ตอนที่ 343 คุณปู่ของซู่จินเฉิน
ถึงอย่างไรกู้หนิงก็เป็นเจ้านายของเขา
“บอส ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะซื่อสัตย์กับคุณ” เฉินต้าหรงกล่าวและให้คำสัญญาด้วยความจริงใจ
กู้หนิงไม่ได้เชื่อใจใครโดยไร้เหตุผล แน่นอนว่าเธอให้โอกาสพวกเขาพิสูจน์ตัวเอง บรรดาบริษัทต่างๆล้วนจ้างคนแปลกหน้ามาทำงานด้วย หากไม่ใช้เวลาในการพิสูจน์ก็จะไม่รู้ใครซื่อสัตย์หรือไม่ซื่อสัตย์
หลังจากเซ็นสัญญา กู้หนิงก็กลับออกไป เลิ่งเชาถิงรอเธออยู่สามชั่วโมง กู้หนิงรู้สึกผิดและเอ่ยขอโทษเขา “ขอโทษด้วยนะคะที่ปล่อยให้คุณต้องรอนาน”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ไม่จำเป็นต้องขอโทษ” เลิ่งเชาถิงตอบ
หลังจากที่กู้หนิงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในร้านเซียนหยุนให้เลิ่งเชาถิงฟัง เขาก็ทำหน้าประหลาดใจ “คุณปู่ซู่และคุณปู่เจียง?”
ทั้งสองท่านเป็นเพื่อนสนิทของเลิ่งเว่ยหัวและรู้จักเลิ่งเชาถิงตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก ดังนั้นเลิ่งเชาถิงจึงรู้สึกสนิมสนมกับเขา
“ตอนที่พวกท่านกลับไป ยังบอกฉันว่ามีเพื่อนที่ชื่นชอบภาพวาดและตัวอักษรพู่กัน และบอกฉันว่าถ้าฉันมีภาพเหล่านั้นให้บอกท่านด้วย ฉันเลยคิดว่าต้องเป็นคุณปู่เลิ่งแน่ๆ” กู้หนิงเอ่ย
“คิดว่าใช่ พวกท่านเป็นเพื่อนสนิทคุณปู่ และนายท่านซู่คือปู่ของซู่จินเฉิน” เลิ่งเชาถิงกล่าว
“อะไรนะคะ?” กู้หนิงตะลึง บังเอิญอะไรขนาดนี้! ปรากฏว่านายท่านซู่ก็คือปู่ของซู่จินเฉิน
เกือบบ่ายสาม แต่กู้หนิงและเลิ่งเชาถิงไม่รู้สึกหิว
นายท่านซู่และนายท่านเจียงมาถึงบ้านตระกูลเลิ่ง ตอนนี้เป็นช่วงกลางวัน สมาชิกตระกูลเลิ่งจึงไม่อยู่บ้านออกไปทำงานหรือไม่ก็ไปพบปะเพื่อนฝูง มีเพียงนายท่านเลิ่งที่อยู่บ้านคนเดียว
มันไม่สะดวกสำหรับคนสูงวัยที่ต้องออกไปข้างนอกโดยเฉพาะในหน้าหนาว ดังนั้นนายท่านเลิ่งจึงใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บ้านซึ่งค่อนข้างน่าเบื่อ ดังนั้นเมื่อเขาได้ยินว่าเพื่อนสนิทจะมาหา นายท่านเลิ่งก็ร่าเริงขึ้นมา เขารีบบอกแม่บ้านให้เตรียมชาไว้ในห้องนั่งเล่น
“เลิ่ง! ฉันมีของมาโชว์ให้นายดู!” เจียงจงหยูส่งเสียงมาก่อนตัว เขาแทบรอไม่ไหวที่จะบอกเลิ่งเว่ยหัวว่าเขาได้อะไรมา
ได้ยินเสียงเพื่อนรัก นายท่านเลิ่งก็รู้ได้ทันทีว่าเขามาที่นี่เพื่อมาโอ้อวด ทันใดนั้นเลิ่งเว่ยหัวก็หน้ามุ่ย “นายเอาของดีให้ฉันดูเฉยๆหรือเอามาอวด?”
นายท่านเลิ่งพูดถูกจุด แต่เจียงจงหยูมีหรือจะยอมรับ เขาเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นหงุดหงิด “นายพูดแบบนั้นได้ยังไง! ฉันแค่มาเยี่ยมนายและเอาของดีมาให้ดูเฉยๆ ถ้าฉันเก็บไว้ดูคนเดียว นายก็จะโทษฉันได้ แล้วฉันควรต้องทำยังไง?”
“พอเถอะ เอามาให้ฉันดูเร็วๆเข้า” นายท่านเลิ่งกรอกตาใส่เจียงจงหยู พวกเขานั่งลงบนโซฟาในขณะที่ผู้คุ้มกันวางของเก่าลงบนโต๊ะ
เมื่อห่อผ้าถูกปลด นายท่านเลิ่งก็ทำตาโตเมื่อเห็นเครื่องทองสัมฤทธิ์ “นี่มันกริชและดาบทองสัมฤทธิ์!”
“ฮ่า ฮ่า ใช่! สวยใช่ไหมล่ะ พวกของเก่าทองสัมฤทธิ์ชิ้นอื่นๆเทียบพวกมันไม่ได้เลย” เจียงจงหยูกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
“พวกนายไปซื้อมาจากไหน?” นายท่านเลิ่งถาม
“ร้านขายของเก่าเซียนหยุน” เจียงจงหยูตอบ
นายท่านเลิ่งหงุดหงิดและบ่นว่า “ทำไมบอกฉันว่าไปถนนขายของเก่า? แล้วของดีมาอวดฉัน ทำแบบนี้ได้ยังไง!”
“นายก็ทำกับฉันแบบนี้เหมือนกันตอนที่นายได้กลัวเฉินฝู!” เจียงจงหยูไม่ยอมถูกว่าอยู่ฝ่ายเดียว คืนนั้นเลิ่งเว่ยหัวโทรหาเขา เขาแทบนอนไม่หลับ ทั้งยังบอกให้เขามาพรุ่งนี้เช้า เขาเลยต้องรีบออกจากบ้านคืนนั้นเพื่อมาดู
นายท่านเลิ่งเถียงไม่ออก
“ฮ่า ฮ่า” นายท่านซู่หัวเราะ “เลิ่ง พวกเราไม่ได้ลืมนาย อันที่จริงฉันไปที่ร้านเซียนหยุนคนเดียวหลังจากได้ยินมาว่าเขาเปลี่ยนเจ้าของคนใหม่ คาดไม่ถึงว่าฉันจะเจอของดีเข้าให้ เจียงชอบพวกทองสัมฤทธิ์ ฉันก็เลยโทรหาเขาให้มาดู พวกเราไม่เห็นภาพวาดหรือภาพตัวอักษรเลย ก็เลยไม่ได้โทรหานาย ฉันบอกเจ้าของร้านคนใหม่แล้วว่าถ้าเธอมีภาพวาดหรือภาพตัวอักษร ให้เธอบอกพวกเราก่อน”
ได้ยินเพื่อนพูดเช่นนั้น เลิ่งเว่ยหัวก็ใจชื้น
นายท่านซู่กล่าวต่อว่า “พวกเราทึ่งเจ้าของร้านคนใหม่ของเซียนหยุนจริงๆ แม้จะรู้ว่าเธอเป็นเด็กสาวคนหนึ่ง แต่ไม่คิดว่าจะอายุ 18 ปี! หน้าตาสวยทีเดียว เป็นผู้ใหญ่และดูใจเย็น ฉันคิดว่าเธอเหมาะกับจินเฉิน เลยกะว่าจะยุให้จินเฉินจีบเธอ”
“ลืมไปได้เลย เด็กคนนั้นอายุแค่ 18 เองนะ จินเฉินอายุมากกว่าเธอเกินไป ฉันคิดว่ารุ่ยหนิงต่างหากที่เหมาะกับเธอมากกว่าใคร” เจียงจงหยูเถียงเพื่อน
นายท่านเลิ่งก็ประหลาดใจเช่นกันที่เจ้าของคนใหม่ของร้านเซียนหยุนอายุเพียง 18 ปี เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนมองเด็กสาวในแง่ดี และถึงกับต้องการให้เธอเป็นหลานสะใภ้ของพวกเขา นายท่านเลิ่งก็ค่อนข้างอยากรู้เกี่ยวกับเธอ แม้ว่าเลิ่งเชาถิงจะมีแฟนแล้ว แต่เลิ่งเชาหมินยังโสดอยู่!
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือเด็กสาวคนนั้นคือแฟนสาวของเลิ่งเชาถิง ถ้าเลิ่งเชาถิงรู้แผนของพวกเขา เขาคงไม่กล้าลงโทษคุณปู่ทั้งสามคน แต่ซู่จินเฉินกับเลิ่งเชาหมินนั้นไม่แน่
หลังจากถกเถียงกันสั้นๆ พวกเขาก็เปลี่ยนเรื่องคุย นายท่านซู่อยากเห็นหลัวเฉินฝู “เลิ่ง ขอฉันดูหลัวเฉินฝูของจ้าวเหมิงฝูหน่อยสิ!”
เมื่อนายท่านเลิ่งเอ่ยถึงหลัวเฉินฝู นายท่านเลิ่งก็หน้าบานอีกครั้ง เขาบอกแม่บ้านให้ไปนำหลัวเฉินฝูมา
“บอกตามตรง หลัวเฉินฝูไม่ใช่ของขวัญจากเลิ่งเชาถิงหรอก” นายท่านเลิ่งกล่าวอย่างกับว่าเป็นความลับยิ่งใหญ่
“งั้นใครเป็นคนให้นายล่ะ?” นายท่านซู่และนายท่านเจียงเอ่ยถามพร้อมกัน
“แฟนของเชาถิง” นายท่านเลิ่งตอบด้วยใบหน้าภูมิใจ
ตอนที่ 344 บังเอิญเจอฉีซีเยว่และถังหยาซินอีกครั้ง
“อะไรนะ?”
“เชาถิงมีแฟนแล้วหรือ?” นายท่านทั้งสองทำหน้าประหลาดใจ
“ใช่!” นายท่านเลิ่งอมยิ้ม มีความสุข เขาเป็นห่วงเรื่องการแต่งงานของเลิ่งเชาถิงมาโดยตลอด แต่ว่าตอนนี้หลานชายของเขามีแฟนแล้ว เขาก็เบาใจ
“ว้าว ไม่น่าเชื่อ บอกมาสิ ผู้หญิงคนไหนเป็นใครมายังไง พวกเราอยากรู้ว่าผู้หญิงแบบไหนที่ได้ใจเชาถิงไปครอง” เจียงจงหยูเอ่ยถามอย่างไม่ลังเล
“ฉันยังไม่เคยเจอเธอ! เชาถิงไม่ยอมให้ฉันเจอเธอ” พูดไปแล้ว นายท่นเลิ่งก็หัวเสียเล็กน้อย
อืม...เลิ่งเชาถิงคงไม่อยากให้ใครเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของเขา
“ฮ่า ฮ่า เลิ่ง นายหงุดหงิดเรอะ?” นายท่านซู่และนายท่านเจียงหัวเราะเสียงดัง
กู้หนิงอยู่ที่เมืองหลวงต่ออีกหกวัน และถึงเวลาที่เธอต้องกลับแล้ว
“เชาถิง พรุ่งนี้ฉันต้องกลับบ้านแล้วค่ะ” กู้หนิงบอกเลิ่งเชาถิงระหว่างมื้ออาหาร เมื่อได้ยินเช่นนั้น เลิ่งเชาถิงก็สูญเสียความอยากและเงียบไป แม้ว่าเขาจะรู้ว่าจะอยู่ในเมืองหลวงเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ แต่เขาก็ไม่เต็มใจที่จะแยกจากเธอ ที่สำคัญที่สุด เขาไม่สามารถไปกับเธอได้
“คุณอยู่เป็นเพื่อนฉันหลายวันแล้ว คุณควรกลับไปทำงานได้แล้วค่ะ”
เธอเองก็ไม่แยกจากเขา แต่หน้าที่การงานสำคัญกว่าความสัมพันธ์ ดังนั้นเธอจึงอยากให้เขากลับไปทำงานเสียที
“อืม” เลิ่งเชาถิงตอบ “พรุ่งนี้บินกี่โมง?”
“ตอนเช้าค่ะ ฉันจะบินไปเมือง G ก่อน จัดการธุระเสร็จแล้วค่อยกลับบ้าน”
เมื่อรู้ว่ากู้หนิงกำลังจะไปที่เมือง G เลิ่งเชาถิงก็ไม่พอใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกู้หนิงบอกว่าเธอกำลังจะจัดการกับบางสิ่งที่นั่น เขากังวลว่าเธอจะหันไปหาซื่อตู้เย่
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ กู้หนิงและเลิ่งเชาถิงไปตรวจงานที่ตึกออฟฟิศก่อนกลับบ้านของเขา
วินาทีที่พวกเขากลับมาถึงบ้าน เลิ่งเชาถิงก็จับตัวกู้หนิงกดลงบนเตียง กระหน่ำจูบเธออย่างบ้าคลั่งเต็มไปด้วยอารมณ์ ฝ่ามือลูบคลำไปทั่วตัวของเธอ ทันใดนั้นกู้หนิงก็ตะโกนว่า “เชาถิง ฉันยังเป็นประจำเดือนอยู่นะ!” สิ่งที่กู้หนิงพูดเหมือนน้ำเย็นจัดสาดใส่เลิ่งเชาถิงเปียกตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า เขาชะงักอยู่สักพักก่อนตัดสินใจลงโทษเธอโดยการใช้มือของเธอช่วยเขาปลดปล่อยอารมณ์
ใบหน้าของกู้หนิงแดงก่ำ เธอรู้ว่าเขาตั้งใจ เธอไม่ได้ปฏิเสธเพราะเธออยากทำให้เขารู้สึกสบายตัว ผ่านไปนานสักพักใหญ่ๆ มือของกู้หนิงก็เริ่มล้า เลิ่งเชาถิงจึงค่อยๆสงบลง
เจียงจงหยูกลับไปที่บ้านตระกูลเจียง และบอกครอบครัวของเขาว่าเลิ่งเชาถิงมีแฟนแล้วระหว่างทานข้าว เจียงเจิ้งหัวก็พูดขึ้นทันทีว่า “โอ้ เธอไม่ใช่คนที่ช่วยห่าวหยางหรอกหรือครับ? ผมพนันได้เลยว่าเธอเป็นแฟนของเชาถิง”
“อะไรนะ? เด็กสาวที่ช่วยห่าวหยางก็คือแฟนของเชาถิงงั้นหรือ?” ได้ยินเช่นนั้นสมาชิกตระกูลเจียงก็หระหลาดใจ
“ลูกแน่ใจนะ?” เจียงจงหยูถาม
“ไม่ 100% ครับ แต่ผมเห็นเชาถิงเอาใจใส่เธอมาก และเขาก็กุมมือเธอแทบตลอดเวลาตอนที่อยู่ในโรงพยาบาล” เจียงเจิ้งหัวตอบ
“ถ้างั้นก็คงจะจริง เชาถิงไม่เคยเข้าใกล้ผู้หญิงมาก่อน ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงคนนั้นก็คือคนที่ช่วยห่าวหยาง ความสามารถก็ไม่ธรรมดา” เจียงจงหยูอยากรู้เกี่ยวกับแฟนสาวของเลิ่งเชาถิงมากกว่านี้ ถ้าเลิ่งเว่ยหัวไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ในวันนี้ บางทีเขาอาจจะไม่รู้เรื่องเหมือนกัน
ราวๆหนึ่งทุ่ม เลิ่งเชาถิงและกู้หนิงก็พากันไปทานอาหารเย็น
เลิ่งเชาถิงขับรถพากู้หนิงไปย่านการค้า และไปยังห้องทางอาหารส่วนตัวที่ร้านอาหารตะวันตก
ขณะที่พวกเขาเข้าไปข้างใน ประตูยังไม่ทันปิด กู้หนิงก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยจากภายนอก เธอแปลกใจและมองไปข้างหน้า โดยไม่คาดคิด เธอเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย และใบหน้าของเธอก็เย็นชาโดยไม่รู้ตัว
ฉีซีเยว่ ถังหยาซิน บังเอิญอะไรขนาดนี้! ครั้งนี้เธอไม่ได้วางแผนจะต่อต้านพวกเขา เธอจึงไม่สนใจ แต่ในเมื่อบังเอิญเจอกันทั้งที คงน่าเสียดายถ้าเธอไม่ทำอะไรเลย
เลิ่งเชาถิงสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของกู้หนิง เขามองไปข้างหน้าตามสายตาของเธอ แม้ว่าจะเห็นแค่ด้านหลัง แต่เลิ่งเชาถิงก็จำพวกเขาได้ว่าเป็นคนที่แข่งประมูลกับเขาเพื่อภาพวาดสิงโตบาดเจ็บ เขาสัมผัสได้ถึงความเกลียดชังของคนรักที่มีต่อสองคนนี้ จะต้องมีความแค้นระหว่างพวกเขา แต่เขาไม่รู้รายละเอียดใดๆ
กู้หนิงกลับสู่สภาวะปกติอย่างรวดเร็ว เธอใช้ตาทิพย์มองตามพวกเขาไป บังเอิญพอดีที่ฉีซีเยว่และถังหยาซินอยู่ในห้องที่ติดกับเธอ
กู้หนิงดึงสายตากลับมาและคิดว่าจะสอนบทเรียนสองคนนั้นอย่างไร
ในความเป็นจริง มันง่ายมากสำหรับกู้หนิงที่จะฆ่าสองคนนั้นในตอนนี้ แต่เธอไม่อยากให้พวกมันตายง่ายเกินไป เธอจะค่อยๆทำลายทรัพย์สินและชื่อเสียงของพวกมันก่อนที่จะผลักพวกมันไปสู่ความตายทีละขั้น