ตอนที่ 97: อย่าได้สงสัยในตัวพนักงานของคุณ
ตั้งแต่ฉู่เพ่ยหาน ฮ่าวหรัน และคนอื่นๆต่างยอมรับกู้หนิงให้เป็นหัวหน้าพวกเขา พวกเขาก็เข้าเรียนตลอดตั้งแต่วันนั้น บรรดาอาจารย์และเพื่อนร่วมชั้นแทบไม่เชื่อสายตา แต่ในเมื่อพวกเขาเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น อาจารย์ก็รู้สึกดีใจที่ได้เห็นพวกเขาเข้าเรียน
สิ่งสุดท้ายที่อาจารย์ไม่อยากเห็นคือนักเรียนขาดเรียน
หลังจากคาบเช้า กู้หนิงก็ได้รับโทรศัพท์จากอ้ายกวงเหยาระหว่างเดินไปโรงอาหาร เขาต้องการคุยเรื่องข้อตกลงการซื้อกิจการ
กู้หนิงไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรที่อ้ายกวงเหยาโทรหาเธอ เพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องโทรหาเธอแน่ไม่เที่ยงนี้ก็ต้องเป็นช่วงบ่ายวันนี้
กู้หนิงเองก็อยากจะทำการซื้อขายให้เร็วที่สุด ถึงแม้เธอจะไม่มีเวลาแต่ก็สามารถทำให้ตัวเองว่างได้
กู้หนิงบอกเพื่อนๆว่าจะออกนอกโรงเรียนไปทำธุระ
ถึงแม้เพื่อนๆจะพากันสงสัย พวกเขาก็ไม่ได้ถามเพราะกู้หนิงเองก็ไม่ได้บอกว่าจะออกไปทำอะไร แสดงว่าเธอไม่เต็มใจอยากจะบอกพวกเขา พวกเขาจึงไม่เซ้าซี้อยากรู้อยากเห็นให้ได้
ใครๆก็มีความลับกันทั้งนั้น
เพื่อความสะดวกของกู้หนิง อ้ายกวงเหยานัดเจอที่ร้านอาหารใกล้ๆโรงเรียน ใช้เวลาเดินเพียงสิบสองนาทีก็ถึง
อ้ายกวงเหยามมารออยู่ก่อนแล้ว
เจรจาซื้อขายครั้งนี้สำคัญมาก อ้ายกวงเหยาจึงจองห้องอาหารส่วนตัวเอาไว้
“คุณหนูกู้ ยินดีที่ได้เจออีกครั้งครับ เชิญนั่งๆ” เมื่อกู้หนิงก้าวเท้าเดินเข้ามาข้างใน อ้ายกวงเหยาก็ลุงขึ้นยืนทันทีและเอ่ยต้อนรับเธอ เขาปฏิบัติต่อเธอด้วยความเคารพนอบน้อม
เอาเข้าจริงศักดิ์ศรีและวัยวุฒิที่สูงกว่าก็ไม่มีความหมายอะไร เมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่มีอำนาจเหนือกว่า
เมื่อกู้หนิงนั่งลงเรียบร้อย อ้ายกวงเหยาจึงยื่นเมนูให้กู้หนิงเป็นคนสั่งก่อน
กู้หนิงหยิบเมนูมาอย่างไม่ลังเลและลงมือสั่งอาหารไปสองอย่าง ในขณะที่อ้ายกวงเหยาสั่งหนึ่งอย่าง
อาหารสามอย่างเพียงพอสำหรับพวกเขาสองคนแล้ว จากนั้นพวกเขาเริ่มเจรจาซื้อขายระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟ
“คุณหนูกู้ ราคาที่สมเหตุสมผลที่สุดสำหรับบริษัทเจิ้งหัวของผมอยู่ที่สี่ร้อยล้านหยวน คุณคิดเห็นว่าอย่างไรครับ?” อ้ายกวงเหยาเอ่ยถาม
สี่ร้อยล้านหยวนไม่มากไม่น้อยสำหรับบริษัทขนาดใหญ่ระดับนั้น แต่ก็มากกว่าราคาที่ผู้ซื้อรายอื่นเสนอแก่เขา
นักธุรกิจย่อมให้ความสำคัญกับกำไรมากที่สุด ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการกดราคาให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะต่ำได้
อย่างไรก็ตามสี่ร้อยล้านหยวนนี้เพียงพอสำหรับจ่ายหนี้ของอ้วยกวงเหยาเท่านั้น เขาจำเป็นต้องขายบ้านและรถเพื่อจุนเจือครอบครัวของเขาอีก
“ไม่มีปัญหาค่ะ”
กู้หนิงเห็นด้วยโดยไม่ต้องคิดซ้ำสองซึ่งทำให้อ้ายกวงเหยาประหลาดใจมาก จู่ๆเขาก็ไม่รู้จะวางตัวอย่างไรดี
ว่ากันตามตรงแล้ว ตอนนี้กู้หนิงไม่อาจจ่ายสี่ร้อยล้านหยวนได้ บริษัทของเธอจำเป็นต้องใช้เงินหนึ่งร้อยล้านหยวนในการลงทุน และมีเงินเหลือเพียงสามร้อยล้านหยวนเท่านั้น แต่เธอวางแผนจะไปเมือง G สุดสัปดาห์นี้เพื่อทำการพนันหินอีกครั้งหนึ่ง
ถ้าเธอตัดเอาหยกออกมาได้ เธอก็จะขายมัน แต่ถ้าหาไม่ได้เธอก็จะขายหยกที่เธอเก็บไว้ในพื้นที่กระแสจิตของเธอ
ดังนั้นเธอจึงพูดว่า “แต่ตอนนี้หนูมีเงินสดแค่สามร้อยล้าน หนูเกรงว่าพวกเราต้องรอหลังจากสัปดาห์นี้ไปแล้วถึงจะเซ็นสัญญาได้ค่ะ”
“ได้ครับ” อ้ายกวงเหยาตกลง เขาเข้าใจว่ามันต้องใช้เวลาในการรวบรวมเงินจำนวนมากขนาดนี้ ดังนั้นรอไปอีกสักสองสามวันก็ไม่มีปัญหาอะไร
นอกจากนี้บริษัทเจิ้งหัวยังสามารถดำเนินกิจาการต่อไปได้อีกอาทิตย์หนึ่ง
“คุณอ้าย อันนี้จริงหนูชอบสถานการณ์ที่ทั้งคู่วิน-วินมากกว่า” อยู่ๆกู้หนิงก็พูดขึ้นมา
อ้ายกวงเหยานิ่งไปอึดใจ เขาไม่รู้ความหมายว่ากู้หนิงต้องการจะสื่ออะไร เขาจึงเอ่ยถามกลับไปว่า
“คุณหนูกู้หมายความว่าอย่างไรครับ?”
“หนูไม่รู้ว่าตำรวจจะสามารถช่วยคุณตามเงินกลับมาได้หรือไม่ ถ้าพวกเขาสามารถเอาเงินกลับมาให้คุณได้ คุณก็ดำเนินธุรกิจต่อไปได้ แต่ถ้าไม่ได้คุณเจอปัญหาแน่ เอาอย่างนี้ไหมคะ หนูพอมีความคิดอยู่อย่างหนึ่ง” กู้หนิงกล่าว
“ความคิดอะไรครับ?”
“คุณอ้ายก็รู้ว่าหนูยังเป็นแค่เด็กนักเรียน หนูไม่มีเวลาดูแลธุรกิจได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นหนูต้องหาคนที่มีความสามารถที่จะช่วยหนูบริหารงาน คุณอ้ายในเมื่อคุณเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทเจิ้งหัว คุณมีทุกสิ่งทุกอย่างที่ประธานบริษัทควรจะมี หนูอยากจะจ้างคุณทำงานต่อโดยเป็นประธานบริษัทเหมือนเดิม พูดอีกอย่างก็คือหนูจะเป็นคนอยู่หลังม่าน ผลตอบแทนคือคุณจะได้เงินเดือนและหุ้นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ คุณมีสิทธิ์ทุกอย่างในการบริหารจัดการงานตามที่เห็นสมควร ภายใต้สถานการณ์ปกติหนูจะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่ง หรือถ้าไม่จำเป็นจริงๆหรือเรื่องที่คุณไม่อาจตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง หนูถึงจะเข้าไป คุณอ้าย คุณเต็มใจจะรับข้อเสนอนี้ไหมคะ?” กู้หนิงกล่าว
อะไรนะ?
เงินเดือนและหุ้นอีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์ และยังให้เขาเป็นประธานบริษัทต่อ?
จำนวนหุ้นยี่สิบเปร์เซ็นต์ไม่ใช่จำนวนน้อยๆเลย!
เหมือนมีอาหารฟรีที่อยู่ๆก็ลอยมาตรงหน้าเขาโดยไม่มีที่มาที่ไป อ้ายกวงเหยารู้สึกว่าเขากำลังฝันไม่ใช่ความจริง
ถึงอย่างนั้นเขาต้องต้องยอมรับว่าเขาอยากได้ข้อเสนอนี้มาก เพราะเขาไม่สามารถจากเจิ้งหัวไปได้จริงๆ เขาใช้เวลากว่าครึ่งชีวิตสร้างบริษัทนี้ขึ้นมา เขาเป็นคนเดียวที่รู้ว่าเขาทุ่มเททำอะไรต่อมิอะไรเพื่อบริษัทนี้
แต่มันก็ดีเกินไปที่จะเป็นเรื่องจริง อ้ายกวงเหยาถามอย่างสงสัย “คุณหนูกู้ หุ้นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆ อีกทั้งยังให้ผมมีอำนาจเต็มที่ในบริษัท คุณแน่ใจนะว่าไม่ได้ล้อเล่นหรือว่าโกหก? ทำไมคุณถึงไว้ใจผมล่ะ?”
“คุณอ้าย ที่ชีวิตคุณยุ่งเหยิงอยู่ตอนนี้เพราะคุณเจอคนเลวหลอกลวง แต่อย่างไรก็ตามคุณอย่าปฏิเสธความสามารถของคุณสิคะ ความสามารถของคุณและคอนเนคชั่นที่คุณมีจะช่วยหนูได้มาก คุณบริหารบริษัทเหมือนปกติตามที่คุณเคยทำ ความหมายก็คือทำงานให้หนูนั่นล่ะค่ะ ตอนนี้คุณยังคิดว่าคุณเป็นคนเดียวได้ประโยชน์สูงสุดจากข้อเสนอนี้อยู่ไหมคะ?”
อ้ายกวงเหยาคิดตามคำพูดของกู้หนิง เขาก็พบว่าเป็นข้อเสนอที่ยุติธรรมดี เขาก็พลันถอนหายใจอย่างโล่งอก
กู้หนิงกล่าวเสริมขึ้นมาอีกครั้งว่า “ยิ่งไปกว่านั้นหนูไม่เคยสงสัยในตัวพนักงานของตัวเองค่ะ หนูจะให้อนาคตที่รุ่งโรจน์กับคุณ แต่ถ้าคุณทรยศ ทางเดียวของคุณคือลงไปนอนอยู่ในโลงศพ”
กู้หนิงพูดเหมือนกับที่พูดกับโจวเจิ้งหง เธอให้คำมั่นสัญญาและคำเตือนไปพร้อมกัน
กู้หนิงตั้งใจขู่เขา อ้ายกวงเหยารู้สึกราวกับกำลังขาดอากาศหายใจ เขาสัมผัสได้ถึงความตายเวียนว่ายอยู่รอบๆตัวเขา
บัดนี้เขาประจักษ์ถึงอำนาจเด็กสาวอายุสิบแปดแล้ว
เมื่อเทียบกับโจวเจิ้งหง อ้ายกวงเหยานั้นซับซ้อนกว่ามาก เขาเชื่อว่ากู้หนิงต้องเป็นเด็กสาวที่ไม่ธรรมดา
ตอนที่ 98: รถคันใหม่
อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีความตั้งใจที่จะตรวจสอบเบื้องหลังของเธอ ตราบใดที่เขายังรู้สึกถึงความจริงใจของกู้หนิง เขายินดีที่จะทำงานให้เธอ ต่อให้เหตุผลที่เธอจ้างเขาเพราะความสามารถของเขาหรือคอนเนคชั่นอะไรก็ตาม ก็ถือว่าเธอช่วยเขาไว้มาก
ดังนั้นอ้ายกวงเหยาจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปฏิเสธ ถ้าปฏิเสธเขาคงเป็นไอ้งั่ง
“ส่วนตัวแล้วหนูอยากจะทำงานกับคุณอ้ายมาก แต่ก็ขึ้นอยู่กับคุณค่ะ คุณสามารถตัดสินใจด้วยตัวคุณเองได้” กู้หนิงเอ่ย อย่างไรก็ตามเธอรู้ว่าเขาต้องตอบตกลง
ในที่สุดอ้ายกวงเหยาก็ดึงสติกลับมาได้ เขาอยากจะร้องไห้แต่บังคับตัวเองไม่ให้หลั่งน้ำตาออกมา
ทันใดนั้นอ้ายกวงเหยาก็ลุกขึ้นโค้งคำนับให้กู้หนิง เขากล่าวอย่างจริงใจว่า “คุณหนูกู้ ผมขอบคุณมากสำหรับความไว้ใจและความมีน้ำใจ ผมสัญญาว่าผมจะบริหารบริษัทให้ดีและจะไม่ทำให้คุณต้องผิดหวัง!”
ในเมื่ออ้ายกวงเหยายอมรับข้อเสนอของเธอ กู้หนิงตอนนี้ก็ถือได้ว่าเป็นเจ้านายของเขาแล้ว แต่กู้หนิงไม่ใช่คนหยิ่งยโสโอหัง ถึงอย่างไรอ้ายกวงเหยาก็อาวุโสกว่าเธอมาก เธอไม่ต้องการดูหมิ่นเขาดังนั้นเธอจึงลุงขึ้น
“คุณอ้าย ยินดีที่ได้ร่วมงานกับคุณค่ะ” กู้หนิงยื่นมือไปตรงหน้าเขา จากนั้นทั้งสองก็จับมือกันเป็นอันว่าการเจราจาซื้อขายสำเร็จลุล่วงด้วยดี
“มีอีกเรื่องที่สำคัญมาก สิ่งที่หนูต้องการคือบริษัทต้องดำเนินการในทิศทางที่ถูกต้อง พูดได้ว่าบริษัทต้องอยู่ในการควบคุมของคุณและหนู หนูไม่ชอบการโต้เถียงก่อนที่จะทำการตัดสินใจสิ่งใดสิ่งหนึ่งลงไป ไม่มีใครสามารถสร้างธุรกิจที่เจริญรุ่งเรืองได้จากการทะเลาะ”
“ดังนั้นหุ้นทั้งหมดของเจิ้งหัวจะแบ่งหลักๆออกเป็นสามส่วน หนูถือเจ็ดสิบ คุณถือยี่สิบ ส่วนที่เหลือก็เป็นผู้ถือครองรายอื่น ถ้าพวกเขายังอยากอยู่กับเจิ้งหัว หนูจะหาตำแหน่งที่เหมาะสมให้พวกเขา อย่างไรก็ตามหนูต้องการคนที่ภักดีกับหนูเท่านั้น”
เธอจะไม่ยอมแพ้เพราะเธอไม่ต้องการหาเงินเหมือนคนอื่น และเธอจะไม่ยอมให้ใครอยู่เฉยๆในขณะที่รับเงินจากเธอ
ได้ยินดังนั้น อ้ายกวงเหยาก็ประหลาดใจอีกครั้ง เด็กสาวคนนี้ช่างมีความทะเยอทะยาน
แต่ถึงอย่างไรเขาก็เคารพความทะเยอทะยานของเธอ
ไม่มีใครอยากให้คนนอกมาแบ่งเอาทรัพย์สินของตัวเองอยู่แล้ว
เหมือนที่กู้หนิงกล่าว คนหลายคนไม่ทำอะไรนอกจากคอยขัดแข้งขัดขาในขณะที่ยังรับเงิน โดยเฉพาะเมื่อข้อตกลงถูกทำขึ้นแล้ว พวกเขาต้องไม่เห็นด้วยแน่ จากนั้นพวกเขาก็จะหาเรื่องโต้แย้งต่างๆนาๆ
อ้ายกวงเหยารู้เรื่องนี้ดี
คนขี้ขลาดบางคนกลัวความเสี่ยง ดังนั้นเขาจึงหยุดไม่ทำโปรเจคต่อ ดังนั้นโปรเจคจึงไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้อย่างราบรื่น
ในตอนนี้อ้ายกวงเหยาชื่นชมความตั้งใจของกู้หนิงมากขึ้นกว่าเดิม เขาค่อนข้างมั่นใจกับอนาคตข้างหน้าที่จะเกิดขึ้น
ในขณะเดียวกันอาหารก็ถูกเสิร์ฟลงบนโต๊ะ กู้หนิงกับอ้ายกวงเหยาจึงเริ่มลงมือรับประทาน
เวลามีจำกัด กู้หนิงจึงใช้ทุกนาทีเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจ
“โอ้ แล้วคุณจัดการเรื่องพวกวัสดุก่อสร้างยังไงคะ?”
“โรงงานผู้ผลิตจะไม่ขายให้คนข้างนอก ดังนั้นพวกเราจึงใช้ตัวแทนในการหาวัตถุดิบให้” อ้ายกวงเหยาเอ่ยตอบ
“แล้วงานสร้างตึกคุณต้องทำสัญญาครั้งเดียวกับตัวแทนหรือเปล่าคะ?”
“ก็ไม่เชิง แต่ละตึกเราเซ็นสัญญาเป็นเฟสๆไป เฟสแรกอยู่ระหว่างการก่อสร้าง เฟสที่สองกำลังจะเริ่ม หากผู้ขายไม่พอใจกับวัสดุก่อสร้างเขาสามารถหยุดการต่ออายุสัญญาได้ แต่ก็ไม่ค่อยเกิดขึ้นเพราะปกติผู้ขายจะใช้แบรนด์นั้นๆเป็นเวลานาน” อ้ายกวงเหยาตอบ
เมื่อรู้อย่างนั้นกู้หนิงก็รู้สึกโล่งใจ “คุณอ้ายคะ จริงๆแล้วลุงของหนูกำลังทำธุรกิจขายวัสดุก่อสร้าง และหนูกำลังพิจารณาให้เขาเป็นตัวแทนจัดหาวัสดุให้เจิ้งหัว แต่อย่ากังวลไปค่ะหนูไม่ไม่ทางปล่อยให้มีวัสดุคุณภาพต่ำเพียงเพราะต้องการช่วยญาติตัวเอง”
“อีกอย่างหนูยังไม่ให้ครอบครัวรู้ว่าหนูซื้อบริษัทของคุณ หนูยังเด็กเกินไปและไม่อยากให้พวกเขาต้องเป็นห่วง แต่ได้โปรดอย่ากังวลไปนะคะ ดำเนินธุรกิจไปได้ตามปกติ” กู้หนิงเอ่ย
ถึงแม้เธอจะส่งมอบบริษัทให้อ้ายกวงเหยาดูแล แต่ในไม่ช้ามันก็ต้องตกเป็นของเธอ เธอมีสิทธิ์เต็มที่ในการบริหารและเธอจะใช้มันอย่างเต็มที่
อ้ายกวงเหยาคิดว่าไม่มีอะไรให้ต้องเป็นกังวล ดังนั้นเขาจึงเห็นด้วยกับเธอ
“โอ้ คุณอ้ายพอจะรู้จักใครในสำนักงานพาณิชย์ไหมคะ? คุณลุงของหนูยังไม่ได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท หนูต้องการจัดตั้งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้”
“เรื่องง่ายๆ ผมจะจัดการให้เอง” อ้ายกวงเหยาตอบโดยไม่ลังเล
อ้ายกวงเหยาเป็นหนึ่งในคนรวยในเมือง F เขาย่อมรู้จักคนที่มีอิทธิพลและอำนาจ
แม้ว่าเจิ้งหัวตอนนี้จะประสบกับปัญหาแต่เขาก็ยังมีคอนเนคชั่นช่วยเหลือเขาก่อนที่เขาจะล้มละลาย
อีกอย่างเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร
ตราบใดที่คุณเตรียมเอกสารให้พร้อม ยิ่งเป็นเรื่องง่ายเข้าไปใหญ่
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ กู้หนิงก็กลับไปที่โรงเรียน ในตอนบ่ายกู้ม่านโทรหากู้หนิงว่าให้กลับบ้านเร็วหน่อย เจียงซู่ซื้อรถคันใหม่ ดังนั้นเขาจึงอยากจะฉลองกับทุกคน
ระหว่างทางกลับบ้าน อ้ายกวงเหยาก็โทรหากู้หนิง เขาได้ไปคุยกับเจ้าหน้าที่พาณิชย์เรียบร้อยแล้ว ใช้เวลาดำเนินการภายในหนึ่งสัปดาห์
เมื่อกู้หนิงกลับถึงบ้าน ทุกคนก็พากันหน้าชื่นตาบานมีความสุขที่ได้รถคันใหม่
กู้ชิงและกู้ม่านออกไปกับเจียงซู่ไปรับรถ
นี่เป็นครั้งในชีวิตที่พวกเขามีรถหรูหราแพง ดังนั้นพวกเขาจึงตื่นเต้นจนตัวสั่น