุดพวกเธอก็ล่ำลาแยกจากกันเสียที

 

“เป็นอะไรไป? หลีหลี เมื่อครู่สีหน้าเธอดูไม่ค่อยดีเลย” สวี่สี่ชิงหันหน้ากลับมา มองน้องสาวต่างสายเลือดด้วยสายตางุนงง

 

 

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป