ตอนที่ 177
วางเบ็ดล่อเหยื่อ
ยุทธภพอันแสนวุ่นวาย นอกเหนือจากแมกไม้ขุนเขาวิหคเหินแล้ว ยังมีนภาสุดสูงกับท้องสมุทรสุดลึก สุริยันเจิดจ้าควบคู่กับจันทราสาดส่อง ท้องนภายังกลาดเกลื่อนด้วยดาราพรายพร่าง ในยามอรุณรุ่งน้ำค้างพร่างพรม เมื่อตกค่ำคืนสายลมพัดโชยโปรยเมฆหมอกฟ้าฝนชุ่มฉ่ำ สรรพสิ่งที่กล่าวมาอาจจะแปรเปลี่ยนไปบ้าง แต่นั่นยังไม่น่ากลัวเท่าจิตใจคน ยุทธภพที่สับสน สิ่งที่สุดสะพรึงกลัวที่สุดคือคน
คนเมื่อสุดสะพรึงถึงเพียงนี้ คนดีคนร้ายไม่อาจแยกแยะ รู้หน้าแต่ทว่ามิอาจรู้ใจ บ้างหน้าเนื้อใจเสือ มือถือสากปากถือศีล บ้างจากสหายกลับกลายเป็นศัตรู ศิษย์คิดคดทรยศอาจารย์ แต่สำหรับกับจ่านจือแล้ว เขาถูกชาวยุทธจักรทำร้ายกระทั่งเกือบไม่อาจรักษาชีวิตเอาไว้ได้ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นยังมาถูกศิษย์ร่วมสำนักกับอาจารย์ต้องการให้เขาตาย แต่เมื่อเขาไม่ตายบัญชีนี้มีหรือที่เขาจะไม่เอาคืน รวมทั้งหนี้แค้นของบิดามารดา
จ่านจือมีแผนการอยู่ในใจเมื่อสองเฒ่าพิษมาปรากฏตัวได้จังหวะพอดิบพอดี ดังนั้นส่งเสียงกล่าวต่อวานรเหินเส้าฮ่วยฮวยว่า
“อาวุโสเส้าฮ่วยฮวย ท่านทราบหรือไม่? ในอดีตมีสำนักหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงเลื่องลือ ในเหตุการณ์ห้ำหั่นระหว่างพวกท่านกับสำนักต่าง ๆ บนเขาหมื่นเซียน ท่านทราบหรือไม่? ว่าไฉนสองนักฆ่าหน้ากากเงินจึงเป็นตัวปลอม?”
วานรเหินเส้าฮ่วยฮวยแสดงสีหน้าแปลกประหลาดใจ ในเหตุการณ์วันนั้นทารกน้อยผู้นี้มิได้อยู่ด้วย แต่ฟังจากวาจาที่กล่าวออกมาเมื่อครู่ คล้ายเด็กน้อยผู้นี้อยู่ด้วยในเหตุการณ์วันนั้น ดังนั้นแสดงสีหน้าสงสัยเอ่ยกล่าวถามว่า
“ทารกน้อยอันน่ารัก คล้ายกับเจ้ามีความรอบรู้อยู่มิน้อย แถมยังมีหูตาปราดเปรียว แม้แต่เหตุการณ์ในวันนั้นบนเขาหมื่นเซียน ยังมิอาจรอดพ้นหูตาของเจ้าไปได้ เรื่องนี้เราก็เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจเช่นกัน ในวันนั้นสองสามีภรรยาแซ่เซียว มันทั้งสองปลอมตัวเป็นสองนักฆ่าหน้ากากเงิน รายละเอียดเป็นเช่นใด?”
จ่านจือสาดประกายสายตาเจิดจ้า แต่ทว่าซุกซนปนความเจ้าเล่ห์อยู่หลายส่วน เผยรอยยิ้มขึ้นที่มุมปากส่งเสียงกล่าวถามว่า
“มิทราบว่าท่านทราบมาก่อนหรือไม่? โฉมหน้าอันแท้จริงของสองนักฆ่าหน้ากากเงินเป็นผู้ใด?”
วานรเหินเส้าฮ่วยฮวยแสดงสีหน้าฉงน แต่สำหรับยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้ว กับตาเฒ่าเข็มวิเศษฝ่านอี้เฉิน คนทั้งสองลอบสบสายตากัน สองเฒ่าพิษกำลังนึกคิดเรื่องราวใดอยู่ วานรเหินเส้าฮ่วยฮวยกล่าวตอบว่า
“เราย่อมทราบว่าภายใต้หน้ากากเงินของนักฆ่าทั้งสองเป็นผู้ใด? เนื่องจากพี่ใหญ่เราเป็นผู้ช่วยเหลือชีวิตพวกมันทั้งสองเอาไว้ เรื่องนี้เราแทบลืมเลือนไป กระทั่งมิได้สอบถามพี่ใหญ่ให้กระจ่าง ทารกน้อยเจ้ากล่าวเช่นนี้ หมายความว่าเจ้าเองก็ทราบว่ามันสองคนเป็นใคร?”
จ่านจือยังมิทันกล่าวตอบ เยี่ยนผิงเดินเข้ามาตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ นางสอดคำกล่าวขึ้นว่า
“มิเพียงแต่น้องชายผู้นี้ที่ทราบ ข้าพเจ้ายังทราบเช่นเดียวกับน้องชายท่านนี้ ในเหตุการณ์วันนั้นบิดามารดาของข้าพเจ้าปลอมเป็นสองนักฆ่าหน้ากากเงิน ดังนั้นข้าพเจ้าย่อมทราบเช่นกันว่าสองหน้ากากเงินที่แท้เป็นผู้ใด?”
ยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้วคล้ายกับมิเชื่อถือเท่าใดนัก กระชากเสียงกล่าวถามว่า
“โกวเนี้ยน้อย กับทารกน้อยอันประเสิรฐ เมื่อพวกเจ้าทั้งสองทราบก็จงรีบบอกออกมา สองนักฆ่าหน้ากากเงินที่แท้เป็นผู้ใด?” บิดามารดาของเจ้าปลอมเป็นพวกมัน แล้วพวกมันสองคนหายหน้าไปที่ใด?”
เยี่ยนผิงส่งเสียงกล่าวตอบว่า
“มิทราบว่าพวกท่านทราบแล้วใช่หรือไม่? แปดสำนักในเหตุการณ์บนเขาหมื่นเซียน เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับสำนักใด?”
วานรเหินเส้าฮ่วยฮวยส่งเสียงกล่าวตอบว่า
“เรื่องนี้ทุกคนล้วนทราบ แปดสำนักเข้าร่วมภายใต้สังกัดสำนักสี่ปีศาจ เพียงแต่สำนักสี่ปีศาจอาจจะมีชื่อเสียงในอดีต แต่เมื่อปีศาจแมงป่องเงินปึงคุ้น รับตำแหน่งเจ้าสำนักจากปีศาจค้างคาวแป๊ะอ้วง กระทั่งมันตายบนเขาหมางซาน หูเตี๋ยรับตำแหน่งเจ้าสำนักต่อจากมันยิ่งมิมีพิษสงอันใด? เยี่ยนผิงเจ้ากล่าวถึงสำนักดังกล่าว?”
เยี่ยนผิงหันมากล่าวถามจ่านจือว่า
“น้องชายท่านนี้ เจ้าทราบหรือไม่? แปดสำนักเข้าร่วมภายใต้สำนักสี่ปีศาจ ฟื้นฟูสำนักอันโด่งดังมีชื่อเสียงเลื่องลือในอดีต ที่เจ้ากล่าวถามอาวุโสเส้าฮ่วยฮวยเมื่อครู่ นางยังมิได้กล่าวตอบคำถามนี้กับเจ้า หรือว่านางมิทราบกันแน่?”
วานรเหินเส้าฮ่วยฮวยได้ยินเช่นนั้น เค้นเสียงกล่าวตอบทันทีว่า
“ไฉนเราจะมิทราบ ในอดีตนอกจากวัดเส้าหลิน สามสำนักที่มีชื่อเสียงกระเดื่อง หนึ่งคือสำนักตำหนักหมื่นเทพ สองเป็นหุบเขาวานร สามนั้นคือสำนักเทพอสูรฟ้า ชาวยุทธ์เล่าลือกล่าวขาน “สุริยันจันทราปรากฏผู้ใดกล้าต่อกร เทพอสูรจุติปกครองทั่วหล้า วานรผยองมังกรสยบ” ดังนั้นสำนักที่พวกเจ้ากล่าวถึงย่อมเป็นสำนักเทพอสูรฟ้าแล้ว”
จ่านจือส่งเสียงกล่าวตอบว่า
“ถูกต้อง เป็นสำนักเทพอสูรฟ้า สำนักแห่งนี้เมื่อย่อยยับด้วยน้ำมือศิษย์สี่คน สำนักสี่ปีศาจจึงถือกำเนิดขึ้นแถมยังมีชื่อเสียง เจ้าสำนักทั้งสองเป็นสองเฒ่าทารกสองปีศาจดำขาวพลิ้วบนยอดหญ้า ปีศาจดำเส้าไท่แป๊ะหยิน ปีศาจขาวเส้าไท่ซาโกว สองนักฆ่าหน้ากากเงินที่แท้เป็นสองปีศาจที่สาบสูญของสำนักสี่ปีศาจ”
จากนั้นเยี่ยนผิงส่งเสียงกล่าวต่อว่า
“ศิษย์สี่คนของสำนักเทพอสูรฟ้า ศิษย์พี่ใหญ่กับศิษย์พี่รองทั้งสองเป็นคู่รักกัน หลังจากก่อตั้งสำนักสี่ปีศาจจึงหายสาบสูญไป มาปรากฏตัวอีกครั้งกลับกลายเป็นสองนักฆ่าหน้ากากเงิน ส่วนพวกมันทั้งสองไปที่ใด? ปล่อยให้บิดามารดาข้าพเจ้าต้องปลอมเป็นมันสองคนได้ อีกสักครู่พวกท่านย่อมทราบ เพียงแต่ยังมีศิษย์อีกสองคนของสำนักแห่งนี้ มิทราบว่ายายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้ว ตาเฒ่าเข็มวิเศษฝ่านอี้เฉิน พวกท่านทั้งสองจะพอบอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้ออกมาได้หรือไม่?”
ยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้วส่งเสียงหัวร่อแปลกประหลาดพิกล กระทั่งตาเฒ่าเข็มวิเศษฝ่านอี้เฉินส่งเสียงกล่าวว่า
“ยายเฒ่า เกรงว่าค่ำคืนนี้พวกเราทั้งสองมิอาจปกปิดเรื่องราวเหล่านี้เอาไว้ได้ เช่นนั้นท่านจงบอกเล่าออกมาให้กับพวกเขาได้ทราบเถิด”
ยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้วแสดงสีหน้ายากอธิบาย แล้วส่งเสียงกล่าวออกมาว่า
“ศิษย์ที่เหลืออีกสองคนย่อมเป็นคู่รักกัน เป็นศิษย์พี่สามกับศิษย์น้องสี่ ศิษย์พี่ใหญ่กับศิษย์พี่รองได้ครอบครองคัมภีร์เทพอสูร ส่วนศิษย์อีกสองคนได้เพียงตำราหมื่นพิษเล่มหนึ่ง หลังจากเกิดเรื่องราวศิษย์ทั้งสองก่อตั้งสำนักอสรพิษดำ เช่นนี้พวกเจ้ากระจ่างแล้วสินะ? ว่าศิษย์ทั้งสี่ของสำนักเทพอสูรฟ้าเป็นผู้ใด?”
เยี่ยนผิงสบสายตากับจ่านจือ จากนั้นแสดงสีหน้าเจ้าเล่ห์แพรวพราวด้วยลวดลายของนาง จากนั้นส่งเสียงกล่าวถามกับสองเฒ่าพิษต่อว่า
“ยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้ว ตาเฒ่าเข็มวิเศษฝ่านอี้เฉิน เช่นนั้นพวกท่านก็ย่อมทราบว่า ศิษย์พี่ท่านสองคนที่เป็นคู่รักกันนั้น คนทั้งสองมีทารกพี่น้องสองคน คนโตเป็นบุรุษ คนน้องเป็นสตรี เพื่อต้องการครอบครองคัมภีร์เทพอสูร พวกท่านทั้งสองคร่ากุมสองพี่น้องเอาไว้ มิทราบว่าทารกทั้งสองเติบใหญ่เป็นผู้ใด? บัดนี้ยังคงมีชีวิตอยู่หรือไม่?”
สองเฒ่าพิษแสดงสีหน้าสีหน้าแปลกประหลาดอีกครั้ง ยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้วกระชากเสียงกล่าวตอบว่า
“ทารกอันใด? ศิษย์พี่ทั้งสองมิมีความสามารถคุ้มครองแม้แต่บุตรธิดา เรื่องราวล้วนผ่านมาเนิ่นนานปานนี้ แม่นางเยี่ยนผิงเจ้าจะมากล่าววาจารื้อฟื้นกระไรกัน? ป่านนี้พวกมันคงมิมีชีวิตอยู่แล้วกระมัง? เจ้ากล่าวถามเช่นนี้เพื่อจุดประสงค์อันใด?”
เยี่ยนผิงส่งเสียงกล่าวตอบว่า
“หากทารกสองคนยังมีชีวิตอยู่เล่า? ป่านนี้พวกเขาไปอยู่ที่ใด? ไฉนจึงยังไม่ปรากฏตัวออกมา ยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้ว ที่ท่านกล่าวถามว่าข้าพเจ้ากล่าวถามเรื่องนี้ด้วยจุดประสงค์ใด? คำตอบง่ายดายมิได้ซับซ้อน หากข้าพเจ้าเป็นทารกน้อยผู้นั้น จะต้องติดตามแก้แค้นผู้ที่คร่าจับกุมตัวข้าพเจ้าไว้เพื่อครอบครองคัมภีร์เทพอสูร อีกทั้งยังทำให้ครอบครัวของข้าพเจ้าต้องพลัดพราก เพียงสองประการนี้เพียงพอหรือไม่? กับจุดประสงค์ที่ข้าพเจ้ากล่าวถาม”
ยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้วส่งเสียงหัวร่อ จากนั้นส่งเสียงกล่าวตอบว่า
“แม่นางเยี่ยนผิง ที่เจ้ากล่าวมาย่อมมีเหตุผลอยู่บ้าง เพียงแต่เจ้ามิใช่ทารกน้อยผู้นั้น เรื่องนี้เจ้าอย่าได้กล่าวถึงอีกดีหรือไม่?”
จ่านจือแสดงสีหน้าขบคิด จากนั้นส่งเสียงกล่าวถามกับวานรเหินเส้าฮ่วยฮวยว่า
“อาวุโสเส้าฮ่วยฮวย หากเป็นท่านเล่า? สมมุติว่าท่านเป็นทารกน้อยที่พวกเรากล่าวถึง เป็นท่านยังจะคิดแก้แค้นแทนบิดามารดาบ้างหรือไม่?”
วานรเหินเส้าฮ่วยฮวย นางคล้ายกับว่าเรื่องราวนี้มิมีส่วนเกี่ยวข้องกับนาง ดังนั้นจึงส่งเสียงกล่าวตัดบทว่า
“เพียงแต่เรายังมิใช่ทารกน้อยผู้นั้น หรือว่าพวกเจ้าจะให้เราวานรเหินเส้าฮ่วยฮวย ยื่นมือแก้แค้นแทนทารกน้อยผู้นั้น?”
จ่านจือส่งเสียงหัวร่อชอบใจ ปรบมือชื่นชมส่งเสียงกล่าวว่า
“อาวุโสเส้าฮ่วยฮวย ข้าพเจ้าเพิ่งทราบว่าแท้จริงท่านเองก็มีน้ำใจอยู่ไม่น้อย หากท่านคิดจะแก้แค้นแทนทารกผู้นั้นจริง ๆ นับว่าประเสริฐนัก”
เยี่ยนผิงส่งเสียงกล่าวสนับสนุนทันทีว่า
“น้องชายท่านนี้เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง เพียงแต่บนเขาหมื่นเซียนพี่สาวกลับสืบทราบความลับมาประการหนึ่ง?”
จ่านจือรีบแสดงสีหน้ากระตือรือร้นสนใจ ส่งเสียงกล่าวถามรวดเร็วว่า
“พี่สาวท่านนี้ มิทราบว่าท่านสืบทราบความลับอันใด? ใช่เกี่ยวข้องกับสองทารกซึ่งมีความสัมพันธ์ กับศิษย์พี่ทั้งสองของสองเฒ่าพิษหรือไม่?”
เยี่ยนผิงดีดนิ้วคราหนึ่ง ส่งยิ้มชื่นชมกล่าวว่า
“น้องชายท่านนี้ เจ้าคาดเดาได้ถูกต้องทีเดียว ล้วนต้องเกี่ยวข้องกับสองทารกนั่น”
จ่านจือรีบส่งเสียงโพล่งถามว่า
“พี่สาว ท่านหมายความว่าทารกสองคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ เมื่อยังมีชีวิตอยู่ทารกสองคนที่แท้เป็นผู้ใดกัน?”
เยี่ยนผิงแสดงท่าทีขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นส่งเสียงกล่าวตอบออกมาว่า
“พี่สาวยังมิมั่นใจเท่าใดนัก เนื่องจากในค่ำคืนนั้นในป่าโปร่งบนเขาหมื่นเซียน สองเฒ่าลึกลับนัดพบกับหลวงจีนปริศนารูปหนึ่ง เรื่องราวของพวกมันทั้งสามที่สนทนากัน พอจับใจความได้ว่าทารกน้อยทั้งสองมีปานอยู่บริเวณกกหู แต่ถูกใช้พลังวัตรลบปานนั้นหายไป ไม่แน่นักถึงแม้จะลบปานนั้นหายไปได้ แต่ร่องรอยเลือนหายอาจไม่สนิทนัก อย่างน้องคงต้องทิ้งร่องรอยเอาไว้บ้าง”
ได้ยินเช่นนั้นสองเฒ่าพิษแห่งสำนักอสรพิษดำถึงกับระบายลมออกจากปากด้วยความโล่งใจ ถึงแม้เรื่องปานหลังกกหูที่ถูกลบไปด้วยลมปราณ ความลับนี้มีคนแอบได้ยิน แต่ค่ำคืนนั้นในป่าโปร่ง มันทั้งสองมั่นใจได้ว่ามิได้ระบุว่าปานดังกล่าวอยู่หลังกกหูด้านใด ตาเฒ่าเข็มวิเศษฝ่านอี้เฉินจึงส่งเสียงกล่าวถามบ้างว่า
“แม่นางเยี่ยนผิง เจ้ากล่าววาจาเมื่อครู่ คล้ายกับทราบว่าทารกสองคนนั้นอยู่ที่ใด? ในเมื่อเจ้าทราบก็รีบบ่งบอกออกมาเถิด เด็กทารกสองคนถึงกับมีปานสัญลักษณ์อยู่หลังกกหูด้วย เป็นผู้ใด?”
เยี่ยนผิงเฉลียวฉลาดเจ้าเล่ห์แสนกล สองเฒ่าพิษแม้ประสบการณ์อาจโชกโชน แต่สติปัญญาและมันสมองยังห่างไกลเยี่ยนผิงมากนัก ดังนั้นนางจึงขุดหลุมพรางวางเบ็ดเอาไว้ล่อเหยื่อ หลังจากหันมาประสานสายตากับจ่านจือวูบหนึ่ง จึงส่งเสียงกล่าวว่า
“วานรเหินเส้าฮ่วยฮวย ข้าพเจ้าขอเสียมารยาทต่อท่าน ขอข้าพเจ้าสำรวจหลังกกหูของท่านได้หรือไม่?”
วานรเหินเส้าฮ่วยฮวยแสดงสีหน้าสงสัยและแปลกประหลาดใจ แต่นางทราบถึงความเฉลียวฉลาดของเยี่ยนผิง หากนางวางแผนการใดแล้วย่อมไม่ผิดพลาด นางเองเคยส่องคันฉ่องเคยสงสัยเช่นกัน หลังกกหูซ้ายของนางมีร่องรอยจาง ๆ คล้ายกับถูกความร้อนทาบทับแต่ไม่ชัดเจนนัก หรือว่าเยี่ยนผิงสืบทราบความลับใดเกี่ยวข้องกับนางมาได้
เมื่อเป็นเช่นนั้นวานรเหินเส้าฮ่วยฮวย รีบก้าวเท้าเข้ามาหาเยี่ยนผิง แต่ทว่าถูกจ่านจือส่งเสียงกล่าวขึ้นก่อนว่า
“อาวุโสเส้าฮ่วยฮวย ท่านหยุดยืนอยู่ตรงนั้น ให้พี่สาวท่านนี้เดินเข้าไปดูยังด้านหลังท่านเถิด แสดงว่าท่านเองก็มิเคยสำรวจดูบริเวณหลังกกหูของตนเองถูกต้องหรือไม่? เพื่อป้องกันความผิดพลาด ให้พี่สาวท่านนี้สำรวจหลังกกหูท่านแต่เพียงผู้เดียวเถิด”
วานรเหินเส้าฮ่วยฮวยได้ยินทารกผู้นี้กล่าววาจา ในวาจาที่กล่าวเน้นคำว่าแต่เพียงผู้เดียวเถิด จึงเกิดไหวพริบทราบว่าต้องเกี่ยวข้องกับสองเฒ่าพิษอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงแสร้งเล่นละครกล่าวตอบออกไปว่า
“ถูกต้อง เราเองแม้นมิเคยสำรวจดูหลังกกหูตัวเอง แม้นต้องการสำรวจจริง ๆ คงมิอาจกระทำได้ด้วยตัวเอง เนื่องจากมิมีดวงตางอกเงยอยู่หลังกกหูกระมัง? ดังนั้นคงต้องรบกวนเจ้าแล้วเยี่ยนผิง เรารบกวนเจ้าช่วยตรวจสอบหลังกกหูของเราให้สักครา”
กล่าวจบวานรเหินเส้าฮ่วยฮวยย่อเข่าลงเล็กน้อย เพื่อให้เยี่ยนผิงสำรวจบริเวณหลังกกหูได้สะดวก นางยกสองมือขึ้นช้อนเส้นผมบนศีรษะ ให้ใบหูของนางว่างเปล่าปราศจากเส้นผมบดบัง
เยี่ยนผิงสำรวจตรวจสอบไปมาสลับซ้ายขวาอยู่หลายเที่ยว ขณะสำรวจตรวจสอบลอบสังเกตปฏิกิริยาของยายเฒ่าหมื่นพิษ กับตาเฒ่าเข็มวิเศษฝ่านอี้เฉิน มันทั้งสองดูร้อนรน คล้ายมีความกังวลร้อนรุ่มใจกระไรอยู่กระนั้น
จ่านจือประสานสายตาต่อเยี่ยนผิง ตั้งแต่เขากลายเป็นคนใหม่ คล้ายกับความเฉลียวฉลาดไหวพริบสติปัญญาพัฒนาเป็นคนใหม่ด้วย เยี่ยนผิงกับวานรเหินเส้าฮ่วยฮวยกำลังคิดกระไร คล้ายกับเขาคาดเดาได้ง่ายดาย ดังนั้นจึงส่งเสียงกระตุ้นกับเยี่ยนผิงว่า
“พี่สาวท่านนี้ ไฉนสำรวจตรวจสอบไปมาอยู่หลายเที่ยว ด้านหลังกกหูของอาวุโสเส้าฮ่วยฮวยไม่มีสิ่งใดอยู่ใช่หรือไม่?”
เยี่ยนผิงขมวดคิ้วทั้งสองเข้าหากัน คล้ายกับไม่แน่ใจกระไรอยู่กระนั้น กวักมือเรียกจ่านจือส่งเสียงร้องว่า
“น้องชาย พี่สาวไม่มั่นใจเท่าใดนัก เจ้าเข้ามาช่วยพี่สาวตรวจสอบดูอีกสองตาได้หรือไม่? สี่ตาย่อมดีกว่าสองตาของพี่สาวผู้เดียว หลังกกหูด้านขวาของอาวุโสเส้าฮ่วยฮวยคล้ายยังมีร่องรอย”
จ่านจือได้ยินเช่นนั้น รีบวิ่งเข้าไปหาเยี่ยนผิงทันที สำหรับกับสองเฒ่าพิษมันทั้งสองระบายลมออกจากปากอย่างโล่งอก รู้สึกโล่งใจเหนือความคาดหมายของทั้งสอง ทารกทั้งสองมีปานสัญลักษณ์อยู่หลังกกหูด้านซ้ายไม่ผิดพลาด ถึงแม้เหตุการณ์จะผ่านมาเนิ่นนานหลายปีแล้ว แต่ทั้งสองยังจดจำได้แม่นยำ ว่าตอนใช้ลมปราณลบปานสัญลักษณ์ไปนั้นอยู่ด้านใด
จ่านจือเมื่อเข้าไปถึงด้านหลังของวานรเหินเส้าฮ่วยฮวย มองปราดเดียวก็เห็นได้ชัดเจน หลังกกหูด้านซ้ายของนางมีร่องรอยคล้ายถูกความร้อนฉาบทับจริง ๆ ร่องรอยแม้จะเลือนรางไปบ้างแต่สามารถระบุได้ว่า ก่อนหน้านี้บริเวณที่มีร่องรอยเคยถูกความร้อนฉาบทับอย่างแน่นอน
จ่านจือแสร้งเหลือบสายตามาทางด้านขวาของวานรเหินเส้าฮ่วยฮวย แล้วส่งเสียงกล่าวกับนางว่า
“อาวุโสเส้าฮ่วยฮวย ท่านทราบหรือไม่? หลังกกหูขวาของท่านมีร่องรอยคล้ายถูกความร้อนฉาบทาบ มิเคยมีผู้ใดบอกกล่าวกับท่านมาก่อนกระนั้น?”
วานรเหินเส้าฮ่วยฮวยยังมิทันส่งเสียงกล่าวตอบ พลันเหยื่อฮุบเบ็ดเข้าคำโต อาจเพราะความผิดพลาดใด ทำให้หลังกกหูซ้ายของวานรเหินเส้าฮ่วยฮวย ไม่มีร่องรอยใดปรากฏอยู่ แต่กลับมีร่องรอยอยู่หลังกกหูขวาแทนกระนั้น ยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้วส่งเสียงหัวร่อ กล่าวว่า
“ฮา ๆ วานรเหินเส้าฮ่วยฮวย แม้แต่ร่องรอยหลังกกหูขวาของตนเองยังไม่เคยสังเกตเห็น เพียงแต่เรากับตาเฒ่าจดจำได้แม่นยำ เราสองคนใช้พลังวัตรลบปานสัญลักษณ์ของทารกสองคนตอนนั้น กระทั่งป่านนี้ยังไม่ลืมเลือน ทารกทั้งสองมีปานอยู่บริเวณหลังกกหูซ้ายมิใช่หลังกกหูขวา”
กล่าวจบยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้ว ตาเฒ่าเข็มวิเศษฝ่านอี้เฉิน ต่างพากันระเบิดเสียงหัวร่อครืนครั่น โดยมิทันได้สังเกตใบหน้าของวานรเหินเส้าฮ่วยฮวย แต่สำหรับคนอื่น ๆ รวมถึงผีเสื้อโลหิตที่แอบซุ่มอยู่บนหลังคาโรงเตี๊ยม นางหน้าแดงกระทั่งเขียวคล้ำ ดวงตาทั้งสองแข็งกร้าวอย่างโกรธเกรี้ยวถึงที่สุด นางขบกรามกรอดพร้อมกำสองมือแนบแน่น
จ่านจือกับเยี่ยนผิงล่าถอยมายืนรวมกับเหล่าสหายแล้ว กระทั่งบัดนี้ยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้ว กับตาเฒ่าเข็มวิเศษฝ่านอี้เฉิน เพิ่งจะสังเกตเห็นใบหน้าโกรธแค้นของวานรเหินเส้าฮ่วยฮวย นางจับจ้องสองเฒ่าพิษคล้ายจะกินเลือดกินเนื้อมิปาน ส่งเสียงตวาดกราดเกรี้ยวว่า
“ยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้ว ตาเฒ่าเข็มวิเศษฝ่านอี้เฉิน พวกท่านทั้งสองรีบบอกเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องราวนี้ออกมาอย่าได้ตกหล่น รอยปานสัญลักษณ์ที่ถูกพวกท่านใช้ลมปราณลบไปหลังกกหูซ้ายเรา พวกท่านทั้งสองรีบบอกเล่าออกมาบัดเดี๋ยวนี้”
หยกเหินลม/ชล ชโลทร
17 เมษายน 2564