Your Wishlist

จอมยุทธ์เจ้ายุทธจักร (วางแผนซับซ้อนซ่อนกลกลอกกลิ้ง)

Author: หยกเหินลม

เมื่อยุทธภพแบ่งออกเป็นสอง มารยึดครองยุทธจักร คัมภีร์ยุทธ์ที่สาบสูญกลับคืนสู่บู๊ลิ้ม บุญคุณความแค้นรอการสะสาง หนี้เลือดต้องล้างด้วยเลือด เด็กน้อยผู้หนึ่งจะก้าวขึ้นมาเป็นเจ้ายุทธจักรได้เช่นไร หนึ่งคัมภีร์สยบกระบวนท่า หนึ่งเคล็ดวิชาดรรชนี สุริยันจันทราปรากฏในปถพี สยบไปหมื่นลี้ร้อยมณฑล

จำนวนตอน :

วางแผนซับซ้อนซ่อนกลกลอกกลิ้ง

  • 27/09/2565

 ตอนที่ 203

วางแผนซับซ้อนซ่อนกลกลอกกลิ้ง

จอมยุทธ์ผู้กล้า ย่อมสง่าผ่าเผยองอาจ กระทำการยึดมั่นคุณธรรมหาญกล้า แต่ทว่ากับชนชั้นอันธพาลชั่วช้า บางคราอาจต้องใช้ยุทธวิธีที่แตกต่าง กับคนดีดีตอบท่านชอบเราให้ กับคนร้ายร้ายตอบจึงชมชอบสมเหตุผล “คน” ล้วนผสมผเสปนเปคละเคล้า หัวนอนปลายเท้าชาติกำเนิด ร้อยบิดรพันมารดาจึงรู้หน้ามิรู้ใจ ให้ระลึกนึกไว้ให้ขึ้นใจ “อย่าได้ไว้ใจคน” หยั่งใดใดได้หมายมาด หยั่งใจไม่อาจคาดคำนวณ

สายลมพัดหอบเอาความชื้นเย็นเยียบบนผิวน้ำในสระมาวูบหนึ่ง เสื้อจีวรบนร่างของหลวงจีนเส้าหลินถู่ฝูกระพือลู่ไปด้านหลัง จากนั้นสรรพสิ่งรอบข้างพลันเงียบลงฉันพลัน หลวงจีนรูปนั้นขยับริมฝีปากกล่าวถามว่า

“ผู้เฒ่าทั้งสอง ไฉนพวกท่านจึงเงียบไปไม่ตอบคำ ใช่พวกมันสามคนเดินทางมาถึงแล้วกระมัง?”

เยี่ยนผิงส่งเสียงกล่าวตอบออกไปว่า

“พวกมันสามคน ท่านกำลังหมายถึงผู้ใด?”

น้ำเสียงที่กล่าวตอบแปลกไประคายหูอย่างยิ่ง พอได้ยินเช่นนั้น หลวงจีนชั่วถู่ฝูหูผึ่งทะลึ่งร่างพรวดพราดขึ้นฉับพลัน ปานว่ามันนั่งทับก้อนถ่านไฟแดงฉานในเตาฟืน ถลึงตากร้าวจ้องเขม็งมองมายังต้นเสียง สีหน้าตระหนกตกใจเล็กน้อย ในสายตาเจือความประหลาดใจสงสัยอยู่บ้าง เมื่อเห็นชัดว่าผู้ที่ส่งเสียงกล่าวเป็นผู้ใด อีกทั้งยังมีทารกวัยเยาว์ไม่ทราบประวัติชัดเจนอีกผู้หนึ่ง รีบปรับเปลี่ยนสีหน้าเย็นชาราบเรียบ ส่งเสียงกล่าววาจาราบเรียบเช่นเดียวกันว่า

“ที่แท้เป็นสีกาเยี่ยนผิง ประสกผู้นี้เล่า?”

เอียวอั้งเย๊าะแม้ไร้การศึกษาอยู่บ้าง แต่กระนั้นยังรู้จักมารยาทธรรมเนียม ประสานมือขึ้นส่งเสียงกล่าวแนะนำตนเองว่า

“เดิมเราไม่แน่ใจในชื่อแซ่ แต่ทว่าหลายคนล้วนเรียกเราเป็นปวยอั้งเย๊าะ จำเดิมเราเป็นคนจรหมอนหมื่นในถิ่นนี้ โชคดีมีวาสนาในคราเคราะห์ ได้ท่านเจ้าป้อมตระกูลเอียวแห่งคอกปศุสัตว์ป้อมอาชามังกรเขียว เมตตารับตัวเราเอาไว้เป็นบุตรบุญธรรม ดังนั้นเวลานี้เราจึงมีแซ่เอียวนามอั้งเย๊าะ”

หลวงจีนเส้าหลินถู่ฝูส่งเสียงร้องอ้อคำหนึ่ง แล้วกล่าวว่า

“ที่แท้เป็นคนของป้อมสกุลเอียว ประสกมากันเพียงสองคนดอกรึ? ทารกแซ่หยางปู้ผู้นั้นเล่า มิทราบว่าตอนนี้มันไปมุดหัวอยู่ที่ใด?”

เยี่ยนผิงยกสองแขนขึ้นกอดอกยกไหล่ เชิดหน้าสอดส่ายสายตาสำรวจมองชาวบ้านเหล่านั้นไปมาเที่ยวหนึ่ง จึงหันมาส่งเสียงกล่าววาจาตอบหลวงจีนเส้าหลินถู่ฝูว่า

“ท่านถามหาทารกแซ่หยางปู้ด้วยเรื่องราวอันใด? ใช่ท่านกับมันรู้จักมีความสัมพันธ์ฉะนั้นรึ? เราขอบอกกล่าวให้ท่านทราบได้ไม่ปิดบัง มันผู้แซ่หยางปู้ไปกระทำเรื่องราวดีงามประการหนึ่ง ท่านเล่าเอาชาวบ้านเหล่านี้มามัดล่ามไว้ที่นี่ทำกระไร? หากจะให้เราคาดเดาคงมิใช่เรื่องราวดีงาม สารรูปของท่านนั้นบ่งบอกชัดเจนเพียงนี้ มีแต่เรื่องชั่วช้าสามานย์ ท่านจึงถนัดจัดการได้อย่างไร้ยางอาย โดยไม่เกรงฟ้ากลัวดิน”

หลวงจีนชั่วถู่ฝูส่งเสียงหัวร่อฮา ๆ แค่นวาจากล่าวตอบราบเรียบว่า

“ประสกท่านนี้ นับว่ามีหูตาปราดเปรียวรอบรู้อย่างยิ่ง ทราบได้เช่นไร? ว่าเราเอาชาวบ้านเหล่านี้มาซ่อนไว้ใช้เป็นตัวประกัน ถูกต้องของท่านที่กล่าวเมื่อครู่ เรื่องราวดีงามเรานั้นกระทำเมื่ออยู่ต่อหน้าอาจารย์เท่านั้น เพียงแต่เวลานี้เราอยู่นอกเขตวัดอันศักดิ์สิทธิ์ จึงมิคิดยึดติดกิจสำรวม สีกาท่านน่าจะรู้ใจเราดีกว่าผู้ใด?”

หลวงจีนชั่วถู่ฝูหยุดกล่าววาจาเล็กน้อย สายตาแทะเล็มชอนไชโลมไล้เรือนร่างอิสตรี ส่งเสียงกล่าววาจาน่าเกลียดน่าบัดสีต่อทันทีว่า

“ในเวลานี้มีแต่เราที่จะดีต่อท่าน สำหรับกับผู้อื่นนั้นพวกมันพากันจากโลกนี้ไปแล้ว บุคคลแรกเป็นประมุขน้อยจ่านจือที่ตายจากท่านไปก่อน คนที่สองเป็นมารขลุ่ยเงินคร่าวิญญาณเยิ่นหว่อถิง มันก็ใช้ความตายทิ้งท่านไปอีกเช่นกัน หรือว่าสีกาที่ข้างกายพกพาทารกแซ่เอียว สืบเนื่องด้วยอารมณ์เปล่าเปลี่ยวคิดหาชายใหม่ไว้...”

หลวงจีนชั่วเส้าหลิน มันกล่าววาจาอันน่าเกลียดยังมิทันจบประโยค บัดนั้น เอียวอั้งเย๊าะกระชากเสียงกล่าวสอดสวนขึ้นก่อนว่า

“หยุดกล่าววาจาชั่วช้าสามานย์ของท่านไว้ อย่าได้ใช้วาจาน่าเกลียดล่วงเกินหยามเกียรติพี่สาวท่านนี้เด็ดขาด เราเอียวอั้งเย๊าะเพราะอายุเยาว์ แต่ทว่าเรานับถือนางเป็นดั่งพี่สาวผู้หนึ่ง ซึ่งวาจาที่ท่านกล่าวเมื่อครู่มีความหมายเป็นเช่นไร? ท่านเป็นบรรพชิตจิตใจควรสะอาด มิควรกล่าวมุสาวาทอันหยาบช้า อีกทั้งกิริยามารยาทมิควรหยาบกระด้างดั่งกรวดทราย ท่านเป็นหลวงจีนมีศีลควรสำรวมสงบจึงถูกต้อง รีบกล่าวคำขอขมาต่อพี่สาวท่านนี้เร็วเข้า”

หลวงจีนชั่วถู่ฝูระเบิดเสียงหัวร่อปานแผ่นฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย ใช้สายตาอันน่าขยะแขยงจ้องมองมายังคนทั้งสอง จากนั้นส่งเสียงกล่าววาจาว่า

“อย่าว่าแต่ศีลข้อมุสาวาทา แม้แต่ข้อปาณา อทินนา กาเม และข้อสุราเมระยะ อาตมาเพียงแต่อาราธนาอยู่แต่ในวัด แต่เมื่อก้าวขาออกมาภายนอกมิต้องเคร่งครัดเพียงนั้น มิว่าศีลข้อใดในห้าข้ออาตมาล้วนละเมิดมาหมดสิ้น โดยเฉพาะข้อปาณาห้ามมิให้ฆ่าคน มารดามันเถิด แม้แต่องคุลีมารท่านยังฆ่าคนไปถึงหนึ่งร้อยเก้าสิบเก้าคนจึงหยุด อาตมายังเข่นฆ่ามิได้ถึงครึ่งหนึ่งของท่าน ดังนั้นไฉนจึงต้องสนใจในชีวิตอันไร้ค่าของชาวบ้านชาวป่าเหล่านี้ด้วย”

เยี่ยนผิงนางส่งเสียงตวาดด่าออกไปว่า

“ต่ำช้าสามานย์สันดานเดรัจฉานโฉดชั่ว น่ากลัวว่าท่านอาจจะมิได้ตายดีเป็นแน่แท้ สองเฒ่าพิษมันทั้งสองล้วนวิเศษนัก รู้จักให้กำเนิดทารกออกมาได้ประเสริฐ บิดามารดาล้วนเป็นตัวชั่วช้าอันโสโครก บุตรที่มันผสมพันธุ์เกิดมาจากรกสุนัข จึงมีสันดานจัญไรมิใช่คน หลวงจีนชั่วถู่ฝูรับรู้เอาไว้ด้วย ท่านนี้เป็นลูกไม้ที่หล่นไม่ไกลต้นเลยจริง ๆ”

หลวงจีนชั่วถู่ฝู่มันมิแสดงอาการโกรธ ส่งเสียงหัวร่อพึงพอใจในคำด่า ส่งเสียงกล่าววาจาว่า

“อาตมาถือว่านี่เป็นคำชมจากปากของหญิงงาม ความจริงสีกาสวมอาภรณ์เสื้อผ้า ยังงดงามสะคราญโฉมกระทั่งอาตมายังต้องตะลึงลาน หากทว่าเปลือยเปล่าจะงดงามสักปานไหน? เสียดายเยิ่นหว่อถิงมันเกือบจะได้เชยชม เสพสมเรือนกายอันน่าคลั่งตายของท่านแล้ว เพียงแต่มันอายุสั้นพลันตายไปเสียก่อน สำหรับกับประมุขน้อยจ่านจือ มันยิ่งยึดมั่นสัตย์ซื่อถือเกียรติยศ แม้แต่ปลายก้อยคิดว่ามันยังมิกล้าแตะต้องท่าน หญิงงามเช่นท่านรู้จักรักถนอมพรหมจารีที่บริสุทธิ์ ยากนักที่ในชีวิตนี้ของอาตมาจะมีวาสนาได้พบพาน เช่นนั้นวันนี้พวกเราใช้สุสานร้างแห่งนี้เป็นสถานที่ของสองเรา มีเหล่าชาวบ้านเหล่านี้เป็นสักขีพยาน ส่งหนุ่มสาวเข้าเรือนหอเป็นผัวเมียดีหรือไม่?”

ยามนั้น เอียวอั้งเย๊าะชักกระบี่จี้ปราดกราดเกรี้ยวเข้ามา ด้วยกระบวนท่าในวิชากระบี่สายรุ้งหยกขาว ปากตวาดลั่นสำทับว่า

“อลัชชีชั่วช้า หยุดกล่าววาจาสุนัขโสโครกของท่าน”

เยี่ยนผิงนางจะส่งเสียงร้องทัดทาน แต่ทว่ามิทันกาลสายเกินไปแล้ว ปลายกระบี่จ่อจี้เข้าใส่ลิ้นปี่หลวงจีนชั่วถู่ฝูอยู่ห่างไม่ถึงครึ่งนิ้ว กระบวนท่านี้ที่เอียวอั้งเย๊าะใช้เรียกว่า รุ้งทองคะนองฝนฟ้า หลวงจีนชั่วถู่ฝูเบี่ยงตัวหมุนกายออกไปด้านข้าง ส่งเสียงตวาดลั่นน้ำเสียงตื่นเต้นว่า

“กระบวนท่าวิชากระบี่ที่ดี ทารกโสโครกผู้นี้ที่แท้เป็นศิษย์พรรคกระยาจก?”

กล่าววาจาจบ หลวงจีนชั่วถู่ฝูพุ่งร่างทะยานขึ้นกลางอากาศ ตวัดฟาดฝ่ามือเกิดเป็นเสียงดังหวืดหวืออยู่ในเวหา เพียงจู่โจมก็ใช้ออกด้วยฝ่ามืออรหันต์เส้าหลิน คิดกำจัดเอียวอั้งเย๊าะให้แดดิ้นสิ้นชื่อไปในฝ่ามือเดียว

เอียวอั้งเย๊าะมาตรว่ามีเพลงกระบี่ที่เกรี้ยวกราด แต่ทว่าพลังการฝึกปรือถือว่ายังอ่อนด้อย กำลังภายในยังมิเข้าที่เข้าทางลมปราณยังไม่ต่อเนื่อง มันยังต้องเรียนรู้ฝึกฝนอยู่อีกมาก ดังนั้นเมื่อร่างของถู่ฝูพุ่งมาในอากาศครอบคลุมอยู่เหนือศีรษะ ฝ่ามือยังมิบรรลุถึงแต่ปราณพลังไร้สภาพทะลักทะล้นดั่งมหรรณพ มือขวาที่ถือกระบี่ยกขึ้นปกป้องศีรษะอย่างยากเย็น เห็นท่าว่าครานี้ชีวีคงมิเหลือรอดออกไปได้อีก

เยี่ยนผิงนางเห็นแล้วคำนวณได้ไม่ผิดพลาด เอียวอั้งเย๊าะไม่อาจหลบรอดฝ่ามือนี้ของถู่ฝูไปได้เด็ดขาด มันมีแต่ต้องตายสถานเดียว ดังนั้นกระโดดปราดขึ้นดั่งนางแอ่นถลาลม สองมือสลับรวดเร็วมองแทบไม่ทัน เสียงซี่ซี่ซ่าซ่าดังระรัวถี่ยิบราวข้าวตอกแตก จุดแต้มสีน้ำเงินกระจายเต็มฟ้าเข้าใส่ร่างของหลวงจีนถู่ฝูในอากาศ มันเห็นเช่นนั้นสีหน้าแปรเปลี่ยนชะงักร่างแต่กลางคัน สะกิดปลายเท้าเข้ากับข้อเท้าอีกข้างหนึ่ง หยิบยืมสภาวะพลังเปลี่ยนท่าร่างกลางอากาศ พลิกร่างหลายตลบออกทางด้านข้างไปหลายวา เมื่อสองเท้าสัมผัสพื้นปากส่งเสียงตวาดลั่นเกรี้ยวกราดดังว่า

“เข็มด้ายแดงปิดจุด ไฉนฝีมือการซัดขว้างของท่านจึงรุดหน้าร้ายกาจได้เพียงนี้”

เยี่ยนผิง นางทิ้งเท้าลงสู่พื้นเช่นกัน พลันส่งเสียงกล่าวตอบว่า

“นี่เป็นวิชาซัดอาวุธลับที่บิดามารดาคิดค้นขึ้นมาใหม่ เรียกว่า โพธิสัตว์พันกร กวนอิมพันมือ หรือว่าหลวงจีนเดรัจฉานชั่วช้าอย่างท่านก็เกรงกลัวด้วย แต่เราขอกล่าวเอาไว้ก่อนแต่เนิ่น ๆ เมื่อเราใช้ออกอีกครั้งหากท่านหลบรอดพ้นก็ให้มันรู้ไป คิดว่าไม่มีเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นได้แน่นอน”

หลวงจีนชั่วถู่ฝูเกรงกลัวอาวุธลับเข็มพิษ เนื่องด้วยฝีมือของมารดามันนั่นคือยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้ว ล้วนมีวิชาซัดอาวุธลับเข็มพิษอันน่ากลัว รู้ตัวว่าด้านพลังฝีมือย่อมอยู่เหนือกว่า แต่ทว่าเรื่องอาวุธลับเข็มพิษมันยังไม่กล้าเสี่ยง เพียงแต่มันยามกะทันหันอาจหลงลืมไปว่า เยี่ยนผิงนางสังกัดสำนักมาตรฐานคุณธรรม ดังนั้นเข็มด้ายแดงปิดจุดของนางจึงไม่มีพิษ นางเองจุดประสงค์เพียงต้องการยับยั้ง รั้งกระบวนท่าเมื่อครู่ของถู่ฝูเอาไว้ เพื่อช่วยเหลือสหายน้อยเอียวอั้งเย๊าะให้รอดตาย สืบเนื่องด้วยนางยังมีลวยลายที่จะใช้กับมันอยู่อีกมาก

เมื่อเห็นว่าหลวงจีนเส้าหลินถู่ฝูหยุดมือลง ปรี่ตรงเข้าไปหาเอียวอั้งเย๊าะส่งเสียงกล่าวถามด้วยความห่วงใยว่า

“สหายน้อยแซ่เอียว ท่านเป็นเช่นไร ได้รับบาดเจ็บส่วนไหนของร่างกายหรือไม่?”

ยามนั้น เอียวอั้งเย๊าะพอรู้ตัวว่ารอดพ้นฝ่ามือเมื่อครู่ พ่นระบายลมหายใจออกจากปากอย่างโล่งอก สอดกระบี่คืนฝักส่งเสียงกล่าวตอบว่า

“ขอบคุณพี่สาวที่ช่วยเหลือชีวิตเราเอาไว้ได้ทัน มิเช่นนั้นเราคงกลับกลายเป็นผีไปแล้ว หลวงจีนชั่วผู้นี้ฝีมือน่ากลัวจริง ๆ ดั่งที่พี่สาวเล่าให้ฟัง โชคดีที่เรามิได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด?”

เยี่ยนผิงนางหันมาทางด้านหลวงจีนเส้าหลินถู่ฝู ส่งเสียงตวาดลั่นกล่าววาจาต่อมันว่า

“เดรัจฉานมารดาท่าน ป่านนี้สองเฒ่าพิษยังไม่ปรากฏตัว ท่านมิแปลกใจกระไรเลยรึ? มันทั้งสองหายตัวไป ใช่ตอนนี้ตี่ตี๋แซ่หยางปู้ของข้าพเจ้าก็มิได้มาด้วย หรือว่าท่านไม่ต้องการไปช่วยบิดามารดาของท่านจากความตาย?”

หลวงจีนชั่วถู่ฝูพอได้ฟัง พลางแสดงสีหน้าสงสัยในคำพูดของเยี่ยนผิง ความจริงมันรู้สึกว่าไม่ถูกต้องเท่าใดนักตั้งแต่ต้น แปลกใจที่หยางปู้ชุยชิวไม่ได้มาด้วย บิดามารดาของมันก็พลันหายตัวไปในเวลาเดียวกัน ดังนั้นจะต้องเกิดเรื่องราวใดไม่คาดฝัน ซึ่งมันยังไม่ทราบและมิอาจคาดเดาเอาเองได้ ดังนั้นส่งเสียงกล่าวถามออกไปต่อเยี่ยนผิงว่า

“บิดามารดาของอาตมาอยู่ที่ใด? เกิดเรื่องราวใดขึ้นกับผู้เฒ่าทั้งสอง สีกาหากท่านที่เดินทางมาที่นี่ เพราะมีข้อแลกเปลี่ยนให้รีบกล่าวออกมา อาตมาคล้ายยังพอมีเมตตารับฟังข้อเสนอแลกเปลี่ยน”

เยี่ยนผิงล้วงห่อผ้าเล็ก ๆ ที่ซอกเอวออกมา จากนั้นซัดขว้างดั่งอาวุธลับ เสียงดังขวับเขวียวเบา ๆ เข้าใส่ร่างหลวงจีนเส้าหลิน หลวงจีนรูปนั้นตวัดฝ่ามือออกคว้ารับไว้ นางส่งเสียงกล่าวว่า

“ห่อผ้าในมือของท่าน เป็นบิดามารดาท่านไหว้วานให้เราสองคนนำมามอบให้ อยากทราบว่าในห่อผ้าเป็นสิ่งของใด? ไฉนจึงไม่รีบเปิดออกดูโดยพลันเดี๋ยวจะมิทันกาล ขืนมัวชักช้าเนิ่นนานมันสองคนพลันทรมานสิ้นใจตายไปเสียก่อน”

หลวงจีนชั่วถู่ฝูรีบเปิดห่อผ้าในมือออกดู พอรู้ว่าในห่อผ้าเป็นสิ่งของใด ใบหน้ามันแปรเปลี่ยนตระหนกตกใจ ในห่อผ้าเป็นเศษผมของบิดามารดามันจดจำได้ ศีรษะทั้งสองของบิดามารดามัน ใช่จะมีผู้ใดสามารถเขาไปใกล้ได้โดยไม่ได้รับอนุญาต มาตรว่ามิใช่เศษผมสองก้อนนี้ สมควรเป็นบิดามารดามันหั่นออกมอบให้กับมือ มันพลันรู้สึกวิตกสะทกสะท้านปานสายฟ้าฟาดผ่าน คร่ำครวญระลึกนึกขึ้นในใจว่า

บิดามารดามีวิชาฝ่ามือเข้มแข็ง วิชาพิษยิ่งพิสดารยากที่จะมีผู้ใดต้านทานรับได้ ไฉนจึงได้ไหว้วานนางมารน้อยผู้นี้ให้นำเศษผมนี้มา หรือว่าบิดามารกำลังประสบเคราะห์กรรมอันน่าตระหนกแล้วจริง ๆ”

คิดได้เช่นนั้นมิอาจผลีผลาม ห่อเก็บเศษผมใส่ห่อผ้าซุกไว้ในอกเสื้อ ส่งเสียงกล่าวถามกับคนทั้งสองว่า

“พวกเจ้าทั้งสองยอมเดินทางเข้ามายังสุสานร้าง เป็นธุระเรื่องราวแก่บิดามารดา มีข้อเสนอแลกเปลี่ยนใดให้รีบกล่าวมา?”

“โชคดีที่ท่านยังมิทันเข่นฆ่าพวกเรา หากมิเช่นนั้นเศษผมของบิดามารดาท่านจึงมิได้มอบออกไป แม้แต่ร่างสังขารของพวกมันทั้งสอง ท่านก็อาจค้นหามิพบ ศพกระดูกอาจกลายเป็นอาหารสุนัขป่า หากอยากทราบว่าบิดามารดาของท่านอยู่ที่ใด? รีบปลดปล่อยชาวบ้านเหล่านี้ให้กับเราก่อน”

หลวงจีนชั่วถู่ฝูคล้ายกับมันจะยังมิยินยอม แต่ทว่าบิดามารดาหากมิพลาดท่าป่านนี้คงมาปรากฏตัวแล้ว ดังนั้นแผนการยังมิลุล่วง รู้สึกเป็นห่วงบิดามารดาถือว่าสมควรมาเป็นอันดับแรก จึงพยักหน้าส่งเสียงกล่าวโดยไม่ค่อยยินยอมพร้อมใจนักว่า

“ตกลง เราจะปลดปล่อยพวกมันไปชั่วคราวก่อน หากบิดามารดาของเราปลอดภัยค่อยจัดการกับพวกมันทีหลัง”

กล่าววาจาจบ หลวงจีนชั่วถู่ฝูมันสะอึกเข้าไปหากลุ่มชาวบ้านเหล่านั้น ลงมือแก้มัดเชือกพันธนาการชาวบ้านเหล่านั้นออก ทางด้านเยี่ยนผิงนางลากแขนเอียวอั้งเย๊าะมาอีกทางหนึ่ง ส่งเสียงกล่าวกำชับกับมันว่า

“สหายน้อยแซ่เอียว ท่านเป็นงูเจ้าถิ่นพื้นเพแถบนี้ เราจะหลอกล่อหลวงจีนชั่วนี้ไปหาบิดามารดามัน บนเศษผมในห่อผ้าที่อยู่กับตัวมัน เราได้โรยผงฝุ่นหอมหมื่นลี้ลงไปแล้วจริง ๆ มิว่ามันจะไปที่ใดต่อจากนี้ ขอเพียงเราใช้วิธีการจะทราบได้ทันที ท่านรีบนำชาวบ้านไปในที่ปลอดภัย หาข้าวปลาอาหารน้ำดื่มให้กับพวกเขารับประทาน จากนั้นท่านรีบเดินทางล่วงหน้าไปรอเรากับสหายแซ่หยางปู้ที่ป้อมสกุลเอียว หลังจากเสร็จสิ้นธุระที่นี่แล้ว เราทั้งสองจะรีบติดตามไป หากทว่าท่านอยู่ด้วยจะอันตราย คล้ายกับเราสองคนเคลื่อนไหวไม่แคล่วคล่องสะดวกเท่าใด ท่านกลับไปทบทวนเคล็ดวิชากระบี่สายรุ้งหยกขาว รอพวกเราที่ป้อมอาชามังกรเขียว”

เอียวอั้งเย๊าะพยักหน้าเข้าใจ ทราบว่าพี่สาวแซ่เซียวมีแผนการอันซับซ้อน ตนหากรั้งอยู่ด้วยจะพลอยเป็นภาระ ชาวบ้านเหล่านี้ก็จะมิปลอดภัย ดังนั้นรับปากส่งเสียงกล่าวกับพี่สาวแซ่เซียวว่า

“เราเอียวอั้งเย๊าะจะเชื่อฟังวาจาของพี่สาว ชาวบ้านเหล่านี้เราทราบว่าจะพาไปที่ใด? พวกท่านทั้งสองมีมันสมองอันยอดเยี่ยม วิชาฝ่ามือนับว่าสูงส่งเลิศล้ำ แต่ทว่าอย่าได้ประมาทพลาดท่าต่อพวกมันสามคน สหายเราไม่ทราบว่ากลืนยาพิษเจ็ดหนอนพิษลงไป ป่านนี้จะมีอาการเป็นเช่นไรบ้างแล้ว?”

เยี่ยนผิงนางส่งยิ้มให้แก่มันคราหนึ่ง ยกมือขึ้นตบไหล่มันส่งเสียงกล่าวว่า

“สหายน้อยแซ่เอียว ท่านมิต้องเป็นห่วงสหายแซ่หยางปู้ของท่านดอก ยาพิษเม็ดนั้นทำอย่างไรมันมิได้แม้แต่ปลายขน หากท่านทราบประวัติความเป็นมาของสหายท่านในภายหลัง เกรงว่าจะอ้าปากขากรรไกรค้างไม่อยากเชื่อถือแน่นอน รีบกลับไปทบทวนวิชาฝ่ามือ ท่านเจ้าป้อมสกุลเอียวท่านมีน้ำใจคงช่วยชี้แนะท่านได้มากโข ทางนี้มิต้องวิตกเป็นกังวล คนอย่างพวกมันทั้งสามทำเยี่ยงไรพวกเรามิได้ง่ายดาย”

ยามนั้น หลวงจีนชั่วถู่ฝูแก้มัดพันธนาการชาวบ้านเหล่านั้นหมดสิ้นแล้ว ส่งเสียงกล่าวกับเยี่ยนผิงว่า

“สีกาท่านนี้ อาตมาปลดปล่อยพวกมันทุกคนหมดสิ้นแล้ว คราวนี้ท่านจะนำทางเราไปหาบิดามารดาของเราได้หรือยัง?”

เยี่ยนผิงยืดอกส่งเสียงกล่าวว่า

“พวกเราก็รีบไปเดี๋ยวนี้ สหายน้อยผู้นี้มันเป็นมุสิกใหญ่ในที่นี้ เราจะให้มันพาชาวบ้านไปในที่ปลอดภัย ในที่พวกเจ้าไม่อาจทำอันตรายพวกเขาได้ในภายหลังอีก ท่านพาชาวบ้านเหล่านี้เข้ามาทางใด? ท่านก็รีบนำหน้าเราออกไปทางนั้นเร็วเข้า”

หลวงจีนชั่วถู่ฝูรีบวิ่งปราดนำหน้าไปยังทิศทางด้านหนึ่ง ประตูศิลาบานนี้คล้ายถูกทุบทำลายคลายสลักไขกุญแจออก คนทั่วไปไม่อาจจะกระทำได้ แต่สำหรับผู้เยี่ยมยุทธ์ย่อมเป็นอีกเรื่องราวหนึ่ง

เยี่ยนผิงนางก้าวเท้าตามติดออกจากประตูสุสานร้างไป หันมาส่งรอยยิ้มให้แก่เอียวอั้งเย๊าะแวบหนึ่ง นางความจริงรู้สึกสนิทสนมกับมันผู้นี้ขึ้นมา คล้ายกับว่ามันเป็นน้องชายผู้หนึ่งของนางจริง ๆ

ยกเหินลม/ชล ชโลทร

 

17 เมษายน 2564
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป