Your Wishlist

จอมยุทธ์เจ้ายุทธจักร (วิชาวานร)

Author: หยกเหินลม

เมื่อยุทธภพแบ่งออกเป็นสอง มารยึดครองยุทธจักร คัมภีร์ยุทธ์ที่สาบสูญกลับคืนสู่บู๊ลิ้ม บุญคุณความแค้นรอการสะสาง หนี้เลือดต้องล้างด้วยเลือด เด็กน้อยผู้หนึ่งจะก้าวขึ้นมาเป็นเจ้ายุทธจักรได้เช่นไร หนึ่งคัมภีร์สยบกระบวนท่า หนึ่งเคล็ดวิชาดรรชนี สุริยันจันทราปรากฏในปถพี สยบไปหมื่นลี้ร้อยมณฑล

จำนวนตอน :

วิชาวานร

  • 20/09/2565

ตอนที่ 176

วิชาวานร

ทิศทางฝั่งตรงกันข้ามกับผีเสื้อโลหิต ยังมียอดฝีมืออีกสองคนเพิ่งบรรลุถึงแล้วแนบร่างกับต้นไม้ใหญ่สองต้นไม่ไกลนัก เป็นสองเฒ่าพิษตาเฒ่าเข็มวิเศษฝ่านอี้เฉิน ยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้ว คนทั้งสองออกสืบหาข่าวเกี่ยวกับเอี้ยวเซียว แต่ทว่าทั้งสองยังไร้วี่แววของนาง ดังนั้นในค่ำคืนนี้จึงผ่านมาทางนี้พบเห็นเรื่องราวที่วานรเหินเส้าฮ่วยฮวย กำลังจะต่อยตีกับเด็กน้อยผู้หนึ่งเข้าพอดี

ยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้วส่งเสียงกล่าวแผ่วเบากับตาเฒ่าเข็มวิเศษฝ่านอี้เฉินว่า

“ตาเฒ่าท่านดูออกหรือไม่? เด็กทารกผู้นั้นเป็นผู้ใด? ไฉนเราจึงไม่เคยเห็นหน้ามันมาก่อน”

ตาเฒ่าเข็มวิเศษฝ่านอี้เฉินกล่าวตอบแผ่วเบาเช่นกันว่า

“เราเองก็ไม่คุ้นหน้าเด็กทารกผู้นี้เช่นกัน มันช่างมีกำลังขวัญกล้าเทียมฟ้าจริง ๆ ถึงกับกล้าลั่นวาจาท้าประลองฝีมือกับวานรเหินเส้าฮ่วยฮวย เราสองคนซุ่มดูเหตุการณ์กันไปก่อน เอี้ยวเซียวพวกเราก็หาตัวนางมิพบ เรื่องราวของนางเอาไว้ภายหลังก็แล้วกัน”

ทุกคนล้วนไม่ทราบว่ามีสามคนแอบซุ่มอยู่ในบริเวณนี้ สามคนนี้มิได้ปรารถนาดีต่อพวกเขาเด็ดขาด หากมีโอกาสมันทั้งสามต้องชิงลงมืออย่างแน่นอน แต่นั่นมิใช่กับจ่านจือ เขาทราบแล้วว่ามีสามคนแอบซุ่มดูอยู่ มิหนำซ้ำยังมีพลังฝีมือมิชั่วช้าเลวทรามอีกด้วย ดังนั้นเขาจึงแบ่งแยกสมาธิ เขาเองกลับคาดคิดมิถึงว่าตั้งแต่เขากลับกลายเป็นคนใหม่ ไฉนจึงมีโสตสัมผัสร้ายกาจน่ากลัวปานนี้ คล้ายกับมิมีการเคลื่อนไหวใดรอดพ้นหูตาของเขาไปได้ฉะนั้น

วานรเหินเส้าฮ่วยฮวย ปกติเป็นคนใจร้อนเป็นทุนเดิม แม้อายุจะล่วงเลยเข้าวัยกลางคนแล้วก็ตาม กระทั่งบัดนี้นางยังมิลดความใจร้อนของนางลงได้ ดังนั้นส่งเสียงตวาดกราดเกรี้ยว สาดทะยานร่างเข้าจู่โจมจ่านจือก่อนทันที กระบวนท่าที่หนึ่งวานรท่องดงนางใช้ออกโดยเกรี้ยวกราด

“การประลองฝีมือมิแบ่งแยกทารกอาวุโส ลงมือก่อนย่อมได้เปรียบเตรียมรับกระบวนท่าวานรท่องดง”

จ่านจือยังคงยืนสงบนิ่งมิเคลื่อนไหวใด รอคอยจนกระทั่งวานรเหินเส้าฮ่วยฮวยพุ่งร่างมาถึง เมื่อฝ่ามือของนางกลับกลายเป็นใหญ่โตราวจักรผัน ในฝ่ามือที่กระแทกออกก่อเกิดเป็นเสียงคำรามกึกก้องของลมฝ่ามือ เมื่อฝ่ามือของนางอยู่ห่างไม่ถึงหนึ่งคืบ จ่านจือส่งเสียงร้องว่า

“กระบวนท่าวิชาวานรท่าที่หนึ่ง วานรท่องดงเคลื่อนย้ายว่องไว ในหนึ่งฝ่ามือกลับกลายเป็นร้อยฝ่ามือ ลมปราณต่อเนื่องผันแปรพิสดารตามใจ อาวุโสข้าพเจ้าคล้ายกับเห็นว่าท่านยังไม่กระจ่างถ่องแท้ เช่นนั้นลองรับกระบวนท่าวิชาวานรท่องดงอันเที่ยงแท้ดูเถิด”

ฝ่ามืออันใหญ่โตมโหฬารของวานรเหินเส้าฮ่วยฮวยเมื่อบรรลุถึง จ่านจืองอร่างไปทางด้านหลังพลิกร่างตลบหนึ่ง ขณะงอร่างอยู่กลางอากาศร่างของเขาอยู่ทางด้านล่าง ร่างของวานรเหินเส้าฮ่วยฮวยอยู่บน ดังนั้นสองฝ่ามือของนางจึงกระแทกกับความว่างเปล่า ในความว่างเปล่านางร่ำร้องออกมาว่าผิดท่าแล้ว ในความว่างเปล่าจ่านจือประกบสองฝ่าเท้าเข้ากับสองฝ่ามือนาง จากนั้นทิ้งร่างลงกับพื้นส่งเสียงกล่าวว่า

“อาวุโสท่านทราบหรือไม่? กระบวนท่าวิชาท่องดงมิใช่ใช้ออกด้วยฝ่ามือถ่ายเดียว ดังนั้นข้าพเจ้าจึงใช้สองฝ่าเท้าด้วยท่าวิชาท่องดง”

วานรเหินเส้าฮ่วยฮวยเมื่อทิ้งร่างลงกับพื้น รู้สึกอึดอัดขัดข้องหายใจไม่คล่องแคล่ว รีบเร่งเร้าพลังลมปราณขึ้นสลายพลังจากฝ่าเท้าของจ่านจือ พร้อมทั้งเค้นเสียงดังว่า

“เป็นไปมิได้ ที่เจ้าใช้เมื่อครู่เป็นวานรท่องดงในวิชาวานรจริง ๆ เราไม่เชื่อเด็ดขาดว่าเจ้าได้รับการถ่ายทอดวิชาวานรจากท่านอาจารย์”

จ่านจือแสดงสีหน้าซุกซน แล้วไขว้เท้าสลับหมุนกายรอบหนึ่ง จากนั้นพลิกร่างกลางอากาศใช้สองฝ่ามือแตะสัมผัสพื้นแผ่วเบา เปลี่ยนสภาวะท่าร่างโผพุ่งเข้าหาวานรเหินเส้าฮ่วยฮวย ปากส่งเสียงกล่าวว่า

“กระบวนท่าที่สองวานรท่องพสุธา เบื้องบนเป็นฟ้าด้านล่างเป็นดิน โดยปกติวานรชมชอบปีนป่าย ใช้พื้นพสุธาดั่งแมกไม้ขุนเขา อาวุโสท่านเข้าใจเคล็ดกระบวนท่าที่สองแล้วหรือไม่?”

วานรเหินเส้าฮ่วยฮวยเพิ่งคลี่คลายสลายพลังในร่างได้หมดสิ้น พริบตาร่างของจ่านจือคล้ายดั่งอสรพิษตัวหนึ่ง ร่างของเขาพุ่งเรียดพื้นดินเข้าหานางอย่างเร่งร้อน เพียงกระบวนท่าที่สองวานรเหินถึงกับแตกตื่น รีบพุ่งร่างไปทางด้านหลังซัดฟาดสองฝ่ามือออกสกัดขัดขวาง

เสียงพลังคลื่นลมมหาศาลจากสองฝ่ามือวานรเหินเส้าฮ่วยฮวยดังครืนครั่น บังเกิดเป็นเงาฝ่ามือพร่าพรายละลานตาเต็มท้องฟ้า ในประกายเงาฝ่ามือของนาง ร่างของจ่านจือพลันเลือนรางแล้วหายวับไปจากเบื้องหน้าของนาง วานรเหินเส้าฮ่วยฮวยตระหนกตกใจยิ่ง ยังมิทันทิ้งสองเท้าลงกับพื้น ได้ยินเสียงร้องดังมาจากทางเบื้องหลังว่า

“อาวุโส ข้าพเจ้าอยู่ด้านหลังของท่าน ระวังไว้เตรียมรับกระบวนท่าที่สามวานรท่องสมุทร”

วานรเหินแค่นเสียงหนัก ๆ เมื่อสัมผัสได้ถึงคลื่นลมไร้สภาพแต่ทว่าถาโถมดั่งคลื่นลมคลุ้มคลั่ง รีบหมุนร่างดั่งลูกข่างร่ายรำสองฝ่ามือซัดออกติดต่อกันสิบกว่าฝ่ามือ ปากส่งเสียงร่ำร้องดังว่า

“ทารกอันร้ายกาจ เราไม่อาจยอมรับได้ว่าจะพ่ายแพ้เจ้า ลองลิ้มลองกระบวนท่าวานรเหินหาวของเราดูบ้าง”

จ่านจือส่งเสียงหัวร่อฮิฮะ ปากส่งเสียงกล่าวว่า

“อาวุโสกระบวนท่าวานรเหินหาว ข้าพเจ้าใช้ทำลายอาวุธลับของท่านไปก่อนหน้านี้ อาวุโสยังคิดว่าจะใช้กระบวนท่านี้ทำเช่นไรต่อข้าพเจ้าได้ วานรเหินหาวสำแดงอานุภาพได้ดีเมื่ออยู่กลางอากาศมิใช่อยู่บนพื้น บัดนี้ข้าพเจ้าร่างยังลอยอยู่เหนือร่างของท่าน เช่นนั้นท่านเองที่จะต้องรับกระบวนท่าวานรเหินหาวนี้”

สิ้นเสียงของจ่านจือ ร่างของเขาพุ่งดั่งวานรเหินหาวเข้าหาวานรเหินเส้าฮ่วยฮวย นางยังมิทันพุ่งร่างขึ้นกลางอากาศ กลับถูกเด็กน้อยผู้หนึ่งสยบนางไว้กับพื้น ถึงส่งเสียงโกรธแค้นแน่นอก ในเงาฝ่ามือของนางพลันเพิ่มกระบี่อ่อนวาววับเล่มหนึ่ง เสียงขวับ ๆ ประกายกระบี่ในมือนางกรีดกรายดั่งสายฟ้า ส่งเสียงร้องก้องว่า

“ทารกน้อยเจ้าร้ายกาจกว่าที่เราคาดคิดเอาไว้นัก เราเพียงแต่ให้เจ้าใช้เพียงวิชาวานร ส่วนเรานั้นมิได้บอกต่อเจ้าว่าเราจะใช้เพียงวิชาวานรท่องดงและจะมิใช้อาวุธ เราจะดูสิว่าเจ้าจะรับมือเราได้เช่นไร?”

กล่าวจบวานรเหินสะบัดกระบี่อ่อนของนางเสียงดังกึกก้อง เสียงกระบี่กรีดร้องคำราม เยี่ยนผิงซึ่งยืนชมดูการต่อสู้อยู่ไม่ไกลส่งเสียงร้องต่อจ่านจือว่า

“น้องชายที่นางกำลังใช้ออกเป็นวิชากระบี่อัคคีน้ำค้างของสำนักมารสวรรค์ ถูกต้องของนางเมื่อครู่มิได้ตกลงไว้ว่ามิให้นางใช้อาวุธ เช่นกันเมื่อครู่พี่สาวเองก็มิได้ยินว่าน้องชายจะมิให้ผู้อื่นรับมือให้ หากนางมิได้ใช้วิชาวานร เช่นนั้นพี่สาวขอคลี่คลายวิชากระบี่อัคคีน้ำค้างนี้ให้แก่เจ้า”

สิ้นเสียงเยี่ยนผิงชักกระบี่โถมเข้าขวางระหว่างจ่านจือกับวานรเหินเส้าฮ่วยฮวย จ่านจือความจริงเขาเองเรียนรู้เคล็ดวิชากระบี่นี้มาจากใต้ผาเทพนิรันดร์แล้วเช่นกัน แต่เมื่อเยี่ยนผิงต้องการแสดงฝีมือช่วยเหลือเขา ดังนั้นเขาจึงถอยออกมาอีกสามสี่ก้าวเพื่อรอชมกระบวนท่ากระบี่ของทั้งสอง

วานรเหินเค้นเสียงตวาดดังว่า

“เยี่ยนผิง เจ้ารนหาที่ตายแล้วกระมัง? วิชากระบี่อัคคีน้ำค้างเราเรียนรู้จากนางมารสวรรค์เหยาเยี๊ยะเหยียน แม้นกระบวนท่าของเจ้าจะแคล่วคล่องชำนาญ แต่ด้านพลังวัตรแล้วเกรงว่าเจ้าไม่อาจรับมือเราได้”

จ่านจือส่งเสียงหัวเราะชอบอกชอบใจ ส่งเสียงกล่าวกับเยี่ยนผิงว่า

“พี่สาวท่านอย่าได้เกรงกลัวนาง ต่อให้นางมีพลังการฝึกปรือสูงล้ำกว่านี้อีกหลายเท่า แต่หากพี่สาวใช้กระบวนท่าวิชากระบี่อัคคีน้ำค้างที่พิสดารซึ่งนางอาจจะยังมิเคยเห็น ความจริงวิชากระบี่อัคคีน้ำค้างยังร้ายกาจพลิกแพลงได้มากกว่าที่นางกับพี่สาวใช้ออก ข้าพเจ้าจะคอยชี้แนะให้พี่สาวเอง”

ผีเสื้อโลหิตบนหลังคาโรงเตี๊ยม พร้อมทั้งสองเฒ่าพิษตาเฒ่าเข็มวิเศษฝ่านอี้เฉิน กับยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้วด้านหลังต้นไม้ใหญ่ คนทั้งสามต่างรู้สึกแปลกประหลาดใจและสงสัยยิ่งนัก ทารกน้อยผู้นี้เป็นใครกัน ไฉนพวกมันทั้งสามจึงไม่เคยพบหน้ามาก่อน อายุยังเยาว์วัยทำไมจึงมีพลังฝีมือน่ากลัวปานนี้

วิชากระบี่อัคคีน้ำค้าง อาศัยเคล็ดร้อนเย็นของอัคคีและน้ำค้าง ในกระบี่เดียวประกอบด้วยพลังทั้งสองประการ เมื่อทั้งสองตวัดวาดกระบี่ในจู่โจมมีคลี่คลาย คนทั้งสองใช้วิชากระบี่เดียวกัน เพียงแต่จ่านจือกลับดูออกก่อนที่วานรเหินเส้าฮ่วยฮวยจะใช้ออกด้วยกระบวนท่าต่อไป ดังนั้นเขาจึงส่งเสียงบอกกับเยี่ยนผิงต่อกระบวนท่าตามติดที่นางใช้

วานรเหินเส้าฮ่วยฮวยแม้นมีพลังการฝึกปรือสูงส่งกว่าเยี่ยนผิง แต่เมื่อคู่ต่อสู้ทราบกระบวนท่าล่วงหน้าที่นางจะใช้ออก ต่อให้นางมีพลังวัตรมากมายปานใดก็ไร้ประโยชน์ ผ่านไปหลายร้อยกระบวนท่า ล้วนถูกเยี่ยนผิงทำลายกระบวนท่ากระบี่ได้หมดสิ้น วานรเหินเส้าฮ่วยฮวยสะกิดเท้าพุ่งถอยส่งเสียงกล่าวว่า

“เยี่ยนผิงเจ้าหยุดมือก่อนเถิด เราวานรเหินเส้าฮ่วยฮวยยอมรับว่าถูกเจ้าทำลายกระบวนท่ากระบี่ได้หมดสิ้น เพียงแต่เรามิเข้าใจไฉนทารกน้อยผู้นี้จึงรู้จักวิชากระบี่นี้ด้วย มิหนำซ้ำยังทราบกระบวนท่าล่วงหน้าที่เราจะใช้ออกอีกด้วย เราต้องการทราบเกี่ยวกับเด็กน้อยผู้นี้ว่าแท้จริงมันเป็นผู้ใดกันแน่?”

เยี่ยนผิงจึงสอดกระบี่คืนฝักก้าวเท้าถอยหลังมา จากนั้นส่งเสียงกล่าวกับจ่านจือว่า

“มิเพียงแต่นางที่ต้องการทราบว่าน้องชายที่แท้เป็นใครกันแน่? พี่สาวเองก็ต้องการทราบเช่นกัน เจ้าโปรดบ่งบอกออกมาเถิด มิเช่นนั้นพี่สาวผู้นี้ต้องกลัดกลุ้มใจไม่อาจสบายใจได้ต่อจากนี้”

ความจริงแล้วจ่านจือเขามิต้องการปกปิดเรื่องราวเหล่านี้ เพียงแต่เขาไม่มีจังหวะที่จะบอกกล่าวออกไป เมื่อมีโอกาสเช่นนี้เขาจึงมิคิดจะปกปิดฐานะของตนเองเช่นกัน ดังนั้นจึงกล่าวตอบเบา ๆ ต่อเยี่ยนผิงได้ยินกันเพียงสองคนว่า

“เยี่ยนผิง ข้าพเจ้าจ่านจือคิดถึงท่านเหลือเกิน ข้าพเจ้ายังมิตายข้าพเจ้าคือจ่านจือ หากจะให้กล่าวโดยถูกต้อง ข้าพเจ้าตายไปแล้วครั้งหนึ่ง ท่านยังจดจำคำของอาวุโสชิ้วโส่วได้หรือไม่? เมื่อข้าพเจ้าพบพานกับความตาย จึงประสบความสำเร็จสูงสุด ส่วนรายละเอียดข้าพเจ้าค่อยบอกเล่ากับท่านในภายหลัง”

เยี่ยนผิงได้ยินเช่นนั้นแทบจะกระโดดเข้าสวมกอดเด็กน้อยตรงหน้า แต่ด้วยจ่านจือขยิบตาบ่งบอกว่าบนหลังคาโรงเตี๊ยมกับหลังต้นไม้ใหญ่มีคนแอบซุ่มอยู่ ให้นางรีบไปกล่าวเตือนแก่ทุกคนให้ระมัดระวังตัว เยี่ยนส่งสัญญาณรับทราบแล้วล่าถอยไปยังกลุ่มสหายทั้งหลายด้านหลัง

จ่านจือหันมาทางด้านวานรเหินเส้าฮ่วยฮวย ส่งเสียงกล่าวต่อนางว่า

“อาวุโส ความจริงท่านมิใช่ตัวดีกระไรนัก ท่านเป็นมารร้ายยุทธภพก่อกรรมทำชั่วมากมาย หากข้าพเจ้าฆ่าท่านตายไปยุทธภพคงสูงขึ้นอีกมากมายทีเดียว เพียงแต่ยังมีสหายของข้าพเจ้าต้องการฆ่าท่านเพื่อล้างแค้นให้แก่อาจารย์และคนในสำนัก ดังนั้นข้าพเจ้าจึงยังไม่ฆ่าท่านแต่สหายของข้าพเจ้าคงไม่คิดละเว้นท่านเป็นเด็ดขาด”

วานรเหินเส้าฮ่วยฮวยปกติเป็นคนเฉลียวฉลาด เมื่อได้ยินเด็กน้อยตรงหน้ากล่าวว่ามีสหายของเขาต้องการฆ่านางเพื่อล้างแค้นให้แก่อาจารย์และคนในสำนัก ดังนั้นจึงพอคาดเดาได้ว่าเด็กน้อยหมายความถึงสำนักเมฆฟ้าพิรุณ ดังนั้นจึงส่งเสียงกล่าวถามว่า

“สหายที่เจ้ากำลังกล่าวถึง มิทราบว่าเจ้าหมายถึงศิษย์ปลายแถวของสำนักเมฆฟ้าพิรุณถูกต้องหรือไม่? เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นสหายของพวกเขา เท่าที่เราทราบนอกจากสหายเหล่านั้นที่ยืนอยู่ พวกเขาก็มิมิสหายที่ใดอีก หรือว่าเจ้า?”

จ่านจือรีบส่งเสียงกล่าวสอดขึ้นเสียก่อนว่า

“อาวุโส อีกสักครู่ท่านจะทราบเองว่าข้าพเจ้าเป็นใคร? ก่อนอื่นท่านเก็บกระบี่อ่อนของท่านก่อนเถิด การประลองของเรายังไม่สิ้นสุด เพียงแต่ข้าพเจ้าคิดว่าท่านกับข้าพเจ้ามิต้องลงมือก็ได้ ข้าพเจ้าต้องการให้ท่านแสดงกระบวนท่าที่เหลือในวิชาวานรออกมาก็พอ เมื่อท่านแสดงออกมาแล้วข้าพเจ้าจึงมีวิธีตัดสินว่าท่านหรือข้าพเจ้าที่พ่ายแพ้หรือชนะ”

วานรเหินเส้าฮ่วยฮวยส่งเสียงกล่าวตอบว่า

“ตกลง เราจะแสดงกระบวนท่าวิชาวานรที่เหลืออีกห้ากระบวนท่าให้เจ้าได้ชมดู”

กล่าวจบวานรเหินเส้าฮ่วยฮวยร่ายรำกระบวนท่าที่เหลือในวิชาวานรออกมา ซึ่งประกอบด้วยท่าที่ห้าวานรเบิกขุนเขา ท่าที่หกวานรทะยานฟ้า ท่าที่เจ็ดวานรถลาลม ท่าที่แปดวานรพลิกฟ้าคว่ำดิน กระบวนท่าสุดท้ายเรียกว่าวานรเมามาย แต่ดูเหมือนกระบวนท่านี้นางออกจะดูแปลก ๆ ไปสักหน่อย คล้ายกับยังไม่สมบูรณ์กระนั้น อีกทั้งสีหน้าของนางคล้ายปกปิดเรื่องราวใดอยู่

จ่านจือเห็นเช่นนั้น เร่งเร้าลมปราณออกกระบวนท่าวิชาวานรตามที่วานรเหินเส้าฮ่วยฮวยแสดงเมื่อครู่เช่นกัน เพียงแต่กระบวนวิชาเดียวกันแต่ทว่าจ่านจือกลับมีความร้ายกาจพิสดารกว่ามากนัก กระทั่งนางยังจ้องมองสายตามิกะพริบแทบไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง กระทั่งกระบวนท่าสุดท้ายวานรเมามาย จ่านจือส่งเสียงกล่าวกับวานรเหินเส้าฮ่วยฮวยว่า

“กระบวนท่าสุดท้าย นอกจากเคล็ดวิชาที่พลิกแพลงแสนพิสดารแล้ว มีความลับหนึ่งซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าท่านอาจไม่ทราบมาก่อน กระบวนท่าวานรเมามายได้มาจากวานรเมามายจริง ๆ วานรไปพบพานบ่อหนึ่งซึ่งเก็บผลไม้ป่าเอาไว้หลายปี กระทั่งน้ำในบ่อนั้นกลับกลายเป็นสุราป่าร้อนแรงชนิดหนึ่ง วานรนั้นเมื่อได้ดื่มน้ำสุราจากบ่อไป จึงเกิดเมามายร่ายรำสะเปะสะปะ ข้าพเจ้านั่งดื่มสุรามาแต่ตอนหัวค่ำ ดังนั้นจึงสามารถใช้กระบวนท่านี้แสดงให้แก่ท่านได้ชมดู”

กล่าวจบจ่านจือร่ายรำกระบวนท่าวิชาวานรเมามายให้แก่วานรเหินเส้าฮ่วยฮวยได้ชมดู นางเองเพียงแต่ฝึกกระบวนท่าแต่ไม่ทราบเคล็ดวิชาท่านี้ อีกทั้งเพิ่งทราบความสำคัญของวิชาท่านี้จากเด็กน้อยผู้นี้ เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เด็กน้อยร่ายรำได้สุดพิสดาร ท่าร่างคล้ายไม่มั่นคงแต่กลับหนักแน่น บางคราดูเหมือนแข็งกร้าวแต่กลับพลิ้วไหว เมื่อร่ายรำจบลง จ่านจือจึงอาศัยจังหวะนี้กระชากสองคนที่หลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ออกมา ด้วยการใช้ออกด้วยดรรชนีเทวะ

สองเฒ่าพิษตาเฒ่าเข็มวิเศษฝ่านอี้เฉิน กับยายเฒ่าหมื่นพิษเนี้ยซิ้ว ซึ่งหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ถึงกับแตกตื่นตระหนกตกใจ ต้นไม้ขนาดใหญ่ปรากฏเป็นรูโหว่ทะลุ แต่ด้วยมีปฏิกิริยาปราดเปรียวประสบการณ์อันโชกโชน ตบฝ่ามือข้างหนึ่งเข้ากับลำต้นไม้ ส่งร่างทะยานออกมาได้ทัน จึงรอดพ้นจากดรรชนีเทวะของจ่านจือ

ทั้งวานรเหินเส้าฮ่วยฮวย รวมถึงสองเฒ่าพิษอุทานร้องออกมาพร้อมเพรียงกันว่า

“ดรรชนีเทวะ!”

สองเฒ่าพิษเมื่อทิ้งเท้าลงไม่ไกลจากวานรเหินเส้าฮ่วยฮวยเท่าใดนัก ยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้วส่งเสียงกล่าวกับนางว่า

“วานรเหินเส้าฮ่วยฮวย พวกเราได้พบพานกันอีกแล้ว เจ้าสบายดี เจ้าโอสถสายรุ้งเส้าเยี๊ยะเทียนคงสุขสบายดีเช่นกัน?”

วานรเหินเส้าฮ่วยฮวยเค้นเสียงกล่าวเหน็บแนมว่า

“ข้าพเจ้ากับพี่ใหญ่จะสุขสบายได้เช่นไร? ในเมื่อบัดนี้ยังมิได้จัดการกับคนทรยศ พวกท่านทั้งสองเล่า? ไฉนจึงมาปรากฏกายยังที่นี้ได้?”

สองเฒ่าพิษมิกล่าวตอบวาจานาง พากันหันมาทางด้านเด็กน้อยที่ใช้ดรรชนีเทวะบีบบังคับให้ต้องปรากฏตัวออกมา ตาเฒ่าเข็มวิเศษฝ่านอี้เฉินส่งเสียงกล่าวถามว่า

“ดรรชนีเทวะ ทารกน้อยเมื่อครู่เจ้าใช้ดรรชนีเทวะ มิทราบว่าเจ้ามีส่วนเกี่ยวข้องใดกับสำนักตำหนักหมื่นเทพ หรือว่าเจ้าเป็นศิษย์ของนางชีเทวราชชิ้วโส่ว? รีบบอกกล่าวออกมาเจ้าเป็นศิษย์ของยอดคนท่านใด?”

จ่านจือส่งเสียงกล่าวตอบว่า

“อีกสักครู่พวกท่านย่อมทราบเองว่าข้าพเจ้าเป็นศิษย์ของยอดคนท่านใด? เพียงแต่ข้าพเจ้ามีวาจาต้องการกล่าวต่ออาวุโสท่านนี้เสียก่อน”

จ่านจือก้าวเท้าเข้ามาหาวานรเหินเส้าฮ่วยฮวย เมื่อหยุดเท้าลงส่งเสียงกล่าวกับนางว่า

“อาวุโส ข้าพเจ้าคิดว่าท่านคงทราบผลการประลองแล้วสินะ? ต่อจากนี้ไปหากท่านยังรักษาชีวิตเอาไว้ได้ ท่านอย่าได้เหยียบย่างเข้าหุบเขาวานรแม้แต่ก้าวเดียว ขอให้ท่านรักษาคำพูดนี้โดยเคร่งครัด”

วานรเหินเส้าฮ่วยฮวยส่งเสียงกล่าวตอบว่า

“ตกลง เราวานรเหินเส้าฮ่วยฮวย แม้มิใช่จอมยุทธ์คุณธรรม แต่เมื่อลั่นวาจาแล้วย่อมไม่คืนคำเช่นกัน เรื่องนี้เจ้าสบายใจได้ เช่นนั้นเจ้าบอกกล่าวออกมาได้แล้วกระมัง? ที่แท้เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่?”

หยกเหินลม/ชล ชโลทร

 

 

17 เมษายน 2564
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป