เธอ ‘หัวหน้าแม่มดแห่งเมียวเจี่ยง’ เกิดใหม่ในร่างสาวน้อยที่น่าสมเพชที่ถูกทุกคนรุมรังแก เธอกลายเป็นคนมีชื่อเสียงและโลดแล่นอยู่ในวงการธุรกิจบันเทิงและกลายเป็นเจ้าชายแห่งชาติที่มีเสน่ห์ต่อหัวใจของหญิงสาว
เธอ ‘หัวหน้าแม่มดแห่งเมียวเจี่ยง’ เกิดใหม่ในร่างสาวน้อยที่น่าสมเพชที่ถูกทุกคนรุมรังแก เธอกลายเป็นคนมีชื่อเสียงและโลดแล่นอยู่ในวงการธุรกิจบันเทิงและกลายเป็นเจ้าชายแห่งชาติที่มีเสน่ห์ต่อหัวใจของหญิงสาว
หลิงจื่อจับมือเขา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาท “แกคิดว่าจะเอาชนะฉันได้ด้วยกำลังของแกงั้นหรือ?”
เธอดันมือของเขากับผนัง แม้ว่าเธอจะเตี้ยกว่าเขาเล็กน้อย แต่รัศมีของเธอทำให้เขาตัวสั่น
“หลิงเซิง แกคิดว่าแกจะทำอะไรฉันได้เหรอ?” หลิงจื่อยิ้มเยาะ “หรือฉันควรทำให้แกลงไปนอนเล่นกับไอ้พวกตัวเหม็นพวกนั้นด้วยดีไหม?”
“แกไม่ใช่หลิงจื่อ”
“แกเป็นคนที่สองที่พูดแบบนั้น” หลิงจื่อเขยิบเข้าไปใกล้เขา ก้มหน้าลงและกระซิบที่ข้างหูของเขา เธอพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะว่า “การชำระแค้นกำลังมาถึงตัวแกเร็วๆ นี้”
“พี่ใหญ่ พวกพี่ทำอะไรกันอยู่น่ะ?” หลิงอิงมองดูพวกเขาอย่างไม่อยากเชื่อ
พวกเขากำลังทำอะไรกัน? ทำไมพี่ใหญ่ของเธอและหลิงจื่อต้องใกล้ชิดกันขนาดนั้นด้วย?
หลิบจื่อหันหน้ามายิ้มให้เธอ จากนั้นเธอก็ปล่อยมือหลิงเซิง ยักไหล่เบาๆ “พวกเรากำลังพลอดรักกันอยู่น่ะ”
เธอเหลือบมองหลิงเซิง แล้วยกมือขึ้นพร้อมกับยิ้มชั่วร้าย แครก!
เธอบิดคางของเขากลับมาแล้วลูบไล้เบา ๆ ราวกับว่าเธอกำลังพลอดรักกับเขาอยู่
“หลิงจื่อ!” หลังจากที่คางของหลิงเซิงกลับมาเข้าที่ เขาก็จ้องเธอตาเขียวปั๊ด
หลิงจื่อไม่พูดอะไร เธอส่งยิ้มชั่วร้ายให้เขาและหันหลังกลับเดินเข้าไปในห้องอาหารส่วนตัว ปล่อยให้สองพี่น้องยืนมองหน้ากัน
ใบหน้าของหลิงเซิงบิดเบี้ยว เขาไม่สามารถแม้แต่จะตอบกลับคำพูดของหลิงจื่อตอนที่เธอคุยกับเขา เขาทนความเจ็บปวดและเดินไปที่ห้องทีละก้าว
“พี่! นี่พี่....”
“มันไม่ใช่อย่างที่หลิงจื่อพูด” เขามองไปที่ทิศทางของห้องด้วยท่าทางที่ดุร้าย เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินเข้าไปในห้อง
หลิงอิงยังคงตกใจเมื่อเธอเข้าไปในห้อง
“พวกลูกไปทำอะไรมา” หลิงเจิ้นเซิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “อาหารเย็นแล้ว ทำไมถึงปล่อยให้เคนจำนวนมากรอพวกลูก?”
หลิงจื่อหยิบตะเกียบยึ้นมาและเริ่มกิน “อาหารรสชาติดีมาก เย็นแล้วก็ยังอร่อย” ทีเดียวแม้ว่าจะเย็นแล้วก็ตาม”
หลิงเจิ้นเซิงเห็นว่าลูกชายคนเล็กกำลังกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย แล้วคนเป็นพ่อจะยังพูดอะไรได้อีกล่ะ
หลิงเซียวมองไปที่พี่ชายของเขาอย่างเงียบๆ เขาค่อนข้างมั่นใจว่าพี่ชายของเขาต้องถูกหลิงจื่อรังแกเช่นกัน
ครอบครัวหลิงกินข้าวกันอย่างเงียบๆ กินไปไม่กี่คำหลิงจื่อก็หมดความหยากแล้ว
ก๊อกๆ
ทันใดนั้นมีคนเคาะประตู
หลิงเซิงขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนเอ่ยว่า “เข้ามา”
“สวัสดีครับท่านผู้ว่า กัปตันเยว่อยู่ห้องถัดไป เขาขอให้ผมถามท่านครับ เขาเห็นท่านเมื่อสักครู่นี้และอยากจะเข้ามาคุยกับท่าน ไม่ทราบว่าท่านสะดวกไหมครับ?” ผู้จัดการร้านยืนอยู่หน้าประตูด้วยความเคารพและเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา
“เยว่ฉานก็อยู่ที่นี่เหมือนกันหรือ?”
“ครับ”
“ให้เขาเข้ามาเถอะ” หลิงเจิ้นเซิงใช้ผ้าเช็ดปากซับที่ปากของเขา
หลิงจื่อวางตะเกียบในมือลงและนั่งอยู่เฉยๆ ไม่พูดอะไร
“ท่านลอร์ดจื่อ คนชั่วกำลังมาที่นี่ขอรับ” ถังหยวนกระซิบในหัวของเธอ “คนผู้นี้ก็คือคนเมื่อครั้งที่แล้วขอรับ”
หืม คนจากครั้งก่อน? หลิงจื่อกำลังนึกว่าครั้งก่อนน่ะมันครั้งไหน
“เขาก็คือคนที่รีบวิ่งเข้ามาที่ประตูด้วยจิตสังหารเต็มเปี่ยม ตอนที่ท่านอยู่กับชายหนุ่มรูปงามคนนั้นขอรับ”
“…” หลิงจื่อขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอจำได้แล้ว แต่บางคนผู้นี้อาจจะจำเธอไม่ได้
“ถังหยวน เจ้าลบความทรงจำได้ไหม?”
“ท่านลอร์ดจื่อ ข้าทำไม่ได้ขอรับ ข้ายังไม่ฟื้นตัวดี”
หลิงจื่อขมวดคิ้ว เธอกลัวว่าจะเจอกับตำรวจที่เคยเห็นหน้าเธอที่นี่ ตอนนั้นเขาเห็นหน้าเธออย่างชัดเจน
ตอนนั้นเธอไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ป่วยการที่จะคิดเกี่ยวกับมันอีกครั้ง
“ช่างเถอะ ตราบใดที่ตำรวจคนนั้นไม่อยู่ที่นี่ด้วยก็ไม่เป็นไร” กัปตันเยว่ไม่เห็นหน้าเธอ ดังนั้นเธอจึงปลอดภัยชั่วคราว
ก๊อกๆ
“เข้ามา” หลิงเจิ้นเซิงพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ผู้ว่าหลิง ไม่เจอกันนานเลยนะครับ สบายดีไหมครับ?” ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงประตูมีใบหน้าหล่อเหลา เขามีรูปร่างสูง ดูมีสง่าราศี และยังสวมชุดกีฬาสีเบจราคาแพง ดูสมบูรณ์แบบเหมือนลูกรักที่พระเจ้าโปรดปราน