Your Wishlist

เล่ห์รักดวงหทัย [Yaoi] (ตอนที่ 2[3/3])

Author: สาววายไตพัง

ชายผู้เปรียบดั่งแม่ทัพ องอาจห้าวหาญ ศัตรูทุกผู้เหล่าต่างหวั่นเกรง แต่หนนี้หลังจากจบศึก ผลกลับกลายเป็นแพ้สงครามถูกจับตัวเป็นเชลยศึก ถูกบุรุษสูงศักดิ์ผู้เป็นถึงอ๋องจอมมารย่ำยี ข้าหรือจะยอมมีชีวิตทนต่อไปได้ ถ้าไม่หนีก็ขอตายเสียดีกว่า!!

จำนวนตอน :

ตอนที่ 2[3/3]

  • 21/04/2564

ณ แคว้นเหวินฉิน

 

ท่ามกลางยอดภูเขาหลายลูก เรียงแถวยาวสลับซับซ้อนเด่นชัด พระอาทิตย์สาดส่องแสงลงสู่พื้นเบื้องล่าง เหล่าหมู่มวลพฤกษาต่างบานกลีบดอกแรกแย้ม ส่งกลิ่นหอมหวนหลอกล่อเหล่าหมู่ผึ้ง ผีเสื้อ ให้มาตกหลุมพราง ด้านบนท้องผืนอันกว้างใหญ่ไพศาล ต่างเต็มไปเหล่าหมู่มวลปักษาส่งเสียงขับขานประสานเสียงไพเราะ ราวกับต้อนรับเช้าวันใหม่

 

ณ โรงเตี๊ยมชานเมือง

 

โรงเตี๊ยมแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากเมืองหลวงแห่งแคว้นเหวินฉิน ระยะทางเพียงห้าลี้ เหล่าผู้สัญจรต่างถิ่นต้องแวะเวียนหยุดพักเข้ามาไม่ว่างเว้น ที่นี่จึงเปรียบเสมือนดั่งจุดนัดพบของผู้คนจากต่างแดน จะต้องหยุดแวะเวียนพักที่แห่งนี้ เนื่องจากกิจการแห่งนี้ที่ผ่านมารุ่งเรือง จึงทำให้โรงเตี๊ยมแห่งนี้มีการขยายพื้นที่ให้มีขนาดกว้างยิ่งขึ้น จึงทำให้มีห้องพักจำนวนมาก เพื่อรองรับผู้คนที่ต่างสัญจรไปมาได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ภายในด้านหลังยังมีบ่อน้ำพุร้อน แบ่งแยกชาย แยกหญิง

 

ในทุกๆวันสถานที่แห่งนี้จะเต็มไปด้วยเหล่าผู้คนต่างแวะเวียนเข้ามาเป็นส่วนมาก จึงทำให้ที่แห่งนี้ครึกครื้นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของผู้คน แต่ในเวลานี้กลับไร้เสียงแว่วของผู้คน หาใช่ว่าเวลานี้เป็นยามค่ำคืนผู้คนนอนหลับไม่ แต่ในเวลานี้เหล่าเด็กรับใช้จำนวนมากกำลังเร่งมือช่วยกันจัดเตรียมที่พัก อาหาร และอื่นๆ เพื่อเตรียมรับรองผู้คนจำนวนมาก ตามคำสั่งของผู้จ้างวาน ซึ่งคือองครักษ์หนึ่งในอ๋องปินหยาง

 

"เถ้าแก่ เจ้าจัดการตามที่พวกข้าสั่งแล้วรึยัง? " องครักษ์หนึ่งในอ๋องปินหยางกล่าว

 

" ข้าน้อยจัดการเตรียมตามที่สั่งแล้วขอรับ " เถ้าแก่กล่าว

 

"...." องครักษ์หนึ่งในอ๋องปินหยางไม่ได้กล่าว นัยน์ตาจับจ้องดูความเรียบร้อยโดยรอบ

 

" ไม่ทราบว่าท่านต้องการให้ข้าน้อยจัดเตรียมอย่างอื่นเพิ่มอีกรึไม่ขอรับ " เถ้าแก่กล่าว

 

" ไม่ต้อง ทำตามที่ข้าสั่งก็พอ ถ้าข้าต้องการสิ่งใดจะเรียกใช้เจ้าเอง " องครักษ์หนึ่งในอ๋องปินหยางกล่าว

 

" ขอรับ...ขอรับ " เถ้าแก่กล่าวอย่างนอบน้อม

 

"...." องครักษ์หนึ่งในอ๋องปินหยางเดินสำรวจตรวจดูบริเวณโดยรอบ

 

" พวกเจ้ารีบเร่งมือเร็วขึ้นอีก!! " เถ้าแก่หันไปกล่าวสั่งกับเหล่าคนรับใช้

 

" ขอรับเถ้าแก่ " เหล่าคนรับใช้กล่าวพร้อมกับต่างลงมือกันอย่างขะมักเขม้น

 

.

 

.

 

.

 

อีกทางด้านหนึ่ง

 

หลังจากเวลาผ่านมาสามวัน สภาพร่างกายของเหล่าทหารต่างซูบผอมอิดโรยด้วยความเหนื่อยอ่อนล้า แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงใบหน้าหนักแน่น ไม่ย่อท้อ ยังคงเคลื่อนทัพเพื่อหวังไปให้ถึงจุดหมายที่หวังไว้ รวมทั้งเหล่าอาชาที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี จึงสามารถปรับตัว และอดทนต่อสถานการณ์ต่างๆได้ดี

 

ในเวลานี้เหล่ากองกำลังไพร่พลทัพแห่งแคว้นเหวินฉินกำลังเคลื่อนทัพใกล้เข้ามา อีกไม่กี่เพียงชั่วอึดใจก็กำลังใกล้เข้าสู่ สถานที่ ที่กำลังถูกจัดเตรียมเพื่อต้อนรับรอเหล่ากำลังไพร่พล

 

รองแม่ทัพติ่งหลี่หยางนัยน์ตาจ้องมองไปทางเบื้องหน้า ซึ่งได้ทำการคาดคะเนคำนวณระยะทางไว้แล้ว ก็เร่งฝีเท้าอาชาให้เคลื่อนไปขนาบด้านข้างกับบุคคลผู้อยู่เบื้องหน้า

 

" ท่านแม่ทัพหลิ่งเฟย มุ่งหน้าตรงไปทางนี้ ก็จะถึงโรงเตี๊ยมชานเมืองขอรับ " รองแม่ทัพหลี่หยางกล่าว เมื่ออาชาเทียบขนาบข้างด้านขวามือของท่านแม่ทัพหลิ่งเฟย ชายหนุ่มผู้มีใบหน้ายังคงงดงาม ถึงแม้ในเวลานี้จะมีสภาพอิดโรยจากการเดินทาง แต่ก็ไม่อาจบดบังความงามได้

 

" อืม เร่งฝีเท้ากันเถอะ ข้าเองก็อยากจะให้กองกำลังไพร่พลได้พักค้างแรมเต็มที่เสียที " แม่ทัพหลิ่งเฟยกล่าว เมื่อนัยน์ตาจ้องมองไปทางเหล่าทหารในเวลานี้ที่มีสภาพอิดโรยไม่ต่างกัน

 

" ขอรับท่านแม่ทัพหลิ่งเฟย " รองแม่ทัพหลี่หยางกล่าวรับคำ

 

"...." แม่ทัพหลิ่งเฟยไม่เอ่ยกล่าวมีเพียงแค่รอยยิ้มบนใบหน้าที่หันมามอบให้กับรองแม่ทัพหลี่หยาง

 

‘ ถ้าท่านหาใช่ชาย คงจะดีไม่น้อย ’ รองแม่ทัพหลี่หยางพลางครุ่นคิดภายในใจ ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ และหันไปกล่าวด้วยเสียงอันดังกึกก้อง " เร่งฝีเท้า!! พวกเราจะหยุดพักค้างที่โรงเตี๊ยมข้างหน้า "

 

เหล่าทหารที่ได้ยินคำสั่งดังนั้น จึงมีแรงกำลังใจที่จะรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อหวังจะได้หยุดพักผ่อนเต็มที่เสียที เพื่อคลายความเหนื่อยล้าตลอดหลายวันที่ผ่านมา

 

เพียงไม่นานขบวนทัพกองกำลังไพร่พลทัพก็เคลื่อนกำลังพลเข้าสู่ด้านหน้าประตูทางเข้าโรงเตี๊ยมชานเมือง

 

เมื่อขบวนทัพเคลื่อนเข้ามาถึง ยังด้านหน้าประตูโรงเตี๊ยม ก็พบกับร่างของชายชราสวมใส่เสื้อผ้าอาภรณ์ด้วยเนื้อผ้าดี ยืนรอต้อนรับด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าด้วยท่าทางดูเป็นมิตร ที่ด้านหน้าประตูทางเข้า พร้อมทั้งชายหนุ่ม และหญิงสาว สวมใส่เสื้อผ้าอาภรณ์เนื้อผ้าดิบ ซึ่งยืนอยู่ทางด้านหลัง

 

แม่ทัพหลิ่งเฟยก้าวลงจากหลังอาชา โดยมีรองแม่ทัพหลี่หยางก้าวลงจากหลังอาชาตามประกบด้านข้าง พร้อมกับก้าวเดินตรงไปหาชายชราที่ยืนรอต้อนรับใบหน้ายังคงรอยยิ้ม

 

" ยินดีต้อนรับพวกท่าน ข้าน้อยแซ่เซี่ยนเป็นเถ้าแก่ของที่นี่ขอรับ " เถ้าแก่เซี่ยนกล่าวด้วยรอยยิ้ม พร้อมทั้งพายมือเชื้อเชิญต้อนรับ

 

“ ไม่ทราบว่าเถ้าแก่เซี่ยน ท่านพอจะมีอาหารและห้องพักเพียงพอกับกองทัพของเรารึไม่ ” แม่ทัพหลิ่งเฟยกล่าว

 

“ เรื่องนั้นท่านไม่ต้องห่วงขอรับ ทางเรามีเสบียงเพียงพอไว้รับรองพวกท่านอยู่แล้ว ” เถ้าแก่เซี่ยงกล่าว

 

“ เอ่อ…. ” แม่ทัพหลิ่งเฟยเพียงจะเอ่ยปากกล่าวถามต่อ ถ้าไม่ถูกเถ้าแก่เซี่ยงกล่าวขัดขึ้นเสียก่อน

 

“ พวกท่านเดินทางมาเหน็ดเหนื่อยมากแล้ว เชิญเข้ามาพักกันก่อนเถอะขอรับ ส่วนพวกม้าและเสบียงของพวกท่าน ข้าน้อยจะให้คนจัดการให้ขอรับ เชิญๆๆ ” เถ้าแก่เซี่ยงกล่าวขัดขึ้น โดยไม่เว้นว่างเปิดช่องให้แม่ทัพหลิ่งเฟยกล่าวต่อสิ่งใดได้ พร้อมกับเดินนำเข้าไปทางด้านใน

 

‘ ตั้งแต่หน้าทางเข้ารวมถึงเถ้าแก่ผู้นี้กล่าวอย่างกับรู้ว่าจะมีกองทัพของเราเดินทางผ่านเข้ามา น่าสงสัยยิ่งนัก ’ แม่ทัพหลิ่งเฟยหยุดยืนครุ่นคิดอยู่เพียงชั่วครู่ ก่อนหันนัยน์ตาไปทางเหล่าทหารที่ยืนอยู่ทางด้านหลัง ที่ในตอนนี้สภาพร่างกายซูบผอมอิดโรยด้วยความเหนื่อยอ่อนล้า

 

“ ท่านแม่ทัพหลิ่งเฟย เชิญเข้าไปด้านในเถอะขอรับ ”

 

“....” แม่ทัพหลิ่งเฟยมิได้เอ่ยวาจาใดพร้อมกับตัดสินใจเดินตามเข้าไปด้านใน

 

เมื่อก้าวเดินพ้นประตูทางเข้าด้านหน้าไป สายตาก็พบกับทางเบื้องหน้าที่เป็นลานกว้างขนาดใหญ่ ซึ่งมีชายหนุ่มและหญิงสาวจำนวนมากใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ยืนเรียงแถวขนาบสองข้างทางเดินลานกว้าง

 

“ ยินดีต้อนรับ ขอรับ / เจ้าค่ะ ” ชายหนุ่มและหญิงสาวกล่าวพร้อมเพรียงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

 

“ เชิญด้านในขอรับ ” เถ้าแก่กล่าว พร้อมกับก้าวเดินนำทางไปทางด้านหน้า

 

“ พี่หลี่หยาง ” ชายหนุ่มใบหน้าเรียวคม ส่งเสียงเรียกพร้อมกับยืนโบกมือด้านหน้าทางเข้า

 

“ เหยียนซิ่ว เหยียนซิ่น ข้าดีใจจริงๆที่ได้เจอกับพวกเจ้าที่นี่ ช่างบังเอิญเสียจริง แล้วพวกเจ้าทั้งสองเดินทางมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่? ” รองแม่ทัพหลี่หยางก้าวเดินไปทางด้านหน้า เมื่อพบกับร่างของทั้งสองคนพี่น้อง พร้อมกับกล่าวสีหน้าท่าทางดีอกดีใจ เปรียบเสมือนดั่งพบญาติพี่น้องที่ไม่ได้พบเจอมานาน

 

“ พวกข้าเดินมาถึงก่อนพี่หลี่หยางแค่เพียงครึ่งชั่วยาม ” เหยียนซิ่น หรือ องครักษ์หมินซิน

 

“ พี่หลี่หยาง ท่านจะไม่แนะนำบุคคลที่ยืนอยู่ทางด้านหลังสักหน่อยหรือ? ” เหยียนซิ่ว หรือ อ๋องปินหยาง นัยน์ตาประดุจดั่งพญานกอินทรีจับจ้องมองไปทางบุคคลที่ยื่นอยู่ทางด้านหลังของรองแม่ทัพหลี่หยางไม่วางตา

 

“ จริงสิ บุคคลท่านนี้ คือ ท่านแม่ทัพซิ่นหลิ่งเฟย ” รองแม่ทัพหลี่หยางกล่าวแนะนำบุรุษหนุ่มผู้มีใบหน้าเรียวงาม

 

“ ท่านแม่ทัพหลิ่งเฟย ทั้งสองคน คือ จางเหยียนซิ่ว และจางเหยียนซิ่น ขอรับ ” รองแม่ทัพหลี่หยางกล่าวแนะนำ

 

“ ข้ารู้สึกยินดีที่ได้พวกท่านทั้งสอง ” แม่ทัพหลิ่งเฟยกล่าว

 

“ หาเป็นเช่นนั้นไม่ขอรับ ต้องบอกว่าพวกข้าทั้งสองยินดีที่ได้พบท่านแม่ทัพซิ่นมากกว่าขอรับ ” เหยียนซิ่ว กล่าวอย่างนอบน้อม นัยน์ตายังคงจับจ้องมองไม่วางตา

 

“ ไม่ต้องมากพิธี อันที่จริงพวกท่านทั้งสองเรียกข้าว่า ‘หลิ่งเฟย’ เฉกเช่นเดียวกับหลี่หยางก็ได้ ” แม่ทัพหลิ่งเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

“ ถ้าเช่นนั้น ขอเรียกท่านว่า หลิ่งเฟ เอ่อ... ท่านหลิ่งเฟย นะขอรับ ” เหยียนซิ่นกล่าวขึ้น ก่อนจะรีบเปลี่ยนคำเรียกแทบทันควัน เมื่อรู้สึกถึงความเสียวสันหลังวาบจากนัยน์ตาทั้งคู่ที่จ้องมองมาของอ๋องปินหยาง

 

“ หลี่หยาง นี่คงเป็นโอกาสดีของเจ้าที่ได้เจอคนรู้จัก นั้นข้าคงต้องขอตัวเสียก่อน ” แม่ทัพหลิ่งเฟยกล่าว พร้อมกับทำท่าจะเดินจากออกไป ถ้าไม่ถูกมือข้างหนึ่งของเหยียนซิ่ว จับเข้าที่แขนรั้งไว้เสียก่อน

 

“ ข้าน้อยขออภัยที่เสียมารยาทกับท่านหลิ่งเฟย ข้าน้อยอยากจะขอเดินนำทางไปส่งท่านที่ห้องพักขอรับ ” เหยียนซิ่วกล่าวอย่างนอบน้อมรวมทั้งเอ่ยถึงจุดประสงค์

 

“ ข้าไม่.... ” แม่ทัพหลิ่งเฟยไม่ทันกล่าวปฏิเสธขาดคำก็ถูกกล่าวขัดขึ้นเสียก่อน

 

“ เถ้าแก่ท่านไปจัดการเรื่องอื่นเถอะ ข้าจะนำทางไปส่งท่านหลิ่งเฟยแทนท่านเอง ” เหยียนซิ่ว หันไปกล่าวกับเถ้าก่อน จะหันมากล่าวต่อ “ เชิญขอรับท่านหลิ่งเฟย ”

 

“ ขอรับ ข้าน้อยขอตัวไปดูแลความเรียบร้อยที่เหลือขอรับ ” เถ้าแก่กล่าว และก้าวเดินจากไป

 

“....” แม่ทัพหลิ่งเฟยก้าวเดินตามไปโดยอย่างขัดมิได้

 

หลิ่งเฟย นัยน์ตาจ้องมองไปทางภาพเบื้องหน้า เป็นห้องโถงขนาดกว้าง เสาขนาดกว้างถูกประดับด้วยผ้าม่านสีแดง บนผืนผนังมีโคมไฟสีแดงรายล้อมเปิดให้แสงสว่าง  ด้านหน้ามีบันไดทางขึ้นขนาดกว้าง ถูกแบ่งออกเป็นสองข้างทางถูกปูด้วยผืนพรม เมื่อแหงนมองขึ้นไปจะพบอีกสองชั้น ด้านซ้ายมือใกล้ประตูทางเข้า มีโต๊ะไม้ขนาดกว้าง ซึ่งมีชายหนุ่มยืนจดบันทึกด้วยพู่กัน มืออีกข้างกำลังดีดลูกคิด บนชั้นวางด้านฝาผนังเต็มไปด้วยไหเหล้าเรียงยาว ผืนผนังมีป้ายไม้สลักชื่อรายการอาหาร เดินถัดมาเยื้องออกไปอีก มีฉากผนังกั้น เป็นห้องอาหารขนาดกว้าง ที่ในเวลานี้มีอาหารหลากหลายวางจัดเรียงเต็มโต๊ะ ส่งกลิ่นหอมโชยออกมา โดยมีเหล่าหญิงสาวรับใช้กำลังวางจัดเรียงอาหาร เดินมาได้เพียงไม่กี่ก้าว เหยียนซิ่วที่เดินนำหน้าก็หยุดกะทันหัน ทำให้หลิ่งเฟยที่ไม่ทันระวังเกือบเสียหลักล้มลง โชคดีที่เหยียนซิ่วโอบเอวของหลิ่งเฟยเข้าหาตัวได้ทันเสียก่อน

 

นัยน์ตาของทั้งสองต่างจับจ้องมองใบหน้าหน้าของกันไม่วางตา เพียงชั่วครู่คนอยู่ในอ้อมแขนอย่างหลิ่งเฟยก็ทรงตัวขึ้นพร้อมกับผลักคนตรงหน้าออก

 

“ ขอบใจที่ช่วยข้าไว้ ”

 

“ ข้าน้อยผิดเองขอรับที่หยุดยืนกะทันหันโดยมิได้กล่าวบอกท่านเสียก่อน ”

 

“....”

 

“ ทางนี้ขอรับ เมื่อก้าวเดินตรงไป และเลี้ยวขวาเกือบสุดจะเป็นห้องของท่าน ห้องของท่านกับห้องข้าน้อยอยู่ติดกันขอรับ”

 

“ อยู่ติดกันหรือ? นั่นรบกวนเจ้านำทางข้าที ”

 

“ ขอรับ เชิญทางนี้ขอรับ ”

 

หลิงเฟยก้าวเดินขึ้นบันไดที่อยู่ทางด้านขวา โดยมีเหยียนซิ่วเดินขนาบข้างทำหน้าที่เป็นผู้นำทาง เมื่อก้าวเท้าเดินขึ้นมาถึงชั้นสอง และเลี้ยวขวาเกือบสุดก็มาถึงห้องพัก

 

“ ถึงแล้วขอรับห้องพักของท่าน ”

 

“ ส่วนห้องด้านข้างคือห้องที่ข้าน้อยพัก เพื่อท่านต้องการอะไรเพิ่ม เรียกใช้ข้าน้อยได้นะขอรับ ”

 

“ ขอบคุณน้ำใจเจ้ามาก ถ้านั้นข้าขอตัวก่อน”

 

“ ไม่ทราบท่านหลิงเฟยสนใจไปลงอาบน้ำที่บ่อน้ำร้อนที่แห่งนี้ไหมขอรับ? ”

 

“ บ่อน้ำร้อน? ”

 

“ ข้าน้อยขออาสานำทางท่านไปนะขอรับ ท่านก็เดินทางมาเหนื่อยแย่แล้ว น่าจะลงบ่อน้ำร้อนเพื่อชำระร่างกายและผ่อนคลายความเหนื่อยล้านะขอรับ ”

 

“ ถ้านั้นข้าขอตัวเก็บข้าวของก่อน เสร็จแล้วข้าจะรอเจ้าตรงหน้าห้องพักของเจ้า ”

 

“ ข้าน้อยจะรอท่านขอรับ ” เหยียนซิ่วกล่าวด้วยใบหน้าใสซื่อ เมื่อแม่ทัพหลิงเฟยก้าวเดินเข้าไปภายในห้อง ใบหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

 

เมื่อหลิ่งเฟยก้าวเดินออกมาก็พบเข้ากับร่างของเหยียนซิ่วที่หยุดยืนรออยู่ด้านหน้าห้องพัก

 

“ เชิญขอรับ ”

 

“ หลี่หยางกับเหยียนซิน พักอยู่ห้องไหนหรือ เหยียนซิ่วเจ้าพอจะรู้ไหม ข้าว่าจะไปตามพวกเขาไปด้วยกัน ”

 

“ ข้าน้อยเห็นพวกเขาทั้งสองคุยกันออกรส ไม่ควรไปรบกวน เชิญเถอะขอรับ ”

 

.

 

.

 

.

 

ถัดมาอีกด้านหนึ่ง

 

ณ ห้องโถงขนาดกว้างใหญ่ ท่ามกลางผู้คนที่ต่างเดินพลุกพล่าน บ้างก็ยกขนสัมภาระ บ้างก็จัดเตรียมโต๊ะเก้าอี้ เพื่อรับรองให้เพียงพอต่อจำนวนคนที่เพิ่มมากขึ้น ในขณะที่เถ้าแก่คำนวณจำนวนเงินค่าตอบแทนที่จะได้รับ เพราะผู้จ้างวานได้มอบเงินมัดจำก้อนใหญ่ให้ไว้ พร้อมทั้งกำชับหนักแน่นว่าต้องดูแลต้อนรับผู้คนเหล่านี้ให้ดี ร่างของชายหนุ่มทั้งสองคน ยังคงยืนพูดคุยสนทนา

 

“ ท่านหมินซิน ข้าทำตามที่ท่านบอกแล้ว หวังว่าคงไม่ลืมคำสัญญาที่เคยให้ไว้แก่ข้าหรอกนะ ”

 

“ คราวนี้ขอบคุณท่านมากที่ให้ความร่วมมือ ข้าขอรับรองกับท่านหลี่หยางว่า ถ้าแผนการเป็นไปด้วยดี เราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับครอบครัวท่านแน่ ”

 

“ พวกท่านมาครั้งนี้มีจุดประสงค์อะไรกันแน่ ”

 

“ นายของข้าต้องการมาพบกับนายของเจ้าเท่านั้น ” องครักษ์หมินซิน

 

“ท่านแม่ทัพ....” รองแม่ทัพหลี่หยางกล่าวด้วยความตกใจ เมื่อสายตามองเห็นร่างของหลิ่งเฟยกำลังจะร่วงหล่น รวมถึงเท้าที่กำลังจะก้าวออกไป แต่ถูกมือของหมินซินจับห้ามไว้เสียก่อน

 

“ท่านไปช่วยไม่ทันหรอก อีกอย่างท่านอ๋องปินหยางคงไม่ยอมให้ท่านแม่ทัพหลิ่งเฟยได้รับบาดเจ็บแน่นอน ” องครักษ์หมินซินกล่าว ในขณะที่มือยังคงเหนี่ยวรั้งแขนของคนตรงหน้าเอาไว้ “ ข้าบอกแล้วนายของท่านต้องปลอดภัย ”

 

“ คำที่กล่าวออกมาเมื่อครู่ หมายความว่าอย่างไร? ” รองแม่ทัพหลี่หยางหันกลับมากล่าวด้วยความสงสัย พร้อมกับสะบัดมือที่ฉุดรั้งบริเวณแขนออก

 

“ เรื่องนั้นท่านก็ไม่จำเป็นต้องรู้ ” องครักษ์หมินซินจ้องมองด้วยนัยน์ตาที่หนักแน่นเช่นเดียวกับน้ำเสียงที่เปล่งวาจาออกมา

 

“ หวังว่าท่านจะไม่ลืมสัญญาที่ท่านให้ไว้กับข้าเด็ดขาด ” รองแม่ทัพหลี่หยางกล่าว

 

.

 

.

 

.

 

ช่วงเริ่มเข้าสู่ฤดูเหมันต์ ดอกเหมยออกกลีบดอกเบ่งบานเต็มยอดกิ่ง ส่งกลิ่นหอมรัญจวนทั่วบริเวณลานกว้างด้านหลังของโรงเตี๊ยมแห่งนี้ ซึ่งถูกจัดแบ่งส่วนแยกออกมาเป็นบ่อน้ำร้อน บ่อน้ำร้อนแห่งนี้ถูกจัดแบ่งออกเป็น สามบ่อ บ่อแรกสำหรับผู้ชาย บ่อที่สองสำหรับผู้หญิง และบ่อที่สามมีขนาดกว้างใหญ่กว่าสองบ่อแรกคือบ่อรวมที่ไว้รับรองผู้คนจำนวนมาก

 

หลิ่งเฟยก้าวเท้าเดินเข้าไปยังบ่อแรก ก็พบกับความว่างเปล่าไร้เสียงแว่วของผู้คน บริเวณโดยรอบมีบ่อน้ำร้อนขนาดกว้าง ทั่วบริเวณถูกรายล้อมไปด้วยต้นดอกเหมยที่ผลิดอกออกเต็มยอดกิ่ง พร้อมกับกลิ่นที่หอมหวนช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย

 

“ ถ้าท่านต้องการสิ่งใด เรียกใช้ข้าน้อยได้เลยนะขอรับ ”

 

“ ขอบคุณเจ้ามาก ข้าไม่ต้องการสิ่งใดแล้ว ”

 

“ ขอรับ ”

 

“ .... ”

 

“ ถ้าเช่นนั้น ข้าน้อยขอตัวขอรับ ”

 

หลังจากเหยียนซิ่วเดินออกไปแล้ว ปลายนิ้วเรียวงามเริ่มลงมือปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวมใส่ออกจนหมด เหลือเพียงกายที่เปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ ก้าวเท้าเดินลงไปยังบ่อน้ำร้อน ลงนั่งแช่ตัว ปลายนิ้วเรียวตวัดน้ำลูบไล้ผิวกาย สายลมพัดโชยอ่อนส่งผลให้กลีบดอกเหมยโปรยหล่น หลิ่งเฟยใช้เพียงปลายนิ้วช้อนกลีบดอกเหมยขึ้นมาดอมดม อย่างเคลิบเคลิ้ม โดยที่ไม่รู้เลยว่า อ๋องปินหยางกำลังแอบจับจ้องมองตรงมาที่ร่างของตน รวมถึงสะกดอดกลั้นอารมณ์อันแรงปรารถนาไว้

 

‘ อีกเพียงไม่นานเจ้าก็จะเป็นของข้า หึหึ ’ อ๋องปินหยางกล่าวรำพึงในใจ

 

.

 

.

 

.

 

คำคืนนี้ ภายในห้องโถงบริเวณกว้างแห่งนี้ มีเหล่าคณะนักดนตรีกำลังบรรเลงเพลงดีดพิณสร้างสีสันบรรยากาศ บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารหลากหลาย ไหเหล้า เหล่าผู้คนจำนวนมากต่างส่งเสียงหัวเราะครื้นเครงและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เหล่าหญิงสาวคอยเติมอาหาร ไหเหล้า ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง

 

“ ดื่มๆ ” หลี่หยางกล่าวก่อนเทเหล้าในไหเข้าปาก

 

“ พี่หลี่หยาง ดื่มเก่งเสียจริง ข้าสู้ท่านไม่ไหว ” เหยียนซิ่น หรือ องครักษ์หมินซินกล่าวด้วยใบหน้าอันแดงก่ำก่อนเทเหล้าในไหเข้าปากไม่ลดละ

 

“ เจ้าก็กล่าวเกินไป น้องเหยียนซิ่น  ดื่มๆ ” หลี่หยางกล่าวด้วยใบหน้าไม่ต่างกัน

 

“ ดื่มน้อยไปแล้วนะขอรับ ข้าน้อยขอรินให้ท่านหลิ่งเฟย ” เหยียนซิ่ว หรือ อ๋องปินหยางกล่าวพร้อมรินเหล้าในไห

 

“ .... ” แม่ทัพหลิ่งเฟยเอื้อมมือหยิบถ้วยขึ้นมาดื่มใส่ปาก โดยมิได้กล่าวอะไร

 

“ ดื่ม อีกขอรับ ” อ๋องปินหยางยังคงรินเหล้าในไหของคนตรงหน้าและตนเอง พร้อมจับจ้องคนตรงหน้าไม่วางตา

 

“ .... ” แม่ทัพหลิ่งเฟย

 

“ ถ้วยนี้ข้าดื่มให้ท่านเอง ท่านดื่มมากเกินไปแล้ว ” หลี่หยางกล่าวพร้อมกับหยิบถ้วยออกจากมือของแม่ทัพหลิ่งเฟยขึ้นมาดื่ม

 

“ ฮ่าๆ พี่หลี่หยางกล่าวเกินไปแล้ว ท่านหลิ่งเฟยดื่มเพียงแค่นี้ไม่น่าจะเมาง่ายๆ ” องครักษ์หมินซินกล่าวเพื่อปรับเปลี่ยนบรรยากาศ

 

“ พวกเจ้าดื่มไปก่อน ข้าจะพาท่านหลิ่งเฟยไปพักก่อน ” หลี่หยางกล่าว

 

“ พี่หลี่หยางท่านอยู่ดื่มที่นี่กับข้าก่อน เถอะ ” องครักษ์หมินซินกล่าว

 

“ ข้าขออาสาไปส่งท่านหลิ่งเฟย ” อ๋องปินหยางกล่าวพร้อมกับพยุงร่างของหลิ่งเฟยให้ยืนขึ้น

 

“ ไม่เป็นไร พวกเจ้าดื่มไปเถอะ ข้ากลับไป....ตึ่ง” แม่ทัพหลิ่งเฟยกล่าวไม่ทันขาดคำ ก็ล้มฟุบลงกับโต๊ะ

 

“ นั้นข้าขอตัวไปส่งท่านหลิ่งเฟย ” อ๋องปินหยางกล่าวก่อนจะพยุงร่างของหลิ่งเฟยขึ้นคร่อมหลัง และแบกก้าวเดินออกไป

 

.

 

.

 

.

 

อ๋องปินหยางแบกร่างอันไร้สติของหลิ่งเฟยขึ้นมาถึงชั้นสอง เมื่อเดินตรงมาถึงเกือบสุดทางเดิน อ๋องปินหยางใช้ปลายเท้าผลักให้ประตูออก ก่อนก้าวเดินเข้าไปในห้อง และใช้ปลายเท้าผลักประตูให้ปิดลง ก่อนเดินตรงไปวางร่างของหลิ่งเฟยลงบนเตียง นัยน์ตาเรียวคมดั่งพญานกอินทรี ไล่สายตาจ้องมองเข้าที่ใบหน้า และไล่สายตาลงไปเรื่อยๆอย่างพินิจ

 

ก่อนจะลงมือถอดรองเท้าทั้งสองข้างออกวางไว้ใต้เตียง ปลดเสื้อคลุมด้านนอกของหลิ่งเฟยออกให้เหลือเพียงเสื้อตัวใน ที่เผยให้ผิวขาวราวหิมะที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อผ้าแพรผืนสีขาว รวมถึงกลิ่นหอมจากกลีบดอกไม้ที่ดูยั่วยวนคล้ายเชิญชวน

 

ความอดกลั้นที่มีมาไม่อาจต้านทานทนไหว อ๋องปินหยางจึงโน้มใบหน้าลง เริ่มจากไล่ลิ้นเลียเข้าที่ซอกคอ พร้อมกับกดริมฝีปากดูดจนขึ้นเป็นรอยนูนแดงก่ำ แต่นั่นยังไม่เพียงพอริมฝีปากยังคงกดซ้ำรอยเดิม และไล่ประทับรอยจูบไปทั่วบริเวณรอบคอของคนใต้ร่างที่ยังคงหลับใหลไม่ได้สติ อ๋องปินหยางเงยหน้าขึ้นมามองรอยจูบแดงก่ำที่ตนได้กระทำตีตราฝังรอยไว้อย่างพอใจ ก่อนจะพยายามสะกดกั้นอารมณ์แรงเพลิงปรารถนา คล้ายกับเปลวเพลิงจะปะทุขึ้นมาอีกครั้ง จึงเอื้อมมือดึงผืนผ้านำมาคลุมคนใต้ร่างที่หลับไม่ได้สติ

 

“ หลิ่งเฟย ” อ๋องปินหยางกล่าว

 

“ .... ”

 

“ เฟยเฟย....ของข้า ” อ๋องปินหยางกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา

 

“ .... ”

 

“ หวังว่าเจ้าคงไม่ลืมสัญญาที่ข้าเคยให้ไว้ ” อ๋องปินหยางโน้มใบหน้าลงกล่าวกระซิบข้างหู  ก่อนจะรีบลุกขึ้นเดินจากออกมา กลับไปยังห้องของตนเพื่อปลดปล่อยมังกรน้อยใต้ร่างที่กำลังผงาดขึ้นมาอีกครั้ง

 

ตอนแถม >> นึกอยากลองร่างเป็นภาพจิบิดูค่ะ

 

“ ท่านหนาวมากรึขอรับ พันผ้ารอบคอแน่นขนาดนั้น” หลี่หยาง

 

“ ไม่ใช่หรอก ” หลิ่งเฟย

 

“ แล้วทำไมรึขอรับ? ” หลี่หยาง

 

“ เจ้าต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่บอกใคร ”หลิ่งเฟย

 

“ ขอรับ ” หลี่หยาง

 

“ ถ้าใครรู้ ข้าอายเขาตายเลย ”   หลิ่งเฟย​​//ก้มลงเอามือปิดหน้า

 

“ สัญญาขอรับ ” หลี่หยางกล่าวอย่างหนักแน่น

 

“ ดูรอยพวกนี้สิ ข้าตื่นเช้ามาก็เป็นแบบนี้ ” ถอดผ้าพันคอออก เผยให้เห็นรอยจ้ำแดงๆรอบคอ

 

“ .... ” หลี่หยาง // กำดาบในมือแน่น

 

“ ทำไมเจ้าถึงทำสีหน้าแบบนั้นล่ะ....จะถือดาบไปไหน ” หลิ่งเฟย

 

“ เหยียนซิ่ว เจ้าจงตายไปซะ ” หลี่หยางตะโกนอย่างบ้าคลั่ง // วิ่งจากไป

 

“ ?? ” หลิ่งเฟยทำใบหน้าสงสั

 

Page :: M_c27761 & Twitter :: @mc27761

Tag. #เล่ห์รักดวงหทัย

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป