“พ่อ!”
ทันทีที่เธอเอ่ยคำนี้ออกมา ทั้งคู่ก็อึ้งไปครู่หนึ่ง พวกเขาแต่งงานกันมาเกือบสี่ปีแล้ว แต่สวี่เฉียวหลีไม่เคยเอ่ยคำว่าพ่อเลยแม้แต่ครั้งเดียว ความยินดีที่โถมเข้ามาแบบฉับพลัน ทำให้คุณสวี่ตอบสนองไม่ทันท่วงที จิตใจอันด้านชาที่มีต่อลูกสาวคนนี้ในตอนแรก ตอนนี้กลับพลันมีชีวิตชีวาอีกครั้ง
สวี่เฉียวหลีเห็นว่าพวกท่านดูตื่นตะลึง อาจเป็นผลมาจากความทรงจำและนิสัยเจ้าของร่างเดิม และเธอก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมา รู้สึกสั่นสะท้านไปถึงก้นบึ้งหัวใจ ก่อนจะพยายามเอ่ยบางคำออกมาอย่างลำบาก “หนูขอโทษ”
คุณนายสวี่ยังคงไม่รับรู้ว่าลูกสาวของตนได้กลายเป็นคนมีเหตุมีผลแล้ว ใจเธอทั้งเศร้าและมีความสุขไปพร้อมกัน “เอาล่ะๆ ไม่ต้องพูดแล้ว ตอนนี้ลูกป่วยหนัก พักผ่อนเยอะๆ ให้ร่างกายหายไวๆ เถอะ มีอะไรไว้ค่อยคุยกันหลังหายป่วยแล้ว ดีไหม?”
“ค่ะ” สวี่เฉียวหลียิ้มอ่อน ที่จริงเธอก็รู้สึกอ่อนเพลียเหมือนกัน เปลือกตาก็ค่อยๆ หนักอึ้งขึ้น จากนั้นก็ผล็อยหลับไปทันที
เจียงจื่อเฉิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องทำงานที่บริษัท นิ้วมือบีบสันจมูกตัวเอง คิ้วได้รูปยังคงขมวดมุ่นเหมือนเคย ใบหน้าหล่อเหลาฉายความเยือกเย็นเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว
ตอนนี้มีแต่ข่าวเกี่ยวกับผู้หญิงที่น่ารังเกียจคนนั้นอยู่เต็มไปหมด สวี่ซินหราน! ฮึ! น่าขำสิ้นดี ตอนมีชีวิตอยู่อยากจะมีชื่อเสียงจนตัวสั่น ถึงกับกล้าสวมเขาให้เขาโดยการปีนขึ้นเตียงผู้กำกับแบบไม่ลังเล ตอนนี้สมใจแล้วหรือยังล่ะ? ชีวิตที่แลกมากับชื่อเสียงชั่วข้ามคืน ตอนนี้คนทั้งประเทศรู้จักเธอกันหมดแล้ว
บางคนถึงกับเอาชีวประวัติของเธอออกมาเขียน ใส่สีตีไข่จนมั่วไปหมด หนังสือพิมพ์ยิ่งแล้วใหญ่ถึงกับกล้าพาดหัวข่าว ‘เรื่องอัปยศของตระกูลเจียง ฆ่าภรรยาผู้เป็นดาราที่กำลังโด่งดัง’
ใช้ได้เลยนี่นา! สวี่ซินหราน ฉันประเมินเธอต่ำเกินไปจริงๆ! ไม่ทิ้งคําพูดสั่งเสียก่อนตาย ก็เลยทิ้งเรื่องแบบนี้เอาไว้ คมหอกของคนพวกนั้นเล็งมาที่เขาหมดแล้ว
คลิปก่อนที่สวี่ซินหรานจะกระโดดลงจากตึกถูกพวกนักข่าวสายบันเทิงสังกัดใหญ่ไม่กี่คนถ่ายเอาไว้ได้ ผลปรากฏว่ามันรั่วไหล ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่คลิปถูกโพสต์ไปบนอินเทอร์เน็ต และจากนั้นไม่นานก็เริ่มแพร่สะพัดไปทั่ว บวกกับเครือข่ายอินเตอร์เน็ตที่ก้าวหน้าในตอนนี้ นักเลงคีย์บอร์ดก็มีมากขึ้น เรื่องราววุ่นวายยุ่งเหยิงทั้งหลายก็ปรากฏออกมาหมด
บวกกับซอฟต์แวร์ซึ่งเป็นที่รู้จักที่ได้รับความนิยมอย่างสูงก่อนหน้านี้ ยิ่งมีการคาดการณ์ และการคาดเดากันไปต่างๆ นานาออกมามากมายเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว คาดว่าน่าจะมีการแข่งบารมีระหว่าง บริษัทยักษ์ใหญ่อะไรทำนองนั้น จนไปถึงขั้นโยงเอาทฤษฎีสมคบคิดเข้ามาเกี่ยวข้องแล้วด้วย
ทว่าสิ่งเหล่านี้มีผลกระทบต่อตระกูลเจียงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อย่างไรเสีย นอกจากบริษัทเศรษฐกิจเพื่อผลักดันวงการบันเทิงที่เป็นอุตสาหกรรมของตระกูลเจียงแล้ว ยังมีอสังหาริมทรัพย์และอุตสาหกรรมเกี่ยวกับอาหารอีกมากมาย
ตรงกันข้าม เหตุการณ์นี้กลับส่งเสริมให้ตระกูลเจียงกลายเป็นที่ถูกพูดถึง แม้แต่ศิลปินในสังกัดที่อยู่ภายใต้บริษัทบันเทิงของตระกูลเจียงต่างก็ได้รับกระแสมากขึ้นหลายเท่าตัว
ในฐานะที่เจียงจื่อเฉิงเป็นประธานบริษัท ย่อมเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์อยู่แล้ว แม้ว่าข่าวจะถูกเขียนในเชิงลบมากกว่าเชิงบวก แต่ก็ยังไม่มีนักข่าวคนใดกล้ามายุ่งวุ่นวายกับเขา ในเมื่อไม่ได้กระตุกหนวดเสือ เขาก็เลยทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ปล่อยให้มันเป็นไป
ทว่าเขากลับยังมีความร้อนรนที่ยากจะอธิบายอยู่ในใจ คําพูดของกู้เฉินคอยวนเวียนอยู่ในหัวของเขาตลอดเวลา ผู้หญิงคนนั้นบริสุทธิ์จริงเหรอ?
เขาชักเริ่มสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย แต่ว่าผู้หญิงคนนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มากขนาดนั้น เธอก็ต้องไม่บริสุทธิ์อย่างแน่นอน
เหตุผลที่เขาแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นล้วนเป็นคําสั่งของพ่อแม่ นิสัยส่วนตัวของเขาค่อนข้างรักอิสระ จึงมองเรื่องการแต่งงานว่าเป็นเครื่องพันธนาการมาโดยตลอด อายุเพียงสิบหกปีก็สามารถสืบทอดพร้อมทั้งปกครองอาณาจักรในเครือของตระกูลเจียงทั้งหมดได้เป็นอย่างดี สำหรับเขาแล้วเรื่องผลประโยชน์สำคัญกว่าเรื่องความรัก
เมื่อผู้หญิงคนนั้นแต่งเข้ามาในบ้าน เขาก็ทำหน้าที่ที่สามีควรจะทำอย่างสุดความสามารถ จะว่าไปแล้วผู้หญิงคนนี้ก็มีนิสัยที่พอดีกับเขา และทั้งคู่ก็เข้ากันได้ดีมาก แม่บุญธรรมของสวี่ซินหรานก็เหมือนผู้ดีตกอับที่คิดมาเกาะติดตระกูลเจียง เขาไม่แยแสเรื่องพวกนี้หรอก ถ้าผู้หญิงคนเดียวยังเลี้ยงดูไม่ได้ เขาก็ไม่ใช่เจียงจื่อเฉิงแล้ว
แต่เรื่องมันซับซ้อนกว่านั้น วางแผนฆ่าพี่สาวสุดที่รักของเขาไม่พอ ยังกล้าสวมเขาให้เขา ไม่นับเรื่องอื้อฉาวที่สุดจะทนอีกมากมาย
ด้วยอารมณ์ที่เปราะบางเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว นับวันก็ค่อยๆ เกิดรอยร้าวขึ้นทีละนิด คนสองคนที่สามารถเข้ากันได้เป็นอย่างดีในตอนแรก ได้ก้าวไปสู่การผิดใจกันทุกครั้งที่พบเจอ จนทั้งสองคนมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเกลียดชังในที่สุด
“พี่จื่อเฉิง” เสียงเรียกอันใสกังวานขัดจังหวะความคิดที่ปลงไม่ตกของเจียงจื่อเฉิง
เจียงจื่อเฉิงเงยหน้าขึ้นและปรับน้ำเสียง เอ่ยว่า “มีอะไร?” แล้วก็เห็นเงาที่น่ารักร่างหนึ่งอยู่หน้าประตู
สาวน้อยผมสั้นหยักศกสีเกาลัด นัยน์ตาฉายแววความน่ารักและขี้เล่น บนร่างอันบอบบางสวมชุดเอี๊ยมสีชมพูดูอ่อนต่อโลก ในมือถือกล่องข้าวรูปหมีน้อยเอาไว้กล่องหนึ่ง โครงหน้าแสนสวยของสาวน้อยละม้ายคล้ายกับเจียงจื่อเฉิงมากทีเดียว ทว่าหวานละมุนปราศจากความเย็นชา
ผู้มาใหม่ก็คือเจียงเสี่ยวอี้น้องสาวของเจียงจื่อเฉิง สามีภรรยาตระกูลเจียงมีลูกตอนอายุมาก เธอเด็กกว่าเจียงจื่อเฉิงถึงแปดปีเต็ม
“ฮะฮ่า มาหาพี่ไง” เจียงเสี่ยวอี้เดินพลางอุ้มกล่องข้าวเข้ามา เมื่อมาหยุดอยู่ด้านหน้าของโต๊ะทำงาน กลับชะงักไปครู่หนึ่ง บนหน้าหนังสือพิมพ์เป็นข่าวเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายของพี่สะใภ้พอดิบพอดี เมื่อเห็นสีหน้าเจือความอึดอัดของเจียงจื่อเฉิง ก็เข้าใจแจ่มแจ้ง
จากนั้นยื่นกล่องข้าวรูปหมีน้อยส่งให้เจียงจื่อเฉิง “พี่คะ เรื่องบางอย่างก็ต้องปล่อยวางบ้างถึงจะดี วิญญาณพี่สะใภ้ที่อยู่บนฟ้าคงไม่อยากเห็นพี่เป็นแบบนี้”
“อย่าพูดถึงเธอ หงุดหงิด” เจียงจื่อเฉิงรับกล่องข้าวมา เมื่อเปิดออกก็เห็นอาหารที่ถูกทำเป็นรูปสัตว์แสนน่ารักอยู่ภายใน สีหน้าจึงพลันบึ้งตึง “ทำอะไรของเธอ!” พร้อมขึ้นเสียงอย่างเหลืออด
เจียงเสี่ยวอี้นิ่งอึ้งไปเมื่อถูกตะคอกใส่ เธอคือคุณหนูรองแห่งตระกูลเจียง ครอบครัวให้ความสำคัญลูกชายและลูกสาวเท่ากัน เธอถูกเลี้ยงดูมาแบบประคบประหงมดุจไข่ในหินตั้งแต่เล็กจนโต พี่ชายปฏิบัติต่อเธอแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน ทันใดนั้นความน้อยใจก็ตีรื้นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “ฉันเอาข้าวมาให้พี่มันผิดตรงไหน!? พี่สะใภ้บอกว่าพี่ไม่ค่อยกินข้าว! และเธอ...เธอยังบอกอีกว่า...ว่า...ขอโทษค่ะ พี่คะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ เมื่อก่อนเห็นว่าพี่ชอบกินแบบนี้ ฉันก็เลยทำมาให้ กลัวพี่จะเครียดหนัก”
“ช่างเถอะ พี่ไม่ได้เครียดอะไรทั้งนั้น ต่อไปนี้ห้ามพูดถึงสวี่ซินหรานอีกไม่ว่าที่ไหนก็ตาม!” น้ำเสียงที่ดูเหมือนออกคำสั่ง สีหน้าของเจียงจื่อเฉิงบึ้งตึง เดิมทีก็ขยะแขยงผู้หญิงคนนั้นอยู่แล้ว ตอนนี้ใครก็ตามที่พูดถึงผู้หญิงคนนั้นต่อหน้าเขาซ้ำแล้วซ้ำอีก เห็นทีสื่อพวกนี้ไม่ต้องมีกันแล้ว พรุ่งนี้จะทำให้พวกมันล้มละลายล่มจมกันไปเลย!
“พี่ใหญ่! จะงี่เง่าก็ควรมีขอบเขตบ้างสิ! พี่สะใภ้…พี่สะใภ้เธอเป็นคนดีมากนะ แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกพี่ และเบื้องหลังของ...เรื่องพวกนั้น! แต่ฉันบอกพี่ได้เลยว่าพี่สะใภ้ไม่ใช่คนอย่างที่พี่คิดแน่นอน” เจียงเสี่ยวอี้เถียงกลับไม่ยอมแพ้
“หลักฐานล่ะ?” คราวนี้เจียงจื่อเฉิงตีหน้าขรึมมากกว่าเดิม ต่อให้เป็นน้องสาว เขาก็ไม่คิดไว้หน้าให้อีกฝ่าย เขาเชื่อสิ่งที่ตาเห็นเท่านั้น สิ่งที่มองไม่เห็นล้วนไม่จริง
“ฉัน...คือฉัน พี่ล่ะก็!” แน่นอนว่าเจียงเสี่ยวอี้ไม่มีหลักฐาน แต่เธอก็ยังชอบพี่สะใภ้อยู่ดี พี่สะใภ้เอ็นดูเธอมาก ไม่ได้วางมาดใหญ่โต ดีกว่าฝ่ายนั้นตั้งหลายเท่า “ฉันจะบอกพี่ให้นะ! ชาตินี้ฉันจะเรียกพี่ซินหรานว่าพี่สะใภ้คนเดียวเท่านั้น ส่วนเหยียนหนานเซิงอะไรนั่นฉันไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ อย่าฝันเลยว่าพี่จะได้แต่งงานใหม่ ฉันจะไปฟ้องคุณปู่!” พูดจบก็วิ่งฟึดฟัดออกไปด้วยความโกรธ