ลูกไก่ ที่กำลังเดินข้ามถนนอยู่ดีๆก็โดนรถชนจนได้ไปเกิดใหม่ในร่างเด็กน้อย อายุสิบขวบปีแถมยังมีครอบครัวที่น่ารักอีก ใครจะไปคิดว่าจะได้ย้อนยุค
ลูกไก่ ที่กำลังเดินข้ามถนนอยู่ดีๆก็โดนรถชนจนได้ไปเกิดใหม่ในร่างเด็กน้อย อายุสิบขวบปีแถมยังมีครอบครัวที่น่ารักอีก ใครจะไปคิดว่าจะได้ย้อนยุค
“เฮ้ย ยัยลูกไก่ แกอยู่ไหนแล้วเนี่ยฉันรอแกนานมากแล้วนะ” หมี่เอ่ยถามคนในสายด้วยเสียงเบื่อหน่าย
“ฉันใกล้ถึงแล้วน่าแกอย่าเร่งได้มั้ยกว่าร้านจะเปิดเหลือเวลาอีกตั้งครึ่งชั่วโมงเลยนะ” ลูกไก่ตอบเพื่อนสนิทพลางส่ายหน้าด้วยความอ่อนใจยัยเพื่อนตัวดีโทรจิกกันจังเลยสงสัยเหลือเกินว่าชื่อฉันกับมันสลับกันหรือเปล่า?
"แกก็ช่วยรีบๆหน่อยแล้วกัน"
"รู้แล้วน่าพี่เพื่อนหรือแม่ฉันกันแน่ย่ะ" ยิ่งอายุเยอะมันก็ยิ่งขี้บ่นขึ้นทุกวัน
"ฉันเป็นได้หมดแหละถ้าหากว่ามันทำให้แกรีบๆมา"
อะแฮ่ม!! ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนนะค่ะ ฉันลูกไก่คนสวยไม่สุด >..< อายุยี่สิบแปดปี เป็นเด็กกำพร้า แถมยังโสด ยังซิง ตะลิงปลิงอีกต่างหาก เอ้ยไม่ใช่ละ เข้าเรื่องต่อๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า แฟนก็ไม่เคยมีแม้แต่คนเดียว เพราะอะไรนะเหรอ ก็ยัยลูกไก่สุดสวยคนนี้ทั้งอ้วน ทั้งดำ ยังไม่พอแถมยังเตี้ยอีกสวรรค์ทำไมใจร้ายกับลูกไก่คนนี้ได้ลงคอ ฮือ ฮือ ฮือ (ไรท์ : เมื่อไหร่จะได้เข้าเรื่องลูกไก่) (ลูกไก่ : ขอนิดนึงนะไรท์ มาต่อๆ) ยิ่งพูดยิ่งช้ำเนอะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า พอๆ จะเป็นไบโพล่าละ เอาละเรามาเข้าเรื่องกันดีกว่าเนอะคนที่โทรจิกฉันยิกๆ เมื่อกี้นี่คือเพื่อนรักสุดสวยของฉันเอง ชื่อมัดหมี่ อายุยี่สิบแปดปีเท่าฉันนี่แหละ
เราสองคนทำงานเก็บเงินเล็กเงินน้อยจนได้มาเปิดร้าน เป็นร้านขนมเล็กๆ ที่ให้บรรยากาศดูอบอุ่น ผ่อนคลาย
“ยัยหมี่ ฉันอยู่นี่” พูดจบก็พลางโบกมือให้ก่อนจะเดินข้ามถนน แต่ไปได้แค่เพียงครึ่งทางเท่านั้นก็มีรถคันหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็วจนชนฉันกระเด็นห่างไปหลายเมตร
ปัง!!! เสียงรถที่ชนดังสนั่น
อ่าาา ในความรู้สึกฉันตอนนี้เจ็บจังเลย นี่ฉันต้องตายแล้วเหรอเนี่ย ฉันที่ได้แต่พร่ำบ่นในใจ
“นังหนู” จู่ๆ ก็ได้มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาพร้อมกับแสงสว่างจ้าแสบตา
“เอ๊ะ ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย ไม่ใช่ว่าฉันตายไปแล้วเหรอ ก็ฉันจำได้นี่ว่าฉันโดนรถชนตอนที่กำลังจะเดินข้ามถนนไปหายัยหมี่ แล้วทำไมมาอยู่ที่นี่” ในตอนนี้ฉันได้แต่สับสนและมึนงง
“นังหนู ไม่ต้องตกใจข้าเป็นคนพาเจ้ามาที่นี่เองแหละ”
ลูกไก่จึงหันไปตามเสียง แล้วได้เจอกับคนคนนึงที่อายุราวๆยี่สิบกว่าถึงสามสิบปี ลักษณะการแต่งตัวคล้ายๆคนจีนยุคโบราณ คนคนนี้เป็นใครทำไมถึงพาเธอมาที่นี่
“นังหนู ข้าคือเทพแห่งโชคชะตามีข้อเสนอให้เจ้า เจ้าสนใจที่จะไปเกิดใหม่หรือไม่”
ลูกไก่จึงมองพิจารณาท่านเทพตรงหน้าคล้ายคนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง จึงได้ถามคนที่บอกเธอว่าเป็นเทพแห่งโชคชะตา
“ท่านคือท่านเทพแห่งโชคชะตาจริงๆ เหรอคะ แล้วที่นี่ที่ไหนหนูตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ” ลูกไก่ได้แต่ถามออกไปอย่างมึนงง
“บร๊ะ นังหนูนี่ ถามทีละอย่างก็ได้ถามยาวแบบนี้แล้วข้าจะไปตอบเจ้าทันรึ?”
“ขอโทษค่ะท่านเทพ”
“เอาหละนังหนู ข้าคือเทพแห่งโชคชะตาที่นี่คือมิติที่ข้าสร้างมันขึ้นมาเอง ส่วนเจ้าใช่เจ้าตายแล้วจากโลกของเจ้า แล้วข้าเองที่เป็นคนดึงวิญญาณของเจ้ามาแต่ไม่ต้องห่วงข้าจะให้เจ้าได้ไปเกิดใหม่ เจ้าจะสนใจหรือไม่นังหนู”
หลังจากฟังที่ท่านเทพแห่งโชคชะตาพูดจบลูกไก่ก็ได้คิดทบทวนอยู่พักนึง ไหนๆเธอก็เป็นเด็กกำพร้าอยู่แล้วไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วง ส่วนยัยมัดหมี่เองก็เอาตัวรอดได้อยู่แล้วอย่างน้อยเธอก็ได้อุ่นใจในตอนที่เธอจากไปก็ยังมียัยเพื่อนรักคนนี้คอยดูแลแทนทุกอย่างลูกไก่จึงได้ตอบตกลงไป
“ตกลงค่ะท่านเทพ”
“เรียกข้าว่าท่านจิวเจ๋อเถอะนังหนู เอาล่ะข้าจะบอกให้เจ้าฟังโลกที่เจ้าจะไปเกิดใหม่นั้นเป็นโลกจีนยุคโบราณมีการใช้ปราณและพลังธาตุ ร่างที่ข้าจะให้เจ้าไปเกิดนั้นเป็นร่างของเด็กน้อยนามว่า มู่หลันฮวาอายุสิบขวบปี มีบิดาชื่อว่ามู่เหยียนชิง อายุสามสิบสองปี มารดาชื่อมู่หลันจิง (แซ่โม่) อายุยี่สิบเก้าปี และพี่ชายชื่อมู่เฟยชิง อายุสิบสามปี ที่สำคัญเจ้าควรเปลี่ยนคำพูดให้เข้ากับโลกใหม่นั้นได้แล้ว”
“เจ้าค่ะท่านจิวเจ๋อ แบบนี้ใช่หรือไม่เจ้าคะ” ลูกไก่ตอบรับก่อนจะส่งยิ้มให้คนตรงหน้าด้วยสีหน้าที่มีความสุขอย่างน้อยในโลกใบใหม่นั้นนางก็จะได้มีครอบครัวไม่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวอีกแล้ว
พูดจบท่านจิวเจ๋อก็พยักหน้าตอบแล้วส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ทันที ลูกไก่ที่เห็นท่านตาส่งยิ้มที่แสนจะอบอุ่นมาให้เป็นยิ้มที่ไม่เคยได้รับจากใครมาก่อนนอกจากเพื่อนรักอย่างมัดหมี่ ก็พาลน้ำตาไหลอย่างห้ามไม่ได้ ได้แต่คิดน้อยใจและเสียใจที่ตัวเองนั้นเกิดมาเป็นเด็กกำพร้า
“ไม่ต้องเสียใจหรอกนังหนู ครอบครัวที่เจ้าจะไปอยู่ด้วยนั้นเป็นครอบครัวที่อบอุ่นและทุกคนก็รักเจ้ามาก”
“เจ้าค่ะท่านจิวเจ๋อ”
“เอาเถอะเจ้ามีอะไรที่จะขอข้าก่อนไปหรือไม่”
“ได้หรือเจ้าคะท่านจิวเจ๋อ ถ้าอย่างนั้นข้าขอเป็นพรสามข้อได้หรือไม่ท่านจิวเจ๋อ” ลูกไก่พูดอย่างดีใจอย่างน้อยก็คงจะมีอะไรสนุกๆให้นางทำบ้างแหละ
“ย่อมได้” ยอมๆเด็กมันหน่อยละกันถือซะว่าชดเชยให้กับเด็กมัน จะให้ไปบอกว่าข้าดึงวิญญาณมาผิดก็ไม่ได้เสียชื่อท่านเทพแห่งโชคชะตาหมด ฮ่า ฮ่า ฮ่า ก่อนจะยืนลูบเครายาว (ทั้งที่ไม่มีเครา) มองลูกไก่อย่างคนเจ้าเล่ห์
“ข้อที่หนึ่ง ขอให้ข้าสามารถใช้พลังธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุแสง ธาตุไม้ และมีมิติเป็นของตัวเอง” ดีนะที่เธอเคยอ่านนิยายแนวนี้ผ่านๆตาไปบ้างไม่งั้นได้แต่มึนงงและใบ้แดก
“ข้อที่สอง ขอให้ข้ามีความจำที่เป็นเลิศอ่านแค่ครั้งเดียวข้าก็สามารถจำได้หมด” เพราะที่ที่ลูกไก่จะไปอาศัยอยู่เป็นโลกที่เธอไม่รู้จักเลย มันก็ต้องมีการเตรียมตัวบ้างและอีกอย่างนางเป็นคนที่ความจำสั้นดั้งนั้นพรข้อนี้มันต้องมี
“ส่วนข้อที่สาม ข้าเองก็ยังคิดไม่ออกเจ้าค่ะขอติดท่านจิวเจ๋อเอาไว้ก่อนนะเจ้าคะ” ลูกไก่ได้แต่ยิ้มส่งให้ท่านตา
“เจ้าไปได้แล้ว จงจำไว้ที่ที่เจ้าไปนั้นคือบ้านของเจ้าจงใช้ชีวิตต่อจากนี้ให้มีความสุข”
"ขอบคุณท่านจิวเจ๋อมากนะเจ้าคะที่เมตตา แม้ว่าข้าจะเพิ่งรู้จักท่านก็ตาม" ก่อนจะเดินเข้าไปกอดลาท่านตาด้วยใบหน้าเปื้อนน้ำตา
"ไยถึงร้องไห้ขี้มูกโป่งเช่นนี้" ได้ยินเช่นนั้นนางก็รีบเช็ดน้ำตาทันที
"เปล่าเสียหน่อยข้าว่าท่านคงตาฝาดไปแน่ๆ แต่ไม่เป็นไรข้าถือโทษท่านเพราะท่านก็แก่แล้ว ฮ่า อ่า อ่า"
"เพ้ย เจ้าเด็กคนนี้" หลังจากนั้นท่านจิวเจ๋อได้สะบัดแขนเสื้อก็เกิดแสงสว่างจ้าพร้อมกับสติที่ดับไปของลูกไก่
วูบบบบบ
................................................................