ตอนที่ 247: จางเต๋อเชิง
“คุณกำลังจะไปเมืองเถิง? ผมก็เช่นกันครับ!” จ้าวหยูเฟิงยิ่งกว่าตื่นเต้น เพราะเขาเดาว่ากู้หนิงไปเมืองเถิงเพื่อพนันหิน
“คุนบินไฟล์ทไหนคะ?” กู้หนิงถาม
“ของผมบ่ายโมงยี่สิบครับ แล้วคุณล่ะ?”
“ไฟล์ทเดียวกัน เชิญนั่งค่ะ” กู้หนิงเชิญเขานั่งด้วยกัน
“ขอบคุณครับ” จ้าวหยูเฟิงนั่งลงข้างกู้หนิง เขาตั้งใจจะไปกับกู้หนิงเพื่อที่เธอจะได้ช่วยเขาเลือกหิน
“คุณจ้าว เมินกันหรือ?” ในขณะนั้นเสียงบ่นตัดพ้อของนายท่านจางก็ดังขึ้น
นายท่านจางรู้สึกประหลาดใจที่เห็นว่าจ้าวหยูเฟิงให้เกียรติกู้หนิงมาก เขาสามารถบอกได้ว่าจ้าวหยูเฟิงชื่นชมความสามารถของกู้หนิงไม่ใช่อิทธิพลของเธอ ด้วยเหตุนี้นายท่านจางจึงอยากรู้เกี่ยวกับกู้หนิงว่าเธอมีความสามารถอะไรที่ทำให้จ้าวหยูเฟิงประทับใจ
จ้าวหยูเฟิงหันไปมองตามเสียงเรียกทันทีและเห็นนายท่านจาง เขาทำตาโตด้วยความตกใจ “นานท่านจาง ยินดีที่ได้พบครับ! ต้องขอโทษด้วยจริงๆครับที่ผมไม่ทันสังเกตเห็นท่าน ไม่ได้เจอกันหลายเดือน สบายดีมั้ยครับ?”
“ก็เหมือนเดิม โรคเก่า บางทีผมควรรู้สึกโชคดีที่มันยังไม่ฆ่าผม” นายท่านจางตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ แต่ดูเศร้าลงไปหน่อยนึง ถึงแม้เขาจะยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็ทรมานจากอาการเจ็บป่วย
นายท่านจางไม่ต้องการพูดถึงอาการป่วยของตัวเอง ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาว่า “ดูเหมือนว่าตอนนี้ธุรกิจของคุณจะเฟื่องฟูมากจนต้องกลับไปที่เมืองเถิงอีกครั้ง”
“ธุรกิจของผมก็พอไปได้ครับ สิ้นปีแล้ว เผื่อมีโอกาสเจอหยกน้ำงามที่เมืองเถิงครับ” จ้าวหยูเฟิงกล่าว “นายท่านจางมีหินล็อตใหม่บ้างมั้ยครับ?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น กู้หนิงก็นึกถึงผู้จัดหาวัตถุดิบในเมืองเถิง มีผู้จัดหาวัตถุดิบหลักสามรายในเมืองเถิงและตระกูลจางก็เป็นหนึ่งในนั้น
นอกเหนือจากการจัดหาวัตถุดิบแล้ว ตระกูลจางยังมีธุรกิจเครื่องประดับที่มีทรัพย์สินกว่าหมื่นล้านหยวน
ชายสูงอายุท่านนี้คือประมุขของตระกูลจาง จางเต๋อเชิง?
แม้ว่ากู้หนิงจะยังไม่แน่ใจเรื่องนี้ แต่เธอเชื่อว่าเธอเดาถูก
ถ้าหากเป็นไปได้ เธออยากจะเป็นพันธมิตรกับตระกูลจางและเลือกหินที่มีหยกอยู่ข้างในทั้งหมด กู้หนิงไม่ได้คิดจะขายหิน แต่จะเปิดบริษัทจัดหาหยกแทน ถ้าเป็นแบบนั้นจริง เธอจะหาเงินได้ง่ายขึ้นมาก
การที่เธอตระเวนหาซื้อหินจากร้านทั่วๆไป มันดึงดูดความสนใจคนค่อนข้างมาก แต่ถ้าเธอเปิดบริษัทจัดหาหยก มันจะสะดวกสำหรับเธอมากกว่า
กระนั้นเธอยังขาดคนช่วยเธอบริหารบริษัท ดังนั้นกู้หนิงจึงยังไม่รีบร้อนจัดการเรื่องนี้ในตอนนี้
“ยัง แหล่งหินล็อตแรกยังเหลืออยู่ พวกเราจะยังไม่ปล่อยล็อตถัดไปจนกว่าจะถึงครึ่งปีหลัง” นายท่านจางกล่าว
“คุณกู้ คุณสนใจไปดูร้านขายหินของนายท่านจางเมื่อพวกเราไปถึงเมืองเถิงกันมั้ยครับ?” จางหยูเฟิงชักชวน
“ได้สิคะ” แน่นอนว่ากู้หนิงอยากไป
“พนันว่าเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการพนันหิน!” จางฮานหยินพูดด้วยความไม่ชอบใจ
“จางฮานหยิน หุบปากเดี๋ยวนี้!” ในที่สุดนายท่านจางก็ทนความไม่มีมารยาทของหลานสาวไม่ได้ เขารู้สึกขายหน้ากับพฤติกรรมของหลานสาว “อย่าลืมมารยาท! หลานคิดว่าหลานเป็นใคร? หลานไม่มีสิทธิ์ไปวิจารณ์คนอื่น!”
จางฮานหยินก้มหน้างุด เธอกับกู้หนิงไม่มีความแค้นกันมาก่อน แต่เธอแค่รู้สึกว่าไม่ชอบกู้หนิงอย่างหาสาเหตุไม่ได้
จ้าวหยูเฟิงไม่มีความคิดเห็นเชิงบวกเกี่ยวกับจางฮานหยิน เขาเคยพบเธอหลายครั้งก่อนหน้านี้และเธอมักจะทำตัวหยิ่งผยอง ไม่ต้องพูดถึงความสามารถในการพนันหินของกู้หนิงนั้นยอดเยี่ยมมาก เธอไม่มีสิทธิ์ห้ามไม่ให้กู้หนิงไปที่ร้านของคุณปู่ของเธอ
คนที่เหลือในตระกูลจางนั้นสุภาพและมีมารยาทดี แต่น่าเสียดายที่จางฮานหยินคนนี้มีพฤติกรรมผิดแปลกไปจากครอบครัวของเธออย่างสิ้นเชิง
ในขณะนี้อินเตอร์คอมประกาศว่าเที่ยวบินของพวกเขากำลังจะบินขึ้นในไม่ช้า พวกเขาจึงหยุดสนทนาและลุกขึ้นเพื่อไปขึ้นเครื่องบิน
พวกเขาจะขึ้นเครื่องบินลำเดียวกันไปยังเมืองเถิง จึงพากันเดินไปที่ประตูขึ้นเครื่อง
กลุ่มของนายท่านจางนั่งเฟิร์สคลาส ในขณะที่กู้หนิงและจ้าวหยูเฟิงนั่งชั้นประหยัด
ครึ่งชั่วโมงต่อมา พวกเขาก็มาถึงเมืองเถิง
กลุ่มของนายท่านจางลงจากเครื่องบินเป็นกลุ่มแรก และยืนรอจ้าวหยูเฟิงและกู้หนิงอยู่ด้านนอก
หลังจากที่พวกเขารวมกลุ่มกันอีกครั้ง จางฮานหยินก็ปรายตามองกู้หนิงด้วยความเกลียดชัง แต่เธอไม่กล้าเอ่ยปากพูดอะไร ส่วนกู้หนิงไม่สนใจเธอเลย
มีรถ MPV พิเศษมารับนายท่านจาง พวกเขาทั้งหมดกำลังไปที่ถนนขายหิน ดังนั้นอาจารย์จางจึงเชิญพวกกู้หนิงขึ้นรถ
พวกเขาเดินไปยังลานจอดรถ ทันใดนั้นชายชราที่เดินอยู่ข้างหน้าพวกเขาก็หยุดเดิน ตัวสั่นเทิ้ม
“นายท่าน!”
ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างเขาตกใจ แต่เขาสามารถรับร่างชายชราไว้ได้ทัน ใบหน้าของชายชราข่าวซีด และร่างทั้งร่างสั่นไม่หยุด
“นายท่าน!”
“โทรเรียกรถพยาบาลเดี๋ยวนี้! นายท่านกำลังหัวใจวาย!”
กู้หนิงรีบวิ่งเข้าไปดู เธอนั่งลงข้างๆชายชราผู้นั้น เอื้อมมือไปกดที่อกของเขาอย่างไม่ลังเล
“เธอกำลังทำอะไร?” ชายวัยกลางคนตะโกนและกำลังจะดึงกู้หนิงให้ออกไป
“หุบปาก ถ้าไม่อยากให้เขาตาย!” กู้หนิงตวาดเสียงดัง
กลุ่มของนายท่านจางที่เดินตามกู้หนิงมาชะงัก พวกเขาไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
กู้หนิงไม่สนใจพวกเขา มองดูชายสูงวัยและถามเขาเสียงดังฟังชัด “ถ้าคุณไว้ใจฉัน ได้โปรดพยักหน้าค่ะ”
ชายชรารู้สึกอึดอัดที่หัวใจเกินกว่าที่จะพูดอะไรออกมา แต่เขาก็ยังมีสติ เมื่อเห็นใบหน้าของกู้หนิง เขารู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด และเชื่อใจเธอตั้งแต่แรกเห็น เขาไม่มีเวลารอรถพยาบาลแล้ว ดังนั้นชายชราจึงพยักหน้าอย่างอ่อนแรง
ตอนที่ 248: ความรู้สึกคุ้นเคยที่อธิบายไม่ได้
หลังจากที่ชายชราพยักหน้า ผู้ติดตามของเขาก็ไม่ได้พยายามจะดึงกู้หนิงออก นายท่านจางและจ้าวหยูเฟิงก็พลอยวิตกกังวลไปก้วย
แม้แต่จางฮานหยินที่ไม่เชื่อว่ากู้หนิงจะสามารถช่วยชีวิตชายชราผู้นี้ได้ เธอก็ไม่ปริปากพูดอะไร เพียงแต่ยืนมองชายชราที่หน้าซีดขาวอยู่นิ่งๆ
แน่นอนว่ากู้หนิงไม่รู้วิธีปฐมพยาบาล แต่เธอใช้การเคลื่อนไหวที่ว่องไวของเธอกลบเกลื่อน
เธอกดหน้าอกของชายชราเบาๆ จากนั้นก็ถ่ายทอดพลังลงไป พลังหลั่งไหลผ่านมือของเธอเข้าไปในหัวใจของชายชราอย่างรวดเร็ว และโอบรอบมันไว้ จากนั้นพลังก็ไหลเข้าสู่หลอดเลือดแดงที่ส่งเลือดไปเลี้ยงหัวใจ ชายชรารู้สึกถึงอากาศเย็นที่ไหลบ่าเข้ามาในอกอย่างกะทันหัน ภายในไม่กี่วินาทีเขาก็เริ่มหายใจได้ และใบหน้าของเขาก็กลับมาเป็นสีปกติ
เมื่อเห็นว่าชายชราค่อยๆฟื้นตัว ทุกคนก็โล่งใจ
ด้วยพลังที่ไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา ชายชราก็รู้สึกได้ว่าหัวใจของเขาเริ่มเต้นแรงเหมือนเมื่อสามสิบปีก่อน ชายชรารู้สึกตื่นเต้นเพราะเขาไม่มีความรู้สึกแบบนี้มาหลายปีแล้ว เขารู้ว่าหัวใจของเขาอ่อนแอลงทุกที ชีวิตของเขาสามารถอยู่ได้ด้วยยาเท่านั้น มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรักษาโรคหัวใจของเขาให้หายขาด แต่ตอนนี้เด็กสาวที่ดูเหมือนจะอายุเพียงสิบแปดปีได้ช่วยให้หัวใจของเขากลับมาแข็งแรงอีกครั้งได้ง่ายๆ เพียงแค่กดหน้าอก! ตอนนี้เขารู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ
ความสามารถของเธอคืออะไร? แล้วความเย็นนั้นล่ะ? น่าทึ่งมาก!
ชายชราได้สติในเวลาต่อมา เขามองกู้หนิงที่มีใบหน้าที่ให้ความรุ้สึกคุ้นเคย และเขายังรู้สึกใกล้ชิดกับเธออีกด้วย ทันใดนั้นใบหน้าหนึ่งก็แวบเขามาในหัว
หยุนฟ่าน! เด็กสาวคนนี้หน้าเหมือนหยุนฟ่านเหลือเกิน!
ทว่าลูกชายของเขาไม่เคยแต่งงานหรือมีลูก มิฉะนั้นเขาคงเชื่ออย่างสุดใจว่าเด็กสาวคนนี้ต้องเป็นลูกสาวของหยุนฟ่าน โลกนั้นกว้างใหญ่ บางครั้งผู้คนก็มีหน้าคล้ายกันเป็นไปได้
กู้หนิงใช้พลังของเธอมากเกินไป และใบหน้าของเธอก็ค่อยๆซีดลง แต่ก็ยังต้องใช้พลังอีกเล็กน้อยในการรักษาหัวใจของชายชรา ดังนั้นกู้หนิงจึงอดทนอีกนิด เพราะเธอไม่ต้องการล้มเลิกกลางคันแม้ว่าโดยปกติแล้วเธอไม่เต็มใจที่จะใช้พลังในปริมาณมากเช่นนี้
โชคดีที่เธอมีไข่มุกเรืองแสง ซึ่งสามารถดูดซับพลังธรรมชาติโดยอัตโนมัติ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่เธอจะสละพลังเพื่อช่วยเหลือชายชรา
เมื่อเห็นใบหน้ากู่หนิงที่ค่อยๆซีดลงเรื่อยๆ ทุกคนเริ่มเป็นห่วงเธอ แต่ก็ไม่มีใครรบกวนเธอ ในขณะเดียวกันพวกเขาทุกคนต่างก็ตกใจ เมื่อเห็นว่าชายชราฟื้นตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดภายในเวลาอันสั้น
“โอ้ ไม่! เธอสุดยอดมาก ตอนนี้ชายชรากลับมาเป็นปกติแล้ว”
“ใช่ๆ เขาสามารถหายใจได้อย่างมั่นคงแล้ว”
“เธอเป็นเทพธิดาเหรอ?”
…
ผู้คนที่อยู่รายล้อมกำลังชื่นชมกู้หนิง
เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น กู้หนิงก็ถอนพลังกลับมา แล้วลุกขึ้นยืน
ชายชรากล่าวขอบคุณกู้หนิงด้วยใจจริง “ขอบคุณมากที่ช่วยชีวิตคนแก่อย่างฉัน หนูจะว่าอะไรไหมถ้าเราจะไปทานข้าวด้วยกันวันหลัง?”
ชายชรารู้สึกเหมือนได้รับการช่วยเหลือให้พ้นจากความตาย และรู้สึกว่าสภาพร่างกายของเขาดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นเขาจึงเชื่อมั่นว่าเด็กสาวคนนี้ไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่ตาเห็น และต้องการผูกมิตรกับเธอ
นอกจากนี้หากเด็กสาวคนนี้สามารถช่วยชีวิตเขาได้ บางทีเธออาจจะรักษาโรคหัวใจของเขาก็ได้
ผู้คนมักให้ความสำคัญกับร่างกายมากขึ้นเมื่อพวกเขาอายุมากขึ้น ชายชรายอมแพ้แล้วและวางแผนที่จะเที่ยวรอบโลกให้มากขึ้นในขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่ โดยไม่คาดคิดการปรากฏตัวของกู้หนิงทำให้เขามีความหวังอีกครั้ง
แม้ว่าจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เขาก็อยากมีสุขภาพดีขึ้น
“ยินดีค่ะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” กู้หนิงตอบ
“บางทีอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเธอ แต่สำหรับฉัน เธอเป็นคนช่วยชีวิตฉันไว้! ถ้าเธอไม่เต็มใจไปทานข้าวกับฉัน ฉันคงรู้สึกผิดมาก” ชายชรากล่าว
กู้หนิงเข้าใจว่าชายชราอยากตอบแทนเธอด้วยการเลี้ยงข้าว อย่างไรก็ตามสิ่งที่ชายชราไม่รู้ก็คือกู้หนิงได้รักษาหัวใจของเขาแล้ว ตอนนี้เขาสุขภาพดีแล้ว
กู้หนิงพอจะรู้ว่าชายชราคนนี้ไม่ใช่ชายชราธรรมดา และเขาอาจมาจากตระกูลที่มีอำนาจ ในเมื่อยืนยันที่จะขอบคุณเธอให้ได้ กู้หนิงก็ไม่ขัด อย่างไรก็ตามตอนนี้ยังเร็วเกินไปสำหรับการกินข้าว กู้หนิงจึงกล่าวว่า “แต่ว่าตอนนี้เพิ่งบ่ายสอง”
“งั้นหกโมงเป็นไง?”
กู้หนิงคิดอยู่ชั่วครู่ “ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา”
หลังจากนั้นกู้หนิงและชายชราก็แลกเปลี่ยนเบอร์กันก่อนที่พวกเขาจะแยกทางกัน
เมื่อมองดูกู้หนิงเดินจากไป นายท่านถางรู้สึกเหงาอย่างไม่มีสาเหตุ
“นายท่าน ทำไมคุณกู้ถึงได้หน้าตาคล้ายนายท่านรองขนาดนั้นครับ?” บอดี้การ์ดข้างกายนายท่ายถางเอ่ยถาม
“อืม ถ้าความจริงที่ว่าลูกชายของฉันไม่เคยแต่งงานหรือมีลูก ฉันก็เกือบคิดว่าเธอเป็นหลานสาวของฉัน”
ถ้าหยุนฟ่านเต็มใจแต่งงานและมีลูก ป่านนี้ลูกของเขาคงอายุประมาณนี้ นายท่านถางถอนหายใจ เขารู้สึกเสียใจกับลูกชายคนที่สองของเขาที่มักยุ่งแต่กับงาน และไม่สนใจสร้างครอบครัว
ถ้าไม่ได้เป็นเพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อสิบเก้าปีก่อน บุคลิกของถางหยุนฟ่านก็คงไม่เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ เขาเลือดเย็นและโหดร้ายและกลายเป็นลอร์ดถางที่มีชื่อเสียงและน่ากลัว
เพียงเพราะเขาเย็นชาและโหดร้ายไม่ได้หมายความว่าเขาก่ออาชญากรรมบ่อยครั้ง แต่เขาไม่เคยยอมจำนน และภักดีต่อหลักการของเขาในธุรกิจ และด้วยเหตุนี้ตระกูลถางจึงไต่ขึ้นสู่จุดสูงสุดในธุรกิจภายใต้การควบคุมของถางหยุนฟ่าน
แม้ว่านายท่านถางจะคิดว่ากู้หนิงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับถางหยุนฟ่าน แต่เขาก็อดคุ้นเคยกับเธอไม่ได้
อาจเป็นเพราะเขาชื่นชมเธอก็ได้ นายท่านถางหาเหตุผลให้ตัวเอง
ในระหว่างนั้นนายท่านจางก็ถามกู้หนิงด้วยความสุภาพว่า “หนูกู้มีความรู้เรื่องการแพทย์ด้วยหรือ?”
“ฉันไม่รู้หรอกค่ะ แต่ฉันเคยเรียนการนวดเฉพาะ เพื่อบรรเทาโรคที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือดดำและกระดูก ถ้าไม่ร้ายแรงเกินไปก็สามารถรักษาให้หายได้” กู้หนิงรู้สิ่งที่อยู่ในความคิดของนายท่านจาง อย่างไรก็ตามเธอไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์การแพทย์ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเสแสร้ง
อันที่จริงเธอมีแผนไว้แล้วเมื่อพบว่านายท่านจางป่วยเป็นโรคร้าย
“งั้นหนูช่วยฉันได้ไหม?” นายท่านจางถาม เขารู้สึกประหม่าเล็กน้อยเพราะเขากลัว แต่ก็ตั้งหน้าตั้งตารอคำตอบ
“ได้ค่ะ” กู้หนิงตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ “ไม่ทราบว่ารู้สึกไม่สบายตัวตรงไหนหรอคะ?”
เมื่อได้รับคำตอบยืนยันจากกู้หนิง นายท่านจางรู้สึกดีใจ “ฉันมีอาการเส้นเลือดในสมองตีบ และตอนนี้ฉันกำลังทุกข์ทรมานจากผลข้างเคียง มือและขาซ้ายของฉันอ่อนแรง บางครั้งขาของฉันก็เจ็บ ฉันจึงเดินได้ไม่นานนัก ยังต้องให้พวกเขานวดให้ทุกวัน ตอนนี้อาจจะไม่ถึงตาย แต่ก็ยังเจ็บปวดที่ต้องทนทุกข์ทรมาน หนูสามารถรักษาให้หายได้รึเปล่า?”