ตอนที่ 397 ช่วยซูเจิ้นห่าว
ซูเจิ้นห่าวไม่เชื่อในตอนแรก พระพุทธรูปทองคำจะทำให้คนไม่สบายได้อย่างไร?? ถึงเขาจะไม่เชื่อในพระเจ้าหรือภูติผีวิญญาณ แต่ก็พอได้ยินเรื่องเล่ามาบ้าง
แม้ว่ามันยากที่จะเชื่อ ทว่าตั้งแต่เขาได้พระพุทธรูปทองคำมาเขาก็เริ่มรู้สึกไม่สบาย "ใช่ ลุงรู้สึกไม่สบายหลังจากได้พระพุทธรูปทองคำ และมันก็เริ่มแย่ขึ้นทุกวัน" โจวเจิ้งหงกล่าว
จากนั้นเขาก็เอ่ยสำทับอีกว่า "หนูกู้ หนูรู้เหตุผลอยู่แล้วใช่ไหมถึงได้ถามลุง แม้ว่าลุงจะไม่เชื่อในเรื่องภูติผีวิญญาณ แต่ลุงเชื่อหนู หนูบอกลุงมาตรงๆได้"
"งั้นหนูขอพูดตรงๆเลยนะคะ หนูสังเกตเห็นหน้าคุณลุงซีดๆ และหน้าผากก็ดำคล้ำซึ่งเป็นผลจากพลังงานหยิน จากที่หนูรู้จนตอนนี้ ของเก่ามีพลังงานหยิน เพราะมันถูกฝังอยู่ใต้ดินกับคนตายมาหลายปี ถ้าคนเป็นได้รับพลังงานหยิน เขาจะป่วยและไม่นานก็จะเสียชีวิต" กู้หนิงเอ่ย
" อะไรนะ?" ซูเจิ้นห่าวตกใจ หน้าซีดเผือด
"หนูรู้ค่ะว่ามันฟังดูแปลกๆและไม่น่าเชื่อ แต่โลกใบนี้ก็เต็มไปด้วยเรื่องแปลกๆอยู่แล้ว เราต้องยอมรับมัน" กู้หนิงเอ่ย
"แล้วลุงควรทำอย่างไรดี?" ซูเจิ้นห่าวเอ่ยถาม แม้ว่ามันยากที่จะยอมรับ เขาจะทำตามคำแนะนำของกู้หนิง
"หนูยังไม่แน่ใจว่าพระพุทธรูปทองคำจะใช่สาเหตุหรือเปล่า รบกวนคุณลุงเอามาให้หนูดูพรุ่งนี้ที่บริษัทของคุณลุงแล้วกันค่ะ ถ้ามันมีพลังงานหยิน หนูจะเก็บไว้ก่อน เมื่อพลังหยินถูกขับออกไปแล้ว จะส่งคืนให้ภายหลังค่ะ" กู้หนิงเอ่ย
"ได้ ได้" ซูเจิ้นห่าวตอบ เขาไม่สงสัยในจุดประสงค์ของเธอหรือถามว่าเธอรู้เรื่องพลังหยินได้อย่างไร เพราะเขาเข้าใจว่าเขาไม่ควรถามถ้ากู้หนิงไม่ได้เป็นคนพูดเอง ตราบที่เธอเต็มใจช่วยเขา เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
หลังจากวางสายจากซูเจิ้นห่าว เกาอี้ก็ถามด้วยความสงสัย "บอสครับ พลังหยินมีจริงหรือครับ?" เฉียวหยาเองก็สงสัย เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินเรื่องนี้
"ใช่" กู้หนิงตอบแต่ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม เกาอี้และเฉียวหยาหยุดถาม พวกเขาเชื่อกู้หนิง
เมื่อกู้หนิงกลับถึงบ้าน เธอบอกกู้ม่านว่าจะไปเมือง G
วันต่อมาประมาณเก้าโมงเช้า กู้หนิงพร้อมด้วยเกาอี้และเฉียวหยาก็ขับรถไปที่บริษัทตระกูลซู
กู้หนิงโทรหาซูเจิ้นห่าวเมื่อพวกเธอมาถึงลานจอดรถ ซูเจิ้นห่าวรีบถือพระพุทธรูปทองคำมาพบเธอ
วินาทีที่กู้หนิงเห็นพระพุทธรูปทองคำ เธอคิดถูกที่ว่ามันมีกลิ่นอายพลังหยิน กู้หนิงรับพระพุทธรูปทองคำมาและยื่นขวดกระเบื้องให้ซูเจิ้นห่าว "คุณลุงซูคะ ทานยาที่อยู่ในขวดนี้แล้วคุณลุงจะรู้สึกดีขึ้น"
ซูเจิ้นห่าวรู้ว่านี่คือยาวิเศษที่ราคาเม็ดละหนึ่งล้านหยวน เขายินดีที่จะจ่ายแต่กู้หนิงไม่คิดเงิน เขายังยืนยันจะจ่าย แต่กู้หนิงก็ยังไม่รับ ในที่สุดเขาจึงยอมแพ้ เขาติดหนี้บุญคุณเธอครั้งใหญ่
เช้าวันนี้มีคนหลายคนโทรหาหลานหยูบิน เอาแต่ถามถึงอาการลูกชายของเขาและประสิทธิภาพของยากู้หนิง คำตอบคือลูกชายของเขาจะสามารถเดินได้อีกครั้งภายในครึ่งเดือน หลานหยูบินยังช่วยโฆษณายาให้กู้หนิง
เมื่อได้รับคำตอบยืนยัน มีคนต้องการซื้อยาวิเศษของกู้หนิงและถามเบอร์โทรของเธอ แต่ว่าหลานหยูบินไม่ได้บอกเบอร์โทรของกู้หนิงให้พวกเขา
หลานหยูบินบอกเรื่องนี้กับกู้หนิงในภายหลัง กู้หนิงปฏิเสธที่จะให้เบอร์โทรศัพท์เพราะเธอยังไม่มีเวลามาคุยกับพวกเขาในตอนนี้
ข่าวใหญ่เกี่ยวกับกู้หนิก็แพร่สะพัดไปทั่วเมือง F ทุกคนจึงรับรู้ว่าเจ้าของตัวจริงของหยกบิวตี้ก็คือเด็กสาวอายุสิบแปดที่ชื่อกู้หนิง และเธอยังมียาวิเศษอีกด้วย สามารถรักษาได้หลายโรค คุณหนูตระกูลซูเป็นตัวอย่างที่ดี
คนส่วนใหญ่เชื่อข่าวแรก น้อยคนจะเชื่อข่าวที่สองเพราะไม่มีใครคิดว่ามียาชนิดใดที่สามารถรักษาโรคได้มากที่สุด
กระนั้นกู้หนิงก็ทำให้หลายคนตกใจ เธออายุเพียงสิบแปดปีและมีบริษัทเครื่องประดับที่มีทรัพย์สินเป็นพันล้านหยวน
นักข่าวหลายคนต้องการสัมภาษณ์กู้หนิง แต่กู้หนิงไม่รับสาย
กู้ฉินเซียงก็ได้ยินข่าวเช่นเก่า เขานิ่งไปและไม่อยากเชื่อว่ากู้หนิงในข่าวจะใช่หลานสาวของตัวเอง แต่จะมีคนที่บังเอิญมีชื่อแซ่และอายุเดียวกันเลยหรือ?
ตอนที่ 398 ซ่งหมานหนี่
เป็นเรื่องยากสำหรับกู้ฉินเซียงที่จะยอมรับความจริง แค่ร้านซาลอนกับร้านขายวัสดุก่อสร้างเขาก็อิจฉาแทบแย่ ถ้ายังมีบริษัทเครื่องประดับอีก เขาคงอิจฉาจนแทบกระอักเลือด เขาทำงานมากว่ายี่สิบปีและในที่สุดก็กลายเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมีทรัพย์สินหลายสิบล้านหยวน แต่กู้หนิงกลับมีทรัพย์สินกว่าพันล้านหยวนในเวลาไม่กี่เดือน!
ตอนนี้เขารู้แล้วว่ากู้หนิงไม่ได้โง่ เขาอดโทรหากู้ม่านไม่ได้หลังจากที่ทราบข่าว กู้ม่านไม่ได้บล็อคเบอร์ของเขาเพราะแม่ยังอยู่ที่โรงพยาบาล
แม้ว่าเธอจะเกลียดแม่แต่เธอไม่ใช่คนเลือดเย็น และหญิงชราเป็นอัมพาตตั้งแต่เอวลงไป เธอเดินไม่ได้ ต้องนอนบนเตียงหรือนั่งรถเข็น เธอคงไม่สามารถสร้างปัญหาให้ใครได้อีก
“กู้ม่าน กู้หนิงเป็นเจ้าของหยกบิวตี้จิวเวอรี่จริงๆรึ?” กู้ฉินเซียงถาม เขาไม่กล้าก่อความรำคาญให้กู้ม่าน ดังนั้นเสียงของเขาจึงไม่ได้สูงดังเช่นในอดีต
กู้ม่านก็ทราบข่าวเรื่องนี้เหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงไม่รู้สึกแปลกใจที่กู้ฉินเซียงอยากจะรู้ “แล้วไง? เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพี่”
กู้ฉินเซียงจนคำพูดเพราะมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาจริงๆ เขาจึงวางสายไป ส่วนกู้ชิงรู้สึกตกตะลึง เธอรู้สึกเซอร์ไพรส์เป็นอย่างมากที่กู้หนิงเป็นเจ้าของหยกบิวตี้ ฉินเจิ้ง เฉินจื่อเหยา จ้าวเฟยเฟย และกู้เซียวเซียวก็ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน พวกเขาอ้าปากค้างเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“จะเป็นไปได้ยังไง!” หลินหลี่หยวนไม่เชื่อ
“มันต้องไม่ใช่กู้หนิง นังนั่นจนจะตายจะเอาเงินที่ไหนไปเปิดบริษัทเครื่องประดับ!” กู้เซียวเซียวเอ่ย
กู้หนิงไม่ได้รับรู้เลยว่าใครพูดถึงเธออย่างไร เธอเพิ่งมาถึงเมือง G
เป็นเวลาเที่ยงครึ่งที่เครื่องบินลงจอดที่สนามบินเมือง G
เมื่อเธอลงจากเครื่องบิน เธอก็เปิดโทรศัพท์และประหลาดใจว่ามีเบอร์ที่โทรเข้ามาและข้อความเยอะมาก หลังจากเปิดอ่าน ก็เข้าใจได้ทันทีว่านักข่าวต้องการสัมภาษณ์เธอ แต่ตอนนี้เธอไม่ว่าง เธอจึงส่งข้อความกลับหาพวกเขาบอกว่าเธอไม่ได้อยู่ที่เมือง F จึงไม่สามารถให้สัมภาษณ์ได้
นักข่าวตอบกลับมาทันทีและถามว่าเธอจะกลับมาเมื่อไหร่ กู้หนิงไม่สนใจพวกเขา เธอนั่งแท็กซี่ไปยังย่านการค้าเพื่อรับประทานอาหารเที่ยง
กู้หนิงติดต่อหยวนเจิ้งหลินไว้แล้วก่อนจะเดินทางมาเมือง G ดังนั้นคณะของหยวนเจิ้งหลินจึงไปรอเธอที่โรงแรมแล้ว
กู้หนิงได้ให้เอกสารที่เธอเขียนกิจการทั้งหมดของกลุ่มหงหยุนที่เธอวางแผนจะซื้อให้กับหยวนเจิ้งหลินแล้ว เพื่อที่เธอจะได้ทราบราคาทันทีเมื่อมาถึง
ราคาตลาดอยู่ที่ 2.5 พันล้านหยวน แต่ราคาที่กู้หนิงยื่นเสนอเพียง 1.3 พันล้านหยวน ซึ่งน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้เจ็ดร้อยล้านหยวน มันเป็นส่วนลดที่มหาศาลจริงๆ และหยวนจิ้งหลินสามารถลดให้เธอได้มากสุดๆ และเหตุผลที่กู้หนิงได้ราคานี้ก็เพราะเธอมีส่วนช่วยอย่างมากในคดีหงหยุน
หลังจากทานอาหารเสร็จ หยวนเจิ้งหลินก็พากู้หนิงไปดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายด้วยตนเอง ไม่นานทุกอย่างก็ถูกจัดการจนแล้วเสร็จ
หลังจากนั้นกู้หนิงก็บอกเกาอี้และเฉียวหยาให้แจ้งข้อมูลแก่อ้ายกวงเหยา พวกเขาจะช่วยอ้ายกวงเหยาจัดการกับสิ่งต่างๆ โรงแรมและร้านอาหารภายใต้กลุ่มหงหยุนจะได้รับการตกแต่งใหม่ด้วยชื่อใหม่ นอกจากนี้กู้หนิงยังวางแผนที่จะอัพเกรดเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว และชื่อใหม่คือโรงแรมเฟิ่งเถิง และร้านอาหารจะได้รับการอัพเกรดด้วยเช่นกัน และเปลี่ยนชื่อเป็นร้านอาหารเฟิ่งเถิง
โรงแรมและร้านอาหารของหงหยุนมีทำเลที่ยอดเยี่ยม ไม่มีปัญหาในการเปลี่ยนเป็นสถานที่ระดับไฮเอนด์ สำหรับห้างสรรพสินค้า กู้หนิงตัดสินใจปล่อยให้มันเปิดตามปกติ เพราะเธอจะสูญเสียเงินหนึ่งล้านหยวนหากปิดไปแค่วันเดียว
กู้หนิงวางแผนจะบินไปเมือง B ในวันพรุ่งนี้ ส่วนเกาอี้และเฉียวหยาบินกลับไปที่เมือง F
เธอใช้เวลาอยู่ที่เมือง G แค่วันเดียว ดังนั้นเธอจึงไม่ได้โทรหาคุณปู่ทั้งสาม เธอไปที่ร้านหยกบิวตี้เพื่อพบโจวเจิ้งหง
“ลุงโจว เป็นไงบ้างคะ?” กู้หนิงเอ่ยถาม
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ เชาผิงมาหาผมเมื่อไม่กี่วันก่อน เขาพยายามขายโจวฝูจิวเวอรี่ให้ผมในราคาห้าสิบล้านหยวน หึ โจวฝูราคาไม่ถึงสิบล้านด้วยซ้ำในตอนนี้ ผมไม่โง่ขนาดที่จะซื้อมันหรอก แต่ถึงอย่างไรผมก็ยังรู้สึกผูกพันกับโจวฝู ผมสร้างมันมากับมือ แต่มันก็เป็นอดีตไปแล้วล่ะนะ ตอนนี้อนาคตของผมอยู่ที่หยกบิวตี้”
ได้ยินเช่นนั้นกู้หนิงก็รู้สึกสบายใจ แน่นอนว่าเธอดีใจที่โจวเจิ้งหงภักดีต่อหยกบิวตี้ของเธอ เธอเองก็ไม่ต้องการให้เขากลับไปบริหารโจวฝูเช่นกัน
กู้หนิงไม่ได้อยู่ที่ร้านนานเพราะโจวเจิ้งหงต้องกลับไปทานข้าวที่บ้านกับลูกชาย ดังนั้นพวกเขาจึงแยกกัน และบังเอิญกู้หนิงได้พบกับซ่งหมานหนี่ในร้านอาหาร
ซ่งหมานหนี่นั่งอยู่ตรงข้ามกับผู้หญิงอีกคนที่อายุเท่าเธอ พวกเธอพูดคุยกันไปด้วยทานข้าวไปด้วย
“หมานหนี่ เธอจะทำยังไงต่อไป?”
“ฉันจะลาออกและขายบ้านก่อนที่จะย้ายออกจากเมือง G ฉันอยากไปอยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ๆ” ซ่งหมานหนี่เอ่ย แม้ว่าเธอจะรู้สึกรังเกียจครอบครัวของสามีเก่า แต่เธอก็เจ็บปวดเช่นกัน ดังนั้นเธอจึงต้องการเริ่มต้นใหม่
“แล้วเธอจะย้ายไปอยู่ที่ไหน? เธอทำงานหนักกว่าจะได้เป็นผู้อำนวยการด้านการออกแบบ และตอนนี้เธอต้องการไปเริ่มใหม่งั้นเหรอ?” เพื่อนของซ่งหมานหนี่รู้สึกเสียใจแทนเธอ
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันโสดและไม่มีแรงกดดันอะไร และตั้งแต่ที่ฉันได้เปิดโปงซ่งเหม่ยซิน เฝิงเจี๋ยก็เอาแต่ตื้อให้ฉันกลับไปอยู่กับเขา ฉันสุดเอือมเขาแล้ว ฉันย้ายออกไปอยู่ที่อื่นดีกว่า” ซ่งหมานหนี่เอ่ย