Your Wishlist

จอมยุทธ์เจ้ายุทธจักร (พยัคฆ์ประมังกร)

Author: หยกเหินลม

เมื่อยุทธภพแบ่งออกเป็นสอง มารยึดครองยุทธจักร คัมภีร์ยุทธ์ที่สาบสูญกลับคืนสู่บู๊ลิ้ม บุญคุณความแค้นรอการสะสาง หนี้เลือดต้องล้างด้วยเลือด เด็กน้อยผู้หนึ่งจะก้าวขึ้นมาเป็นเจ้ายุทธจักรได้เช่นไร หนึ่งคัมภีร์สยบกระบวนท่า หนึ่งเคล็ดวิชาดรรชนี สุริยันจันทราปรากฏในปถพี สยบไปหมื่นลี้ร้อยมณฑล

จำนวนตอน :

พยัคฆ์ประมังกร

  • 25/08/2565

ตอนที่ 135

พยัคฆ์ประมังกร

ทองแท้ไม่กลัวไฟฉันใด ชายชาตรีอันเที่ยงธรรมเปี่ยมล้ำด้วยคุณธรรมน้ำมิตร มิว่าจะเป็นสงฆ์หรือฆราวาสก็ฉันนั้น สันดานเลวทรามชั่วช้า แม้นจะอยู่ในร่มผ้ากาสาวพัสตร์ ก็มิอาจปกปิดมิดชิดเอาไว้ได้ ในไม่ช้าก็ตกโผล่หางเผยธาตุแท้ออกมา

ถู่ฝูศิษย์เอกของอดีตเจ้าอาวาสต้าทงไต้ซือ อาศัยร่มชายคาวัดเส้าหลินฝึกปรือวิทยายุทธ์สุดยอดวิชา กามิอาจกลายเป็นหงส์ ในที่สุดมันเผยสันดานอันแท้จริงออกมาให้กับศิษย์น้องทั้งสองมันได้เห็น ฝู่เสียงกับฝ่าเสียงต่างสูดลมเข้าปอด ยังนับว่าโชคดีไม่น้อย ที่มันทั้งสองส่งศิษย์เส้าหลินเข้าสู่เส้นทางลับเรียบร้อยแล้ว มิเช่นนั้นมันทั้งสองไม่อยากวาดภาพ กับเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้น

“ศิษย์พี่ท่าน ที่แท้คนกลุ่มนั้นเป็นท่านชักนำขึ้นสู่เส้าหลินถูกต้องหรือไม่?”

ฝู่เสียงส่งเสียงกล่าวถามด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวขึ้นมา

“ไฉนศิษย์น้องคิดว่าเป็นข้าพเจ้านำพาขึ้นมาเล่า? พวกเขาล้วนมีเท้าเป็นของตนเอง ข้าพเจ้าจะไปบังคับชักนำได้เช่นไร?”

ถู่ฝูย้อนกล่าวมิยอมจำนนง่ายดาย ฝ่าเสียงส่งเสียงไม่เกรงใจบ้างว่า

“พักหลังเราทั้งสองล้วนสังเกตออก ศิษย์พี่ใหญ่มักจะมีท่าทีแปลกประหลาดอยู่บ้าง และมักจะแอบลงจากเขาอยู่บ่อยครั้ง”

“แปลกประหลาดอยู่บ้าง? แปลกประหลาดเช่นไรรึ?” ถู่ฝูส่งเสียงราบเรียบกล่าวถาม

“แปลกประหลาดที่ท่านมิเหมือนเดิม” ฝู่เสียงกล่าวสวนทันควัน

ถู่ฝูเผยรอยยิ้มพิสดารทอประกายสายตาลึกลับจนต้องรู้สึกเย็นเยียบผิวกาย ศิษย์น้องทั้งสองของมันเริ่มสงสัยในพฤติกรรมของมันแล้ว มันตัดสินใจแล้วว่ามิอาจปล่อยให้ศิษย์น้องทั้งสองของมัน นำเรื่องราวเหล่านี้ออกไปบอกกล่าวต่อบุคคลที่สี่ได้เป็นเด็ดขาด

หากจะประเมินด้านพลังฝีมือ ศิษย์น้องทั้งสองของมันร่วมมือกัน ยังหาใช่คู่มือของถู่ฝูในเวลานี้ มันแอบขโมยฝึกวิชาในคัมภีร์ยุทธ์เส้าหลินมาเนิ่นนานแล้ว อีกทั้งได้รับการชี้แนะจากสี่บรรพชิตเส้าหลินมาอีกด้วย ดังนั้นมันจึงรู้สึกปลอดโปร่ง มันระบายลมออกมาจากปากคำหนึ่งแล้วกล่าวว่า

“เจ้าทั้งสองคิดจะนำเรื่องราวของข้าพเจ้าไปบอกแก่ท่านเจ้าอาวาสเต้าเฉียนไต้ซือสินะ?”

ฝู่เสียงส่งเสียงกล่าวตอบว่า

“เสียงแรงที่ท่านอาจารย์ของข้าพเจ้าให้ความไว้วางใจต่อท่าน แต่ท่านกลับตอบแทนด้วยการนำเภทภัยมาสู่เส้าหลิน ท่านมีแผนการชั่วอันใดกันแน่?”

ถู่ฝูหันมาทางด้านฝ่าเสียงแล้วส่งเสียงกล่าว

“ศิษย์น้องเล็ก เจ้ามิอยากอยู่อย่างสุขสบายเช่นนั้นรึ? อาจารย์เทียนเกาของเจ้าก็มาด้วย หลังจากนี้เมื่ออาจารย์ของเจ้าขึ้นเป็นเจ้าอาวาสวัดเส้าหลิน เจ้าในฐานะเคยเป็นศิษย์ของท่าน มีหรือที่ท่านจะไม่ส่งเสริมเจ้า”

ฝ่าเสียงร้องอ้อ กล่าวว่า

“ที่แท้ท่านแอบติดต่อกับคนทรยศของเส้าหลินตลอดเวลา ที่น่ากลัวไปกว่านั้นท่านยังร่วมมือกับฝ่ายมารอธรรม นำเภทภัยใหญ่หลวงมาสู่เส้าหลิน”

ถู่ฝูส่งเสียงหัวร่อฮา ๆแล้วกล่าวว่า

“มารอธรรมแล้วเป็นเช่นไร? ฝ่ายธัมมะแล้วเป็นเช่นไร? เข้มแข็งได้ชัย อ่อนแอแพ้พ่าย กฎข้อนี้ไม่อาจเปลี่ยนแปลงตลอดกาล อย่าว่าแต่เพียงเส้าหลินที่จะถูกยึดครอง แม้แต่สำนักฝ่ายธัมมะทั้งหมดก็มิละเว้นเช่นกัน มีผู้ใดบ้างจะมิต้องการเป็นเจ้ายุทธภพ ขอเพียงแต่พวกเจ้าสองคนเปลี่ยนใจ ยอมร่วมมือกับข้าพเจ้า ภายภาคหน้ารับรองได้ว่าจะสุขสบายอย่างแน่นอน”

“หากพวกเรามิยอมร่วมมือด้วยเล่า?” ฝู่เสียงส่งเสียงสวนถาม

            ถู่ฝูทอประกายสายตาจนเข้มเขียว แล้วส่งเสียงกล่าวเพียงคำเดียวว่า

“ตาย”

กล่าวจบถู่ฝูมันลงมือแล้ว ใช้ออกด้วยหมัดอรหันต์เส้าหลิน มันแยกย้ายต่อยออกซ้ายขวาในคราเดียว ฝู่เสียงกับฝ่าเสียงเตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว ใช้วิชาหมัดอรหันต์เส้าหลินออกต้านรับเช่นกัน ถู่ฝูก้าวเท้าใช้เคล็ดวิชาเท้าเทวราชปราดออกมาสองก้าว แล้วต่อยหมัดเข้าใส่บริเวณลิ้นปี่ของฝู่เสียง

พลังหมัดนี้รุนแรงยิ่ง ฝู่เสียงใช้เคล็ดสี่ตำลึงปาดพันชั่ง ต้านรับแล้วปล่อยออกด้านข้างลำตัว ในขณะเดียวกันฝ่าเสียงซัดออกหนึ่งฝ่ามือบริเวณหัวไหล่ของถู่ฝู แต่ทว่าถู่ฝูปล่อยร่างไถลไปตามสภาวะ ฝ่ามือนี้ของฝ่าเสียงจึงพลาดเป้าไปราวครึ่งฝ่ามือ

ทั้งสามต่อสู้พัวพันกันราวร้อยกว่ากระบวนเพลง ใช้ออกทั้งท่าเท้า ฝ่ามือ หมัด กรงเล็บ เพลงเตะ มาตรว่าจะใช้สองต่อหนึ่ง แต่ทว่าศิษย์น้องทั้งสองยังไม่เห็นหนทางเอาชัยต่อศิษย์พี่ถู่ฝูได้ ด้านถู่ฝูไม่แสดงอาการเหนื่อยหอบแม้แต่สักน้อยนิด กลับพบว่ายิ่งต่อสู้ยิ่งคึกคักเข้มแข็ง มันไม่ต้องปล่อยเวลาให้ผ่านไปเนิ่นนาน จึงคิดปิดบัญชีต่อศิษย์น้องทั้งสองของมัน

ถู่ฝูคิดใช้กำลังภายในต่อศิษย์น้องทั้งสองของมันแล้ว มันเร่งเร้าลมปราณภายในขึ้นถึงขีดสุด ฝู่เสียงกับฝ่าเสียงเองรีบเกร็งลมปราณภายในร่างขึ้นคุ้มครองกาย ถู่ฝูร่ายรำกระบวนท่าในวิชาฝ่ามืออรหันต์ วิชาฝ่ามือนี้มีความร้ายกาจยิ่ง มีด้วยกันทั้งสิ้นสิบแปดท่า ในสิบแปดท่าสามารถผันแปรได้ถึงเจ็ดสิบสองกระบวนท่า

ผู้ฝึกวิทยายุทธ์ล้วนต้องทราบ การใช้กำลังภายในนั้นอันตรายยิ่ง จะมิอาจสูญเสียสมาธิได้แม้แต่น้อยนิด ถู่ฝูเมื่อใช้พลังวัตรกระทั่งถึงขีดสุด ฉับพลันบริเวณโดยรอบล้วนถูกปกคลุมไปด้วยคลื่นลมปราณแน่นหนามหาศาล ฝู่เสียงกับฝ่าเสียงยังแทบรู้สึกอึดอัดขัดข้องหายใจไม่สะดวก

ถู่ฝูแยกย้ายฝ่ามือซ้ายขวา พุ่งร่างเข้าหาฝ่าเสียงศิษย์น้องของมันโดยพร้อมเพรียง พร้อมกับส่งเสียงตวาดดังว่า

“ตาย”

สิ้นเสียงของมันฝ่ามือคล้ายดั่งพัดโบกขนาดมหึมา ฝ่ามือนั้นกระแทกเข้าใส่ฝู่เสียงกับฝ่าเสียง ทั้งสองผลักสองฝ่ามือออกต้านรับ ใช้พลังวัตรหมดสิ้นถึงขีดสุดเช่นกัน ฝ่ามือนี้ของถู่ฝูคล้ายเชื่องช้าแต่ทว่ารวดเร็วยิ่ง สองคนสี่ฝ่ามือใช้ออกต้านรับหนึ่งคนสองฝ่ามือ

เสียงทึบดังหนักหน่วง สองฝ่ามือของถู่ฝูเมื่อสัมผัสกับสี่ฝ่ามือแล้ว สภาวะยังมิสิ้นสุดไป ยังคงต่อเนื่องเพิ่มพูน เสียงทึบหนัก ๆดังขึ้นอีกสองครั้งพร้อมเพรียงกัน พร้อมกันนั้นร่างของฝู่เสียงกับฝ่าเสียงลอยละลิ่วไปในอากาศไกลราวสี่ห้าวา จากนั้นร่างชนปะทะเข้ากับผนังหินดังครืนใหญ่

ร่างของทั้งสองกลิ้งไปกับพื้นอีกหลายตลบค่อยหยุดนิ่ง จากนั้นทั้งสองค่อย ๆขยับร่างอย่างยากเย็น พร้อมกับกระอักโลหิตออกมาจากปากอีกคำโต ทั้งสองรู้สึกจุกแน่นไปทั่วทั้งร่างราวกับกระดูกภายในป่นละเอียดเป็นเศษชิ้น ทั้งสองพยายามพยุงกายลุกขึ้นนั่งอย่างยากเย็น

ถู่ฝูมันทอประกายสายเย็นเยียบชวนขนลุก มันก้าวเท้าย่างสามขุมเข้าหาศิษย์น้องทั้งสองของมัน จากนั้นส่งเสียงกล่าวว่า

“ทางสวรรค์มีกลับมิเดิน พวกเจ้าทั้งสองกลับเลือกเส้นทางสู่ปรโลก รีบบอกออกมาเถิด ผู้ใดต้องการล่วงหน้าเดินทางไปก่อน”

ฝู่เสียงส่งเสียงพร่าสั่นกล่าวว่า

“พวกเราแม้ต้องตายตกนรกยังนับว่าประเสริฐกว่าท่าน ท่านทรยศสำนักหักหลังอาจารย์ ทำร้ายคนในสำนัก คนเช่นท่านตายไปนรกยังมิต้องการ ท่านรีบลงมือเถิด ชนะเป็นเจ้า แพ้เป็นโจร เราทั้งสองอยู่ไปก็ไม่มีหน้าสู่ปรมาจารย์ที่ล่วงลับ”

ถู่ฝูส่งเสียงหัวร่อฮา ๆแล้วกล่าวว่า

“เช่นนั้นในฐานะศิษย์พี่ใหญ่ ข้าพเจ้าจะช่วยส่งเสริม ให้พวกเจ้าได้ไปคารวะเหล่าปรมาจารย์ในนรกก็แล้วกัน”

กล่าวจบมันตะปบคว้าร่างของฝู่เสียงขึ้นราวยกเนื้อสุกรวางพาดไว้บนเขียง มืออีกข้างของมันใช้ดรรชนีอรหันต์เส้าหลิน หักกระดูกแขนทั้งสองของฝู่เสียง เสียงกระดูกถูกหักดังกรอบแกรบผนวกกับเสียงร้องฟังมิได้ศัพท์ด้วยความเจ็บปวดแสนทรมาน มันไล่นิ้วมือไปทั่วร่างหักกระดูกทุกชิ้นแทบละเอียด มันต้องการทรมานให้ฝ่าเสียงมองดูศิษย์พี่รองร้องด้วยความเจ็บปวด

ฝ่าเสียงร้องเรียกศิษย์พี่รองด้วยความเวทนา แต่ทว่ามิอาจช่วยเหลือกระไรได้ ฝู่เสียงรวบรวมเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายส่งเสียงร้องต่อศิษย์น้องของมันว่า

“ฝ่าเสียงเจ้ารีบหนีไป ไม่ต้องเป็นห่วงศิษย์พี่รอง เจ้าต้องเปิดโปงความชั่วช้าและอำมหิตของมัน”

ฝู่เสียงกล่าวได้เพียงแค่นั้น ถู่ฝูมันใช้ดรรชนีอหันต์หักกระดูกลำคอไป ร่างของฝู่เสียงแน่นิ่งไม่ขยับอีกแล้ว ต่อแต่นี้มันไม่อาจขยับร่างได้เองอีกแล้ว  ไม่อาจขยับได้ตลอดกาล

ถู่ฝูหันมาทางฝ่าเสียงแล้วส่งเสียงกล่าวกับมันว่า

“ฝ่าเสียง เจ้าเป็นศิษย์น้องเล็ก ศิษย์พี่จดจำได้ว่าเจ้าเองก็เคยฝึกดรรชนีอรหันต์เส้าหลินมา เจ้าคิดจะเปิดโปงศิษย์พี่ใหญ่เช่นนั้นรึ? มันไม่ง่ายดายปานนั้น ศิษย์พี่รองของเจ้าลงสู่ปรภพแล้ว ศิษย์พี่รองของเจ้าตายด้วยดรรชนีอรหันต์ หากศิษย์พี่ใหญ่จะนำความไปเปิดโปงเล่า? ว่าเจ้าเป็นศิษย์ทรยศเส้าหลิน ลงมือฆ่าศิษย์พี่รองอย่างโหดเหี้ยมเล่า? เจ้าจะรู้สึกเช่นไร?”

“ข้าพเจ้ามิได้ลงมือต่อพี่รอง เป็นท่านลงมือ ท่านคิดจะป้ายความผิดให้แก่ข้าพเจ้าเช่นนั้นรึ? คิดไม่ถึงว่าท่านจะอำมหิตถึงเพียงนี้ สวรรค์มีตาสักวันความจริงจะต้องปรากฏออกมา”

ฝ่าเสียงส่งเสียงกล่าวถึงความบริสุทธิ์ของตนเอง แต่ทว่าช่างเป็นความคิดที่บัดซบโง่เขลายิ่ง บริสุทธิ์แล้วเป็นเช่นไร? ในเมื่อในเวลานี้มีบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์เหลืออยู่เพียงสองคน คนหนึ่งคือถู่ฝู อีกคนหนึ่งคือฝ่าเสียง แล้วผู้ใดจะกล่าววาจาแล้วมีน้ำหนักน่าเชื่อถือกว่ากัน

สำหรับความตายนั้นง่ายดายยิ่ง ฝ่าเสียงเริ่มคิดออกแล้วว่า หากตนเองต้องตายไปอีกคน เรื่องราวชั่วช้าสามานย์ที่ถู่ฝูกระทำจะต้องตกตายไปกับตนด้วย ดังนั้นการมีชีวิตสืบไป ไม่แน่นักว่าจะมีโอกาสได้เปิดโปงความชั่วช้าของถู่ฝูผู้นี้

ความชั่วช้าของถู่ฝูผู้นี้มิได้มีเพียงเท่านี้ มันยังมีแผนการที่ลึกล้ำกว่านี้อีกขั้นหนึ่ง มันคล้ายอ่านใจฝ่าเสียงออกจนทะลุปรุโปร่งดุจนับนิ้วบนฝ่ามือ มันจ้องมองฝ่าเสียงแน่วนิ่ง จนร่างของศิษย์น้องมันคล้ายแข็งทื่อไปในบัดดล

ถู่ฝูใช้ท่าร่างอันปราดเปรียวเพียงไม่กี่ก้าวก็เข้าประชิดร่างฝ่าเสียงแล้ว จากนั้นพุ่งนิ้วชี้และนิ้วกลางออกดั่งปลายทวน จี้ปราดที่จุดเอี่ยเหมินบริเวณท้ายทอย ฝ่าเสียงร่างแข็งทื่อไปจริง ๆไม่อาจเคลื่อนไหวได้ ถู่ฝูมันส่งเสียงกล่าวกับฝ่าเสียงอีกครั้ง

“ฝ่าเสียงหากเจ้าอยากมีชีวิตรอด เพียงปฏิบัติตามที่ศิษย์พี่ใหญ่บอก ส่วนเรื่องการตายของศิษย์พี่รอง หากศิษย์พี่ใหญ่ไม่พูด เจ้าเองก็ไม่พูด เพียงเท่านี้ก็มิมีผู้ใดทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าเห็นว่าดีหรือไม่?”

ถู่ฝูส่งเสียงหัวร่อในลำคอเบา ๆแล้วกล่าวต่อว่า

“อ้อ พี่ศิษย์ใหญ่ลืมไปว่าเจ้าเคลื่อนไหวมิได้ ส่งเสียงออกมาก็มิได้ หากเจ้ามีสภาพเช่นนี้ตลอดไปคงจะดีไม่น้อย แต่ทว่าหากใบหน้าเจ้าเปลี่ยนแปลงไปสักเล็กน้อย จะมีผู้ใดเล่า? จะจดจำได้ว่าเจ้าใช่ฝ่าเสียงศิษย์น้องเล็กหรือไม่?”

ถู่ฝูส่งเสียงหัวร่อในลำคออีกครา หัวร่ออยู่เนิ่นนาน....

ลานกว้างทางขึ้นวัดเส้าหลิน เจ้าอาวาสเต้าเฉียนไต้ซือ ยืนเผชิญหน้าอยู่กับเจ้าประกาศิตหยั่งฟ้าดินฝุ่เต๋อ ส่วนหลวงจีนราวสามสิบกว่ารูปยังคงตั้งกำแพงสามแถวตระเตรียมพร้อม ฝุเต๋อส่งเสียงกล่าวว่า

“ท่านลองทบทวนใคร่ครวญให้ดีเถิด ยอมสละตำแหน่งเจ้าอาวาสให้แก่ข้าพเจ้า ส่วนท่านเพียงทำลายวรยุทธ์ตนเอง หาสถานที่สงบไร้ผู้คนสักที่หนึ่ง หากท่านอาศัยอยู่ที่นั่นไม่ออกมายุ่งเกี่ยวเรื่องราวยุทธภพ รับรองได้ว่ามิมีผู้ใดกล้าไปรบกวนท่านเป็นอันขาด”

เต้าเฉียนไต้ซือส่งเสียงกล่าวว่า

“ฝุ่เต๋อ ไฉนเจ้าจึงทำถึงเพียงนี้ เส้าหลินเองในอดีตยังเคยเป็นที่อาศัยของเจ้า เจ้าเคยใช้สถานที่แห่งนี้หลับนอน ใช้สถานที่แห่งนี้ฝึกวิทยายุทธ์ ทุกสิ่งทุกอย่างเจ้าเคยเริ่มต้นที่นี่ หากจะว่าไปแล้วหากไม่มีเส้าหลินในวันนั้น จะมีเจ้าในวันนี้ได้เยี่ยงไร?”

ฝุ่เต๋อสวนคำว่า

“ท่านอย่าให้ใช้หลักธัมมะมาเกลี้ยกล่อมข้าพเจ้า เพราะท่านจะเสียแรงเปล่า ปณิธานของท่านกับข้าพเจ้าสวนทางกัน ท่านถือศีลกินเจ ละกิเลสไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ส่วนข้าพเจ้าต้องการเป็นใหญ่เป็นที่ยอมรับ เข้มแข็งอยู่รอดอ่อนแอต้องแพ้พ่าย เรื่องง่าย ๆเพียงนี้ท่านมิน่าเข้าใจให้ลำบากเลย”

เต้าเฉียนไต้ซือส่งเสียงกล่าวตอบว่า

“ลาภยศชื่อเสียงเป็นเพียงมายา ฝุ่เต๋อเจ้ามิจำเป็นต้องก่อกรรมทำเข็ญให้มากไปกว่านี้เลย เห็นแก่เส้าหลินกับปรมาจารย์ผู้ล่วงลับ เจ้ากลับเนื้อกลับตัวตอนนี้ยังพอมีเวลาให้แก้ไข อย่าได้ถลำลึกลงไปกว่านี้เลย”

ได้ยินทั้งสองโต้เถียงกันเนิ่นนานยังหาข้อสรุปมิได้ เจ้าอสูรโลกันตร์หม่าถิงอันรู้สึกรำคาญจนทนทานไม่ไหว มันส่งเสียงสอดคำขึ้นว่า

“พวกท่านทั้งสองโต้เถียงกันอีกครึ่งค่อนวันยังหาข้อสรุปมิได้ เส้าหลินเป็นเสาหลักยุทธภพ ผู้คนต่างให้ความยำเกรง วิทยายุทธ์เส้าหลินนับว่าล้ำเลิศ แต่ใช่ว่าจะไม่มีวิชาใดในใต้หล้าที่จะสามารถสยบเอาชนะได้ เส้าหลินแม้เข้มแข็งเป็นเสาหลักมาช้านาน แต่หากได้ผู้นำที่ฉลาดปราดเปรื่อง จะมิใช่ติดปีกบินดอกรึ?”

เจ้าอสูรโลกันตร์หม่าถิงอันกล่าวต่อว่า

“ท่านเต้าเฉียนไต้ซือ วันนี้พวกเราบุกเส้าหลิน เป้าหมายคือยึดครองเส้าหลิน ฝุ่เต๋อกล่าวขอต่อท่านโดยเปิดเผยท่านกลับมิยินยอม หรือว่าท่านต้องการต่อยตีสักท่าสองท่า วิชาเส้าหลินร้ายกาจจริงหรือไม่? ไม่มีผู้ใดทราบ? หากท่านมิยินยอมส่งมอบตำแหน่งเจ้าอาวาสให้แต่โดยดี เห็นทีข้าพเจ้าคงต้องใช้กำลังบังคับท่าน”

“พวกท่านหมายความว่าเช่นไร?”

เต้าเฉียนไต้ซือส่งเสียงกล่าวถาม

“เพื่อมิให้เกิดการบาดเจ็บล้มตาย ข้าพเจ้าเจ้าอสูรโลกันตร์หม่าถิงอัน ขอท้าประลองยุทธ์กับท่าน หากข้าพเจ้าพ่ายแพ้ฝีมือมิเอาไหน จะนำพาผู้คนทั้งหมดลงเขาไปไม่รบกวน หากท่านแพ้พ่ายให้ท่านมอบตำแหน่งเจ้าอาวาสให้แก่ฝุ่เต๋อ เต้าเฉียนไต้ซือท่านเห็นเป็นเช่นไร?”

แต่ก่อนที่เต้าเฉียนไต้ซือจะได้กล่าววาจากระไร ร่างหนึ่งพุ่งทะยานมาดุจเกาทัณฑ์ เมื่อทิ้งร่างลงแล้วส่งเสียงกล่าวว่า

“เรียนท่านเจ้าอาวาส ศิษย์น้องทั้งสองรวมทั้งศิษย์เส้าหลินทั้งหมดหลบเข้าเส้นทางลับหมดสิ้นแล้ว ข้าพเจ้าเป็นห่วงท่านเจ้าอาวาสและสำนักจึงได้ย้อนกลับมา พอดีได้ฟังวาจาสามหาวเมื่อครู่ของผู้บุกรุกเข้า วิทยายุทธ์เส้าหลินลึกล้ำ ในยุทธภพไม่มีวิชาใดสามารถทัดเทียมได้ ขอท่านเจ้าอาวาสรับคำท้าวาจาสามหาวของมัน”

ที่แท้เป็นถู่ฝูนั่นเอง มันมาได้จังหวะพอดิบพอดี มันเรียนต่อเต้าเฉียนไต้ซือว่าฝู่เสียงกับฝ่าเสียงศิษย์น้องมัน รวมทั้งเหล่าศิษย์ทั้งหลายใช้เส้นทางลับหลบหนีไปปลอดภัยแล้ว คำพูดของมันฟังไปคล้ายเป็นห่วงเส้าหลินกับท่านเจ้าอาวาสเป็นที่สุด จึงได้ย้อนกลับมา

เจ้าอาวาสเต้าเฉียนไต้ซือประเมินสถานการณ์ ไม่แน่นักว่าท่านจะสามารถเอาชนะเจ้าอสูรโลกันตร์หม่าถิงอันได้หรือไม่? แต่ทว่าหากมิรับคำท้าของมัน เส้าหลินจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ชื่อเสียงของเส้าหลินเป็นเสาหลักยุทธภพมาหลายรุ่น จะมาย่อยยับพินาศภายในมือท่านมิได้ ดังนั้นจึงตัดสินใจส่งเสียงกล่าวว่า

“อาตมาเต้าเฉียนไต้ซือ รับคำท้าประลองยุทธ์ของท่าน อาตมาไตร่ตรองถ้วนถี่แล้ว อาตมาไม่ต้องการให้ศิษย์ร่วมสำนักต้องมาบาดเจ็บล้มตาย อาตมาตายเพียงผู้เดียวนับว่าประเสริฐสุด ทุกคนถอยไป ประสกหม่าถิงอันเชิญท่านลงมือ”

ยังไม่ทันที่ทั้งหมดจะทันเคลื่อนไหว ร่างสี่สายเคลื่อนไหวปราดมา แล้วทิ้งร่างลงไม่ห่างเท่าใดนัก ร่างทั้งสี่สายสวมใส่ชุดจีวรเก่าซีด ผู้ที่อยู่ด้านเป็นเหยียนเจี๋ยไต้ซือ หนึ่งในสี่บรรพชิตเส้าหลินที่รอดชีวิตนั้นเอง

ถู่ฝูเห็นเช่นนั้นรีบวิ่งเข้าไป คุกเข่าลงโขกคำนับพร้อมกับส่งเสียงกล่าว

“ข้าพเจ้าน้อมคำนับท่านเหยียนเจี๋ยไต้ซือ ท่านหยี่ม้อซือไต้ซือ ท่านซาม้อซือไต้ซือ ท่านสี่ม้อซือไต้ซือ ท่านทั้งสี่มาช้าไปก้าวหนึ่ง ตอนนี้ท่านเจ้าอาวาสเต้าเฉียนไต้ซือ ได้รับปากประลองยุทธ์กับเจ้าอสูรโลกันตร์หม่าถิงอันเรียบร้อยแล้ว วาจาเมื่อกล่าวออกไปไม่อาจคืนคำ โดยใช้ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเส้าหลินเป็นเดิมพัน”

ถู่ฝูมันปั้นสีหน้าได้แนบเนียนยิ่ง โดยเน้นคำว่าวาจาเมื่อกล่าวออกมามิอาจคืนคำ หลังจากสามบรรพชิตเส้าหลินอันประกอบไปด้วย เหยียนเต๋อไต้ซือ เหยียนซือไต้ซือ เหยียนเป่าไต้ซือ เสียชีวิตลงไปด้วยน้ำมือของถู่ฝู จนกระทั่งบัดนี้ยังมิมีผู้ใดทราบ? ว่าแท้จริงแล้วมันเป็นผู้ลงมือแล้วป้ายความผิดให้แก่จ่านจือ มีเพียงแต่เยี่ยนผิงซึ่งเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด แต่ยังไม่มีโอกาสได้เปิดโปงความชั่วร้ายของมัน

ดังนั้นจึงได้แต่งตั้งสามบรรพชิตขึ้นมาใหม่อีกสามท่าน ดั่งรายชื่อที่ถู่ฝูเอ่ยกล่าวออกมาเมื่อครู่ สี่บรรพชิตเส้าหลินเมื่อได้ฟังมันรายงานเช่นนั้นต่างส่งเสียงพร้อมเพรียงว่า

“อามิตพุทธ เวรกรรม ๆ”

เมื่อเป็นเช่นนั้นสี่บรรพชิตเส้าหลินจึงมิอาจสอดมือเข้ามาพัวพัน คงปล่อยให้เจ้าอาวาสเต้าเฉียนไต้ซือประมือกับเจ้าอสูรโลกันตร์หม่าถิงอัน ทั้งหมดถอยร่นออกไปสองฟากฝั่ง แบ่งเป็นฝ่ายธัมมะและฝ่ายมารอธรรม มีเพียงแต่ถู่ฝูที่ร่างเป็นฝ่ายธัมมะ แต่ทว่าพฤติกรรมกลับเดรัจฉานยิ่งกว่ามารอธรรม

เจ้าอสูรโลกันตร์หม่าถิงอันมิได้ใช้อาวุธ ดังนั้นเจ้าอาวาสเต้าเฉียนไต้ซือจึงส่งไม้เท้าพระธรรมให้แก่ถู่ฝูช่วยถือไว้ โดยท่านใช้เพียงมือเปล่าเช่นกัน

เจ้าอสูรโลกันตร์หม่าถิงอันมีวิชาฝ่ามืออันน่ากลัวคือ วิชาฝ่ามือภูผาทะลวงใจ และวิชาฝ่ามืออสูรสยบโลกันตร์ แต่ชาวยุทธ์ต่างทราบดีว่า นอกจากสองฝ่ามือนี้แล้ว มันยังมีวิชาฝ่ามือพยายมที่สูญหายไปอีกด้วย นอกจากนั้นมันยังได้ครอบครองคัมภีร์สุริยันจันทรา เท่ากับว่าในตอนนี้มันคล้ายดั่งพยัคฆ์เสียบปีก

ส่วนเจ้าอาวาสเต้าเฉียนไต้ซือท่านยิ่งมิรวบรัดธรรมดา พลังฝีมือของท่านล้วนฝึกปรืออย่างลึกล้ำ วิทยายุทธ์เส้าหลินเป็นที่ทราบกันดีว่าสูงส่งถึงเพียงไหน พยัคฆ์กับมังกรต่อสู้กัน ยังไม่ทันได้ลงมือก็ทำเอาบรรยากาศโดยรอบเย็นเยียบลงทันที

เจ้าอสูรโลกันตร์หม่าถิงอันพุ่งเข้าเป็นฝ่ายรุกก่อน โดยใช้ออกด้วยกระบวนท่าในวิชาฝ่ามืออสูรสยบโลกันตร์ วิชาฝ่ามือนี้แนวทางเน้นไปในทางกล้าแข็งรุนแรง แฝงกำลังภายในไปทุกส่วนของร่างกาย เต้าเฉียนไต้ซือเร่งเร้าลมปราณในร่างขึ้นคุ้มครองกาย ใช้วิชาฝ่ามืออรหันต์ขั้นต้านรับ

เมื่อทั้งสองลงมือบังเกิดเป็นคลื่นไร้สภาพสองสายปกคลุมไปโดยรอบ เสียงเพียะพะของพลังฝ่ามือดังสลับสับเปลี่ยน คลื่นพลังไร้สภาพแตกทะลักกระจายออกด้านข้าง ภาพที่เห็นในตอนนี้ร่างสองสายคล้ายดั่งหมอกควัน ทั้งสองมีวิชาตัวเบาอันยอดเยี่ยมสูงส่ง ร่างทั้งสองฉวัดเฉวียนอยู่ในอากาศดั่งมังกรสองตัวต่อสู้กัน

ดูด้วยสายตาในเวลานี้ ทั้งสองต่างสูสีก้ำกึ่ง ต่างแลกหมัดฝ่ามือถี่รัวจนแทบละลานตา ทั้งสองต่อสู้โลดแล่นขึ้นไปบนหลังคาโบสถ์ เสียงทึบ ๆปง ๆดังเกรี้ยวกราดตลอดเวลา ฝีเท้าของทั้งสองแผ่วเบายิ่ง คล้ายกับว่ามิได้เหยียบย่างวิ่งบนแผ่นกระเบื้องปานนั้น

ต๊กม้อเต็กไต้ซือ เสิ่นซื่อสูอวี้ เจ้าประกาศิตหยั่งฟ้าดินฝุ่เต๋อ รวมทั้งผางกว่าน ต่างพากันคันไม้คันมืออยากจะลงมือต่อยตีบ้าง แต่กระนั้นพวกมันไม่อาจจะลงมือได้ เมื่อลงเรือลำเดียวกันแล้ว จึงไม่อาจลงมือโดยพลการ ได้แต่ยืนดูการต่อสู้ที่กำลังดุเดือดเผ็ดร้อน

ทุกเรื่องราวต่างอยู่ในสายตาของถู่ฝู มันเก็บรายละเอียดการเคลื่อนไหวไว้ครบถ้วน หากทุกสิ่งเป็นไปตามแผนการที่วางไว้ เมื่อเจ้าอสูรโลกันตร์หม่าถิงอันเอาชนะเจ้าอาวาสเต้าเฉียนไต้ซือแล้ว ตำแหน่งเจ้าอาวาสย่อมตกไปเป็นของศิษย์ทรยศเส้าหลินเทียนเกา หรือเจ้าประกาศิตหยั่งฟ้าดินฝุ่เต๋อ ส่วนมันแน่นอนจะต้องได้รับตำแหน่งสำคัญในเส้าหลินอย่างแน่นอน

นอกจากนั้นมันยังมีแผนการบางอย่าง แผนการที่ได้วางเอาไว้เนิ่นนานแล้ว แท้จริงมันต้องการจะฮุบตำแหน่งเจ้าอาวาสเอาไว้เสียด้วยซ้ำ ติดอยู่ที่เจ้าประกาศิตหยั่งฟ้าดินฝุ่เต๋อเคยเป็นอาจารย์อาของมัน นอกจากนั้นยังมิมีผู้ใดทราบชาติกำเนิดของมัน

แท้จริงมันเป็นบุตรโทนของตาเฒ่าเข็มวิเศษฝ่านอี้เฉิน กับยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้ว มันเองตั้งแต่เล็กก็มาอยู่วัดเส้าหลินแล้ว โดยในตอนนั้นผู้ที่ส่งมันขึ้นมาเป็นเจ้าอสูรโลกันตร์หม่าถิงอัน ซึ่งปลอมตัวเป็นหลิวซุ่นกงกงแห่งหมู่ตึกกระเรียนฟ้าส่งตัวมันขึ้นมา

เรื่องราวซับซ้อนจนยากจำแนก แต่คงอีกไม่นานคงได้ทราบแน่ชัด ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังมันจริง ๆเป็นผู้ใดกันแน่? ผู้ใดกันแน่ที่คิดการใหญ่หมายครอบครองยุทธภพ

บัดนี้เต้าเฉียนไต้ซือกับเจ้าอสูรโลกันตร์หม่าถิงอัน พุ่งร่างลงมาจากหลังคาโบสถ์อีกครั้ง ต่อสู้กันผ่านมาหลายร้อยกระบวนท่า ยังไม่เห็นทีท่าว่าฝ่ายไหนจะพ่ายแพ้หรือชนะ ดังนั้นเมื่อทิ้งเท้าลงกับพื้น ทั้งสองพุ่งสองฝ่ามือออกประกบชิดติดกัน วัดผลแพ้ชนะด้วยกำลังภายใน

เจ้าอสูรโลกันตร์หม่าถิงอันทอประกายสายตาพิสดาร จากนั้นส่งเสียงร้องออกมาว่า

“ฝ่ามือพยายม”

สิ้นเสียงของมัน ร่างของเจ้าอาวาสเต้าเฉียนไต้ซือ สะท้อนลอยคว้างกลับหลังไปหลายวา เมื่อร่างกระทบพื้นเสียงดังสนั่น จนฝุ่นควันคละคลุ้ง ถู่ฝูมันรีบวิ่งเข้าไปหาพร้อมกับพยุงร่างท่านขึ้นมา แล้วส่งเสียงกล่าวถามว่า

“ท่านเจ้าอาวาส ท่านเป็นเช่นไรบ้าง?”

เจ้าอาวาสเต้าเฉียนไต้ซือทราบดีว่า อวัยวะภายในของท่านแหลกเหลว ไม่อาจรักษาชีวิตเอาไว้ได้ พร้อมกับกระอักโลหิตออกมาหลายคำเป็นกองโต

เจ้าอสูรโลกันตร์หม่าถิงอัน ก้าวเท้าช้า ๆเข้ามาอย่างปลอดโปร่ง เพ่งมองร่างเจ้าอาวาสเต้าเฉียนไต้ซืออย่างเย็นชา

สี่บรรพชิตเส้าหลินส่งเสียงพร้อมเพรียงกันอีกครั้งว่า

“อามิตพุทธ เวรกรรม เวรกรรม”

หยกเหินลม/ชล ชโลทร

 

17 เมษายน 2564
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป