เล่ม 1 ศิษย์ข้า มาฝึกเซียนกัน
ตอนที่ 5
“ผู้อาวุโสหลิง ท่านจะพาพวกเราไปที่ไหน ท่านคงไม่ได้หลงทางอีกแล้วใช่ไหม” น้ำเสียงของฉีหยวนแสร้งถามด้วยความระมัดระวัง คนอื่นๆมองฉีหยวนด้วยสีหน้าที่อธิบายไม่ถูก เหตุใดวันนี้ฉีหยวนเธอทำตัวแปลกๆ
หลิงชิงเซวียนยังคงเย็นชาเช่นเดิม จูเฟิงขยิบตาให้ฉีหยวน
พวกเขาเดินมาจนถึงทางแยกสองทาง ทันใดนั้นหลิงชิงเซวียนพูดขึ้น “เจ้าคิดว่าดินแดนลับตั้งอยู่ทางไหน”
ฉีหยวนตกตะลึง เธอไม่คิดว่าหลิงชิงเซวียนจะถามตัวเองขึ้นมาอย่างกระทันหัน โชคดีที่เธอรู้ทิศทางดังนั้นเธอจึงชี้ไปที่ถนนทางด้านซ้ายอย่างผู้มีชัย “ข้าคิดว่าดินแดนลับอยู่ทางนี้ ผู้อาวุโสหลิงท่านจะ...”
“ไปทางขวา” หลิงชิงเซวียนพูดขึ้นมา และอีกสี่คนก็เดินตามไปอย่างรวดเร็ว
ฉีหยวน : “…” แล้วเจ้าถามข้าทำไม!
【นายท่านอันที่จริง ผมไม่แนะนำให้คุณสร้างความโกรธให้กับฉีหยวนในตอนนี้ เธอจะต้องไปฟ้องอย่างแน่นอนเมื่อเธอกลับไปที่เฉียนคุน】
หรือว่าเธอจะฆ่ามันผู้หญิงมีปัญหาคนนี้เดี๋ยวนี้เลยดีไหม
ZZ รีบกลืนสิ่งที่เขาต้องการจะพูดทันที นายท่านคุณควรทำตัวให้สมกับความเป็นสตรีของคุณบ้าง
พวกเขาหันมองไปรอบด้านเป็นเวลานานแต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถหาดินแดนลับพบ ฉีหยวนอดไม่ได้ที่จะพูดเยาะเย้ยเสียดสีออกไป “เพราะในตอนแรกผู้อาวุโสหลิงไม่ยอมเชื่อข้า ในตอนนี้ข้าเองไม่รู้ว่าจะไปทางไหนแล้วเช่นกัน”
เย่ซีเองออดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “ท่านผู้อาวุโส พวกเราไปที่อื่นกันเถอะ”
หลินหลี่เอ๋อได้วางแผนทั้งหมดไว้แล้ว เหลือเวลาอีกเพียงแค่วันเดียวพวกเขาก็ต้องกลับออกไปแล้ว หากพวกเขาไม่กลับนิกายตามเวลาที่กำหนดพวกเขาก็จะถูกลงโทษ แม้ว่าผู้อาวุโสหลิงจะมีชื่อเสียงและสร้างผลงานไว้มากมาย แต่ผู้นำนิกายก็ตอบแทนและลงโทษอย่างชัดเจน
หลิงชิงเซวียนไม่ได้ขยับเคลื่อนไหว ฉีหยวนเดินถอยหลังไปสองสามก้าวด้วยความตกใจ จูเฟิงที่ยังคงอยู่ข้างๆหลิงชิงเซวียนก็ร้องตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น “สวรรค์ของข้า นี่คือดินแดนลับโบราณใช่หรือไม่”
ฉีหยวนใบหน้าของเธอเปลี่ยนสีขึ้นทันที ดินแดนลับโบราณมีค่ากว่าดินแดนลับทางด้านซ้ายและระดับของสมบัติลับก็สูงมากเช่นกัน เธอกัดฟันของเธอและหันหลังกลับไป
“ข้าผู้นี้ไม่สนใจสิ่งของระดับต่ำ พวกเจ้าเข้าไปในดินแดนลับนี้ซะ แล้วข้าจะมารับพวกเจ้าในวันพรุ่งนี้”
หลังจากที่เธอพูดจบเธอก็จากไปทันที ทั้งห้าคนมองหน้ากันและ จูเฟิงอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้เขายิ้มให้ฉีหยวน “ศิษย์น้อง เจ้าอยากไปที่ใด”
สายลมส่งเสียงหวีดหวิวความหนาวเย็นที่กัดกินตัวเขา เลือดบนร่างของเฟิงเจี่ยไหลออกมาเป็นสารธาร เท้าของเขาวิ่งมาตลอดจนรู้สึกหนักอึ้ง สุดท้ายเส้นทางข้างหน้าของเขากลับเป็นขอบของหน้าผา
เมื่อเขาถูกพ่อแม่ขายให้กับผู้นำพันธมิตรศิลปะต่อสู้ในตอนเช้า เขายังหวังว่าสตรีผู้นั้นจะปรากฏตัวต่อหน้าเขาอีกครั้งเพื่อช่วยชีวิตเขา แต่เขาก็ต้องผิดหวัง เขาควรจะตื่นจากความฝันได้แล้ว เขาทำได้แค่พึ่งพาตัวเองเท่านั้น
เขาหันศีรษะกลับไปมอง นักฆ่าหลายสิบคนเดินเข้ามาอย่างไม่รีบร้อน
“มู่หลิน คฤหาสน์ของพันธมิตรศิลปะต่อสู้ถูกพวกเราฆ่าตายหมดแล้ว เจ้าจงมอบจี้หยกนั่นให้มาให้พวกข้าเสียดีๆ แล้วข้าจะส่งเจ้ไปพบพ่อแม่ของเจ้าในปรโลกอย่างไม่เจ็บปวดทรมาน”
ได้ยินมาว่าจี้หยกในมือของหัวหน้าพันธมิตรเป็นกุญแจที่ไว้ไขสมบัติ ภารกิจที่พวกเขาได้รับคือฆ่าทุกคนในคฤหาสน์ของหัวหน้าพันธมิตรแล้วเอาจี้หยกไป แต่บุตรชายของหัวหน้าพันธมิตยังสามารถหลบหนีออกไปได้ แต่ช่างน่าเสียดายที่เส้นทางข้างหน้าของเขาได้สิ้นสุดลงแล้ว
เฟิงเจี่ยประคองร่างกายของเขาให้มั่นคงลิมฝีปากที่แห้งผากของเขาปิดเปิดพยามเปล่งเสียงออกม “ข้าไม่ใช่มู่หลิน ข้าคือเฟิงเจี่ย”
น่าเสียดายที่เสียงนั้นเบาเกินไป เพียงไม่นานมันก็ปลิวหายไปกับสายลม
พ่อแม่ของเขาขายเขาให้คฤหาสน์พันธมิตรศิลปะต่อสู้เพื่อให้เขาแสร้งปลอมเป็นมู่หลิน เมื่อหัวหน้าพันธมิตรศิลปะต่อสู้เห็นศัตรูพวกนั้นมา เขาก็ทำลายขาของตัวเขาและสวมจี้หยกปลอมบนตัวของเขา ทั้งหมดนี้ก็เพื่อช่วยมู่หลิน แต่เขากลับกลายเป็นเหยื่อของคนพวกนั้น
สิ่งใดที่เรียกว่ายุติธรรม สำหรับคนจนๆอย่างพวกเขาก็มีไว้ใช้เป็นเพียงเครื่องมือสำหรับผู้ที่มีอำนาจเท่านั้น
สายลมอันเหน็ยหนาวพัดโชยมา กลุ่มนักฆ่าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เฟิงเจี่ยมองไปที่ด้านล่างที่ไม่เห็นจุดสิ้นสุดของขอบเหว ใบหน้านั้นแสดงออกถึงการเย้ยหยันกับชีวิตที่ไร้สาระนี้ ในชาติหน้าเขาหวังว่าเขาจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระไร้กังวล
“บ้าเอ้ย เขากระโดดลงไปแล้ว!”
เฟิงเจี่ยกระโดดลงไปก้มมุมปากของเขาแสยะยิ้ม เขารู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังดิ่งลงไป แต่เขากลับไม่รู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย