ตอนที่ 243: ช่วยอ้ายเฉียนอีกครั้ง
อ้ายเฉียนหน้าถอดสี เธอตัวสั่นด้วยความกลัว “เฉินเมิ่งฉี นี่มันผิดกฏหมายนะ!”
“แล้วไง? เธอมีหลักฐานแสดงว่าพวกเราทำรึเปล่าล่ะ?” เฉินเมิ่งฉีถาม เธอดูไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย
“เธอ!”
“อ้ายเฉียน เธอโทษฉันเรื่องนี้ไม่ได้นะ ถ้าจะโทษใครสักคน ก็ไปโทษเล่อเจิ้งหยู มันเป็นความผิดของเขา ถึงแม้ฉันจะไม่ชอบเธอ แต่ก็ไม่เคยคิดจะทำร้ายเธอ ถ้าเล่อเจิ้งหยูไม่....” เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ใบหน้าของเฉินเมิ่งฉีก็บิดเบี้ยวด้วยความโกรธ
อ้ายเฉียนก็โกรธมากไม่ต่างกัน “เฉินเมิ่งฉี เธอก็รู้ว่าเธอสมควรโดนแล้ว!”
แม้ว่าอ้ายเฉียนและเล่อเจิ้งหยูจะยังไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่พวกเขาก็สนิทกันเหมือนครอบครัว ถ้ามีใครทำร้ายเล่อเจิ้งหยู เธอก็จะรู้สึกเป็นเดือนเป็นร้อนแทน
สิ้นเสียงอ้ายเฉียน เสียงดังก็ตามมา เฉินเมิ่งฉีตบหน้าอ้ายเฉียนอย่างแรง “เป็นเพราะแก ทั้งหมดนี้เป็นเพราะแก! ถ้าไม่มีแก เจิ้งหยูก็คงยอมรับฉันไปนานแล้ว!”
เฉินเมิ่งฉีเกือบจะเป็นบ้าเพราะความจริงที่ว่าเล่อเจิ้งหยูรักอ้ายเฉียน และไม่เคยชายตามองเธอเลย!
อันที่จริงถ้าไม่ใช่อ้ายเฉียน เล่อเจิ้งหยูก็คงไม่กลับมาที่เมือง F และเฉินเมิ่งฉีก็จะไม่มีโอกาสได้พบกับเขา
เฉินเมิ่งฉีหยิบกล้องออกมา ถ่ายไปที่อ้ายเฉียน “ฉันจะส่งวิดีโอที่แกถูกรุมโทรมให้เขาดู อยากรู้นักว่าเขาจะยังรักแกอยู่ไหม”
ตอนนี้เฉินเมิ่งฉีสติหลุดไปแล้ว
“เฉินเมิ่งฉี เธอทำอย่างนี้ไม่ได้นะ ทำไม่ได้!” อ้ายเฉียนตะโกนด้วยความโกรธระคนสิ้นหวัง
“ฉันทำไม่ได้? ฮึ ตอนนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเธอแล้ว” เฉินเมิ่งฉียิ้มเยาะ “จัดการนังนี่ซะ”
จากนั้นผู้ชายสี่คนก็ก้าวเท้าเข้าไปหาอ้ายเฉียน
“ไม่ ไม่!!...” อ้ายเฉียนร้องตะโกน เธอพยายามลุกขึ้น แต่ก็ล้มลงมาเหมือนเดิม
เธอถูกวางยาจึงไม่มีเรี่ยวแรง แต่ถึงไม่ได้ถูกวางยา เธอก็ไม่สามารถสู้แรงผู้ชายสี่คนได้
ชายคนหนึ่งตะครุบอ้ายเฉียน ลากเธอไปที่พื้นและกำลังจะจูบเธอ
ทันใดนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้น พวกเขาชะงัก ทำหน้าเลิ่กลัก และกล้องในมือของเฉินเมิ่งฉีก็หล่นลงพื้น นักเลงที่พร้อมจะข่มขืนอ้ายเฉียนก็ลุกขึ้นยืนด้วยสัญชาตญาณ
“อะไรวะ! มีคนพบพวกเราแล้วหรอ?” ผู้ชายคนหนึ่งถามขึ้น
พวกเขาเป็นเพียงนักเลง และกลัวที่จะถูกจับ พวกเขาคิดว่าต้องเป็นตำรวจที่มีปืน
“หนีเร็ว!” เฉินเมิ่งฉีผิดหวังแต่เธอไม่อยากถูกจับ ถ้าเธอถูกจับ เธอก็จะไม่มีโอกาสแก้แค้นอ้ายเฉียน
โกดังนี้มีประตูมากกว่าหนึ่งประตู ดังนั้นพวกเขาจึงรีบวิ่งไปที่ประตูหลัง โกดังมีขนาดใหญ่มากและต้องใช้เวลาในการหนี ในช่วงชุลมุนนั้นกู้หนิงได้เข้ามาและจับพวกเขาก่อนที่พวกเขาจะสามารถหลบหนีได้
ตอนที่กู้หนิงมาถึงโกดัง เธอใช้ตาทิพย์สำรวจข้างใน เธอเห็นอ้ายเฉียนที่กำลังโกรธหน้าดำหน้าแดง ดังนั้นเธอจึงดึงเอาปืนออกมาและยิงเพื่อเรียกความสนใจ
เมื่อกู้หนิงเข้ามาข้างในโกดัง เฉินเมิ่งฉีและผู้ชายอีกสี่คนที่กำลังจะเปิดประตูหลัง หันกลับมามองโดยไม่รู้ตัว และทุกคนต่างก็ประหลาดใจที่เห็นกู้หนิงแทนที่จะเป็นตำรวจ
กู้หนิงไม่ปล่อยเวลาให้เสียไป เธอวิ่งเข้าไปต่อยพวกเขา ไม่กี่วินาทีจากประตูหน้าโกดังถึงประตูหลัง
ตอนนี้กู้หนิงโกรธจนเลือดขึ้นหน้า เธอจึงต่อยตีพวกเขาอย่างหนักโดยไม่ปราณี ส่งผลให้ขาของผู้ชายคนหนึ่งหักสองข้าง อีกคนแขนหลุด อีกคนกระดูกซี่โครงหัก และคนสุดท้ายก็เจ็บหนักจนสลบไป อย่างไรก็ตามพวกเขายังมีชีวิตอยู่ กู้หนิงไม่ได้อยากทำให้ตัวเองเดือดร้อน
ส่วนเฉินเมิ่งฉี กู้หนิงตบเธอไม่หยุดก่อนจะบีบคอเธอแน่น เฉินเมิ่งฉีหน้าซีดสลับเขียว เธอกำลังจะหมดลมหายใจ รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะตาย
กู้หนิงไม่มีความคิดจะฆ่าเธอ แค่อยากให้เธอกลัวจนจำขึ้นใจ
อ้ายเฉียนไม่รู้ว่ากู้หนิงคิดอะไรอยู่ เธอกลัวว่ากู้หนิงจะตกที่นั่งลำบากหากเฉินเมิ่งฉีเสียชีวิตดังนั้นเธอจึงร้องห้ามกู้หนิง “หนิงหนิง ปล่อยเธอไป ถ้าเธอตาย เธอจะต้องติดคุกนะ”
“อย่าห่วงเลยค่ะ ฉันรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่” กู้หนิงตอบ
จากนั้นกู้หนิงก็เหวี่ยงเฉินเมิ่งฉีลงกับพื้นอย่างแรง เฉินเมิ่งฉีรู้สึกเจ็บจนน้ำตาไหลแต่ไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้
กู้หนิงก้มมองเธอและพูดอย่างเย็นชาว่า “เฉินเมิ่งฉี เธอต้องชดใช้สิ่งที่เธอทำ”
จากนั้นกู้หนิงก็ไม่สนใจเฉินเมิ่งฉีอีกและหันหลังเดินไปหาอ้ายเฉียน “อ้ายเฉียน คุณไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?”
“ไม่เป็นไร ขอบคุณมากที่มาทันเวลา ไม่อย่างนั้น.....” ถึงแม้ตอนนี้อ้ายเฉียนจะปลอดภัยแล้ว เธอก็ยังรู้สึกกลัวอยู่ดี
จากนั้นอ้ายเฉียนก็ถามด้วยความสงสัยว่า “เสียงปืนเมื่อกี้นี้? เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่?”
“ไม่ใช่เสียงปืนค่ะ เสียงไฟแช็กระเบิดน่ะ ฉันได้ยินมาว่าคุณถูกพวกนักเลงจับตัวไป ก็เลยมาช่วยคุณ” กู้หนิงโกหก
อ้ายเฉียนไม่สงสัย รู้สึกแค่ว่าเธอโชคดีเหลือเกิน ถ้ากู้หนิงมาไม่ทัน เธอคงถูกพวกสารเลวนั่นย่ำยีไปแล้ว
“คุณอยากจะจัดการพวกเขายังไงคะ?” กู้หนิงถาม เรื่องนี้อ้ายเฉียนเป็นเหยื่อ ทางที่ดีที่สุดให้เธอเป็นคนตัดสินใจเองดีกว่า
อ้ายเฉียนคิดอยู่สักพัก จากนั้นก็พูดว่า “โทรหาตำรวจเถอะ!”
ตอนที่ 244: สอบปลายภาค
อ้ายเฉียนโทรหาตำรวจและเล่อเจิ้งหยู
เล่อเจิ้งหยูตกใจเมื่อได้ยินข่าว เขาเลื่อนการประชุมที่จะเข้าร่วม และขับรถออกไปทันที เขาใช้ความเร็วเกินกำหนดและยังขับรถผ่าไฟแดง แม้ว่าจะรู้ว่าอ้ายเฉียนปลอดภัยแล้ว แต่เขาก็ไม่สามารถวางใจได้ถ้าไม่เห็นเธอด้วยตาตนเอง
เล่อเจิ้งหยูเหยียบคันเร่งอย่างเร็ว เขามาถึงภายในหกนาที
วินาทีที่เขาเห็นอ้ายเฉียน เลิ่งเจิ้งหยูก็ดึงเธอเข้ามากอด การที่มีเธอในอ้อมกอดทำให้เขาอุ่นใจ
“คุณกู้ ผมไม่รู้จะขอบคุณยังไงดีให้สาสมกับสิ่งที่คุณทำ คุณช่วยอ้ายเฉียนสองครั้งและผมหนึ่งครั้ง ถ้าคุณต้องการอะไร อย่าได้ลังเลที่จะบอกผม พวกเรายินดีเสมอที่ได้ช่วยคุณ” เล่อเจิ้งหยูกล่าวด้วยใจจริง พวกเขารู้ว่ากู้หนิงไม่ขาดเงิน ดังนั้นจึงไม่ได้เสนอเงินเป็นสิ่งตอบแทน
“อย่าพูดอย่างนั้นเลยค่ะ อ้ายเฉียนกับฉันเป็นเพื่อนกัน ฉันยินดีช่วยเธอค่ะ แต่ถ้าฉันมีเรื่องที่ต้องการขอความช่วยเหลือในอนาคต ฉันจะขอให้คุณช่วยนะคะ” กู้หนิงตอบ
ไม่นานตำรวจก็มาถึงและจับเฉินเมิ่งฉีและนักเลงอีกสี่คนไปโรงพัก
วิดีโอในกล้องที่เฉินเมิ่งฉีเป็นคนถ่ายถูกใช้เป็นหลักฐาน แต่ตามกฎหมาย อ้ายเฉียนและกู้หนิงยังต้องให้ปากคำด้วย
ในที่สุดเฉินเมิ่งฉีและผู้ชายสี่คนนั้นก็ถูกตัดสินโทษจำคุกคนละสามปี
ระหว่างนั้นกู้หนิงก็สอบปลายภาค เธอได้คะแนนอันดับหนึ่งของการสอบประจำเดือนครั้งล่าสุด ดังนั้นเธอจึงถูกจัดให้สอบในห้องสอบห้องแรก นักเรียนที่ได้คะแนนดีสามสิบอันดับถูกจัดให้สอบภายในห้องเดียวกัน
ฉินเจิ้งและมู่เค่อก็อยู่ห้องสอบห้องแรกเช่นกัน และพวกเขาก็นั่งแถวเดียวกัน
ในที่สุดฉินเจิ้งก็มีโอกาสใกล้ชิดกับกู้หนิง แต่เขาก็ยังไม่มีโอกาสได้คุยกับเธอ เพราะมู่เค่อคุยกับเธอก่อนสอบ และกู้หนิงก็ส่งกระดาษคำตอบภายในครึ่งชั่วโมงทุกครั้ง เมื่อฉินเจิ้งทำข้อสอบเสร็จ กู้หนิงก็ออกจากห้องสอบและไปรวมกลุ่มกับเพื่อนของเธอแล้ว
ทุกคนรู้ว่ากู้หนิงคงส่งกระดาษคำตอบเร็วเช่นเดิม แต่ก็ยังตกใจอยู่ดี ไม่มีใครทำข้อสอบเสร็จภายในครึ่งชั่วโมง!
หลังจากสอบปลายภาค ก็เป็นวันหยุดปิดเทอมฤดูหนาว
เพื่อนๆกู้หนิงเสนอให้ไปชวนซูอันย่าไปเที่ยวด้วยกัน พวกเขาจึงพากันไปกินข้าวที่โรงแรมหรูก่อนไปร้องคาราโอเกะ และก็พากันไปกินมื้อดึก
วันเกิดซูอันย่าใกล้เข้ามาแล้ว เธอชวนพวกเขามาร่วมงานวันเกิด บอกว่าไม่ต้องเตรียมของขวัญ และยังช่วยพวกเขาเตรียมเสื้อผ้าอีกด้วย
ทุกคนทราบดีว่าตระกูลซูเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในเมือง F และแน่นอนว่าไม่มีทางเป็นงานเลี้ยงวันเกิดธรรมดาอย่างแน่นอน คนดังหลายคนคงต้องไปร่วมงานอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นไปไม่ได้ที่กู้หนิงและเพื่อนๆจะไปมือเปล่า
พวกเขาไม่ได้กล่าวคำอำลาต่อกันจนกระทั่งดึกดื่น
พวกเขามีวันหยุดปิดเทอมต้นฤดูหนาวในปีนี้ และห่างจากเทศกาลปีใหม่ยี่สิบสามวันซึ่งดีมากสำหรับกู้หนิง
เพื่อนของเธอส่วนใหญ่เข้าร่วมเรียนวันหยุดปิดเทอมฤดูหนาว แต่เธอไม่เรียนด้วย เพราะเธอมีเรื่องให้ทำมากมายในวันหยุดปิดเทอมฤดูหนาวนี้
เธอจะบินไปเมือง G ในบ่ายวันพรุ่งนี้และอยู่ที่นั่นสองสามวันก่อนออกเดินทางไปยังเมือง Y หลังจากนั้นเธอวางแผนที่จะไปเมืองหลวงหากมีเวลาเหลือ
อีกครึ่งปีเธอจะเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยในเมืองหลวง เธอต้องการหาที่ดินที่เหมาะสมสำหรับสร้างสำนักงานให้บริษัทของเธอโดยเร็วที่สุด
ไม่ว่าเธอจะยุ่งแค่ไหนเธอก็ต้องกลับมาที่เมือง F ก่อนเทศกาลปีใหม่ห้าวันเพื่อซื้อของกับกู้ม่าน
กู้ม่านไม่รู้ว่ากู้หนิงกำลังทำอะไรอยู่ แต่เธอรู้ว่าเธอกำลังยุ่งเรื่องธุรกิจ กู้ม่านจึงไม่ได้ถามอะไรให้มากความ แต่กำชับกู้หนิงให้ดูแลตัวเองและระมัดระวังตัว
ระยะนี้ร้านของเจียงซู่กำลังไปได้สวย เขาทำข้อตกลงที่ทำกำไรได้มากเพียงครั้งเดียวจนถึงตอนนี้ แต่ร้านค้าของเขาก็เฟื่องฟูขึ้นเรื่อยๆ และยังมีกำไรหลายหมื่นหยวนในหนึ่งสัปดาห์
เขาเพิ่งเริ่มต้นธุรกิจได้ไม่นานจึงไม่ค่อยมีใครรู้จักร้านของเขา อย่างไรก็ตามเมื่อเขาร่วมมือกับเจิ้งหัวเรียลเอสเตท สิ่งต่างๆก็แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
แม้ว่าเจิ้งหัวเรียลเอสเตทจะเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ในเมือง F แต่ก็ไม่ได้ใหญ่มากเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆในอุตสาหกรรมเดียวกัน เจิ้งหัวมีทรัพย์สินเพียงแค่พันล้านหยวน
เจิ้งหัวจึงมุ่งเน้นตลาดที่เมือง F และพวกเขาก็ไม่ได้มีโครงการมากมายในมือ
ดังนั้นร้านค้าวัสดุก่อสร้างซูรีจึงเป็นผู้ให้บริการวัสดุก่อสร้างเพียงรายเดียวของเจิ้งหัว
เช้าวันต่อมากู้หนิงไปที่ร้านเสริมสวยกับกู้ม่านและกู้ชิง
คุณนายฮ่าวและคุณนายลู่ก็มาที่ร้านเสริมสวยด้วย พวกเธอยังตื่นเต้นที่เห็นกู้หนิงเพราะพวกเธอได้หยกที่ถูกใจจากคำแนะนำของกู้หนิง และต้องการขอบคุณกู้หนิงเป็นการเฉพาะ
เพื่อนของพวกเธอหลายคนไปที่ร้านหยกบิวตี้เพื่อซื้อเครื่องประดับในเมือง G และตอนนี้แบรนด์ก็มีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าผู้หญิงที่มีฐานะหลายคนไปที่เมือง G เพื่อซื้อเครื่องประดับในร้านหยกบิวตี้ ปัจจุบันหยกบิวตี้จิวเวอร์รี่เป็นแบรนด์ยอดนิยมในเมือง G
ตอนเที่ยงกู้หนิงทานอาหารกับพวกเขา บ่ายสองครึ่งกู้หนิงก็ไปที่สนามบิน
ครั้งนี้กู้หนิงไม่ได้บอกโจวเจิ้งหงว่าเธอมาที่เมือง G เพราะเธอไม่อยากรบกวนเขาบ่อยเกินไป
หลังจากเธอมาถึงเมือง G เธอก็ขึ้นแท็กซี่มุ่งตรงไปที่ร้านทันที และโทรหาโจวเจิ้งหงระหว่างทาง
โจวเจิ้งหงอยู่ที่ร้านแล้ว ดังนั้นกู้หนิงจึงบอกเขาว่าเธอจะไปพบเขาเร็วๆนี้