ตอนที่ 277: วิธีการขาย
เมื่อเห็นพวกเขาตกใจ กู้หนิงก็อธิบายว่า “ตอนนี้ยังเร็วไปที่จะตกใจ หินส่วนมากมีหยกอยู่ข้างใน พวกเรายังมีหินอีกมากที่ชั้นใต้ดิน”
“อะไรนะ?” ได้ยินเช่นนั้น พวกเขาก็ยิ่งตกใจ ไม่มีใครอยากเชื่อหูตัวเอง
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นหินจำนวนมากขนาดนี้! และพวกมันส่วนใหญ่มีหยกอยู่ข้างใน! พระเจ้า!
โดยปกติเราสามารถตัดหยกได้เพียงสองถึงสิบชิ้นจากหินหลายร้อยชิ้น แต่กู้หนิงบอกพวกเขาว่าหินส่วนใหญ่มีหยกซึ่งเป็นไปไม่ได้ในสายตาของพวกเขา หลี่เฉวียนเฉิงและจางจิงกวงอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าใช่แน่จริงหรือ
กู้หนิงเข้าใจถึงข้อสงสัยของพวกเขา “ฉันบอกคุณได้แค่ว่าฉันมีทักษะพิเศษในการพนันหินเป็นของตัวเอง โปรดเก็บไว้เป็นความลับเพราะฉันไม่ต้องการให้มีปัญหายุ่งยากตามมา”
“ครับ บอส” พวกเขาให้คำสัญญา ถึงแม้จะยังสงสัยในความสามารถลึกลับของกู้หนิง กระนั้นก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ เพราะกู้หนิงเป็นเจ้านายของพวกเขา
“วันนี้เราจะพยายามกันเต็มที่เพื่อตัดหยกให้มากที่สุด และจะขายในวันพรุ่งนี้ จากนั้นเรามีสองวิธีในการขาย อันดับแรกขายหยกของเราโดยตรงอาทิตย์ละครั้ง จำกัดที่ห้าชิ้นรวมถึงหยกระดับสูงหรือระดับท็อปสุดได้แค่ชิ้นเดียว และหยกระดับกลางค่อนสูงสองชิ้น และส่วนที่เหลือเป็นหยกระดับกลาง เนื่องจากสามารถตัดหยกระดับกลางได้ง่ายกว่า”
“ประการที่สอง เราสามารถจัดหาหยกให้กับนักธุรกิจอัญมณีได้หนึ่งถึงสามชิ้นต่อเดือน เราจะไม่สัญญาว่าเราจะจัดหาหยกระดับสูงและระดับท็อปได้ทุกครั้ง แต่เรามีหยกระดับกลางค่อนต่ำและระดับกลางให้กับพวกเขาแต่ละคนได้ แต่ต้องเซ็นสัญญากับเราล่วงหน้าก่อน และต้องซื้อหยกจากเราทุกเดือนเป็นเวลาสองปี จำนวนไม่จำกัด หากทำไม่ตาม พวกเขาจะต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับเรา”
กู้หนิงจำกัดจำนวนการขายเพราะมีเหตุผล เธอวางแผนจะทำธุรกิจนี้ไปนานๆ และเธอต้องการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับบรรดานักธุรกิจค้าอัญมณี
หากนักธุรกิจค้าอัญมณีได้รับหยกจำนวนมากในคราวเดียว พวกเขาเว้นช่วงในการซื้อไปนานกว่าจะซื้อใหม่ และในช่วงเวลานั้นบริษัทของกู้หนิงแทบจะอยู่ไม่ได้แล้วถ้าไม่มีใครมาซื้อหยกกับเธออีก ที่สำคัญที่สุดเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าหยกนั้นยากที่จะตัดออก หากทุกคนรู้ว่าเธอสามารถตัดหยกจำนวนมากออกได้อย่างง่ายดาย อาจเกิดปัญหาได้
กู้หนิงยังมีนามบัตรหลายสิบใบจากนักธุรกิจค้าอัญมณี หากพวกเขาทั้งหมดเซ็นสัญญากับกู้หนิงกู้หนิงก็ต้องจัดหาหยกหลายสิบชิ้นให้พวกเขาทุกเดือนซึ่งค่อนข้างมาก!
กู้หนิงมีหยกหลายร้อยก้อนที่มีหยกอยู่ข้างใน แต่นั่นเพียงพอสำหรับครึ่งปีเท่านั้น
เจิ้งเผิงและคนอื่นๆต่างจนคำพูด หลังจากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็เริ่มตัดหินที่กองเป็นภูเขา
ในตอนแรกหลี่เฉวียนเฉิงและจางจิงกวงประหลาดใจกับหินกองมหึมา แต่พอตัดหินไปเรื่อยๆ ก็เริ่มคุ้นชิน
ในขณะเดียวกันข่าวที่ว่าตอนนี้ร้านของเจิ้งเผิงได้กลายเป็นสำนักงานผู้ให้บริการหยก colorful ทำเอาผู้คนตกตะลึงไปตามๆกัน
เจิ้งห่าว ลูกชายบุญธรรมของเจิ้งเผิงก็ได้ยินข่าวเช่นเดียวกัน เขาได้หลบหนีไปยังเมืองอื่นหลังจากที่เขาไม่มีเงินใช้หนี้ แต่ตอนนี้เขารีบกลับมาเมืองเถิง เพื่อหาผลประโยชน์จากธุรกิจใหม่ของเจิ้งเผิง
ตระกูลจาง ตระกูลหวาง และตระกูลลู่ก็ทราบข่าวเช่นเดียวกัน พวกเขาประหลาดใจว่าเจิ้งเผิงไปเอาหยกมาจากไหน เพราะแม้แต่พวกเขาเองก็ยังมีหยกไม่เพียงพอกับธุรกิจเครื่องประดับของพวกเขา
ในเวลาเดียวกันพวกเขาทุกคนต้องการดูว่าเจิ้งเผิงจะสามารถดูแลบริษัทผู้ให้บริการหยกได้นานแค่ไหนกัน โดยเฉพาะตระกูลหวางและตระกูลลู่ ทั้งคู่หวังว่าเจิ้งเผิงจะล้มเหลว เพราะถ้าเจิ้งเผิงทำสำเร็จ พวกเขาจะสูญเสียส่วนแบ่งตลาด
เมื่อเวลาเกือบ 6 โมงเย็น กู้หนิงบอกเฉียวหยาไปซื้อข้าวกล่อง พรุ่งนี้เป็นวันเปิดทำการวันแรก ดังนั้นพวกเขาจึงต้องทำงานล่วงเวลาเพื่อตัดหยกให้มากที่สุด
พิธีเปิดร้านวันแรกจะจัดอย่างธรรมดา เนื่องจากผู้ให้บริการหยกมุ่งเป้าไปที่นักธุรกิจค้าอัญมณีเท่านั้นแทนที่จะเป็นลูกค้าทั่วไป
กู้หนิงมีนามบัตรของพวกเขาแล้ว ดังนั้นการติดต่อพวกเขาจึงค่อนข้างง่าย
แต่ถึงแม้ว่าเธอจะไม่มีเบอร์ของพวกเขา พวกเขาก็จะมาหาโดยไม่รอช้าเมื่อพบว่าเธอมีหยกขาย ยิ่งไปกว่านั้นนักธุรกิจค้าอัญมณีจำนวนมากมาที่ร้านของเจิ้งเผิงเพื่อขอทำการค้าด้วย
กู้หนิงตัดสินใจที่จะเปิดร้านในวันพรุ่งนี้ในนาทีที่ได้รับเอกสารทางกฎหมาย เลิ่งเชาถิงบอกเธอว่าเขาจะนำเอกสารทางกฎหมายมาให้เธอในวันพรุ่งนี้
เมื่อนึกถึงเลิ่งเชาถิง กู้หนิงก็หยุดคิดถึงเขามาได้ แม้จะรู้ว่าเขายอดเยี่ยมและเก่งกาจมากแค่ไหน เธอก็ยังเป็นห่วงความปลอดภัยเขา
เกาอี้ เฉียวหยาและกู้หนิงช่วยกันตัดหยกจนห้าทุ่ม ดึกมากแล้ว กู้หนิงจึงบอกพวกเขากลับบ้านไปพักผ่อน หยกที่ถูกตัดออกมาแล้วถูกเก็บไว้ในพื้นที่ปลอดภัย มีเพียงกู้หนิง เกาอี้ เฉียวหยาและเจิ้งเผิงที่รู้รหัสผ่าน
เกาอี้และเฉียวหยาจะอยู่ที่เมืองเถิงอีกสักพัก ดังนั้นพวกเขาจะอยู่ในอาคารโรงงานนี้ชั่วคราวเพื่อความสะดวกในการทำงานวันต่อๆไป
กู้หนิงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่พวกเขาเต็มใจนอนที่โรงงาน เผื่อว่าเธอจะได้อยู่กับเลิ่งเชาถิงเมื่อเขากลับมา ดังนั้นกู้หนิงจึงกลับไปที่โรงแรมคนเดียว
ตอนที่ 278: หยวนซูหยา
ก่อนที่กู้หนิงจะกลับไปที่โรงแรม เธอเตือนเจิ้งเผิงและคนอื่นๆให้เตรียมรูปถ่ายติดบัตรขนาดหนึ่งนิ้วเพื่อทำบัตร
เจิ้งเผิงเสนอตัวไปส่งกู้หนิง แต่ถูกเธอปฏิเสธ เขารู้ว่าเธอเก่งกังฟูและสามารถปกป้องตัวเองได้ ดังนั้นเขาจึงไม่เซ้าซี้
จากนั้นกู้หนิงก็นั่งแท็กซี่กลับไปคนเดียว ในขณะรถกำลังเคลื่อนตัวไปบนถนนที่เงียบสงบ เธอสังเกตเห็นว่ารถหรูสามคันจอดอยู่ที่ริมถนน มีเด็กหนุ่มและเด็กสาวเจ็ดคนยืนอยู่ด้านข้าง เด็กสาวคนหนึ่งผลักเด็กสาวอีกคนที่อายุน่าจะพอๆกับกู้หนิงอย่างแรงด้วยความโกรธ
กู้หนิงจำได้ว่าเด็กสาวคนแรกคือหวางซินหยวน ส่วนคนที่ถูกผลักไม่ต่อต้านเลยแม้แต่น้อย เธอยังคงนิ่งเฉยและอดทนต่อพฤติกรรมรุนแรงของหวางซินหยวน แม้ว่าหวางซินหยวนจะตบเธอ เธอก็ไม่ขัดขืน ได้แต่มองหวางซินหยวนอยู่อย่างนั้น
“เก่งไม่ใช่เหรอยะ? ทำไมไม่สู้กลับล่ะ? แต่ถ้าแกกล้า ฉันจะไล่ทั้งครอบครัวแกออกไปจากเมืองเถิงซะ!” หวางซินหยวนตะคอกด้วยถ้อยคำรุนแรง
เห็นแบบนั้นกู้หนิงก็ไม่พอใจสุดๆ เธอบอกคนขับแท็กซี่จอดรถทันที
“คุณหนู ผมว่าคุณอย่าเข้าไปยุ่งเลยจะดีกว่า” คนขับแท็กซี่ไม่จอดรถ แต่เกลี้ยกล่อมกู้หนิงแทน คนขับแท็กซี่ไม่ผิด เพราะไม่ใช่หน้าที่ของทุกคนที่ต้องไปช่วยเหลือคนอื่น
“จอดรถ” กู้หนิงเอ่ยเสียงเย็น คนขับแท็กซี่ตกใจกลัว เขาเบรกรถเสียงดังเอี๊ยดดดด
“คุณหนู…” คนขับแท็กซี่พยายามเอ่ยห้ามไม่ให้กู้หนิงเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่น
กู้หนิงยังคงไม่สนใจ ล้วงหยิบธนบัตรห้าสิบหยวนยื่นให้คนขับแท็กซี่โดยไม่รอเงินทอน เธอเปิดประตูรถลงไป เดินไปหากลุ่มของหวางซินหยวน
คนขับแท็กซี่ถอนหายใจ เขาขับรถออกไปทันที
กู้หนิงอยู่ห่างจากพวกเขาเพียงแค่สิบเมตร ดังนั้นพวกเขาจึงเห็นเธอ โดยเฉพาะหวางซินหยวน เมื่อรู้ว่าเป็นกู้หนิง ความเกลียดชังก็ปรากฏบนใบหน้าของเธอทันที
เธอพยายามทำร้ายกู้หนิงด้วยการจ้างนักเลงมาทำร้ายกู้หนิง แต่ล้มเหลว กู้หนิงขู่ว่าจะแก้แค้นเธอ หวางซินหยวนไม่เชื่อว่ากู้หนิงจะทำอะไรเธอ ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังอิจฉากู้หนิงที่มีแฟนหล่อมากเป็นพิเศษ
หวางซินหยวนไม่รู้จักภูมิหลังของกู้หนิง แต่ในเมื่อเธอกล้ามาคนเดียว หวางซินหยวนจึงคิดจะทำร้ายกู้หนิงอีก
“อะไร? อยากมีเรื่องด้วยเหรอ?” หวางซินหยวนมองกู้หนิงด้วยสายตาอาฆาต
“แล้วถ้าฉันบอกว่าใช่ล่ะ?” กู้หนิงย้อนกลับ
“แกก็จะได้จ่ายค่าโง่ของแกไงล่ะ แกหนีไปได้เพราะตอนนั้นมีผู้ชายช่วยแก แต่ครั้งนี้แกเสร็จแน่!” หวางซินหยวนโมโหยิ่งกว่าเดิม จากนั้นก็หันไปมองเพื่อนตัวเอง “เฮ้ ยัยนี่วอนหาเรื่อง ช่วยฉันต่อยมันที”
จากนั้นเด็กหนุ่มสองคนและเด็กสาวสี่คนก็เดินเข้าไปหากู้หนิง
“นี่ กล้าหาเรื่องซินหยวนเหรอ? คิดว่าแกเป็นใคร?”
“กล้าดียังไงมาทำให้ซินหยวนหงุดหงิด?”
“ธรรมดาฉันไม่ต่อยผู้หญิงนะ ฉัน…”
“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว! ถ้าจะต่อยก็เข้ามา!” กู้หนิงพูดแทรกอย่างหมดความอดทน
“วอนซะแล้ว!”
“รนหาที่ตายเองนะ ฉันจะช่วยเธอเอง!” เขาตะคอกใส่กู้หนิง จากนั้นยกมือขึ้นจะตบหน้ากู้หนิง ทัยใดนั้นก็มีแขนเรียวบางจับแขนเขาไว้แน่น ไม่ใช่กู้หนิง แต่เป็นเด็กสาวที่หวางซินหยวนรังแก เธอเคลื่อนไหวเร็วมาก
“หยวนซูหยา ปล่อยนะ!” เด็กหนุ่มสั่ง
เด็กสาวที่ชื่อหยวนซูหยายังคงไม่พูดไม่จา แต่จับมือของเด็กหนุ่มไว้แน่น
“หยวนซูหยา แกกล้าดียังไง! ไม่กลัวว่าครอบครัวแกจะถูกขับไล่ออกจากเมืองเถิงรึไง?” หวางซินหยวนตะโกนเสียงลั่น
หยวนซินหยายังคงไม่พูดอะไร กู้หนิงจึงเป็นฝ่ายเปิดปากพูดกับหยวนซูหยาว่า “ถ้าเธอกลัวว่าจะมีปัญหาก็หลบไปซะ ฉันจัดการเอง”
กู้หนิงบอกได้เลยว่าหยวนซูหยาคนนี้เรียนกังฟู และทักษะของเธอดีกว่าคนที่เรียนกังฟูทั่วๆไป
“เธอคิดว่าฉันจะถอยออกไปจากเรื่องยุ่งๆนี้ได้เหรอ?” หยวนซูหยาถามเสียงเศร้าก่อนที่จะเตะท้องเด็กหนุ่มย่างแรง เด็กหนุ่มทรุดตัวลงพื้น ร้องครางอย่างเจ็บปวด
หยวนซูหยาไม่ทนอีกแล้ว ถึงจะกลัวอำนาจตระกูลหวาง แต่เธอถูกทำให้ขายหน้าโดยหวางซินหยวนอีกไม่ได้แล้ว
“แกกล้าเตะเฟย!” คนอื่นๆต่างก็ประหลาดใจกับปฏิกิริยาที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของหยวนซูหยา ครอบครัวของหยวนซูหยาเป็นเพียงชมรมกังฟูเล็กๆ และแทบจะเทียบไม่ได้กับตระกูลหวาง
“แล้วไง?” หยวนซูหยาก็โมโหเป็น
จากนั้นทั้งเด็กหนุ่มเด็กสาวก็เข้ามารุมทำร้ายหยวนซูหยาด้วย
โดยที่กู้หนิงไม่ต้องช่วย หยวนซูหยาคนเดียวก็สามารถจัดการพวกเขาได้ทั้งหมด แต่กู้หนิงไม่อยากยืนดูอยู่เฉยๆ เธอจึงเข้าไปช่วยหยวนซูหยาทันที กู้หนิงและหยวนซูหยาล้มพวกเขาลงไปนอนกับพื้น
“กรี๊ดดด พวกแก!” หวางซินหยวนทั้งโกรธและเจ็บปวด
“หวางซินหยวน ฉันรู้ว่าครอบครัวของเธอมีอิทธิพลในเมืองเถิง ดังนั้นฉันจึงทนกับพฤติกรรมของเธอมานาน แต่เธอก็ไม่เคยหยุด! ถ้าเธอกล้าทำร้ายครอบครัวของฉัน ฉันจะฆ่าเธอ!” หยวนซูหยาได้สูญเสียเหตุผลของเธอไปแล้ว และข่มขู่หวางซินหยวนโดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองพลั้งปากพูดอะไรออกไป
“แกกล้าดียังไง!” หวางซินหยวนที่คิดว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่นตะโกนเสียงดังลั่น
“ฉันทำแน่! หยวนซูหยากัดฟัดพูด ชัดถ้อยชัดคำ