Your Wishlist

จอมยุทธ์เจ้ายุทธจักร (แผนล่อพยัคฆ์ติดกับ)

Author: หยกเหินลม

เมื่อยุทธภพแบ่งออกเป็นสอง มารยึดครองยุทธจักร คัมภีร์ยุทธ์ที่สาบสูญกลับคืนสู่บู๊ลิ้ม บุญคุณความแค้นรอการสะสาง หนี้เลือดต้องล้างด้วยเลือด เด็กน้อยผู้หนึ่งจะก้าวขึ้นมาเป็นเจ้ายุทธจักรได้เช่นไร หนึ่งคัมภีร์สยบกระบวนท่า หนึ่งเคล็ดวิชาดรรชนี สุริยันจันทราปรากฏในปถพี สยบไปหมื่นลี้ร้อยมณฑล

จำนวนตอน :

แผนล่อพยัคฆ์ติดกับ

  • 14/08/2565

ตอนที่ 101

แผนล่อพยัคฆ์ติดกับ

เมื่อได้ยินเอี้ยวเซียวเรียกคนผู้นั้นว่าอาวุโสฝ่าน ทำเอาจ่านจือและคนอื่น ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ไม่ไกลสะกิดความสงสัยขึ้นมามิได้ ในยุทธจักรคนแซ่ฝ่านเท่าที่ทราบมามีเพียงตาเฒ่าเข็มวิเศษฝ่านอี้เฉิน แต่มันได้ถูกฝ่ามือของเจ้าโอสถสายรุ้งเส้าเยี๊ยะเทียน ตายบนเขาหมื่นเซียนไปเนิ่นนานแล้ว แล้วผู้ที่เอี้ยวเซียวเรียกหาผู้นี้เป็นใครกัน

“เอาละอย่าได้มากพิธี ค่ำคืนนี้ข้าพเจ้าย่อมต้องมีธุระสำคัญ มิเช่นนั้นคงไม่นัดพวกท่านออกมายังสถานที่แห่งนี้ พวกท่านก็ย่อมทราบสถานที่แห่งนี้ผู้ที่จะผ่านเข้ามาได้ก็มีเพียงไม่กี่คน ดังนั้นข้าพเจ้าจึงค่อยโล่งใจที่จะได้กล่าวสนทนากับพวกท่านในสถานที่แห่งนี้” คนที่ยืนหันหลังให้กับจ่านจือส่งเสียงกล่าวขึ้น

“ท่านฝ่านอย่าได้กังวล ต่อให้มีผู้ใดติดตามมาก็ไม่มีปัญญาฝ่าเข้ามายังสถานที่นี้ได้เป็นอันขาด ดังนั้นท่านมีสิ่งใดก็จงรีบกล่าวออกอย่าได้ห่วง” เอี้ยวค้วงส่งเสียงกล่าวตอบ พร้อมกับกล่าวถามธุระจากคนผู้นั้น

“ตอนนี้จ่านจือพร้อมด้วยศิษย์ผาแห่งสายลมเป็นแขกของท่านแล้วถูกต้องหรือไม?” คนผู้นั้นส่งเสียงกล่าวถาม

“ถูกต้อง ท่านกล่าวถามได้ถูกต้อง พวกของจ่านจือตอนนี้เป็นแขกของข้าพเจ้าเอง หมายความว่าท่านทราบ?” เอี้ยวค้วงกล่าวตอบพร้อมกับแสดงน้ำเสียงประหลาดใจ ที่คนผู้นั้นล่วงรู้ว่าแขกที่อยู่กับมันเป็นจ่านจือ และศิษย์ของผาแห่งสายลม

“ฮา ๆ ทั้งหมดนี้ไฉนข้าพเจ้าจะมิทราบ? ในเมื่อนั่นเป็นแผนการทั้งหมดของผู้ใด? ท่านย่อมทราบดี ข้าพเจ้าเองได้รับคำสั่งจากผู้มีพระคุณของท่านผู้นั้น ให้ข้าพเจ้าเดินทางมาพบกับท่านเอี้ยว เหตุผลเกี่ยวข้องกับเด็กน้อยจ่านจือ กับศิษย์ของผาแห่งสายลม เมื่อค่ำคืนก่อนผู้มีพระคุณของท่านผู้นั้น ได้ลงมือจัดการกับเจ้าผาแห่งสายลมเกาทิเหว่ย อีกทั้งยังทราบว่าจ่านจือจะต้องขัดขวางแผนการของท่านอย่างแน่นอน และทราบว่าเด็กน้อยนั่นจะต้องใช้เส้นทางลัดเดินทางไปช่วยเหลือ” คนผู้นั้นส่งเสียงหัวร่อพร้อมกับชี้แจงเรื่องราว

จ่านจือกับเยี่ยนผิงและศิษย์ทั้งสามของผาแห่งสายลม พอได้ยินวาจาของคนผู้นั้นจบ ต่างเริ่มสงสัยว่าคนผู้นี้อาจเป็นหนึ่งในคนชุดดำลึกลับก็อาจเป็นไปได้ แต่มันกล่าวว่าเจ้าผาแห่งสายลมเกาทิเหว่ยถูกลงมือไปเมื่อค่ำคืนก่อน แสดงว่าชุดดำลึกลับอีกผู้หนึ่งที่จ่านจือ กับเยี่ยนผิงแอบได้ยินคนทั้งสองสนทนากันในศาลเจ้าเป็นแน่ ป่านนี้เจ้าผาแห่งสายลมเป็นเช่นไรบ้าง? ท่านจะรับมือกับคนชุดดำได้หรือไม่? จ่านจือเริ่มรู้สึกไม่ดี เกิดลางสังหรณ์อัปมงคลบางอย่าง? เมื่อได้ยินคำพูดของคนผู้นั้น

“ท่านผู้มีพระคุณของท่าน ฝากข้าพเจ้ามาบอกกล่าวต่อท่านเอี้ยวประโยคหนึ่ง” คนผู้นั้นส่งเสียงกล่าววาจาต่อ

“ผู้มีพระคุณของข้าพเจ้าผู้นั้น ฝากท่านฝ่านมาว่าเช่นไร? รีบบอกกล่าวต่อข้าพเจ้ามาอย่าได้ชักช้า” เอี้ยวค้วงส่งเสียงกล่าวถาม

“ผู้มีพระคุณของท่านผู้นั้นฝากมาบอกต่อท่านว่า ให้ท่านจัดการจ่านจือกับศิษย์ทั้งสามของผาแห่งสายลม อย่าปล่อยให้มันทั้งหมดมีชีวิตรอดออกไปจากป่าเก้าหยกของท่านเป็นอันขาด” คนผู้นั้นส่งเสียงตอบคำถาม

“เรื่องนั้นในตอนแรกข้าพเจ้าก็คิดจัดการต่อมัน แต่ว่าเด็กน้อยจ่านจือยังพอมีประโยชน์ต่อข้าพเจ้า ดังนั้นข้าพเจ้าจึงได้รับปากต่อมันไปว่า หากพวกมันสามารถฝ่าค่ายกลไหมหยกเก้าชั้นออกไปได้ ข้าพเจ้าก็จะยินยอมปล่อยพวกมันไป แต่ท่านเองก็ย่อมทราบค่ายกลไหมหยกของข้าพเจ้าเลิศล้ำพิสดารปานใด? แม้แต่ตัวท่านฝ่านเองยังไม่สามารถจะผ่านเข้ามาได้ หากข้าพเจ้าไม่ให้เอี้ยวเคี้ยกนำทางท่านเข้ามา ท่านเองก็ใช่ว่าจะผ่านเข้ามาพบข้าพเจ้าได้ง่ายดาย”

“หรือว่าท่านเอี้ยวจะกล้าขัดคำสั่งผู้มีพระคุณของท่านผู้นั้น?” คนผู้แซ่ฝ่านส่งเสียงกล่าวถามขึ้น

“ข้าพเจ้าเอี้ยวค้วงและคนของป่าเก้าหยกมิกล้าขัดคำสั่งผู้มีพระคุณท่านนั้น แต่ว่าเด็กน้อยจ่านจือมันมีเบาะแสของกระบี่คู่วิเศษ นอกจากมันแล้วไม่มีผู้ใดทราบที่ซ่อนกระบี่อัคคีน้ำค้าง แต่ท่านอย่าได้เป็นกังวลไป ข้าพเจ้าได้ให้มันกลืนกินยาหยกทิพย์ลงไป ภายในครึ่งปีหากมันมิได้รับยาถอนพิษ รับรองมันต้องตายสุดทรมานอย่างแน่นอน ยานี้เป็นท่านผู้มีพระคุณมอบให้ต่อข้าพเจ้า พร้อมกับยานิทรากล่อมจิต ดังนั้นท่านผู้มีพระคุณย่อมทราบดีว่ายาหยกทิพย์ร้ายกาจปานใด? ดังนั้นข้าพเจ้าเอี้ยวค้วงฝากท่านช่วยเรียนผู้มีพระคุณท่านนั้น ให้กับข้าพเจ้าด้วยจะได้หรือไม่?” เอี้ยวค้วงส่งเสียงบอกกล่าวต่อผู้แซ่ฝ่าน

ที่แท้ยานิทรากล่อมจิต กับยาหยกทิพย์มิใช่เป็นของเอี้ยวค้วง แต่เป็นคนที่มันกล่าวถึง ว่าคนผู้นั้นเป็นผู้มีพระคุณของมัน เป็นผู้มอบให้มันอีกทอดหนึ่ง แสดงว่าแผนการทั้งหมดล้วนถูกวางเอาไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว

“เรื่องนี้ข้าพเจ้าไม่รับปาก ว่าเมื่อผู้มีพระคุณของท่านผู้นั้นทราบ จะไม่พอใจต่อท่านหรือไม่? แต่เอาเถิดท่านเอี้ยวเองก็ทำงานให้ท่านผู้นั้นด้วยดีมาตลอด ข้าพเจ้าจะลองเรียนเรื่องของท่านเอี้ยวให้กับท่านผู้นั้นก็แล้วกัน” คนผู้นั้นแซ่ฝ่านกล่าวรับปากต่อเอี้ยวค้วง

“นอกจากเรื่องเด็กน้อนจ่านจือแล้ว ไม่ทราบว่าท่านฝ่านยังมีธุระใดกับข้าพเจ้าอีกหรือไม่? หากไม่มีธุระใดข้าพเจ้าจะได้กลับไปเตรียมตัว วันพรุ่งนี้จะต้องจัดการเรื่องราวอีกมากมาย” เอี้ยวค้วงส่งเสียงกล่าวถามขึ้น

“ธุระของข้าพเจ้าล้วนมีเพียงเท่านี้ แต่มีเรื่องหนึ่งท่านจะต้องรับปากต่อข้าพเจ้า และห้ามมิให้เกิดผิดพลาดเป็นอันขาด” คนผู้นั้นแซ่ฝ่านส่งเสียงกล่าวต่อเอี้ยวค้วง

“เรื่องราวอันใดเช่นนั้นรึ?” เอี้ยงค้วงส่งเสียงถาม

“ท่านเอี้ยวสามารถปลดปล่อยจ่านจือไปได้ แต่ศิษย์ทั้งสามแห่งผาแห่งสายลมจะต้องฝังร่างยังป่าเก้าหยกแห่งนี้”

“ท่านฝ่านมิต้องเป็นห่วง ข้าพเจ้าเอี้ยวค้วงรับปากต่อท่านฝ่าน ว่าศิษย์สามคนของผาแห่งสายลมจะต้องทิ้งกระดูกไว้ยังป่าเก้าหยกอย่างแน่นอน”

“เมื่อท่านเอี้ยวรับปากแล้ว ข้าพเจ้าก็เบาใจ เช่นนั้นค่ำคืนนี้ข้าพเจ้าก็หมดธุระแล้ว ยังมีงานรออยู่อีกมากมาย ดังนั้นข้าพเจ้าคงต้องขอตัวกลับไปไม่อาจชักช้า” คนผู้นั้นแซ่ฝ่านส่งเสียงกล่าว เอี้ยวค้วงจึงหันมาทางด้านเอี้ยวเคี้ยกแล้วออกคำสั่งว่า

“เอี้ยวเคี้ยก เจ้าส่งท่านฝ่านออกไปจากป่าเก้าหยก เสร็จแล้วรีบกลับมา ข้ายังมีเรื่องจะต้องบอกกล่าวกับเจ้า

“ทราบแล้วพี่ใหญ่” เอี้ยวเคี้ยกส่งเสียงรับคำ แล้วเดินนำหน้าคนผู้นั้นออกมา จ่านจือกับคนทั้งหมดรีบถลันหลบซ่อนตัวมิดชิด ทุกคนทราบว่าหากไม่ปิดกั้นลมหายใจ คนพวกนั้นจะต้องรู้ตัวอย่างแน่นอนว่าพวกตนแอบซ่อนอยู่ตรงนั้น

ทุกคนแม้หลบซ่อนมิดชิด แต่สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องยังคนผู้นั้น พอคนผู้นั้นเห็นเอี้ยวเคี้ยกเดินนำหน้า จึงหมุนกายกลับมาแล้วเดินตามออกมาทันที โดยมีเอี้ยวค้วง กับเอี้ยวเซียวเดินติดตามมาด้านหลังไม่ห่าง

เมื่อใกล้เข้ามาในรัศมีไม่กี่ก้าว จ่านจือกับทุกคนต่างอ้าปากด้วยความตระหนกตกใจ คนผู้นั้นมิใช่ผู้ใด? แต่เป็นตาเฒ่าเข็มวิเศษฝ่านอี้เฉินนั่นเอง ทุกคนต่างรู้สึกสงสัยไฉนตาเฒ่าผู้นี้ยังไม่ตาย บนเขาหมื่นเซียนทุกคนต่างเห็นกับตา มันผู้นี้ถูกฝ่ามือของเจ้าโอสถสายรุ้งเส้าเยี๊ยะเทียนอย่างจัง เห็นแน่ชัดว่าร่างไร้วิญญาณของมัน ถูกยายเฒ่าหมื่นพิษเนี๊ยะซิ้วโอบอุ้มวิ่งลงเขามาด้วยความโกรธแค้นแสนสาหัส

แต่ในเวลานี้ตาเฒ่าเข็มวิเศษกลับปรากฏตัว แถมยังมีชีวิตอยู่ดีมิได้เป็นเช่นไร? จ่านจือยิ่งเพิ่มความสงสัยทวีคูณ จะมีแต่เพียงเยี่ยนผิงนางคล้ายจะทราบความนัย แต่ไม่ออกบอกกล่าวออกมาได้ในตอนนี้ เมื่อทุกคนทยอยเดินขึ้นไปหมดสิ้นแล้ว ทุกคนจึงพากันออกมาจากที่ซ่อน

“เยี่ยนผิง ข้าพเจ้าดูท่านคล้ายทราบเรื่องราว? ว่าไฉนตาเฒ่าผู้นี้ยังมีชีวิต มิได้ตายด้วยฝ่ามือจักรวาลของอาจารย์ข้าพเจ้า?” จ่านจือส่งเสียงเอ่ยถามต่อเยี่ยนผิง

“เรื่องนี้เป็นเพียงการสันนิษฐาน ข้าพเจ้ายังไม่มั่นใจว่าถูกต้องหรือไม่? ดังนั้นจึงยังมิอาจบอกกล่าวต่อท่านได้ นี่เป็นเพียงการปะติดปะต่อเหตุการณ์ รอให้ข้าพเจ้าสืบสาวเรื่องราวให้แน่ชัดอีกสักหน่อย เมื่อถึงตอนนั้น ข้าพเจ้าย่อมบอกกล่าวกับท่านอย่างแน่นอน” เยี่ยนผิงส่งเสียงบอกกล่าวต่อจ่านจือ

“พวกมันคิดจะกำจัดท่านทั้งสามในวันพรุ่งนี้” จ่านจือหันมากล่าวกับไป่ชิงกับพี่ใหญ่พี่รองของนาง

“จะกำจัดพวกเรา? เฮอะหากมันไม่เล่นวิธีสกปรกใช่ว่าจะลงมือได้ง่ายดาย ยิ่งค่ายกลของพวกมันยิ่งไม่อาจทำเช่นไรต่อพวกเราได้ แต่ข้าพเจ้าไม่เข้าใจว่าไฉนแม่นางเอี้ยวจึงชักนำพวกเรามาที่นี้?” ไป่ชิงแค่นเสียงแล้วกล่าวต่อทุกคน

เยี่ยนผิงยกนิ้วขึ้นชี้ริมฝีปาก บอกให้ทุกคนเงียบเสียงลง ทุกคนรีบหยุดสนทนาแล้วเงี่ยหูฟัง ด้านบนเสียงฝีเท้าคนก้าวย่างลงมา ฟังจากฝีเท้ามีเพียงคนเดียว ทุกคนจึงหันมองหน้ากันด้วยความสงสัย

“เป็นแม่นางเอี้ยว” เยี่ยนผิงส่งเสียงกระซิบต่อทุกคน

ทันใดนั้นเสียงร้องเรียกดังขึ้น

“จ่านจือ พวกท่านรีบออกมาเถิด ในที่นี้มีเพียงพวกท่านกับข้าพเจ้าเท่านั้น” เป็นจริงอย่างที่เยี่ยนผิงบอก ผู้ที่ส่งเสียงเรียกเป็นแม่นางเอี้ยวเซียวจริง ๆ ดังนั้นทุกคนจึงพากันอยากมาจากที่ซ่อนแล้วเดินมายังต้นเสียง

เอี้ยวเซียวในชุดเดิมยืนรอคอยอยู่ก่อนแล้ว พอเห็นทุกคนออกมานางรีบก้าวนำแล้วส่งเสียงบอกกล่าวว่า

“พวกท่านตามข้าพเจ้ามา”

เอี้ยวเซียวเดินนำหน้ามายังห้องที่ก่อนหน้านั้น ใช้เป็นที่สนทนาของตาเฒ่าเข็มวิเศษฝ่านอี้เฉิน กับคนของป่าเก้าหยก นางเมื่อเห็นทุกคนติดตามมาครบแล้วจึงส่งเสียงกล่าวต่อทุกคนว่า

“เรื่องราวเมื่อครู่พวกท่านได้ยินหมดสิ้นแล้วหรือไม่?”

“ถูกต้อง พวกเราได้ยินหมดสิ้นแล้ว ขอถามแม่นางเอี้ยว คนผู้นั้นใช่ตาเฒ่าเข็มวิเศษฝ่านอี้เฉินใช่หรือไม่?” จ่านจือส่งเสียงกล่าวถามขึ้น

“ถูกต้อง เป็นตาเฒ่าเข็มวิเศษฝ่านอี้เฉิน พวกท่านรู้จักตาเฒ่าผู้นี้ด้วยเช่นนั้นรึ?” เอี้ยวเซียวส่งเสียงตอบ พร้อมกับกล่าวถามว่าทุกคนรู้จักตาเฒ่าผู้นี้ด้วยใช่หรือไม่

“ยิ่งกว่ารู้จักเสียอีก ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ผู้นี้กับยายเฒ่าภรรยาโฉดช้าต่ำทราม ก่อนหน้านั้นมันสองคนร่วมมือกับมารดาข้าพเจ้า แต่ภายหลังไม่ทราบเกิดเรื่องราวใดพวกเขาแตกคอกัน ดังนั้นมารดาข้าพเจ้าจึงคิดจะกำจัดตาเฒ่ากับยายเฒ่าสองผัวเมีย แล้วมิทราบว่าท่านกับตาเฒ่าโสโครกนั่นเกี่ยวข้องใดกัน?” เยี่ยนผิงส่งเสียงกล่าวตอบ พร้อมกับสอบถามความสัมพันธ์ของทั้งสอง

“เรื่องราวยืดยาวหากจะบอกกล่าวโดยละเอียด ที่ข้าพเจ้านำพาพวกท่านมาสถานที่แห่งนี้ เพื่อต้องการให้พวกท่านมาได้เห็น และได้ฟังด้วยตัวของพวกท่านเอง ความจริงตาเฒ่าผู้นี้ข้าพเจ้าเองไม่ทราบประวัติมากนัก ทราบแต่เพียงว่าตาเฒ่าผู้นี้รับคำสั่งมาอีกทอดหนึ่ง ทุกครั้งมันจะถ่ายทอดคำสั่งให้แก่บิดาข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าเองก็มิทราบว่าคนผู้ที่ออกคำสั่งมีความยิ่งใหญ่ประการใด? ทราบแต่เพียงบิดาเมื่อได้รับคำสั่ง จะต้องปฏิบัติตามมิกล้าบิดพลิ้ว มีเพียงครั้งนี้ที่บิดาต้องการทราบเบาะแสของกระบี่คู่วิเศษ จึงได้ฝากบอกกับตาเฒ่าผู้นี้ไปว่าจะปลดปล่อยจ่านจือออกไป”

เอี้ยวเซียวหยุดวาจาเล็กน้อยแล้วกล่าวต่อว่า

“เท่าที่ข้าพเจ้าทราบ พอข้าพเจ้าจำความได้ก็เห็นตาเฒ่าผู้นี้แล้ว มันบอกว่าคนที่ออกคำสั่งเป็นผู้มีพระคุณต่อบิดาและตัวข้าพเจ้า แท้จริงแล้วตัวข้าพเจ้ามิได้เป็นบุตรีของบิดา แต่เป็นผู้มีพระคุณผู้นั้นนำข้าพเจ้ามาให้บิดาเลี้ยงดู ในตอนนั้นข้าพเจ้าไม่ทราบว่าข้าพเจ้าเป็นใครมาจากไหน? ในตัวมีเพียงสมบัติติดกายชิ้นเดียว นั่นก็คือหยกเหินลมชิ้นที่ข้าพเจ้าได้มอบให้แก่ท่านไป”

กล่าวจบเอี้ยวเซียวหันมาทางจ่านจือ

“หากเป็นเช่นนั้น หยกชิ้นนี้ย่อมเป็นสมบัติที่ท่านหวงแหน ท่านนำมามอบให้แก่ข้าพเจ้าไม่รู้สึกเสียดายเช่นนั้นรึ?” จ่านจือส่งเสียงกล่าวถามขึ้น

“ถูกต้องข้าพเจ้าย่อมรักและหวงแหนมันมากที่สุด แต่ที่ข้าพเจ้ามอบให้แก่ท่านเพราะมั่นใจว่าท่านจะช่วยเก็บรักษาให้แก่ข้าพเจ้าได้ ก่อนหน้าที่พวกท่านจะเข้ามายังป่าเก้าหยก คนที่มีพระคุณได้ให้ตาเฒ่าฝ่านอี้เฉินมาพบบิดา แล้วสอบถามเกี่ยวกับหยกที่ข้าพเจ้าพกติดตัว ตอนนั้นข้าพเจ้าได้โกหกว่าทำหล่นหายไป ที่น่าแปลกตาเฒ่าสั่งกำชับว่าให้เสาะหาหยกชิ้นนั้นกลับมาให้ได้ ผู้มีพระคุณที่กล่าวถึงต้องการชมหยกที่ข้าพเจ้าพกพาติดตัวมา ดังนั้นข้าพเจ้าจึงตัดสินใจมอบหยกให้กับท่าน ด้วยเกรงว่าหากหยกตกไปในมือของผู้มีพระคุณผู้นั้น ถึงตอนนั้นหยกอาจไม่กลับมาหาข้าพเจ้าอีกก็ได้ หากเป็นเช่นนั้นข้าพเจ้าคงมิอาจสืบหาชาติกำเนิดของตัวเองได้อย่างแน่นอน เมื่อพบท่านจ่านจือ ข้าพเจ้ากลับไว้เนื้อเชื่อใจ จึงได้มอบหยกไว้กับท่าน”

เอี้ยวเซียวบอกเล่าความเป็นมาเกี่ยวกับหยกเหินลมชิ้นนั้น พอเล่าจบจ่านจือพลันนึกถึงตนเองขึ้นมา ถูกแล้วที่ตัวเขาก็มีหยกเหินลมอีกชิ้นหนึ่ง ซึ่งพกพามาตั้งแต่จำความได้เช่นกัน แต่ที่น่าแปลกหยกของเขากับแม่นางเอี้ยวเซียวเป็นหยกชิ้นเดียวกัน แต่ถูกคนแบ่งแยกหยกออกเป็นสองชิ้น หยกเพียงชิ้นเดียวที่จะสืบหาชาติกำเนิดของตนเอง แม่นางเอี้ยวเซียวก็คงเช่นกัน แต่ที่น่าสงสัยเขากับแม่นางเอี้ยวเซียวมีส่วนเกี่ยวข้องกันเช่นไร? และหยกสองชิ้นที่กล่าวถึงไฉนจึงไปปรากฏบนกระบี่อัคคีน้ำค้างได้ เรื่องนี้ยังสร้างความปวดหัวให้กับจ่านจือมาถึงทุกวันนี้

ครั้นจะบอกกล่าวออกไปต่อนางว่า เขาเองก็มีหยกชิ้นที่เหมือนกันพกติดตัว ก็เกรงว่าเรื่องนี้จะทราบถึงบิดานาง หากฟังจากคำบอกเล่าของนาง แสดงว่าผู้มีพระคุณผู้นั้นที่นางกล่าวถึงทราบแล้วว่าหยกมีความสำคัญเช่นไร? นั่นก็หมายความว่าความลับบนกระบี่อัคคีน้ำค้างมีคนทราบแล้ว และที่ไม่ทราบคือผู้มีพระคุณผู้นั้นของนางเป็นผู้ใดกันแน่

ดังนั้นจ่านจือจึงยังไม่อาจบอกกล่าวเรื่องนี้ต่อผู้ใด? จึงกล่าวต่อแม่นางเอี้ยวเซียวไปว่า

“ข้าพเจ้าจ่านจือขอสาบาน ว่าจะเก็บรักษาหยกของแม่นางไว้เป็นอย่างดี และเมื่อถึงเวลาข้าพเจ้าจะมอบหยกคืนให้ไม่ต้องเป็นห่วง แล้วเรื่องที่ผู้มีพระคุณผู้นั้นของแม่นางต้องการหยก แม่นางเอี้ยวจะกระทำเช่นไร?”

“เรื่องนั้นข้าพเจ้าค่อยหาทางออกเอง ตอนนี้มากล่าวเรื่องของพวกท่านก่อนจะดีกว่า ที่ข้าพเจ้าแอบลงมาหาพวกท่าน เกี่ยวกับเรื่องราวในวันพรุ่งนี้ ท่านทั้งสามเป็นศิษย์ของผาแห่งสายลม ซึ่งบิดาได้รับคำสั่งให้กำจัดทิ้งให้สิ้น ดังนั้นในวันพรุ่งนี้ข้าพเจ้าจึงต้องการให้พวกท่านแยกออกเป็นสองทาง ท่านทั้งสามฝ่าค่ายกลไหมหยกเข้ามาได้ แสดงว่าต้องมีความรู้เรื่องค่ายกลเป็นอย่างดี ส่วนจ่านจือกับแม่นางเยี่ยนผิง บิดาทราบว่าพวกท่านไม่อาจหาหนทางออกไปได้อย่างแน่นอน ดังนั้นบิดาจึงจะมุ่งไปยังศิษย์ของผาแห่งสายลม ข้าพเจ้าจึงได้แอบมาบอกกับพวกท่านว่าจะกระทำเช่นไร?”            

จ่านจือรีบตอบว่า

“ความจริงเรื่องวรยุทธ์ ข้าพเจ้าไม่ตกเป็นรองบิดาท่าน แต่ที่น่ากลัวคือบิดาท่านใช้วิธีสกปรก หากจะให้เราแยกออกเป็นสองทาง ถึงแม้แม่นางไป่ชิงกับพี่ใหญ่และพี่รองนางจะรอบรู้เรื่องค่ายกล แต่เรื่องพลังฝีมือไม่แน่นักว่าสามคนรวมกันจะเอาชนะบิดาท่านได้หรือไม่? อีกทั้งยังมีอาเอี้ยวท่านอีกคน หากจะให้แยกเป็นสองทางข้าพเจ้าคงไม่อาจจะกระทำได้?”           

“หากแยกออกเป็นสองทาง บิดาท่านต้องให้ความสนใจต่อขบวนของผาแห่งสายลมถูกต้องหรือไม่?” เยี่ยนผิงส่งเสียงกล่าวถามต่อเอี้ยวเซียว

“ถูกต้อง เพราะบิดามั่นใจว่าท่านกับจ่านจือไม่อาจหาทางออกจากป่าเก้าหยกได้ ดังนั้นบิดากับอาเอี้ยวจะต้องลงมือจัดการต่อผาแห่งสายลมตามคำสั่งของผู้มีพระคุณ ส่วนตัวข้าพเจ้าคงรับหน้าที่คอยดูท่านกับจ่านจือ ท่านกล่าวถามเช่นนี้คล้ายกับมีแผนการรับมือ?” เอี้ยวตอบคำถามพร้อมกับกล่าวถามเยี่ยนผิง           

“แผนการรับมือนั้นพอมี แต่ท่านจะต้องร่วมมือช่วยเหลือพวกเรา แผนการนี้จึงจะสำเร็จ” เยี่ยนผิงเอ่ยกล่าวต่อเอี้ยวเซียว

“ไหนท่านลองกล่าวออกมา หากข้าพเจ้าพอจะช่วยเหลือพวกท่านได้ ข้าพเจ้าก็ยินดีจะร่วมมือ ถึงแม้บิดาจะมิใช่บิดาแท้ ๆ แต่ข้าพเจ้าก็ไม่ต้องการให้ท่านก่อเรื่องราวเลวร้ายมากไปกว่านี้” เอี้ยวเซียวเอ่ยถามแผนการต่อเยี่ยนผิง

“แผนล่อพยัคฆ์ติดกับ” เยี่ยนผิงส่งเสียงกล่าวตอบ            

“แผนล่าพยัคฆ์ติดกับ? เป็นเช่นไรเยี่ยนผิง? ท่านรีบชี้แจงรายละเอียด” จ่านจือส่งเสียงกล่าวถามต่อเยี่ยนผิง            

“จ่านจือท่านย่อมทราบ ข้าพเจ้าชำนาญการปลอมแปลงโฉม ในวันพรุ่งนี้หากแม่นางเอี้ยวยอมร่วมมือ เราก็ปลอมแปลงโฉมให้นางเป็นแม่นางไป่ชิง ส่วนท่านกับข้าพเจ้าก็ปลอมเป็นท่านเหมาต้า กับท่านมู่เหอ”           

“แล้วเช่นไรต่อ? ท่านรีบกล่าวเร็วเข้า” จ่านจือส่งเสียงเร่งเร้าต่อเยี่ยนผิง            

“จากนั้นให้แม่นางไป่ชิงปลอมเป็นแม่นางเอี้ยว ท่านเหมาต้า กับท่านมู่เหอคนหนึ่งต้องปลอมเป็นข้าพเจ้า อีกคนหนึ่งปลอมเป็นท่านจ่านจือ เมื่อเจ้าป่าเก้าหยกทุ่มเทจัดการกับผาแห่งสายลมซึ่งแท้จริงเป็นท่านกับข้าพเจ้า และแม่นางเอี้ยว ดังนั้นแม่นางไป่ชิงกับคนอื่น ๆ ย่อมสามารถฝ่าค่ายกลออกไปโดยง่ายดาย ส่วนท่านกับข้าพเจ้าไม่รู้เรื่องค่ายกล จึงต้องอาศัยแม่นางเอี้ยวในคราบของแม่นางไป่ชิง พอฝ่าด่านสุดท้ายแล้ว หากเจ้าป่าเก้าหยกทราบความจริง เกรงว่าแม่นางเอี้ยวจะลำบากเท่านั้นเอง”             

“เรื่องนั้นพวกท่านไม่ต้องเป็นกังวล ขอเพียงพวกท่านออกพ้นเขตป่าเก้าหยกได้ย่อมเพียงพอ เรื่องราวอื่น ๆ ข้าพเจ้ามีหนทางจัดการ ถึงเช่นไรบิดาก็ไม่กล้าทำร้ายข้าพเจ้าอย่างแน่นอน ในวันพรุ่งนี้จ่านจือ กับแม่นางไป่ชิงก็ระมัดระวังตัวให้มาก เพราะบิดาจะต้องลงมืออย่างเต็มที่ ส่วนเรื่องค่ายกลมีข้าพเจ้าอยู่พวกท่านไม่ต้องเป็นกังวล”           

เอี้ยวเซียวส่งเสียงกล่าวบอกว่าไม่ต้องห่วง ขอเพียงให้ทุกคนออกพ้นเขตป่าเก้าหยกได้ก็เพียงพอ เรื่องอื่นนางจะรับผิดชอบเอง ดังนั้นทุกคนจึงสรุปว่าเอาตามแผนการของเยี่ยนผิง ดังนั้นจึงได้รีบขึ้นมาจากห้องศิลานั้น เมื่อพ้นเขตอันตรายแล้ว เอี้ยวเซียวขอตัวกลับไปในทันที เพื่อไม่ให้บิดาและอาเอี้ยวของนางสงสัย ส่วนจ่านจือและคนอื่น ๆ รีบกลับเข้าบ้านพักในทันที

หยกเหินลม/ชล ชโลทร

 

17 เมษายน 2564
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป