Your Wishlist

สมรสพระราชทานบันดาลรัก[สามพี่น้องตระกูลหาน] (1:พนักงานที่เงือนเดินเยอะที่สุดในวังหลวง!)

Author: หานยวี่

"ข้าขอพระราชทานการสมรสให้แก่หานหมิงเทียนและจีลู่ฟาง ณ บัดนี้!!" ด้วยเหตุนี้ทำให้นางและบุรุษผู้นี้ต้องมาแต่งงานอยู่ร่วมกันซึ่งจีลู่ฟางได้แต่สงสัยว่านี่เจ้าฮ่องเต้นั่นพระราชทานนางให้กับคนแบบไหนกัน

จำนวนตอน : 33

1:พนักงานที่เงือนเดินเยอะที่สุดในวังหลวง!

  • 10/05/2564

1

พนักงานที่เงือนเดินเยอะที่สุดในวังหลวง!

      “หานหมิงเทียน...” บุรุษในฉลองพระองค์ลายมังกรสีทองเอ่ยเรียกชื่อเจ้าของใบหน้าเรียวยาว นัยน์ตาคมสีนิล ผิวขาวดั่งหิมะ รับกับรูปร่างสูงโปร่งในอาภรณ์สีกรมท่าและผมสีดำขลับใต้หมวกขุนนางขั้นสี่ ซึ่งตนเองเป็นคนเรียกมาพบ

      “พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทหานหมิงเทียนรับคำ

      “เนื่องจากที่ผ่านมาเจ้าได้ทำผลงานให้กรมอาญาไว้มากมาย ซึ่งปีนี้ใต้เท้าปิงก็เกษียณพอดี เจิ้นจึงใคร่จะให้เจ้ารับตำแหน่งใต้เท้ากรมคนต่อไปน่ะ...”

     ถ้าเป็นผู้อื่นได้ยินรับสั่งเช่นนี้คงดีใจจนเนื้อเต้น ทว่าหานหมิงเทียนกลับเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า

     “ทูลฝ่าบาท...กระหม่อมขอปฏิเสธพ่ะย่ะค่ะ

     “เพราะเหตุใด!?” ต้าเทียนฮ่องเต้ถามพลางหรี่ตามองบุรุษตรงหน้าด้วยความสงสัย

    “กระหม่อมมิคู่ควรพ่ะย่ะค่ะ

    “เช่นนั้นผู้ใดเล่าที่คู่ควร?”

     “กระหม่อมขอเสนอท่านฉาเสี่ยวหวาพ่ะย่ะค่ะ นอกจากท่านฉาจะมีความรู้มากแล้ว ยังอาวุโสที่สุดด้วย

      “งั้นหรือ!?” แล้วต้าเทียนฮ่องเต้ก็นิ่งไปสักพักก่อนเอ่ยว่า

      “เรื่องอาวุโสเจิ้นไม่เถียง แต่ความรู้ในสมองเจิ้นว่าเจ้ามีมากกว่าเขานะ หานหมิงเทียน... เจ้าจะให้เจิ้นยกหน้าที่สำคัญให้คนที่มีดีแค่ความอาวุโสหรือ!?”

       “กระหม่อมมิบังอาจพ่ะย่ะค่ะ แต่กระหม่อมนั้นโง่งมจริงๆ ยังต้องเรียนรู้อีกมาก...”

       “ทำเป็นมาพูดงั้นพูดงี้ ไม่อยากเป็นก็บอกมาตามตรงเถิดต้าเทียนฮ่องเต้กล่าวอย่างเอือมระอา

       “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่อยากเป็นใต้เท้าหานหมิงเทียนตอบ

      เขาเพิ่งจะอายุ 29 เองนะ ขืนได้นั่งเก้าอี้หัวหน้ากรมอาญา (เดิมคือกรมยุติธรรมแต่ต้าเทียนฮ่องเต้ทำการปฏิรูปแล้วทำให้กรมยุติธรรมกลายเป็นส่วนหนึ่งของกรมอาญา) ล่ะก็ต้องโดนเขม่น แถมชีวิตที่แสนสงบก็จะต้องโดนทำลายด้วยเรื่องยิบย่อยที่มีเข้ามาไม่เว้นแต่ละวันเป็นแน่แท้

       ทุกวันนี้แค่นั่งร่างกฎหมายเล่นๆ นับนิ้วคำนวณเงินที่มี อ่านหนังสือในห้องไปวันๆ ก็ดีอยู่แล้ว

       “ตามใจเจ้าละกัน...เช่นนั้นเจ้าต้องการอะไรล่ะ?” ต้าเทียนฮ่องเต้จึงตัดสินใจถามออกไปตามตรง

       ไหนๆ หานหมิงเทียนก็ได้ทำคุณูปการให้บ้านเมืองมากมาย โดยเฉพาะสิ่งที่ต้าเทียนฮ่องเต้ถูกใจที่สุด คือการเพิ่มเติมกฎหมายเรื่องสิทธิสตรี สมควรที่จะได้รับการปูนบำเหน็จเป็นอย่างยิ่ง

        “เอ่อ…”

        “บอกมาเถิด

       “สิ่งที่กระหม่อมต้องการนั้น...”

        “สตรีสักคน!?” เมื่อเห็นหมิงเทียนมีท่าทีอ้ำๆ อึ้งๆ โอรสสวรรค์จึงลองทายดู เพราะคิดว่าอาจจะเป็นอาการของหนุ่มโสดวัยยี่สิบเก้าที่เกิดมาเพิ่งเคยชอบใครแล้วไม่กล้าแสดงออกตรงๆ ก็เป็นได้

      เพราะตั้งแต่เห็นกันมาก็ไม่เคยเห็นหมิงเทียนนึกชอบพอผู้ใดมาก่อน และหากเป็นเช่นนั้นจริง เขายินดีที่จะสนับสนุนอีกฝ่ายเต็มที่

       ทว่าสิ่งที่คิดก็มลายหายไปทันที เมื่อหานหมิงเทียนกล่าวว่า

      “มิใช่พ่ะย่ะค่ะ หากพระองค์จะทรงพระกรุณาจริงๆ กระหม่อมขอเพียงแค่ขึ้นเบี้ยหวัดรายเดือนให้กระหม่อมก็พอพ่ะย่ะค่ะ

      “หา...ว่าอย่างไรนะ!? พูดใหม่ซิ

      “ขอเพียงแค่ขึ้นเบี้ยหวัด...เอ้ย! เงือนเดินกระหม่อมสูงกว่าคนอื่นๆ ยกเว้นผู้ที่ดำรงตำแหน่งใต้เท้าก็พอพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่อยากโดนเขม่น...”

     หานหมิงเทียนทวนคำพูดของตัวเอง เกือบลืมไปเลยว่าเดี๋ยวนี้คำว่าเบี้ยหวัดถูกแทนที่ด้วยคำว่าเงือนเดินแล้ว

     “…เงินเดือนต้าเทียนฮ่องเต้แก้ให้

     “พ่ะย่ะค่ะ เงินเดือน ขออภัยพอดีกระหม่อมจำผิด

     “อ้อ...และชาตินี้ทั้งชาติกระหม่อมขอไม่เลื่อนตำแหน่งเด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ

     “……” ต้าเทียนฮ่องเต้ถึงกับอึ้งกิมกี่กับคำตอบของหมิงเทียนเลยทีเดียว

     “ก่อนที่เจิ้นจะให้ตามคำขอของเจ้า เจิ้นอยากรู้เหตุผล...”

     “เพราะตั้งแต่เข้ามาทำงานที่กรมยุติธรรมในช่วงแรกๆ กระหม่อมก็ได้ตั้งเป้าหมายไว้แล้วพ่ะย่ะค่ะ ว่ากระหม่อมจะต้อง...” หมิงเทียนนึกไปสักพัก พลางนึกคำที่ต้าเทียนฮ่องเต้บัญญัติขึ้นมาใหม่สำหรับตำแหน่งต่างๆ ในวังหลวง

      “เป็นพนักงานที่ได้เงือนเดินมากที่สุดในวังหลวงแห่งนี้พ่ะย่ะค่ะ! แม้ตอนนี้กรมยุติธรรมจะกลายเป็นกรมอาญาแล้ว แต่เป้าหมายของกระหม่อมก็ยังคงเดิมมิเปลี่ยนแปลงแม้ดวงตาคมจะฉายแววเป็นประกายออกมายามพูดถึงเงิน แต่ก็ยังคงรักษาความเรียบเฉยบนส่วนอื่นของใบหน้าไว้ได้อย่างดี

     ไอ้เชนเอ๊ยไอ้เชน...ไอ้เทพบุตรหน้าตาย ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีกี่ภพกี่ชาติ เอ็งก็ยังทำตัวน่าหมั่นไส้เหมือนเดิม

      “เอ้ย!! เงินเดือนพ่ะย่ะค่ะ!!” เมื่อรู้ตัวว่าพูดผิดอีกครั้ง หานหมิงเทียนก็รีบแก้

     “เจ้าจะเอาเงินมากมายไปทำอะไร!?” ต้าเทียนฮ่องเต้ถามด้วยความสงสัย

     “ส่วนหนึ่งให้ท่านพ่อท่านแม่ อีกส่วนเก็บไว้ใช้ในอนาคตพ่ะย่ะค่ะ...”

     โอ้โห! มีความมองการณ์ไกล แต่ว่า...

      “อนาคตที่เจ้าวาดฝันไว้เป็นอย่างไรหรือ!?”

     “กระหม่อมก็ยังมิรู้พ่ะย่ะค่ะ

     “……” ต้าเทียนฮ่องเต้ถึงกับเงียบเพราะไปต่อไม่เป็นเลยทีเดียว

     “เมื่อถึงเวลานั้นคงรู้เองพ่ะย่ะค่ะหานหมิงเทียนกล่าวหลังจากเห็นสีหน้าของโอรสสวรรค์

     พลันต้าเทียนฮ่องเต้ก็นึกถึงใบหน้าของหานอิงมี่*ที่โผล่ขึ้นมาทับซ้อนกับหานหมิงเทียน

    คนน้องเมื่อหลายปีก่อน อยู่ดีๆ ก็บ้าจี้วิ่งมาขอพระราชโองการตามสามีไปออกรบเฉยเลย แต่สุดท้ายก็ล้มเลิกกลางคันเพราะป่วย...

    ส่วนคนพี่เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่แรกและยังคงลุ่มๆ ดอนๆ เรื่อยมา ซ้ำรู้สึกว่าจะหนักขึ้นทุกวัน

    ให้ตายเถอะ! ทายาทตระกูลหานมีใครสักคนที่ปกติบ้างหรือไม่!?

     แต่ขนาดตัวข้ายังไม่ปกติเลย จะไปเอาอะไรกับเขาเล่า!?

     “เจิ้นว่าเจ้าน่าจะหาคู่คิดสักคนมาไว้ร่วมสร้างอนาคตไปด้วยกันต้าเทียนฮ่องเต้เสนอ แต่อีกฝ่ายก็รีบส่ายหน้า

     “ไม่ต้องเป็นสตรีก็ได้ รัชสมัยของเจิ้นอนุญาตให้เหล่าคนตัดแขนเสื้อคบหากันได้เต็มที่ เจ้าก็น่าจะเห็นจากการที่เจิ้นให้ตั้งหอบุรุษงามเคียงข้างหอบุปผา

     ข้าก็ดันลืมนึกถึงข้อนี้ไป ไอ้เชนในภพนี้อาจจะไม่ชอบสตรีก็ได้ แต่ไม่กล้าเปิดเผยตัว

      วัชรวีร์**คนใจกว้างที่สุดในปฐพีนี้คิดในใจ

      “มิใช่อย่างนั้นพ่ะย่ะค่ะ แต่กระหม่อมหาได้เคยมีความรู้สึกใดๆ ต่อใครไม่

      “ไม่เคยมีจริงๆ หรือ!? ตอนเด็กๆ ล่ะ!?”

      “ตอนเป็นเด็ก ส่วนมากกระหม่อมก็หมกตัวอยู่ในห้องหนังสือของจวน มิได้ออกไปไหนพ่ะย่ะค่ะหานหมิงเทียนตอบเสียงเรียบ ขนาดกับคนในครอบครัวยังพูดด้วยจนแทบจะนับคำได้ แต่ไม่ใช่ไม่รักนะ รักและห่วงใยทุกคนนั่นแหละ

      “ถามจริง…” ในที่สุดผู้ที่เป็นโอรสสวรรค์จึงถามในสิ่งที่ตนเองรู้สึกค้างคาใจออกไป

      “เคยเข้าหอนางโลมหรือไม่!?” เมื่อเห็นอีกฝ่ายส่ายหน้าก็ถามต่ออย่างอ้ำๆ อึ้งๆ

      “แล้วเคยแบบว่า...เอ่อ...”

      โว้ย!! ถ้ายังอยู่ในร่างของวัชรวีร์คนเดิม เขาจะพูดออกไปได้ไม่มีลังเลเลย แต่นี่...จะทำอะไรก็รู้สึกว่าต้องให้เกียรติไอ้เสื้อคลุมลายมังกรที่ใส่อยู่

     “ก็เป็นเรื่องธรรมดาของบุรุษทั่วไปมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะที่ต้องมีความรู้สึกเช่นนี้เป็นบางครั้งบางคราว!? หรือพระองค์ไม่มีหานหมิงเทียนถามกลับด้วยสีหน้าตายด้าน

     เวรดูมันย้อน! ดีเท่าไรไม่ยักคิ้วใส่ตรูด้วย

     ถ้าเป็นเมื่อก่อนเอ็งโดนกุดหัวไปแล้วนะ รู้ตัวหรือไม่!?

     ต้าเทียนฮ่องเต้สบถในใจ ก่อนตอบอีกฝ่ายด้วยประโยคที่ยืดยาวว่า

     “ในเมื่อเจ้าบอกว่ามันเป็นเรื่องปกติ เจิ้นก็ต้องมีสิ แถมมีสนมสวยๆ ไว้ปรนนิบัติด้วย ไม่เหมือนเจ้าหรอก! ช่างเถิด เอาเป็นว่าหากเจ้าต้องการแค่ขึ้นเงินเดือนก็ได้ เจิ้นให้ตามนั้น! ไปได้แล้ว!”

     “ขอบพระคุณฝ่าบาท และกระหม่อมขอทูลลา ขอฝ่าบาททรงพระเจริญพันปีหมื่นปีพ่ะย่ะค่ะหานหมิงเทียนพูดพลางทำความเคารพแล้วเดินออกไป

      เมื่อเหลือแค่ตัวเองกับมี่เยี่ยนอยู่ในห้องแล้ว ต้าเทียนฮ่องเต้ก็ตะโกนออกมาว่า

      “ฝากไว้ก่อนเถอะ หานหมิงเทียน!!!”

      มีโอกาสเมื่อไรพ่อเล่นเอ็งแน่!

     จริงๆ ที่เคยคาดโทษไว้ในตอนแรกๆ ที่เข้ามาอยู่ในร่างนี้ ก็กะจะลืมๆ มันไปแล้วนะ แต่ไม่ไหวว่ะ เอ็งกวนตีนข้าเช่นนี้...

     วัชรวีร์ในร่างของต้าเทียนฮ่องเต้คิดพลางสะบัดหน้าไล่ความหงุดหงิด แล้วหันไปคุยกับมี่เยี่ยน องครักษ์เงาผู้เป็นเพื่อนซี้ตั้งแต่สมัยละอ่อน

     “จะว่าไป...”

     “อะไรหรือ!?”

     “เจ้าได้ยินเกี่ยวกับเรื่องราวของจีลู่ฟางหรือเปล่า!? สาวสวยที่เขาว่ากันว่าเกิดมาเสียเปล่า!?”

      หรือพูดกันตรงๆ ก็เสียของเสียชาติเกิดอะไรประมาณนี้

      “ก็เคยได้ยินนะ เห็นว่านอนป่วยมาเจ็ดปีกว่าแล้วนี่ ตอนเข้าพิธีปักปิ่นนี่คือทุลักทุเลมาก นั่งคอพับเอนไปมาตลอดเวลา  มือไม้ก็ไม่มีเรี่ยวแรงจนมารดาต้องให้คนรับใช้คอยประคองจนจบพิธี...หลังจากนั้นก็นอนติดบ้านตลอดเวลา

      อห. (ที่อาจจะแปลว่าโอ้โหหรืออย่างอื่น) วัชรวีร์อุทานในใจ

     ฟังแล้วนึกถึง ในหัวของคุณ ในหัวข๊องคุณ ซอ-ออมบี้ ซอ-ออมบี้ ซอ-ออมบี้ เอ้ เอ้!

     ใครเกิดไม่ทันไปหาฟังซะ!

      “เหตุใดเจ้าถึงรู้ดีขนาดนี้?” ผู้เป็นโอรสสวรรค์ถามมี่เยี่ยนด้วยสายตาคาดคั้น

      ไม่ยักรู้ว่าชาโต้ หรานเกอสุดที่รักของตัวเองจะเป็นพวกชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องของชาวบ้านด้วย แต่ก็คงเหมือนนายของตัวเองแหละ ชอบกินเผือกเหมือนกัน!

     “ข้าก็ฟังเขาเล่ากันมาปากต่อปากนั่นแหละมี่เยี่ยนเอ่ย

     “ว่างๆ หาเวลาไปดูหน่อยดีกว่า อยากรู้ว่าจริงหรือเว่อร์ต้าเทียนฮ่องเต้เอ่ย ตั้งแต่ปฏิรูปนั่นนี่นู่นโน่นไปเมื่อสามปีก่อน เขาก็แทบไม่ต้องทำงานอีกเลย มีเวลาเดินเหินไปไหนได้ตามสบาย

     “ก็ไปสิ...” มี่เยี่ยนที่เริ่มจะชินกับการที่ฝ่าบาทเป็นแบบนี้กล่าว ไม่ให้ชินได้ไงล่ะอยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปีแล้ว

     “เออ ขอดูวันว่างก่อนต้าเทียนฮ่องเต้พูดพลางหยิบสมุดประจำตัวขึ้นมาเปิดดูตารางกิจวัตรประจำวันของตน

 

*ติดตามเรื่องราวของหานอิงมี่กับเซี่ยเฟยหงได้ในแต่งกับเจ้าแล้วไง! ข้าก็ไม่ได้รักเจ้าเสียหน่อย!

**ติดตามที่มาที่ไปของฮ่องเต้พระองค์นี้ได้ในย้อนเวลา กลับชาติมาเป็นฮ่องเต้อีกครั้ง!

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป