เธอ ‘หัวหน้าแม่มดแห่งเมียวเจี่ยง’ เกิดใหม่ในร่างสาวน้อยที่น่าสมเพชที่ถูกทุกคนรุมรังแก เธอกลายเป็นคนมีชื่อเสียงและโลดแล่นอยู่ในวงการธุรกิจบันเทิงและกลายเป็นเจ้าชายแห่งชาติที่มีเสน่ห์ต่อหัวใจของหญิงสาว
เธอ ‘หัวหน้าแม่มดแห่งเมียวเจี่ยง’ เกิดใหม่ในร่างสาวน้อยที่น่าสมเพชที่ถูกทุกคนรุมรังแก เธอกลายเป็นคนมีชื่อเสียงและโลดแล่นอยู่ในวงการธุรกิจบันเทิงและกลายเป็นเจ้าชายแห่งชาติที่มีเสน่ห์ต่อหัวใจของหญิงสาว
หลิงจื่อนอนไม่หลับ เธอไม่มีนิสัยชอบงีบหลับตอนบ่าย เนื่องจากเธอไม่มีอะไรจะทำนอกจากนอน เธอจึงเดินไปที่โต๊ะและเริ่มอ่านหนังสือ
เธอมองดูคำถามและเข้าใจได้ในทันที
อืม อย่างน้อยเจ้าของร่างนี้ก็พอมีพื้นฐานอยู่บ้าง
“ท่านลอร์ดจื่อ ท่านสามารถเข้าเรียนใน Molk ได้จริงหรือขอรับ?”
“คิดว่านะ อาจจะ...” เรื่องอื่นเธอมั่นใจ แต่เรื่องเรียนเธอชักไม่มั่นใจ
เจ้าของร่างเดิมไม่มั่นใจในอะไรเลย แต่ผลการเรียนของเธอดีมาก
กลายเป็นว่าตอนนี้พวกเธอต่างเติมเต็มจุดด้อยของกันและกัน
“เฮ้อ....” ถังหยวนถอนหายใจ “ท่นลอร์ดจื่อ ร่างกายของท่านยิ่งมีแต่อ่อนแอขึ้นเรื่อยๆ...”
หลิงจื่อชินที่ถังหยวนชอบพูดไปประเด็นอื่น เธอยิ้มจางๆ “ข้าจะตายไหม?”
“ถังหยวนใช้ความสามารถทั้งหมดแล้ว ตอนนี้ถังหยวนก็ไม่ต่างจากทารก ถังหยวนทำได้เพียงช่วยท่านลอร์ดจื่อทำลายจอมอนิเตอร์ นอกนั้นถังหยวนก็ทำอะไรไม่ได้เลย”
“เอาเถอะ ตราบใดที่เจ้ายังไม่ตาย” หลิงจื่อยิ้มแห้ง จากนั้นเธอก็พูดพลางใช้ความคิดไปด้วย “ตอนนี้ข้าไม่มีเงินแล้วข้าจะหาเงินยังไงดี?”
ถังหยวนไม่ได้พูดอะไร หลิงจื่อรู้ว่ามันกำลังโทษตัวเอง ช่วยให้เธอมีชีวิตอยู่ แต่อีกไม่นานเธอก็จะต้องตายอีกครั้ง
แม้ว่าราชากู่จะต้องตายตามถ้าหากเธอตาย มันไม่ได้สนใจเรื่องความเป็นความตายของตัวมันเอง แต่เป็นห่วงชีวิตเธอ
หลิงจื่ออ่านหนังสือเป็นเวลานานและคิดว่ามันก็สนุกดี
ชาติก่อนทุกครั้งที่ไปเรียนเธอมักจะหลับในห้องเรียน และเอาแต่หาเรื่องทะเลาะกับเหล่าพี่น้อง จนลืมไปว่าเธอเองเป็นผู้หญิง
ตึก ตึก ตึก… เสียงฝีเท้าตรงทางเดินด้านนอก
“หลิงจื่อ ไปกินข้าว เร็วเข้า พวกเรารอแกอยู่คนเดียว!” เสียงของหลิงอิงดังมาจากข้างนอกประตู
หลิงจื่อยืนขึ้นและแตะต่างหูของเธอ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้างดงาม
เมื่อเธอเดินออกไป หลิงอิงก็หายตัวไปแล้ว หลิงจื่อเดินลงไปข้างล่างอย่างไม่รีบร้อน
ทั้งครอบครัวกำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น กำลังหั่นแตงโมและกำลังกินอยู่ เมื่อหลิงเซียวเห็นเธอ ร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านอย่างเห็นได้ชัด
“เป็นอะไรไป?” หลิงเซิงสังเกตว่าหลิงเซียวรู้สึกกลัวเล็กน้อย เขาจึงขมวดคิ้ว ถามด้วยความสงสัย
“ไม่...ไม่มีอะไร” หลิงเซียวไม่กล้าพูดอะไร ใบหน้าของหลิงจื่อทำให้เขาไม่กล้าพูดอะไร...
ไม่กล้าแม้แต่จะบอกพี่ชายตัวเอง
หลิงจื่อรู้จักนิสัยของหลิงเซียวดี เธอส่งยิ้มเยาะเย้ยให้เขา
“อาจื่อ มานี่ มากินแตงโมเร็ว” มู่เสวี่ยหลิงมองดูเขาอย่างเป็นมิตรและยื่นแตงโมให้เขา
“ผมไม่ชอบแตงโม” หลิงจื่อขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นเธอก็มองไปที่หลิงเจิ้นเซิง “ไหนบอกว่ารอผมอยู่ไม่ใช่เหรอ? ไม่ไปเลยล่ะครับ?”
หลิงเจิ้นเซิงเหลือบมองหลิงจื่อ แล้ววางของในมือลง "ไปกันเถอะ"
หลิงจื่อเป็นคนแรกที่เดินนำหน้า หลิงอิงกำลังเคี้ยวแตงโมได้ครึ่งชิ้น เธอทำได้เพียงวางมันลงอย่างไม่เต็มใจ
ไอ้บ้าหลิงจื่อนี่...
ปกติกว่ามันจะย่างเท้าออกจากบ้านได้ก็มัวแต่พิรี้พิไรอยู่นั่น
แต่ทำไมวันนี้ถึงรวดเร็วนัก?
หลิงเซียวไม่กล้าพูดอะไร เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเมื่อกลับถึงห้อง กว่าจะทำใจสงบลงได้ก็ใช้เวลานานพอสมควร หลิงจื่อเปลี่ยนไปอย่างกับคนละคน
เขาต้องถูกผีเข้าสิงแน่ๆ พ่อกับแม่ไม่มีทางเชื่อคำพูดของเขาหรอก
นั่นเป็นเหตุผลที่เขาไม่พูดอะไรเลย เขาต้องการที่จะสังเกตหลิงจื่ออย่างระมัดระวัง
หลิงจื่อและหลิงเจิ้นเซิงนั่งในรถคันเดียวกัน ในขณะที่อีกสี่คนนั่งในรถอีกคัน
"แม่! ทำไมครอบครัวของเราถึงกลายเป็นแบบนี้ตั้งแต่ไอ้บ้าหลิงจื่อปรากฏตัว?”
“เขาเป็นพี่ชายของลูก” มู่เสวี่ยหลิงลูกศีรษะลูกสาว “ลูกต้องทำตัวดีกับเขาหน่อย”
“มันไม่ใช่พี่ชายของหนู!” หลิงอิงจ้องไปที่รถคันข้างหน้าด้วยสายตาเกลียดชัง “แม่รู้ไหม? มันถามพ่อในห้องว่ายังเป็นห่วงแม่ของมันอยู่หรือเปล่า แม่เลวๆ ของมันที่ล่อลวงพ่อ จนคลอดมารหัวขนอย่างมันออกมา ตอนนี้มันยังเข้ามาอยู่ในบ้านของเรา และยังกล้าพูดถึงแม่เลวๆ ของมันด้วย!”
“แล้วพ่อของลูกพูดกับเขาว่ายังไง?” ร่องรอยของความโหดเหี้ยมแวบผ่านดวงตาของมู่เสวี่ยหลิง
-----------------------
มีการแก้ไขชื่อที่ผิดนะคะ สามารถย้อนกลับไปอ่านใหม่ได้ แก้ไขให้แล้วค่ะ
พ่อขอหลิงจื่อ = หลิงเจิ้นเซิง
แม่เลี้ยงของหลิงจื่อ = มู่เสวี่ยหลิง