Your Wishlist

จอมยุทธ์เจ้ายุทธจักร (ยายเฒ่าหมื่นพิษ)

Author: หยกเหินลม

เมื่อยุทธภพแบ่งออกเป็นสอง มารยึดครองยุทธจักร คัมภีร์ยุทธ์ที่สาบสูญกลับคืนสู่บู๊ลิ้ม บุญคุณความแค้นรอการสะสาง หนี้เลือดต้องล้างด้วยเลือด เด็กน้อยผู้หนึ่งจะก้าวขึ้นมาเป็นเจ้ายุทธจักรได้เช่นไร หนึ่งคัมภีร์สยบกระบวนท่า หนึ่งเคล็ดวิชาดรรชนี สุริยันจันทราปรากฏในปถพี สยบไปหมื่นลี้ร้อยมณฑล

จำนวนตอน :

ยายเฒ่าหมื่นพิษ

  • 16/08/2565

ตอนที่ 106

ยายเฒ่าหมื่นพิษ

ผ่านไปอีกเพียงหนึ่งวัน สำนักเมฆฟ้าพิรุณนำโดยเจ้าสำนักเหิงปี้ไป่ ติดตามมาด้วยศิษย์ทั้งสองหนานตี้ กับกุ้ยโส่ว และเจ้าอาวาสวัดเส้าหลินเต้าเฉียนไต้ซือ ท่านนำพาศิษย์แห่งเส้าหลินติดตามมาสองรูป อันได้แก่ฝู่เสียง กับฝ่าเสียง แต่ไม่เห็นถู่ฝูติดตามมาด้วยในครั้งนี้

ทุกคนเมื่อทราบข่าวการเสียชีวิตกะทันหันของเจ้าผาแห่งสายลมเกาทิเหว่ย ต่างรู้สึกโศกเศร้าเสียใจ และยืนไว้อาลัยให้กับท่านเป็นเวลาครึ่งชั่วยาม

เมื่อทุกคนนั่งลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เยี่ยนผิงหันมาทางด้านเต้าเฉียนไต้ซือ แล้วกล่าวถามท่านขึ้นว่า

“ข้าพเจ้าเยี่ยนผิงมีเรื่องรบกวนถามท่านไต้ซือสักคำถาม ไม่ทราบว่าจะเป็นการรบกวนท่านไต้ซือหรือไม่?”

“เป็นเจ้าแม่นางน้อยเยี่ยน เจ้าคิดจะกล่าวถามสิ่งใดอาตมาก็จงเอ่ยมาอย่าได้คิดเป็นการรบกวน อาตมาเป็นผู้ทรงศีลย่อมยินดีให้คำตอบแก่แม่นางโดยกระจ่าง” เต้าเฉียนไต้ซือกล่าวตอบเยี่ยนผิง พร้อมกับแสดงสีหน้าอันเต็มไปด้วยความเมตตา

“โดยปกติท่านไต้ซือออกเดินทางจากเส้าหลิน จะต้องมีหลวงจีนถู่ฝูร่วมติดตามมาด้วย วันนี้ข้าพเจ้าไม่เห็นเลยอยากเอ่ยถามว่า ไฉนจึงไม่มาด้วยกับท่าน” เยี่ยนผิงเอ่ยกล่าวถามเต้าเฉียนไต้ซือถึงถูฝูว่า ไฉนมันจึงไม่ร่วมเดินทางมาด้วย

“ที่แท้เป็นเรื่องนี้เอง ถู่ฝูแจ้งกับอาตมาเมื่อหลายวันก่อนว่าติดธุระจำเป็น บัดนี้ยังไม่เดินทางกลับเส้าหลิน ดังนั้นอาตมาจึงได้นำพาฝู่เสียง กับฝ่าเสียงร่วมเดินทางมาแทน ที่ประสกกล่าวถามไม่ทราบมีเรื่องราวใดหรือไม่?” เต้าเฉียนไต้ซือกล่าวตอบต่อเยี่ยนผิง

“มิมีเรื่องราวใด? เพียงแต่ข้าพเจ้ากับเยี่ยนผิง ไม่เห็นเดินทางมาด้วยเท่านั้นเอง แล้วไม่ทราบว่าท่านไต้ซือเหยียนเจี๋ยท่านสุขสบายดีหรือไม่?”

จ่านจือกล่าวตอบแทนเยี่ยนผิง แล้วกล่าวถามถึงหนึ่งในสี่บรรพชิตเส้าหลินเหยียนเจี๋ย ว่าท่านสุขสบายดีหรือไม่

“ท่านไต้ซือเหยียนเจี๋ยสุขสบายดี ขอบใจในน้ำใจของเจ้าที่ถามไถ่ ตอนนี้ท่านเก็บตัวบำเพ็ญเพียรภาวนา อีกราวสองปีอดีตเจ้าอาวาสต้าทง ก็จะออกจากการเก็บตัวแล้ว  เมื่อถึงเวลานั้นวัดเส้าหลินคงเพิ่มยอดฝีมือมาช่วยติดตามหาคนร้ายอีกแรงหนึ่ง น่าเสียดายท่านเจ้าผาเกามิน่าจากไปกะทันหัน มิเช่นนั้นจะเพิ่มยอดฝีมือช่วยเหลือยุทธภพอีกผู้หนึ่ง”

“พวกเราทุกคนต่างรู้สึกเสียใจต่อการจากไปของน้องสี่ แต่ข้าพเจ้าคิดว่าเราทุกคนเปลี่ยนเอาความเสียใจมาเป็นพลังในการติดตามหาตัวคนร้ายจะไม่ประเสริฐกว่าดอกรึ? วันนี้ทุกท่านเดินทางมายังสำนักตำหนักหมื่นเทพ ข้าพเจ้าเจ้าโอสถสายรุ้งรู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนัก วันนี้นอกจากหารือเกี่ยวกับการติดตามหาตัวคนร้ายที่เคลื่อนไหวอยู่ในยุทธภพแล้ว ข้าพเจ้ายังมีเรื่องชี้แจงแก่ทุกท่านเกี่ยวกับเรื่องของกระบี่อัคคีน้ำค้างด้วย”

เจ้าโอสถสายรุ้งเส้าเยี๊ยะเทียนกล่าวกับเหล่าจอมยุทธ์ในที่นั้น พร้อมกับชี้แจงว่านอกจากต้องการหารือเกี่ยวกับการติดตามหาตัวคนร้ายแล้ว ยังมีเรื่องของกระบี่อัคคีน้ำค้างจะชี้แจงให้รับทราบด้วย

“ประสกเส้ามิต้องเกรงใจ เราต่างเป็นชาวยุทธ์ถือว่าเป็นคนกันเอง มีเรื่องราวใดก็โปรดบ่งบอกออกมาอย่าได้ลำบากใจ อาตมาเต้าเฉียนยินดีให้ความช่วยเหลือเต็มที่ อีกยังมีศิษย์ของเส้าหลินอีกมากมายที่พร้อมให้การช่วยเหลือยุทธภพในครั้งนี้” เต้าเฉียนไต้ซือกล่าวต่อเจ้าโอสถสายรุ้งเส้าเยี๊ยะเทียน

“จ่านจือเจ้านำกระบี่อัคคีน้ำค้างออกมาให้เหล่าอาวุโสได้ชมดู”

เจ้าโอสถสายรุ้งเส้าเยี๊ยะเทียนส่งเสียงบอกกว่าต่อจ่านจือ ให้นำกระบี่อัคคีน้ำค้างซึ่งในตอนนี้ได้กลายสภาพเป็นเศษชิ้นเรียบร้อยแล้ว จ่านจือไม่รอช้ารีบนำห่อผ้าซึ่งมีเศษกระบี่อยู่ด้านในออกมาวางลงกลางโต๊ะเพื่อให้ทุกคนได้เห็นโดยชัดเจน

ก่อนหน้านั้นจ่านจือได้อธิบายเรื่องราวเกี่ยวกับความจำเป็น ที่อาจารย์ของตนต้องทำลายกระบี่อัคคีน้ำค้างไป เพื่อลดปัญหาการแย่งชิงกระบี่เล่มนี้ เยี่ยนผิงนางเมื่อได้ยินจ่านจืออธิบายเหตุผลนางก็ยอมโอนอ่อนและไม่คิดว่ากล่าวอาจารย์ของจ่านจือ

ทุกคนในที่นั้นต่างชมดูเศษกระบี่ เมื่อทราบสาเหตุที่เจ้าโอสถสายรุ้งต้องทำลายกระบี่อัคคีน้ำค้างไป ทุกคนต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า กระทำถูกต้องแล้ว หากไม่ทำลายกระบี่เล่มนี้จะต้องมีชาวยุทธ์อีกมากมายต้องล้มตายเพื่อแย่งชิง และต่างทราบว่าความลับในกระบี่อัคคีน้ำค้าง บัดนี้เจ้าโอสถสายรุ้งเส้าเยี๊ยะเทียนได้ค้นพบแล้ว ต่างแสดงความยินดีกันถ้วนทั่ว  เมื่อจบเรื่องของกระบี่อัคคีน้ำค้าง เหล่าจอมยุทธ์จึงวกเข้ามาสู่เรื่องของเจ้าผาแห่งสายลมที่ถูกทำร้ายเสียชีวิต

“ฟังจากคำบอกเล่าของเทียนจิ้ง คนร้ายชุดดำจะต้องเป็นหนึ่งในสองคนกับที่จ่านจือกับแม่นางเยี่ยนพบเห็นโดยมิต้องสงสัย อีกทั้งยังทราบว่าเพิ่มกองโจรซึ่งหายสาบสูญไปเมื่อหลายปีก่อนอีก ยุทธภพในยามนี้ล้วนไม่น่าไว้วางใจ ผู้ใดเป็นคนร้ายผู้ใดเป็นคนดีเราท่านไม่อาจกระจ่าง แต่เท่าที่รวบรวมเหตุการณ์ต่าง ๆมา คิดว่าคนร้ายอาจจะเป็นคนใกล้ตัวก็เป็นไปได้ ดังนั้นจากนี้ไปพวกเราไม่อาจไว้วางใจผู้ใด? หากจะกระทำเรื่องราวใจจะต้องไม่ประมาทเป็นอันขาด”

เจ้าสำนักเมฆฟ้าพิรุณเหิงปี้ไป่กล่าวขึ้น และออกความเห็นว่าคนชุดดำที่ลงมือในตอนนี้ อาจจะเป็นคนใกล้ตัวก็เป็นไปได้ จ่านจือกับเยี่ยนผิงตอนแรกคิดบอกกล่าวเกี่ยวกับตาเฒ่าเข็มวิเศษฝ่านอี้เฉิน ว่ามันยังไม่ตาย เมื่อได้ยินเจ้าสำนักเมฆฟ้าพิรุณกล่าวเช่นนั้น จึงได้เก็บคำพูดเอาไว้ก่อน ทั้งสองต่างเห็นด้วยว่าในตอนนี้ไม่อาจไว้ใจผู้ใดได้มากนัก

อีกเรื่องหนึ่งที่จ่านจือสั่งกำชับเยี่ยนผิง กับเอี้ยวเซียวเอาไว้ นั่นคือเรื่องที่เขารับประทานยาหยกทิพย์ลงไป ด้วยเกรงว่าอาจารย์ และเจ้เจ้ทั้งสอง รวมถึงเหล่าอาวุโสหลายท่านจะเป็นห่วง ดังนั้นหลังจากทั้งหมดใช้เวลาถกปัญหาเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในยุทธจักร จึงได้ข้อสรุปว่าให้ทุกสำนักเข้มงวดและตรวจตราความปลอดภัยให้มาก หากสำนักใดต้องเดินทางขอให้พาคนร่วมเดินทางหลาย ๆ คนเพื่อที่คนร้ายจะได้ไม่กล้าลงมืออุกอาจ

หนุ่มสาวเมื่อไม่ได้เจอะเจอกันนานต่างสนทนากันในหลายเรื่องราว เสียดายที่ขาดศิษย์ทั้งสามของผาแห่งสายลมไป

อีกสามวันต่อมาแต่ละสำนักต่างเตรียมตัวเดินทางลงจากเขาหมื่นเซียน จ่านจือเองเขาก็ต้องการเดินทางออกหาข่าว เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของคนร้ายเช่นกัน ดังนั้นเมื่อแต่ละสำนักต่างทยอยลงจากเขาหมดสิ้นแล้ว จ่านจือจึงเข้าพบกับเจ้าโอสถสายรุ้ง เพื่อแจ้งเกี่ยวกับเรื่องที่เขาจะเดินทางลงจากเขา

พอเจ้าโอสถสายรุ้งทราบความประสงค์ของจ่านจือ จึงได้ส่งเสียงกล่าวกับจ่านจือว่า

“เจ้าเองก็เพิ่งจะเดินทางกลับมาสำนัก ยังไม่ทันพักอาศัยช่วยงานอาจารย์จะรีบออกเดินทางอีก เมื่อเจ้าคิดจะสืบสาวหาตัวคนร้ายกระทำเพื่อส่วนรวม อาจารย์ก็มิอาจกักตัวเจ้าเอาไว้ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งอาจารย์คิดจะบอกกล่าวต่อเจ้า”

“มีเรื่องราวใด? ท่านอาจารย์รีบบอกกล่าวออกมา ข้าพเจ้าจ่านจือน้อมฟังคำสั่งสอน” จ่านจือส่งเสียงกล่าว

“เรื่องที่อาจารย์คิดจะบอกกล่าวกับเจ้า ความจริงก็มิได้สำคัญกับเรื่องที่เจ้าจะเดินทางเท่าใดนัก แต่อาจารย์เห็นว่าแม่นางน้อยที่มากับเจ้า นางเพิ่งเดินทางออกมาจากป่าเก้าหยก ครั้นจะให้ออกเดินทางไปกับเจ้าอีกนางคงจะเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย ดังนั้นอาจารย์คิดว่าให้แม่นางน้อยนางนั้นพักอาศัยอยู่ที่สำนักตำหนักหมื่นเทพไปก่อน เราเองหากพอมีเวลาจะได้เล่าเรื่องราวเหตุการณ์ในยุทธภพให้แก่นางได้รับทราบ อีกทั้งดูจากท่าทางของนางฝีมือนับว่าไม่ธรรมดา เราเองคิดจะช่วยชี้แนะให้สักท่าสองท่า เจ้ามีความคิดเห็นเช่นไร?”

จ่านจือทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง  จริงดั่งคำของอาจารย์หากพานางติดตามไปด้วยคงสร้างความลำบากให้แก่นาง แต่ถ้าให้นางอาศัยอยู่ที่เขาหมื่นเซียน นางจะได้มีเวลารับทราบเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในยุทธจักร และยิ่งได้ยินอาจารย์ของเขากล่าวว่าจะช่วยชี้แนะฝีมือให้ท่าสองท่า ยิ่งสร้างความยินดีแก่จ่านจือ รีบส่งเสียงกล่าวตอบอาจารย์ไปว่า

“ความคิดของอาจารย์ข้าพเจ้าเห็นด้วยเป็นยิ่งนัก นางเองเป็นสตรีอีกทั้งไม่ค่อยได้ท่องเที่ยวยุทธภพมากนัก หากให้นางอาศัยอยู่กับอาจารย์ยิ่งได้รับการชี้แนะจากท่านด้วยแล้ว คิดว่าคงสร้างความก้าวหน้าให้แก่นางไม่น้อย อีกทั้งเจ้เจ้ทั้งสองจะได้มีเพื่อนสนทนาเพิ่มมาอีกผู้หนึ่ง”

“เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ เจ้าเองออกเดินทางก็ส่งข่าวกลับมาอย่าได้ขาดหาย อาจารย์อยู่ทางด้านนี้จะรอคอยฟังข่าวความคืบหน้าจากเจ้า” เจ้าโอสถสายรุ้งกล่าวกับจ่านจือ จ่านจือเมื่อไม่มีเรื่องใดต้องเป็นห่วง จึงได้อำลาซื่อเหมี่ยน กับเอวี้ยอี้เซิน และเอี้ยวเซียว จากนั้นชักชวนเยี่ยนผิงออกเดินทางจากเขาหมื่นเซียนในทันที

ทางด้านยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้ว วันนี้เดินทางถึงหมู่ตึกกระเรียนฟ้า หลังจากแจ้งความจำนงรอคอยอยู่ที่ห้องรับแขกครู่เดียว หลิวซุ่นกงกงในชุดยาวสีแดงสวมทับด้วยชุดคลุมสีดำนั่งอยู่บนเก้าอี้ล้อเข็น ด้านหลังติดตามมาด้วยอันสุ่ย ฉีฝ่าน และต้าถง

ยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้ว เมื่อเห็นรีบลุกขึ้นแล้วก้าวเข้ามา จากนั้นประสานมือทำความเคารพแล้วส่งเสียงทักทายว่า

“ท่านหลิวกงกงสบายดี ข้าพเจ้ายายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้ว ได้รับทราบข่าวของท่าน จึงได้รีบเดินทางมาเข้าพบ นึกไม่ถึงว่าหมู่ตึกกระเรียนฟ้า จะประสบเหตุเภทภัยเช่นนี้ ข้าพเจ้าเองต้องขอแสดงความเสียใจต่อท่านจากใจจริง”

“ฮา ๆ ยายเฒ่าเนี๊ยะ ไม่พบเจอกันยี่สิบปี ดูภายนอกท่านเปลี่ยนแปลงไปมากทีเดียว แต่ที่ไม่เปลี่ยนกลับเป็นนิสัย และการแสดงออกของท่าน ยังคงรักษาการเป็นตัวตนของท่านได้ยอดเยี่ยมนัก ไม่ทราบว่ามาพบข้าพเจ้าหลิวซุ่นในวันนี้ มีจุดประสงค์ใดกันแน่?”

ยายเฒ่าหมื่นพิษทราบว่าคำพูดนั้น หลิวซุ่นกงกงตั้งใจกล่าวด่าตน แต่ก็ได้หาติดใจส่งเสียงกล่าวตอบออกไปว่า

“หลิวซุ่นกงกงกล่าวชมข้าพเจ้ายายเฒ่าเนี๊ยะไปแล้ว ข้าพเจ้าก็ยังคงเป็นข้าพเจ้า ที่ผ่านมามีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น นึกไม่ถึงว่าท่านหลิวกงกงจะถูกจับตัวไปกักขังถึงยี่สิบปี แถมท่านยังถูกทำลายวิทยายุทธ์อีก ยังทราบอีกว่าสายตาท่านก็ใช้การมิได้ กล่าวไปแล้วข้าพเจ้ายายเฒ่าเนี๊ยะก็มีส่วนผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย”

“ยายเฒ่าเนี๊ยะ ท่านกล่าวว่าท่านมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ท่านหมายความว่าเช่นไร? รีบบอกกล่าวออกมาเร็วเข้า” หลิวซุ่นกงกงแม้สายตามิได้มืดบอดดั่งเช่นยายเฒ่าเข้าใจ แต่ฝีมือระดับยายเฒ่าใช่ว่าจะตบตาได้ง่ายดาย ดังนั้นหลิวซุ่นกงกงจึงเกร็งลมปราณใช้กำลังภายใน บังคับประกายสายตาเพื่อมิให้ยายเฒ่าสังเกตเห็นได้

“หากจะกล่าวย้อนไปเมื่อยี่สิบปีก่อน ในยุทธภพไม่มีผู้ใด?ไม่รู้จักยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้ว ชื่อเสียงในการใช้พิษของข้าพเจ้าไม่มีผู้ใดเทียบติด ในตอนนั้นข้าพเจ้าจึงคิดค้นยาพิษมากมาย ยาสลายพลังก็เป็นตัวหนึ่งที่เราปรุงขึ้นมา ต่อมามีผู้มาขอยาตัวนี้จากข้าพเจ้าไปใช้งาน ข้าพเจ้าเองก็มิได้หวงแหนได้มอบยาสลายพลังให้แก่มันไป ข้าพเจ้ายายเฒ่าเพิ่งทราบความจริงเมื่อไม่นานมานี้เอง ว่ายาสลายพลังที่คนผู้นั้นเอาไปจากข้าพเจ้า ที่แท้ได้นำไปใช้กับท่านหลิวกงกงนั้นเอง หากมิใช่ยาสลายพลังของข้าพเจ้ายายเฒ่าเนี๊ยะ มีหรือคนผู้นั้นจะจับตัวท่านได้ง่ายดาย ดังนั้นข้าพเจ้าเดินทางมาพบท่านในครั้งนี้ เพื่อต้องการบอกความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ และขอให้ท่านหลิวกงกงให้อภัยแก่ข้าพเจ้ายายเฒ่าเนี๊ยะซิ้วด้วย”

“ที่แท้เป็นยาสลายพลังของท่าน ยายเฒ่าเนี๊ยะท่านมีส่วนทำให้ข้าพเจ้าต้องถูกจับตัวไปกักขังถึงยี่สิบปี ท่านยังกล้ามาพบข้าพเจ้าเพื่อขอให้ข้าพเจ้ายกโทษให้เช่นนั้นรึ? ขอถามหากข้าพเจ้ายกโทษให้แก่ท่าน วิทยายุทธ์ของข้าพเจ้า อีกทั้งสายตาที่มืดบอดท่านจะรับผิดชอบด้วยใช่หรือไม่?”

“ท่านหลิวกงกงกล่าวล้อเล่นข้าพเจ้ายายเฒ่าเนี๊ยะใช่หรือไม่? ข้าพเจ้ายายเฒ่าชราปูนนี้แล้วจะมีปัญญาใด?ไปรับผิดชอบต่อท่านได้ แต่หากท่านให้ความร่วมมือทำตามแผนการของข้าพเจ้าแล้วละก็ ยายเฒ่าเนี๊ยะรับปากต่อท่านว่า จะช่วยท่านล้างแค้นคนที่ทำกับท่านไว้”

ยายเฒ่าหมื่นพิษขณะกล่าวสายตาสำรวจโดยรอบ นางคิดว่าวันนี้จะต้องบังคับให้หลิวกงกงยอมร่วมมือกับนางให้ได้ หลิวซุ่นกงกงย่อมทราบจุดประสงค์ของนาง รีบกล่าวสวนออกไปว่า

“คนที่มันทำกับข้าพเจ้าเป็นผู้ใด? ท่านย่อมทราบ ก่อนหน้านั้นเห็นท่านร่วมมือกับมันก่อเรื่องราวมากมาย แล้วไฉนวันนี้จึงได้คิดยื่นมือช่วยเหลือข้าพเจ้าขึ้นมาได้ ท่านมีจุดประสงค์ใดแอบแฝงมากไปกว่านี้หรือไม่? ข้าพเจ้าหลิวซุ่นแม้สายตามืดบอด แต่ก็ทราบถึงปฏิกิริยาของท่านดี”

“ฮา ๆ ท่านหลิวกงกง ผ่านไปยี่สิบปี ท่านก็ยังคงเป็นท่าน ในเมื่อท่านทราบว่าข้าพเจ้ายายเฒ่าเนี๊ยะมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง ก็ดีข้าพเจ้ายายเฒ่าจะได้กล่าวตรง ๆ มิต้องอ้อมค้อมให้เสียเวลา ตอนนี้ท่านเองก็ไร้เขี้ยวเล็บ การที่จะต่อกรกับผู้อื่นได้นั้นคงต้องอาศัยกำลังของราชสำนักแต่เพียงอย่างเดียว ดังนั้นข้าพเจ้ายายเฒ่ายินดีร่วมมือกับท่านหลิวกงกง”

หลิวกงกงเมื่อได้ยินยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้วกล่าวเช่นนั้น จึงส่งเสียงกล่าวสวนออกไปทันทีว่า

“ท่านมีความสามารถปานนั้นเชียวรึ? ในอดีตข้าพเจ้าหลิวซุ่นกงกงต้องพลาดท่าเสียทีเพราะหลงเชื่อไว้ใจคนผิด ดังนั้นต่อจากนี้ข้าพเจ้าจะไม่ไว้ใจผู้ใดอีก ยายเฒ่าเนี๊ยะข้าพเจ้าคิดว่าท่านมาผิดที่แล้วกระมัง? หากข้าพเจ้ายินยอมร่วมมือกับคนที่มีส่วนทำร้ายข้าพเจ้าในอดีต ข้าพเจ้าจะมีหน้าไปพบกับบรรพชนได้เช่นไร? ทางที่ดีท่านรีบไปจากหมู่ตึกกระเรียนฟ้าเสียเถิด”

ยายเฒ่าหมื่นพิษเค้นเสียงเฮอะ แล้วกล่าวต่อหลิวซุ่นกงกงด้วยไม่เกรงอกเกรงใจ

“ข้าพเจ้ายายเฒ่าเนี๊ยะ อุตส่าห์เดินทางไกลมาพบท่าน อีกทั้งมีข้อเสนอดี ๆ มามอบให้ ท่านยังทำเล่นตัวไม่รับเอาไว้ ก่อนหน้านั้นท่านปล่อยให้เจ้าอสูรโลกันตร์ยึดครองหมู่ตึกกระเรียนฟ้าได้ ไฉนวันนี้ข้าพเจ้ายายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้ว จะยึดครองหมู่ตึกกระเรียนฟ้าบ้างมิได้”

“ยายเฒ่าเนี๊ยะท่านกล้าเช่นนั้นรึ?” หลิวกงกงกล่าวคำสวนออกไป

“ท่านเองก็กลายเป็นคนพิการไร้ความสามารถ คนของท่านที่เหลือคิดหรือว่ารับมือข้าพเจ้ายายเฒ่าเนี๊ยะได้ หากไม่ต้องการให้คนของท่านต้องบาดเจ็บล้มตาย ท่านหลิวกงกงจงยินยอมให้ความร่วมมือกับข้าพเจ้าแต่โดยดี”

“หากข้าพเจ้าหลิวกงกงมิยินยอมเล่า?” หลิวซุ่นกงกงส่งเสียงกล่าวตอบทันควัน

“เช่นนั้นท่านหลิวกงกงก็ต้องดูว่า คนของท่านมีความสามารถระดับไหน?”

กล่าวจบยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้ว พุ่งร่างเข้าหาหัวหน้าตึกทั้งสามในทันที เมื่อบรรลุถึงนางแยกย้ายฝ่ามือออกด้วยความเกรี้ยวกราดดุดัน หัวหน้าตึกทั้งสามรีบชักอาวุธออกมาเป็นดาบยาวเข้าต้านรับ

ยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้วหัวร่อฮา ๆ หาได้เห็นหัวหน้าตึกทั้งสามอยู่ในสายตาไม่? นางฟาดมือซ้ายเข้าใส่สันดาบของต้าถงเสียงดังสนั่น จากนั้นหมุนร่างตบฝ่ามือด้านขวาเข้าใส่หัวไหล่ของฉีฝ่านเสียงดังทึบ อันสุ่ยเห็นเช่นนั้นโถมร่างเข้าช่วยเหลือหัวหน้าตึกทั้งสองในทันที ดาบยาวในมือกวัดแกว่งออกคล้ายบุปผาสองวงตรงหน้า ยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้วเห็นเช่นนั้น สะกิดเท้าถอยหลังแล้วยื่นมือออกแล้วผลักเข้าใส่ ฝ่ามือเมื่อผลักออกกลายเป็นคลื่นลมหอบหนึ่ง อันสุ่ยรับทราบถึงพลังลมนั้นรีบพลิกร่างหมายหลบหลีก แต่ช้าไปก้าวหนึ่งสายลมนั้นคล้ายโอบล้อมร่างเอาไว้ ยายเฒ่าเนี๊ยะซิ้วพุ่งร่างเข้ามาพร้อมกับกระแทกฝ่ามือเข้ายังทรวงอกของอันสุ่ยอย่างถนัดถนี่

เสียงทึบดังชัดถนัดโสต ร่างของอันสุ่ยปลิวละลิ่วตามแรงฝ่ามือ พอร่างตกกระแทกพื้นเป็นเวลาเดียวกันกับที่ ฉีฝ่านกับต้าถงขนาบเข้ามายังสองข้างของนางพอดี ดาบยาวสองเล่มฟาดฟันเข้าใส่ดังขวับเขวี้ยว ยายเฒ่ากรีดนิ้วแยกย้ายฝ่ามือเข้าต้านรับอย่างไร้กังวล

ผ่านไปอีกเพียงไม่กี่กระบวนเพลง ฉีฝ่านถูกฝ่ามือกระแทกร่างลอยห่างออกไปสามสี่วาก่อนที่จะกระแทกพื้น ต้าถงเปลี่ยนกระบวนท่าจากฟาดเฉียงมาเป็นแทงจี้เข้าใส่กลางลำตัวตรง ๆ กระบวนท่านี้คิดว่าคงสร้างความสับสนให้แก่ยายเฒ่าได้บ้าง แต่ยายเฒ่าคล้ายกับเห็นกระบวนท่านั้นเป็นของเด็กเล่น นางยื่นมือออกแล้วสองนิ้วคีบหนีบตัวดาบเอาไว้ จากนั้นใช้กำลังลมปราณออกแรงหักดาบสะบั้นเป็นสองท่อน แล้วใช้ฝ่ามือข้างเดียวกันฟาดเข้าใส่บริเวณกกหูของต้าถงเต็มฝ่ามือ

ต้าถงเปล่งเสียงร้องโอยคำหนึ่ง ก่อนที่ร่างจะเซถลาไปตามแรงฝ่ามือ รู้สึกถึงความร้อนแสบรุนแรงบริเวณที่โดนฝ่ามือฟาดใส่ ยังนับว่ายายเฒ่าเนี๊ยะยังปรานีมิได้ใช้พิษบนฝ่ามือของนางด้วย มิเช่นนั้นแล้วหัวหน้าตึกทั้งสามคงไม่อาจรักษาชีวิตเอาไว้ได้

เหตุการณ์ทั้งหมดหลิวซุ่นกงกงล้วนเห็นชัดเต็มสองตา แต่ที่ไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือเพราะไม่ต้องการเปิดเผยออกไป ว่าตนมิได้สูญสิ้นวรยุทธ์ และมิได้สายตามืดบอดแต่อย่างใด? แต่เมื่อเห็นหัวหน้าตึกทั้งสามมีสภาพย่ำแย่ คิดว่าหากไม่ลงมือก็คงมิได้แล้ว ดังนั้นเตรียมเร่งเร้าพลังจากภายในขึ้นสู่สองฝ่ามือ

ทันใดนั้นก่อนที่หลิวซุ่นกงกงจะได้ลงมือ ร่างสองสายเคลื่อนไหวรวดเร็วเข้ามาก่อน เมื่อเห็นชัดถนัดตา ที่แท้เป็นบัณฑิตประหลาดเซียวเจียนซู่ กับนางแอ่นแดงเซียวเหยาเซิงนั้นเอง ทั้งสองความจริงสะกดรอยติดตามยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้วมาตลอด เมื่อเห็นยายเฒ่าเดินทางเข้ามายังหมู่ตึกกระเรียนฟ้า จึงได้ติดตามเข้ามาโดยไม่ให้รู้ตัว

เมื่อเกิดการต่อสู้ระหว่างหัวหน้าตึกทั้งสาม กับยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้ว เห็นว่าทั้งสามสู้ยายเฒ่ามิได้ อีกประการหนึ่ง ทั้งสองล้วนไม่ทราบเช่นเดียวกันว่า หลิวซุ่นกงกงมิได้สูญสิ้นวรยุทธ์ ทั้งสองจึงได้ปรากฏตัวออกมาแล้วแยกย้ายเข้าหายายเฒ่าหมื่นพิษเพื่อช่วยเหลือหัวหน้าตึกทั้งสาม

หลิวซุ่นกงกงเมื่อเห็นมีคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ รีบเก็บรั้งพลังคืนกลับ นั่งชมดูอยู่บนเก้าอี้ล้อโดยที่ไม่มีใครสังเกต จะมีเพียงหัวหน้าตึกทั้งสามที่ทราบว่าหลิวซุ่นเตรียมลงมือเมื่อครู่

ยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้วตวาดก้อง เมื่อเห็นมีคนยื่นมือเข้าช่วยเหลือ หมูกำลังจะหามพลันมีคนเอาคานเข้ามาสอด นางเมื่อเห็นชัดว่าคนที่มาเป็นผู้ใดร้องดังว่า

“เป็นสองผัวเมียนี้เอง คิดจะสอดมือเข้ายุ่งเกี่ยวเรื่องของข้าพเจ้ายายเฒ่าเช่นนั้นรึ? ไม่ประมาณฝีมือตัวเอง อย่าได้กล่าวหาว่าข้าพเจ้ารังแกเด็กก็แล้วกัน”

สองสามีภรรยาทราบว่ายายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้ว ฝีมือร้ายกาจปานใด? ดังนั้นไม่ประมาทเตรียมพร้อมเข้าจู่โจมในทันที ฝ่ามือมัจฉาท่องชล ถูกนางแอ่นแดงใช้ออก ส่วนบัณฑิตประหลาดใช้วิชาประจำตัวแขนงหนึ่ง นับว่าร้ายกาจไม่เป็นรองผู้ใด

หยกเหินลม/ชล ชโลทร

17 เมษายน 2564
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป