Your Wishlist

สมรสพระราชทานบันดาลรัก[สามพี่น้องตระกูลหาน] (2:เศษตังค์นั่นอยากได้ก็เอาไปเลย!!! ถือว่าข้าทำบุญให้!!)

Author: หานยวี่

"ข้าขอพระราชทานการสมรสให้แก่หานหมิงเทียนและจีลู่ฟาง ณ บัดนี้!!" ด้วยเหตุนี้ทำให้นางและบุรุษผู้นี้ต้องมาแต่งงานอยู่ร่วมกันซึ่งจีลู่ฟางได้แต่สงสัยว่านี่เจ้าฮ่องเต้นั่นพระราชทานนางให้กับคนแบบไหนกัน

จำนวนตอน : 33

2:เศษตังค์นั่นอยากได้ก็เอาไปเลย!!! ถือว่าข้าทำบุญให้!!

  • 10/05/2564

2

เศษตังค์นั่นอยากได้ก็เอาไปเลย!!! ถือว่าข้าทำบุญให้!!

          ยามจื่อ[1]

กลางดึกที่แสนเงียบสงัด ในขณะที่พ่อกับแม่ของจีลู่ฟางเข้านอนแล้ว ร่างบางก็ลืมตาขึ้นมาแล้วหันไปปลุกบ่าวประจำตัว ซึ่งอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ตอนที่ขนมผิงเพิ่งมาเข้าร่างจีลู่ฟาง

เว่ยถิง!”

เจ้าคะ คุณหนู?” เว่ยถิงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาแล้วถามด้วยน้ำเสียงสะลึมสะลือ

พวกเราไปหอนางโลมกันเถอะ!!”

ก่อนหน้าที่จะผันตัวมาอ่านนิยายจีน ขนมผิงก็ได้ยินเขาว่ากันว่าพวกสาวๆ ในยุคปัจจุบันที่ทะลุมิติมาเป็นนางเอกในนิยายจีน ต่างก็ชอบปลอมตัวเป็นบุรุษเข้าไปเที่ยวหอนางโลมอยู่บ่อยๆ จนบางทีทำให้คนอ่านบ่นกันว่าพวกเธอไม่มีเรื่องอะไรจะเขียนแล้วเหรอ ถึงได้แต่งซ้ำๆ กันเนี่ย ตอนเห็นคอมเมนต์เหล่านั้นขนมผิงก็เห็นด้วยนะ

กระทั่งได้มาเป็นหนูน้อยจีลู่ฟางนี่แหละ ขนมผิงถึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไม ขนาดตัวเองยังทำเลย

คราแรกแอบไปเพราะอยากรู้ว่าหอสีแดงเจิดจรัส ที่มียัยเจ๊ปากแดงในเสื้อแพรสีสดลากยาวบนพื้นกับเครื่องประดับที่ใส่พะรุงพะรังตามตัวเหมือนต้นคริสต์มาสเดินได้เป็นคนคุมกิจการเนี่ย ข้างในมีอะไรดี

หลังจากนั้นก็ติดใจจนต้องแอบไปอีกเรื่อยๆ จนถึงวันนี้

อืม...จะต่างกันแค่ตรงที่ว่าตอนนี้นางไม่ได้เป็นนางเอกแล้วและกำลังจะผันตัวเองมาเป็นตัวประกอบยังไงเล่า ฮ่าๆๆ 

...จะดีหรือเจ้าคะ?” เว่ยถิงถามคุณหนูของตนที่กำลังยืนหัวเราะคนเดียวด้วยท่าทางลังเล

ดีสิ...ไม่ได้ฟังเสียงพิณของลี่เสวี่ยมาตั้งหลายวันแล้วจีลู่ฟางพูดพร้อมกับยิ้มอย่างมั่นใจ ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเว่ยถิงต้องถามแบบนี้ทุกครั้ง ทั้งที่ก็แอบไปกับนางมาตั้งหลายครั้งแล้ว ตั้งแต่ตอนร่างของแม่หนูลู่ฟางนี่อายุสิบสี่ โดยการปีนออกทางหน้าต่างของห้องนอนนี่ไง!!

ก็อยู่ด้วยกันมาตั้งนานแล้ว...ยังไม่ชินอีกเรอะ!?

อ้อ! ลี่เสวี่ยที่นางพูดถึงคืออี้จี[2] ผู้เป็นดาวเด่นประจำหอบุปผาเทียนลู่ฮัว ซึ่งคบค้าสมาคมกับจีลู่ฟางในนามฟางน้อยกงจื้อ (คุณชายฟางน้อย) แต่รู้ว่าแท้จริงแล้วลู่ฟางเป็นสตรี

เมื่อเห็นเว่ยถิงยังคงมีท่าทีอ้ำๆ อึ้งๆ จีลู่ฟางก็จัดแจงยัดเสื้อผ้าบุรุษชุดหนึ่งใส่มืออีกฝ่าย ก่อนที่ตัวเองจะผลัดอาภรณ์ทำผมบ้าง นับเป็นโชคดีของร่างนี้กระมังที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าใดหน้าอกหน้าใจที่มีก็แทบจะไม่ขยายไปตามกาลเวลา ทำให้ไม่ต้องใช้อะไรมาช่วย

เฮ้อแต่ก็ยังมีมากกว่านางสมัยเป็นขนมผิงน่ะนะ

หวนนึกถึงร่างเก่าแล้วเศร้าใจจัง

จากนั้นขนมผิงก็หันไปหาเว่ยถิงที่แต่งตัวเสร็จแล้วเหมือนกันว่า

ไปกันเถอะ!!”

เจ้าค่ะ...” เว่ยถิงรับคำด้วยน้ำเสียงกล้าๆ กลัวๆ ผิดกับคุณหนูที่ตอนนี้ยิ้มระรื่นอย่างมีความสุข...

รูปภาพประกอบด้วย ข้อความ

คำอธิบายที่สร้างโดยอัตโนมัติ

ณ หอเทียนลู่ฮัว

พวกข้ามาหาแม่นางลี่เสวี่ยทันทีที่ร่างของจีลู่ฟางในคราบคุณชายน้อยแสนน่ารักเดินเข้าไป ก็แจ้งความประสงค์ของตนให้หญิงวัยกลางคนแต่งกายด้วยอาภรณ์ฉูดฉาดและทาปากสีแดงแข่งกับสีเสื้อที่ได้เกริ่นไปในตอนแรกว่าเป็นต้นคริสต์มาสเดินได้ หรือก็คือแม่เล้าฟังทันที

เวลานี้ลี่เสวี่ยไม่สบาย รับแขกไม่ได้ เป็นคนอื่นได้หรือไม่เจ้าคะ!?” เมื่อได้ยินคำพูดของแม่เล้า จีลู่ฟางก็นึกเป็นห่วงอีกฝ่ายทันที

ข้าขอไปเยี่ยมนางได้หรือไม่!?”

เรื่องนี้ข้าต้องถามความสมัครใจของนางก่อนนะเจ้าคะ...”

ได้...บอกนางไปว่าฟางน้อยกงจื้อมาขอพบกล่าวจบก็ยื่นถุงเงินถุงหนึ่งให้สตรีวัยกลางคนตรงหน้า

ได้เลยเจ้าค่ะ!” หลังจากรับเงินมาน้ำเสียงของอีกฝ่ายก็ดีขึ้นกว่าเดิมหลายส่วน ก่อนจะรีบไปดำเนินการให้อย่างรวดเร็ว ไม่นานก็มีคนของหอบุปผามานำทางจีลู่ฟางกับเว่ยถิงไปยังห้องพักของลี่เสวี่ยที่อยู่ชั้นใต้ดินของหอ ซึ่งเป็นชั้นที่รวมห้องพักของนางคณิกาไว้ด้วยกัน

เมื่อถึงหน้าห้องของลี่เสวี่ยแล้วคนนำทางก็กลับไปทำงานของตน  ส่วนจีลู่ฟางก็เปิดประตูเข้าไป เห็นเจ้าของห้องนอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าซีดขาว จึงเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความตกใจ

ลี่เสวี่ย!”

ฟางน้อย...” ลี่เสวี่ยเอ่ยพร้อมกับมีรอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า หลังจากที่เห็นจีลู่ฟางกับเว่ยถิงเดินเข้ามา นางรู้อยู่แล้วว่าทั้งสองคนนี้เป็นสตรี จึงปล่อยเนื้อปล่อยตัวตามสบาย

ลี่เสวี่ย...เจ้าเป็นอะไรมากหรือไม่?”

ข้าเป็นไข้กับปวดหัวนิดหน่อยน่ะ...ขอบคุณที่เป็นห่วงนะจากนั้นก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด

ขอโทษนะ เลยไม่ได้เล่นเพลงให้เจ้าฟังเลย

ไม่เป็นไรๆ นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกลู่ฟางรีบปฏิเสธ ก่อนจะถามต่อด้วยความเป็นห่วง

แล้วนี่เจ้ากินยาหรือยัง?”

เรียบร้อยแล้วล่ะ ขอบคุณที่มาเยี่ยมข้านะหลังจากนั้นทั้งสามคนก็นั่งสนทนาเรื่องจิปาถะกันอยู่พักใหญ่ ก่อนที่ร่างบางจะเอ่ยปากร่ำลาลี่เสวี่ยเพื่อกลับจวนของตน

รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี หวังว่าถ้ามาคราวหน้า ข้าจะได้ยินเสียงพิณของเจ้านะ

แน่นอน ฟางน้อยลี่เสวี่ยกล่าวยิ้มๆ พลางมองทั้งสองคนเดินออกจากห้องไป...

ขณะเดียวกันในโถงรับแขก หานหมิงเทียนซึ่งกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะรับรองยกชาร้อนขึ้นมาจิบ พลางปรายตามองไปยังสตรีบนเวทีที่กำลังบรรเลงพิณห้าสายด้วยแววตาเรียบเฉยโดยไม่สนใจเหล่าคณิกาที่มาอี๋อ๋ออยู่ข้างๆ และเชิญชวนให้ดื่มสุราแม้แต่น้อย

ถึงหนึ่งในนั้นจะทำใจกล้าเอาอกใหญ่ๆ ของตนไปเบียดชิดกับแขนอีกฝ่าย แต่หานหมิงเทียนก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบรับอันใด ราวกับว่าพวกนางไม่มีตัวตน

สืบเนื่องจากวันนี้ที่ได้พูดคุยกับต้าเทียนฮ่องเต้แล้วเจอคำถามเรื่องหอนางโลม เขาก็รู้สึกว่าตัวเองควรมาเปิดหูเปิดตาเสียหน่อย จะได้รู้ว่าที่นี่มีดีอะไร บุรุษทั่วไปถึงได้ชอบมาใช้บริการนัก แต่ไม่เห็นสนุกตรงไหนเลย การแสดงก็งั้นๆ

แล้วสตรีพวกนี้มันอะไรกัน อยู่ๆ ก็พยายามจะชักชวนเขาขึ้นไปมีความสัมพันธ์ด้วย ยังไม่ได้บอกสักคำเลยว่าต้องการ

น่ารำคาญจริงๆ กลับเรือนไปอ่านตำราต่อดีกว่า!

หานหมิงเทียนคิดพลางวางเงินค่าชาไว้บนโต๊ะแล้วลุกขึ้นเตรียมจะกลับเรือนรับรองของตนที่อยู่ในตัวเมืองจินหลิง เมืองหลวงของแคว้นไท่ ซึ่งเป็นเรือนไม้สองชั้นที่ฮ่องเต้พระราชทานไว้ให้ เพื่อความสะดวกในการเดินทางไปทำงาน และอยู่ห่างจากหอเทียนลู่ฮัวประมาณสามช่วงถนน

จะกลับแล้วหรือเจ้าคะคุณชาย?” เสียงหวานของนางคณิกาคนหนึ่งถามขึ้นมา

“……” หานหมิงเทียนไม่ตอบแต่เดินจากไปเสียดื้อๆ โดยมีสตรีหลายคนมองตามด้วยความเสียดาย

น่าเสียดายที่เกิดมาหน้าตาดี แต่กลับหูหนวกและเป็นใบ้

แต่ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวเท้าออกนอกประตู หูของร่างสูงก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างกระทบกับพื้น

กริ๊ง~~ กริ๊ง~~

เมื่อหันกลับไปดูก็พบเหรียญห้าอีแปะตกอยู่บนพื้นพรมสีแดงหลังรองเท้าของเขา ยืนรออยู่สักพักไม่เห็นเจ้าของมาแสดงตัว จึงก้มลงเก็บใส่ถุงเงินพลางคิดในใจ

วันนี้ข้าช่างโชคดียิ่งนัก

           “ช้าก่อนคุณชายท่านนั้น!” จีลู่ฟางในคราบบุรุษที่วิ่งตามเหรียญซึ่งทำหลุดมือแล้วกลิ้งไปตามพื้น กระทั่งมาเห็นเงินของตัวเองถูกคนอื่นเก็บเข้ากระเป๋าไปต่อหน้าต่อตาเอ่ย

ทว่าอีกฝ่ายกลับเดินออกไปอย่างไม่สนใจนางแม้แต่น้อย

          หมับ! ด้วยความหงุดหงิดร่างบางจึงวิ่งไปคว้าแขนอีกฝ่ายไว้

          “มีอะไรหรือ!?” หานหมิงเทียนที่ในหัวคิดแต่เรื่องกลับบ้านจนไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างหันกลับมาถามด้วยความสงสัย

          วินาทีที่ได้เห็นใบหน้าหล่อๆ ของอีกฝ่าย ขนมผิงก็บังเกิดความเขินจนหัวใจเต้นแรง

         ใจเย็นๆ ก่อนยัยผิง ไอ้พวกหน้าหล่อนี่ตัวดีเลย! อย่าลืมสิชีวิตจริงต้องซดแห้วทำงานหาตังค์ใช้หนี้เพราะไอ้พวกนี้ แถมไม่มีใครจริงใจกับแกสักคน! แค่มาหลอกเอาเงินแล้วก็จากไป

ไอ้พวกแมงดาเลวระยำ!

          “เงินที่ท่านเก็บไปเป็นของข้า เอาคืนมาเสียดีๆนางพูดด้วยน้ำเสียงเอาเรื่อง

เหรียญห้าอีแปะน่ะหรือ!?” เมื่อเห็นจีลู่ฟางพยักหน้ารับ หานหมิงเทียนจึงเอ่ยถามว่า

มีหลักฐานใดพิสูจน์หรือไม่เล่า? ว่ามันเป็นของเจ้าจริงๆ

มันร่วงหล่นลงมาจากกระเป๋าของข้า มันก็ต้องเป็นของข้าสิ!” จีลู่ฟางกล่าว ในใจนึกหงุดหงิด

จะให้พิสูจน์ยังไงล่ะยะ เครื่องตรวจลายนิ้วมือแบบยุคปัจจุบันก็ไม่มี

ใช่หรือไม่!? เจ้าก็เห็นกับตานี่ร่างบางหันไปถามเว่ยถิง บ่าวประจำตัวที่มาด้วยกัน

ใช่ จ......ขอรับเว่ยถิงกล่าวด้วยท่าทางอ้ำๆ อึ้งๆ เพราะกลัวหลุดพูดคำว่าเจ้าค่ะออกมา แต่กลับทำให้หานหมิงเทียนคิดว่าสองคนนี้มีพิรุธ สงสัยจะพบเห็นเงินนี่แล้วคิดจะเข้ามาเก็บเหมือนกันล่ะสิ แต่ต้องขอแสดงความเสียใจด้วย

เพราะเขาว่องไวกว่า!!

หากไม่มีหลักฐาน ข้าก็เสียใจด้วยที่จะต้องบอกว่าตอนนี้มันเป็นของข้าแล้ว เพราะข้าเห็นและเก็บมันขึ้นมาก่อนเจ้าเมื่อเห็นจีลู่ฟางยังคงมีท่าทีฮึดฮัดจึงพูดต่อ

หากคุณชายน้อยมีข้อข้องใจประการใด เอาเป็นว่าพวกเราไปตกลงกันที่สถานีแจ้งความกันดีหรือไม่!?”

สถานีแจ้งความคือที่ที่ต้าเทียนฮ่องเต้มีพระราชดำริให้ก่อตั้งขึ้นมาตอนปฏิรูปบ้านเมืองครั้งที่ห้า เมื่อสามปีก่อน เพื่อให้ราษฎรมีสิทธิ์ไปร้องเรียนข้อบาดหมางต่างๆ ระหว่างตนเองกับราษฎรคนอื่นได้ด้วยตนเอง โดยจะมีเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นคนที่ทางหน่วยยุติธรรมของกรมอาญาคัดเลือกมาทำงานคอยรับเรื่องและทำหน้าที่จัดการแก้ไขหาข้อยุติ

ซึ่งสำหรับจีลู่ฟางแล้วรู้สึกว่านี่มันสถานีตำรวจชัดๆ

ข้าน้อยขอซูฮกความคิดของพระองค์เลยจ้า! ทรงศิวิไลซ์กว่าคนอื่นๆ ยิ่ง จีลู่ฟางคิดในใจ ทว่าก็ต้องนิ่งไป เมื่อนางเพิ่งนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ 

“….”

ว่าอย่างไรเล่า?” หานหมิงเทียนถามย้ำเมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่าย ในที่สุดจีลู่ฟางจึงตัดสินใจว่าจะยกเหรียญห้าอีแปะให้บุรุษผู้นี้ไป ดีกว่าต้องไปสถานีแจ้งความ เพราะกลัวว่าความจริงที่นางปลอมตัวเป็นบุรุษจะถูกเปิดเผย!

ช่างเถอะ ในเมื่อคุณชายบอกว่าตัวเองเป็นคนเก็บได้ก่อน ข้าก็คงไม่มีอะไรจะว่ากล่าว...นอกเสียจาก…”

แต่ขอด่าหน่อยเหอะ! เกลียดมากเลยผู้ชายแบบนี้ ถึงจะหล่อแต่เ*ย ขนมผิงก็ไม่ให้อภัยหรอกนะ!

ว่ามาข้ารอฟังอยู่หานหมิงเทียนตอบหน้าตาย

ยุคนี้ก็มีด้วยเหรอ เก็บเงินได้ พอเจ้าของตัวจริงมาทวงก็ไม่ให้คืน! เศษตังค์แค่นี้อยากได้ก็เอาไปเลย!! ถือว่าข้าทำบุญทำทานให้ละกัน!! ไอ้พวกผู้ชายหน้าตาดีแต่ไม่มีปัญญาทำมาหากินเอง ขี้เกียจสันหลังยาวทำตัวเกาะผู้หญิงเป็นแมงดา ไอ้พวกปลิงดูดเลือดพอดูดจนหมดก็ทิ้งไปหาคนอื่น!!!! พวกหน้าเงินเอ๊ย!!!” ความอัดอั้นตันใจทั้งหมดในชีวิตถูกพ่นใส่บุรุษหน้าหยกตรงหน้า ก่อนที่จีลู่ฟางจะลากเว่ยถิงที่มีสีหน้าตกใจกลับจวน ทิ้งให้หานหมิงเทียนยืนเอียงคอมองตามด้วยความสงสัย

ข้าเนี่ยนะ ไม่มีปัญญาทำมาหากิน?” ร่างสูงพึมพำกับตนเองเบาๆ 

ข้าเป็นถึงพนักงานที่ได้เงินเดือนเยอะที่สุดเลยนะ!!! ไหนจะยังมีสันหลังยาว แมงดา ปลิงอีก มันเกี่ยวกันตรงไหน? บุรุษเตี้ยผู้นั้นเอาอะไรมาพูด ถึงจะยอมรับว่าข้าหน้าตาดีจริงๆ ก็เถอะ

พลันก็คิดว่าเรื่องนี้ต้องพูดคุยกันให้รู้เรื่องจึงรีบเดินตามไป ทว่าร่างของสองคนนั้นก็หายลับไปแล้ว...

ช่างเถอะ ถือว่าฟาดเคราะห์ไปละกัน อย่างน้อยก็ถือว่าข้าโชคดีที่อยู่ๆ ก็มีเหรียญห้าอีแปะวิ่งมาหาหานหมิงเทียนคิดในใจอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับเดินกลับบ้านของตน...

จะว่าไปเสียงของบุรุษผู้นั้นช่างแหลมเหลือเกิน ตัวก็เล็ก สงสัยยังเป็นเด็กอยู่กระมัง...

ใช้ไม่ได้จริงๆ ตัวแค่นี้ริอาจเข้าหอนางโลม เห็นทีตอนร่างกฎหมายใหม่เสนอฮ่องเต้

ข้าคงต้องเพิ่มข้อบังคับห้ามเด็กชายอายุต่ำกว่า 13 เข้าใช้บริการสถานเริงรมย์เสียแล้ว!

 

 

 

[1] ยามจื่อ = ช่วงเวลา 23.00 - 24.59 . โดยประมาณ

[2] อี้จี = นางคณิกาชั้นสูงที่นอกจากจะขายเรือนร่างแล้วยังขายศิลปะแขนงต่างๆ มีสิทธิ์เลือกรับแขก

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า