“เจ้าเด็กเซียงซือเป็นอะไรไป?” กู้หลิงอวี้มองสาวน้อยที่นอนหน้าซีดอยู่บนเตียงด้วยความกังวลที่สลัดออกจากหว่างคิ้วไปไม่ได้
หลินซื่อเอื้อมมือวางบนไหล่ของกู้หลิงอวี้พลางนวดไหล่ของนางเบาๆ “หมอบอกว่าเซียงซือเป็นไข้จับสั่น พักผ่อนไม่กี่วันก็จะหายดี”
กู้หลิงอวี้ได้ยินเช่นนั้นจึงโล่งใจไปที ก่อนจะถามขึ้นอีกครั้ง “ทำไมอยู่ดีๆ เซียงซือถึงตกน้ำได้เล่า?” นางเพิ่งกลับมาจากตลาดก็ได้ข่าวว่าเซียงซือตกน้ำจึงรีบวิ่งกลับมาและยังไม่รู้ถึงสาเหตุการจมน้ำของเซียงซือ
“คือ…” หลินซื่อลังเลและไม่รู้จะอธิบายอย่างไร
เมื่อกู้หลิงอวี้เห็นท่าทางของสามี ก็รู้ว่าเรื่องนี้คงไม่พ้นตระกูลหยุนแน่นอน “เกี่ยวข้องกับตระกูลหยุนใช่หรือไม่?”
หลินซื่อพยักหน้า “เมื่อหลายวันก่อนเซียงซือได้ตกหลุมรักบุรุษรูปงามอย่างหลิวชิงเหยาจนลือหึ่งกันทั่วตลาดว่าบุตรชายคนรองของตระกูลหยุนหน้าตาอัปลักษณ์จนขายไม่ออก มิหนำซ้ำยังเอ่ยปากจะยกเลิกงานแต่งกับตระกูลหยุนอีกด้วย…”
“ไร้สาระสิ้นดี!” กู้หลิงอวี้ตะโกนด้วยความโมโห แต่เมื่อมองไปยังสาวน้อยที่เปลือกตาค่อยๆ ขยับ จึงเบาเสียงลง
เมื่อกู้ซีหวงลืมตาขึ้นอีกครั้ง สิ่งที่เข้ามาในคลองจักษุก็คือห้องนอนที่เหมือนจะคุ้นเคยแต่ก็ดูแปลกตา ข้างหูก็ได้ยินเสียงเป็นกังวลของลุงกับป้า
“ที่รัก เซียงซือฟื้นแล้ว!” หลินซื่อตะโกนบอกกู้หลิงอวี้อย่างดีใจ
กู้หลิงอวี้รีบนั่งลงข้างเตียงก่อนจะถามด้วยความเป็นห่วง “หลานรัก เจ็บป่วยตรงไหนอีกหรือไม่? เจ้าหิวหรือไม่? กระหายน้ำหรือไม่?”
กู้ซีหวงมองลุงกับป้าด้วยสายตามึนงง พูดในใจว่าถ้ารู้ว่าตายแล้วจะได้เจอกับพวกท่าน ทำไมนางถึงต้องทนทุกข์ทรมานถึงสามปีด้วย?
“หลานรัก หลานรัก!” กู้หลิงอวี้เห็นท่าทางเหม่อลอยของกู้ซีหวงหลังจากฟื้น จึงกลัวว่าน้ำจะเข้าไปในสมองของนางก่อนจะยื่นมือโบกไปมาตรงหน้ากู้ซีหวง
เมื่อกู้ซีหวงรู้สึกตัวก็เห็นมือๆ หนึ่งโบกอยู่ตรงหน้านางไม่หยุด ก่อนจะเอ่ยติดตลกว่า “ท่านป้า ถ้ายังโบกมืออีก ข้าจะเป็นลมจริงๆแล้วนะเจ้าคะ”
“แหมๆ” กู้หลิงอวี้รีบเก็บมือ ก่อนจะพูดอย่างจริงจัง “ยายเด็กใจร้าย ที่ป้าทำแบบนี้ก็เพราะเป็นห่วงเจ้านั่นแหละ”
กู้ซีหวงได้รับความอบอุ่นที่คุ้นเคยอีกครั้งจึงร้องไห้ออกมาและโผเข้ากอดกู้หลิงอวี้ ในใจรู้สึกดีที่ได้เจอพวกท่านอีกครั้ง แต่กลับเอ่ยปากบอกว่า “ท่านป้าแก่ขนาดนี้แล้วยังทำตัวเหมือนตอนสาวๆ อยู่อีก”
“เจ้าเด็กคนนี้ อายุของป้าเจ้ายังไม่ถึงสี่สิบ เจ้าบังอาจมาว่าข้าแก่รึ!” กู้หลิงอวี้หรี่ตาข่มขู่ ราวกับว่าถ้ากู้ซีหวงบอกว่านางแก่อีกก็จะไม่ให้กินลูกอมอีกอย่างไรอย่างนั้น
กู้ซีหวงได้ยินนางพูดแบบนี้แล้วรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ หลายปีผ่านไปแล้วทำไมอายุของท่านป้ายังไม่ถึงสี่สิบอีก บวกกับการพูดการจาของท่านลุงกับท่านป้าแล้วก็ยิ่งผิดปกติเข้าไปใหญ่
“ท่านป้า ตอนนี้กี่ยามแล้วเจ้าคะ?” กู้ซีหวงถามด้วยความไม่มั่นใจ
กู้หลิงอวี้ตอบโดยไม่ทันคิด “ยามโหย่ว”
“แล้วตอนนี้เราอยู่ในสมัยไหน ปีไหนหรือเจ้าคะ?”
“ก็สมัยเฟิ่งชี่ปีสามเก้าอย่างไรเล่า นี่เจ้าสมองเสื่อมจริงๆ รึ?” กู้หลิงอวี้พูดพลางเคาะไปที่สมองอันน้อยนิดของกู้ซีหวง ก่อนจะเอ่ยด้วยความโล่งใจ “ไม่มีเสียงสะท้อน แสดงว่าไม่เป็นไร”
กู้ซีหวงนิ่งไป “…”
ท่านป้าใหญ่สุดในบ้านนี้ พูดอะไรก็ถูกทั้งนั้น
ล้อเล่นก็ส่วนล้อเล่น แต่กู้ซีหวงก็ไม่ได้ลืมเรื่องที่ควรจริงจัง ด้วยคำตอบของท่านป้า นางมั่นใจได้ว่านางยังไม่ตาย ไม่ใช่แค่ไม่ตายเท่านั้น แต่ยังเกิดใหม่ในปีสามเก้ายุคสมัยเฟิ่งชี่อีกด้วย
จำได้ว่าปีนี้นางอายุสิบห้า และยังตกหลุมรักบุรุษรูปงามอย่างหลิวชิงเหยาในวัยแรกสาวอีกด้วย
เมื่อคืน นางได้ยินสมุนของหลิวชิงเหยาซุบซิบนินทาว่าหลิวชิงเหยาไม่อยากให้นางไปหาบุตรชายคนรองของตระกูลหยุน และบอกว่าบุตรชายรองตระกูลหยุนหน้าตาอัปลักษณ์สุดๆ ส่วนนางก็เชื่อคำยุยงของเพื่อนชั่วๆ จนวิ่งถ่อไปหาเรื่องและพูดจาขวานผ่าซากว่าบุตรชายคนรองตระกูลหยุนไม่เหมาะกับนางเลยสักนิด
จนผู้คนรู้กันเกือบทั่วหัวมุมถนนแล้วนางถึงหยุด ก่อนจะพาหลิวชิงเหยาเดินออกจากบ้านตระกูลหยุนไป ดูท่าแล้วตอนนี้ท่านป้าของนางคงจะยังไม่รู้เหตุผลที่แน่ชัด จึงคิดว่าการที่เรื่องนี้ยังไม่เปิดเผยออกมาต้องเป็นเพราะถูกตระกูลหยุนปกปิดเอาไว้แน่นอน
และแม้แต่เรื่องการจมน้ำของนางก็ยังต้องฟังจากปากหลิวชิงเหยาอีกด้วย