Your Wishlist

จอมยุทธ์เจ้ายุทธจักร (ปลอมแปลงโฉมช่วยคน)

Author: หยกเหินลม

เมื่อยุทธภพแบ่งออกเป็นสอง มารยึดครองยุทธจักร คัมภีร์ยุทธ์ที่สาบสูญกลับคืนสู่บู๊ลิ้ม บุญคุณความแค้นรอการสะสาง หนี้เลือดต้องล้างด้วยเลือด เด็กน้อยผู้หนึ่งจะก้าวขึ้นมาเป็นเจ้ายุทธจักรได้เช่นไร หนึ่งคัมภีร์สยบกระบวนท่า หนึ่งเคล็ดวิชาดรรชนี สุริยันจันทราปรากฏในปถพี สยบไปหมื่นลี้ร้อยมณฑล

จำนวนตอน :

ปลอมแปลงโฉมช่วยคน

  • 13/08/2565

ตอนที่ 28

ปลอมแปลงโฉมช่วยคน

จ่านจือมิอาจอดทนรออยู่ต่อไปได้ รีบสะกิดพี่สาวทั้งสองพร้อมกับกล่าววาจา บอกว่าให้ทำตามแผนการที่เขากำหนดไว้ สำหรับตนเองขอปลีกตัวไปสักครู่ เพื่อไปดูท่านอาวุโสลำดับเก้าทิกว่อที่อยู่ลำพัง เพราะเขานั้นพลันรู้สึกสังหรณ์ใจในทิศทางอัปมงคล เมื่อทราบความเช่นนั้นซื่อเหมี่ยนกับอี้เซิน ซึ่งอยู่ในคราบของขอทานชรา จึงบอกให้จ่านจือรีบไปไม่ต้องเป็นห่วงด้านนี้ นางทั้งสองสามารถรับมือได้สักระยะหนึ่ง และคิดว่าจ่านจือคงกลับมาทัน พร้อมบอกกล่าวให้จ่านจือระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ            

มิกล้ารอช้าจ่านจืออาศัยช่วงที่คนร้ายกำลังส่งเสียงอยู่บนเวที มุดลอดเหล่าขอทานออกมาพร้อมกับพุ่งร่างไปยังด้านที่ผู้เฒ่าลำดับเก้าทิกว่อนัดหมายเอาไว้ เมื่อเขามาถึงยังปากถ้ำที่ท่านผู้เฒ่าใช้หลบซ่อนตัวอยู่ภายใน เขารีบพุ่งร่างผ่านปากถ้ำเข้าไปอย่างรวดเร็ว ปากส่งเสียงเรียกท่านอาวุโสทิกว่อ            

"ท่านอาวุโส ข้าพเจ้าขอทานน้อยหานชงเอง ท่านผู้เฒ่าอยู่ที่ใด?"            

ภายในถ้ำเงียบสงบไม่มีเสียงโต้ตอบกลับมา จ่านจือรีบล้วงเข้าไปในอกเสื้อหยิบชุดไฟขึ้นมาจุด ภายในถ้ำว่างเปล่าไร้ร่างของผู้เฒ่าลำดับเก้าทิกว่อ เขารู้สึกเสียใจและนึกตำหนิตัวเองที่ปล่อยให้ท่านผู้เฒ่าอยู่ตามลำพัง ที่สำคัญท่านได้รับบาดเจ็บหากเผชิญหน้ากับยอดฝีมือคงยากที่จะเอาตัวรอดได้            

เมื่อไม่เห็นร่างของท่านผู้เฒ่าลำดับเก้า จ่านจือคิดจะออกไปติดตามหาบริเวณรอบ ๆ ขณะที่จะก้าวพ้นปากถ้ำออกไปนั่นเอง พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นคล้ายกับเสียงผลักวัตถุเป็นก้อนหินขนาดใหญ่ จ่านจือมิรอช้ารีบวิ่งไปยังที่มาของต้นเสียงทันที มองเห็นก้อนหินก้อนหนึ่งขยับเขยื้อนอยู่ไปมาแต่ไม่สามารถหลุดออกมาได้ จึงรีบตรงเข้าไปพร้อมกับเกร็งกำลังภายในเพียงครึ่งส่วน รั้งดึงก้อนหินก้อนนั้นออกมา            

เมื่อก้อนหินก้อนนั้นหลุดออกมาจากช่องแตกของผนังถ้ำ ภายในปรากฏร่างหนึ่งนอนอยู่ที่แท้เป็นท่านผู้เฒ่าลำดับเก้าทิกว่อ ดูเหมือนขาของท่านจะถูกก้อนหินก้อนนั้นทับจนไม่สามารถเคลื่อนกายออกมาได้ จ่านจือรีบประคองร่างท่านออกมาพร้อมกับซักถามว่าเพราะเหตุใดจึงเข้าไปติดอยู่ในซอกถ้ำแห่งนั้นได้            

ผู้เฒ่าลำดับเก้าทิกว่อเล่าให้ฟังว่า ขณะที่ท่านกำลังจะเดินออกจากถ้ำเพื่อจะเข้าไปในงานชุมนุมตามที่ได้นัดหมายไว้กับจ่านจือ พอดีเห็นร่างหนึ่งแต่งชุดดำคลุมหน้าสะพายกระบี่ มุ่งตรงมายังถ้ำที่ท่านใช้หลบซ่อนตัวพอดีดูแล้วลักษณะมิใช่คนดี ท่านจึงได้รีบหลบเข้าไปในถ้ำถือว่ายังโชคดีที่ท่านเคยเข้ามาในถ้ำแห่งนี้หลายหน จึงรู้ว่ามีรอยแตกของผนังถ้ำและมีก้อนหินใหญ่ปกปิดอยู่ปากทางรอยแตก            

ท่านเล่าว่าเมื่อเข้ามาท่านรีบเขาไปหลบในรอยแตกนั่น พร้อมกับออกแรงดึงก้อนหินมาปิดทับรอยแยกของผนังถ้ำ แต่ว่าโชคร้ายก้อนหินหนักมากหล่นมาทับขาท่านพอดี จังหวะนั้นคนชุดดำคลุมหน้าเข้ามาภายในถ้ำพร้อมกับค้นหาทุกซอกมุม แต่ทว่าคนผู้นั้นมิได้จุดชุดไฟให้แสงสว่างจึงมองเห็นไม่ชัดเจนนัก อีกทั้งท่านผู้เฒ่าใช้พลังลมปราณปิดกั้นลมหายใจเอาไว้ คนชุดดำจึงได้ค้นหาไม่พบและจากไปไม่นานนักก่อนที่เขาจะเข้ามา หากทว่าจ่านจือมาไม่ทันเวลาคิดว่าท่านคงไม่มีอากาศหายใจเป็นแน่ อีกทั้งขายังถูกหินทับใส่ไม่สามรถผลักออกมาได้ด้วยตัวเอง            

ผู้เฒ่าลำดับเก้าทิกว่อกล่าวขอบคุณจ่านจืออีกครั้ง ที่เขาได้ช่วยเหลือชีวิตท่านเป็นครั้งที่สอง จ่านจือดูอาการบาดเจ็บบริเวณขาของท่านผู้เฒ่าลำดับเก้าแล้วกล่าวว่ากระดูกไม่แตกร้าว มีเพียงร่องรอยบาดแผลกดทับเท่านั้นเอง จึงได้ส่งต้นหญ้ามังกรดำให้อาวุโสท่านนั้นอีกสองใบ เพื่อใช้ช่วยรักษาบาดแผลและรอยช้ำภายใน            

จากนั้นท่านอาวุโสซักถามถึงงานชุมนุมว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง คนร้ายทั้งสามได้ปลอมเป็นผู้เฒ่าลำดับแปดกับผู้เฒ่าลำดับเจ็ดดั่งที่ท่านคาดการณ์ไว้หรือไม่ จ่านจือบ่งบอกออกไปว่าถูกต้องท่านผู้เฒ่าคาดเดาได้แม่นยำนัก พร้อมกับบอกเล่าเกี่ยวกับผู้เฒ่าโอ่วกับผู้เฒ่าลู่ว่าถูกทำร้ายไม่ทราบว่าจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ตอนนี้เหตุการณ์กำลังคับขันหวาดเสียว ไม่ทราบว่าพี่ทั้งสองของตนจะเป็นเช่นไรบ้าง  ผู้เฒ่าลำดับเก้าทิกว่อจึงกล่าวกับจ่านจือขึ้นว่า            

"หากเป็นเช่นนั้นท่านกับข้าพเจ้ารีบเข้าไปในงานเร็วเข้า ไปดูว่าคนร้ายมีแผนการชั่วอะไรอีก อย่างน้อยหากขอทานทั้งหลายได้พบหน้าข้าพเจ้า พวกเขาจะได้ไม่หลงเชื่อวาจาของสามคนร้ายนั่น ถึงแม้ข้าพเจ้าจะต้องตายอย่างน้อยจะมีขอทานหลายคนหนีรอดไปได้ พอที่จะไปเรียนต่อท่านขอทานพเนจรให้ท่านได้รับทราบความจริง"            

"เช่นนั้นอย่าชักช้าข้าพเจ้าจะประคองท่านไปเอง" 

จ่านจือกล่าวจบตรงเข้าประคองร่างของผู้เฒ่าลำดับเก้าทิกว่อกลับเข้าไปในงานชุมนุมอีกครั้ง พอเข้าใกล้ได้ยินบนเวทีผู้เฒ่าลำดับแปดหว่านฉีตัวปลอมกำลังส่งเสียงอันดังว่า            

"หากไม่มีท่านใดคิดจะขึ้นมาทดสอบฝีมือกับท่านเหยาจิ้งเฟยอีก ดังนั้นข้าพเจ้าผู้เฒ่าลำดับแปดหว่านฉีขอให้ทุกท่านในที่นี้นั่งลงให้หมด จากนั้นรอฟังว่าท่านเหยาจิ้งเฟยจะให้พวกท่านกระทำสิ่งใดต่อไป หากว่าผู้ใดไม่ปฏิบัติตามจะถือว่าขัดคำสั่งของท่านผู้เฒ่าขอทานพเนจรหวงเกาฉือ สามารถนำตัวมาลงโทษโดยไม่มีข้อยกเว้น ทุกคนรีบนั่งลงให้หมดเดี๋ยวนี้"            

ผู้เฒ่าลำดับแปดหว่านฉีส่งเสียงอันดังได้ยินทั่วบริเวณ สั่งให้บรรดาขอทานน้อยใหญ่นั่งลงกับพื้น ซึ่งตามธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมาทุกครั้งท่านขอทานพเนจรมิเคยให้พวกเขาต้องนั่งมาก่อน ท่านขอทานพเนจรไม่ยึดติดธรรมเนียมปลีกย่อยเหล่านี้ ผู้ใดจะยืนผู้ใดจะนั่งล้วนแล้วแต่จะสะดวก ครั้งนี้พอได้ยินผู้เฒ่าลำดับแปดหว่านฉีออกคำสั่งเช่นนั้นหากไม่ปฏิบัติตาม เกรงว่าจะเป็นการขัดคำสั่งของท่านขอทานพเนจรหวงเกาฉือ  จึงได้รีบคุกเข่านั่งลงโดยพร้อมเพรียงกัน แต่มีขอทานใจกล้าผู้หนึ่งตะโกนส่งเสียงร้องขึ้นมาบนเวทีว่า            

"เรียนท่านผู้เฒ่าลำดับแปดหว่านฉี ท่านผู้เฒ่าลำดับเจ็ดเยิ่นเหมา ท่านเหยาจิ้งเฟย ข้าพเจ้าขอเข้าไปดูอาการของท่านผู้เฒ่ารักษากฎทั้งสองก่อนจะได้หรือไม่?" 

พอขอทานผู้นั้นกล่าวจบผู้เฒ่าลำดับเจ็ดเยิ่นเหมาบนเวทีส่งเสียงตอบดังมาว่า            

"ท่านจะดูไปเพื่อสิ่งใด? ป่านนี้สองผู้เฒ่ารักษากฎคงไปเยี่ยมชมปรโลกแล้ว ท่านดูไปจะได้ประโยชน์อันใด หรือว่าท่านคิดจะไปเยี่ยมชมปรโลกเป็นเพื่อนสองผู้เฒ่านั่นด้วย หากว่าท่านอยากจะไปข้าพเจ้าผู้เฒ่าลำดับเจ็ดหว่านฉีจะช่วยส่งเสริมท่านสักครา หากว่ายังไม่อยากไปจงคุกเข่าลงและรอฟังคำสั่งของท่านเหยาจิ้งเฟยต่อไป"            

เมื่อผู้เฒ่าลำดับเจ็ดเยิ่นเหมากล่าวจบลง คนที่เหลือซึ่งยืนอยู่รีบคุกเข่าลงกับพื้นทันที บางคนกระซิบกระซาบถึงความไม่ชอบมาพากลของการชุมนุมในค่ำคืนนี้ เมื่อทุกคนนั่งลงหมดสิ้นแล้ว สองผู้เฒ่าลำดับแปดกับลำดับเจ็ดกวาดสายตาเพ่งมองจนทั่วทั้งบริเวณ เพื่อตรวจสอบว่ายังมีผู้ใดอีกหรือไม่ที่ยังคงไม่คุกเขาลง พอดีสายตาของผู้เฒ่าทั้งสองไปสะดุดเข้ากับขอทานชราสองคนเข้า ขอทานสองคนกำลังก้าวเดินตรงเข้ามายังด้านหน้าเวที  สองผู้เฒ่าลำดับแปดกับลำดับเจ็ดเห็นเช่นนั้น ถึงกับแสดงอาการโกรธเกรี้ยวขึ้นมา ผู้เฒ่าลำดับแปดหว่านฉีจึงส่งเสียงตะโกนกล่าวถามออกไปว่า            

"ท่านทั้งสองแก่เฒ่าชรามากแล้วสินะ คงเบื่อการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้แล้วกระมัง? ไม่ได้ยินที่ข้าพเจ้าสั่งให้คุกเข่าลงหรืออย่างไร เมื่อสองคนบังอาจไม่ปฏิบัติตาม เห็นทีข้าพเจ้าจะต้องลงมือเองเสียแล้ว มิเช่นนั้นจะมีขอทานคนอื่น ๆ คิดกระทำตามเยี่ยงอย่างพวกท่านอีก" 

กล่าวจบผู้เฒ่าลำดับแปดหว่านฉีพุ่งร่างจากพื้นเวทีลงมายังด้านล่าง  สองมือกางออกเป็นกรงเล็บคล้ายพยัคฆ์ตะปบเหยื่อใส่ตำแหน่งศีรษะของขอทานชราทั้งสอง ผู้เฒ่าลำดับแปดหว่านฉีตัวปลอมคำนวณเป็นมั่นเหมาะว่า เมื่อพุ่งร่างมาถึงจะลงมือด้วยสองฝ่ามืออย่างรวบรัด เพื่อปลิดชีวิตของขอทานชราทั้งสองคนในคราวเดียว 

จากการคำนวณเอาไว้สองเท้าทั้งสองมิต้องสัมผัสพื้น พอฟาดฝ่ามือทั้งสองใส่ศีรษะของขอทานชราทั้งสองแล้ว จะอาศัยหยิบยืมพลังจากศีรษะของขอทานชราทั้งสองพุ่งร่างกลับขึ้นไปยังเวทีอย่างสวยสดงมงาม อีกทั้งการลงมือครั้งนี้ยังเป็นการข่มขวัญขอทานคนอื่น ๆ อีกด้วย

เมื่อพุ่งร่างทะยานเข้าใกล้กรงเล็บห่างจากศีรษะของขอทานชราไม่ถึงสองคืบ  ผู้เฒ่าลำดับแปดหว่านฉีตัวปลอมส่งเสียงหัวร่อฮึฮึ ในลำคอโดยย่ามใจ แต่แล้วสถานการณ์กลับไม่เป็นไปดั่งที่วางไว้ ขอทานชราสองท่านนั้นรีบหงายหลังตีลังกาเอามือทั้งสองยันพื้นดีดร่างหยุดยืนในท่าเดิมห่างไปเพียงสองก้าวอย่างมิเปลืองแรง ผู้เฒ่าลำดับแปดหว่านฉีตัวปลอมเมื่อลงมือไม่ประสบผลรู้สึกเสียหน้าอับอายยิ่งนัก สภาวะท่าร่างที่พุ่งมาพลันสิ้นสุดไม่สามารถเปลี่ยนท่าร่างกลางอากาศได้ดั่งตั้งใจไว้แต่แรก จึงจำต้องทิ้งร่างลงห่างจากขอทานชราอยู่สองก้าว            

ผู้เฒ่าลำดับแปดหว่านฉีตัวปลอมคาดคิดไม่ถึงว่า กระบวนท่าที่ถือว่าร้ายกาจที่สุดยากที่ผู้ใดจะสามารถหลบรอดพ้นกรงเล็บพยัคฆ์ของมันได้ แต่ขอทานชราสองคนนี้กลับกระทำได้โดยง่ายดายไร้เรื่องราว มันถึงกับหน้าถอดสีอับอายขายหน้าเป็นที่สุด รีบเร่งเร้าพลังลมปราณที่มีทั้งหมดออกมา พร้อมกับสองฝ่ามือตะปบเป็นกรงเล็บพยัคฆ์เข้าใส่ตำแหน่งคอหอยของขอทานชราทั้งสอง ครั้งนี้มันจะผิดพลาดมิได้อีกแล้ว ก่อนกรงเล็บจะบรรลุถึงเสียงตวาดด้วยความเกรี้ยวกราดมาถึงก่อนว่า

"เฒ่าโสโครกทั้งสองไปลงนรกเสียเถิด"            

แต่ครั้งนี้ขอทานชราทั้งสองมิเพียงแต่หลบหลีก ยังโต้ตอบกลับมาด้วยกระบวนท่ากรงเล็บพยัคฆ์ด้วยเช่นกัน ทำเอาผู้เฒ่าลำดับแปดถึงกับตระหนกตกใจ รีบชะงักชักสองฝ่ามือกลับก้าวถอยออกมาสามสี่ก้าวพร้อมกับตวาดถามออกไปว่า            

"เจ้าเฒ่าโสโครกสกปรกสองคน จงรีบบอกกล่าวออกมาเดี๋ยวนี้ว่าท่านทั้งสองเป็นใคร ไฉนถึงได้รู้จักกรงเล็บพยัคฆ์ของข้าพเจ้าด้วย?"            

ซื่อเหมี่ยนในคราบขอทานชรา ดัดสุ่มเสียงแหบพร่าชราวัยส่งเสียงโต้ตอบกลับไปว่า            

"ท่านนั่นแหละสมควรถูกเรียกหาว่าเฒ่าโสโครก แม้แต่ข้าพเจ้าผู้เฒ่าลำดับแปดหว่านฉีท่านยังไม่รู้จัก ส่วนท่านนี้คือผู้เฒ่าลำดับเจ็ดเยิ่นเหมา ท่านยังไม่รู้จักยังมีหน้ากล่าวหาผู้อื่นว่าโสโครกสกปรก แสดงว่าท่านกับสองคนบนเวทียังมิเคยพบหน้าข้าพเจ้าสองผู้เฒ่ามาก่อนใช่หรือไม่? ช่างน่าไม่อายใช้ชื่อผู้อื่นมาแอบอ้างกระทำการชั่วช้าสามานย์ เช่นนี้ยังนับว่ามีหน้าตาอยู่ในยุทธจักรนี้ได้เช่นไร กรงเล็บแมวเซาของท่านเมื่อครู่ยังมีหน้ากล้าบอกออกมาได้ ว่าเป็นกรงเล็บพยัคฆ์ช่างน่าอายขายหน้าเหล่าขอทานหลายพันคนเป็นยิ่งนัก ท่านกับพวกของท่านต่างหากที่ควรบ่งบอกออกมาแก่บิดา ว่าที่แท้ท่านกับพวกของท่านเป็นใครกัน"            

ผู้เฒ่าลำดับแปดหว่านฉีตัวปลอมรู้สึกโกรธจนตัวสั่นหน้าแดง อีกทั้งยังอับอายขายหน้าที่ลงมือสองครั้งไม่ประสบผลสำเร็จ พาลทำให้หนวดเคราบนใบหน้าสั่นกระตุกลูกตาแทบจะถลนออกมานอกเบ้า รีบส่งเสียงเรียกผู้เฒ่าลำดับเจ็ดเยิ่นเหมาตัวปลอมที่ยืนอยู่บนเวที ให้ลงมาช่วยจัดการกับสองขอทานชราโดยไว ด้วยความโกรธบวกความอับอายทำให้ลืมตัวว่าตนเองอยู่ในฐานะผู้เฒ่าลำดับแปดหว่านฉี จึงได้ตะโกนเรียกอีกคนที่อยู่บนเวทีด้วยเสียงอันดังว่า            

"มารนภาหม่าจิ้งเถา ท่านรีบลงมาช่วยข้าพเจ้ามารธุลีต้าเอ่อคาจัดการกับสองขอทานโสโครกบัดเดี๋ยวนี้ หากวันนี้ข้าพเจ้ามารธุลีต้าเอ่อคากับท่านมารนภาหม่าจิ้งเถา ไม่ถลกหนังโคแก่หนังหนาสองตัวนี้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าแล้วละก็ ต่อไปอย่าได้เรียกหาข้าพเจ้าว่ามารธุลีต้าเอ่อคาและอย่าได้เรียกท่านว่ามารนภาหม่าจิ้งเถาอีกต่อไป เรียนต่อนายน้อยข้าพเจ้าทั้งสองขอชักช้าเสียเวลานอกเรื่องสักประเดี๋ยว หวังว่านายน้อยคงมิถือโกรธเอาโทษเราทั้งสอง"           

มันกล่าววาจาจบลงไปโดยที่ยังไม่รู้ตัวว่าได้เปิดเผยโฉมหน้าอันแท้จริงออกไป แถมยังบ่งบอกสองคนที่ยืนอยู่บนเวทีว่าเป็นผู้ใดอีกด้วย หาทราบไม่ว่าตนเองได้ยื่นหัวโผล่หางออกมาให้ผู้อื่นเห็นไปถึงลำไส้กระเพาะอาหารจนหมดสิ้น ด้วยบันดาลโทสะลืมตัวจนบ่งบอกออกไปว่าตนเองคือมารธุลีนามต้าเอ่อคา และยังบ่งบอกอีกว่าผู้เฒ่าลำดับเจ็ดเยิ่นเหมาบนเวทีคือมารนภาหม่าจิ้งเถา ทั้งหมดนี้เป็นไปตามแผนการของจ่านจือ ที่ต้องการให้คนร้ายแสดงตัวเผยพิรุธออกมานั่นเอง            

ทางด้านมารนภาหม่าจิ้งเถาบนเวทีกับนายน้อยแห่งสำนักมารสวรรค์เหยาเยี่ยนผิง ซึ่งอยู่ในคราบของผู้เฒ่าลำดับเจ็ดเยิ่นเหมากับเหยาจิ้งเฟย ทั้งสองเกรงว่าความจะแตก เหยาเยี่ยนผิงจึงรีบกล่าววาจากลบเกลื่อนด้วยความแนบเนียนว่า            

"ท่านผู้เฒ่าลำดับแปดหว่านฉี ท่านกล่าวเพ้อเจ้อกระไรออกมา? หรือว่าโรคเก่าของท่านกำเริบขึ้นมาอีก ทุกครั้งที่ท่านโกรธจนลืมตัวมักจะกล่าววาจาเพ้อเจ้อออกมาโดยไม่รู้ตัวเสมอ บางคราวทำให้ท่านจิตหลอนจนนึกภาพจินตนาการไปต่าง ๆ นานา ครั้งนี้กลับคิดว่าตนเองเป็นมารธุลีต้าเอ่อคา กล่าวหาผู้เฒ่าลำดับเจ็ดเยิ่นเหมาเป็นมารนภาหม่าจิ้งเถาอีก เร็วเข้าท่านผู้เฒ่าเยิ่นรีบไปนำตัวท่านผู้เฒ่าหว่านกลับขึ้นมาบนเวที ขอข้าพเจ้าตรวจชีพจรดูสักหน่อยว่าสับสนหรือไม่?"            

เมื่อเหยาจิ้งเฟยตัวปลอมกล่าวจบ ผู้เฒ่าลำดับเจ็ดเยิ่นเหมาตัวปลอมรีบพุ่งร่างทะยานจากพื้นเวทีตรงลงไปหาผู้เฒ่าลำดับแปดหว่านฉีตัวปลอม เมื่อบรรลุถึงใช้มือข้างขวาคว้าจับคอเสื้อพร้อมกับใช้นิ้วกลางกับนิ้วชี้ด้านซ้ายจี้สกัดจุดใบ้ไว้โดยมิมีผู้ใดสังเกตเห็น จากนั้นออกแรงหิ้วร่างพุ่งทะยานกลับขึ้นไปยังบนเวทีในทันที            

บรรดาขอทานทั้งหลายเริ่มส่งเสียงคุยกับเบา ๆ ว่าเกิดเรื่องราวใดขึ้น ส่วนบนเวทีเมื่อสองผู้เฒ่าบรรลุถึงบนเวทีแล้ว ผู้เฒ่าลำดับเจ็ดเยิ่นเหมาตัวปลอมรีบคลายจุดให้ผู้เฒ่าลำดับแปดหว่านฉีตัวปลอมทันที ผู้เฒ่าลำดับแปดหว่านฉีแสดงสีหน้าสำนึกเสียใจเป็นการขออภัยแก่ทั้งสอง พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงอันดังว่า            

"ท่านทั้งหลายโปรดฟังทางนี้ ข้าพเจ้าผู้เฒ่าลำดับแปดหว่านฉีต้องขออภัยต่อทุกท่านที่เมื่อสักครู่ข้าพเจ้าลืมตัวไป ด้วยโรคเก่ากำเริบทำให้พูดจาเลอะเลือนเหมือนเห็นภาพหลอน หากจะผิดข้าพเจ้าผู้เฒ่าขอรับไว้ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งต้องโทษขอทานเฒ่าโสโครกสองคนนั่นทำให้ข้าพเจ้าโกรธ มันสองคนบังอาจใช้วาจากล่าวแอบอ้างว่าเป็นข้าพเจ้าผู้เฒ่าลำดับแปดหว่านฉีกับเป็นผู้เฒ่าลำดับเจ็ดเยิ่นเหมา จะเป็นไปได้เช่นไร? ในเมื่อข้าพเจ้าทั้งสองยังยืนอยู่ตรงนี้"            

"ถูกต้องแล้วข้าพเจ้าเองก็ต้องขออภัยแทนท่านผู้เฒ่าลำดับแปดหว่านฉีด้วย ข้าพเจ้าว่าทุกท่านอย่าได้สนใจกับเรื่องโรคเก่ากำเริบของทานผู้เฒ่าเลย ตอนนี้ข้าพเจ้าว่าเรามาจัดการกับตาเฒ่าโสโครกที่กล้าแอบอ้างว่าเป็นข้าพเจ้าทั้งสองก่อนดีกว่า"            

ผู้เฒ่าลำดับเจ็ดเยิ่นเหมาตัวปลอมรีบกล่าวสนับสนุน พร้อมกับกล่าวแก่ขอทานทั้งหลายว่า ให้ทั้งหมดเร่งจัดการกับขอทานโสโครกทั้งสองที่กล้าแอบอ้างชื่อของตนทั้งสอง บรรดาขอทานต่างงุนงงสงสัยต่อเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้น บ้างชักไม่แน่ใจว่าจะเชื่อฝ่ายไหนดี? ด้านหนึ่งคิดเห็นว่าการกระทำของทั้งสามบนเวทีชอบกลนัก เมื่อสักครู่ก่อนที่สองผู้อาวุโสซึ่งแอบอ้างชื่อของผู้เฒ่าทั้งสอง บนเวทีจะปรากฏตัว ผู้เฒ่าทั้งสองเองกลับใช้วาจาวางอำนาจใช้ชื่อของท่านขอทานพเนจรหวงเกาฉือมาข่มขู่ ออกคำสั่งให้ขอทานทั้งหมดคุกเข่าลงนั่นหมายความว่าเช่นไร           

ตัวของผู้เฒ่าทั้งสองบนเวทีต่างเป็นขอทานเหมือนกับขอทานทั้งหลายด้วยเช่นกัน แล้วไฉนจึงเรียกขอทานอาวุโสทั้งสองว่าขอทานโสโครกสกปรก ขอทานด้านล่างจึงเริ่มไม่แน่ใจว่าใครพูดความจริงผู้ใดกล่าวความเท็จ? ก่อนที่ขอทานทั้งหลายจะได้ตัดสินใจว่าจะกระทำเช่นไรต่อไป เสียงขอทานอาวุโสหนึ่งในสองเมื่อครู่พลันกล่าวขึ้นก่อนว่า            

"พี่น้องทั้งหลาย โปรดฟังวาจาเราทั้งสองสักเล็กน้อย เราผู้เฒ่าทั้งสองมิได้แอบอ้างแต่อย่างใดข้าพเจ้าคือผู้เฒ่าลำดับแปดหว่านฉี ส่วนผู้นี้คือผู้เฒ่าลำดับเจ็ดเยิ่นเหมาตัวจริงส่วนที่อยู่บนเวทีล้วนเป็นตัวปลอม เนื่องจากข้าพเจ้าทั้งสองแวะทำธุระระหว่างทางจึงเกิดความล่าช้าเดินทางมาไม่ทันเริ่มงานชุมนุม พี่น้องทั้งหลายลองตรองดูท่านอาวุโสขอทานพเนจรหวงเกาฉือท่านเคยกล่าวเอาไว้เสมอว่า เราท่านทั้งหลายต่างเป็นขอทานแม้จะมิได้ให้กำเนิดเกิดมาจากบิดรมารดาเดียวกัน แต่เราท่านทั้งหลายต่างถืออุดมการณ์เดียวกันชัดเจนมิเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ต้น ดังนั้นท่านขอทานพเนจรท่านจึงย้ำเสมอว่าให้บรรดาขอทานทั่วทั้งแผ่นดิน ไม่ว่าจะมาจากสารทิศใดเราต่างเป็นพี่น้องกัน ต้องรักปรารถนาดีต่อกันดุจพี่น้องคลานตามกันมา แล้วท่านทั้งหลายลองไตร่ตรองดูว่าการกระทำของมันทั้งสามคนบนเวที ยังนับว่าท่านทั้งหลายเป็นพี่น้องกับมันอยู่หรือไม่?"            

เมื่อซื่อเหมี่ยนใช้วาจาแหบพร่าแนบเนียนยิ่ง กล่าวด้วยเสียงอันดังได้ยินไปจนทั่วบริเวณ บรรดาขอทานต่างนิ่งเงียบตั้งใจฟังคำพูดของซื่อเหมี่ยน และเริ่มจะคล้อยตามอยู่เจ็ดแปดส่วน ดังนั้นอี้เซินในคราบของท่านผู้เฒ่าลำดับเจ็ดเยิ่นเหมา รีบกล่าวสนับสนุนขึ้นว่า            

"ถูกแล้วพี่น้องทั้งหลาย มิเพียงแต่คำพูดของมันทั้งสามที่มิให้เกียรติท่านทั้งหลาย มิหนำซ้ำมันยังลงมือทำร้ายสองผู้เฒ่ารักษากฎอีกด้วย จนบัดนี้ยังไม่มีผู้ใดได้เข้าไปตรวจดูอาการของท่านผู้เฒ่าทั้งสองว่าเป็นเช่นไรบ้าง? หากท่านยังมีลมหายใจไฉนมิให้พวกท่านนำตัวลงมารักษาอาการ เช่นนี้แล้วยังนับว่ามันทั้งสามคนบนเวทียังเห็นท่านทั้งหลายเป็นพี่น้องอยู่จริงหรือไม่?"            

"ใช่แล้วเราเห็นด้วยกับคำพูดของท่านอาวุโสทั้งสอง แต่ว่าพี่น้องขอทานส่วนใหญ่เดินทางมาจากแดนใต้และจงหยวน ยังมิมีผู้ใดเคยพบหน้าเห็นตาของท่านผู้เฒ่าทั้งสองมาก่อน แล้วผู้ใดจะพิสูจน์ได้ว่าใครคือตัวจริงผู้ใดเป็นตัวปลอม หากว่าท่านผู้เฒ่าลำดับเก้าทิกว่อท่านยังอยู่ด้วยกับพวกเรา ท่านสามารถชี้ตัวยืนยันได้ว่าใครคือตัวจริงใครคือตัวปลอม โดยปกติท่านจะเดินทางไปสถานที่ใด? จะต้องแจ้งแก่พี่น้องทั้งหลายก่อนเสมอ ครั้งนี้กลับเดินทางไปโดยมิได้บอกกล่าว พี่น้องทั้งหลายต่างเคลือบแคลงสงสัยเช่นกัน มิทราบว่าผู้ใดจะสามารถให้ความกระจ่างแก่พี่น้องทั้งหลายได้บ้าง?"            

ขอทานผู้หนึ่งซึ่งยืนอยู่ด้านหน้าเวทีกล่าวขึ้น ทำให้ขอทานคนอื่น ๆ เริ่มส่งเสียงสนับสนุน ว่าให้มีการพิสูจน์ก่อนว่าใครคือตัวจริงใครเป็นตัวปลอมส่วนเรื่องอื่นค่อยหารือกันอีกที ซื่อเหมี่ยนกับอี้เซินคาดเดาว่าจ่านจือคงกลับเข้ามาแล้วและปะปนอยู่ใกล้ ๆ ไม่ไกลนัก ดังนั้นทั้งสองจึงคิดที่จะขึ้นไปบนเวที เพื่อจะเปิดโปงความจริงให้พี่น้องขอทานทั้งหลายได้กระจ่าง            

ดังนั้นซื่อเหมี่ยนจึงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงอันดัง เป็นการส่งสัญญาณให้จ่านจือได้รับรู้ว่า นางทั้งสองจะขึ้นไปบนเวทีเผชิญหน้ากับทั้งสามให้เขาเร่งรุดมาช่วยเหลือโดยไว            

"พี่น้องทั้งหลายเรื่องนี้อย่าได้กังวล ข้าพเจ้าผู้เฒ่าทั้งสองมีวิธีที่จะพิสูจน์ให้แก่ท่านทั้งหลาย ให้ได้รับทราบว่าใครกันแน่ที่มีแผนการชั่วแอบอ้างว่าเป็นผู้เฒ่าลำดับแปดหว่านฉีกับผู้เฒ่าลำดับเจ็ดเยิ่นเหมา ดังนั้นข้าพเจ้าทั้งสองขอให้พี่น้องทั้งหลายกรุณาหลีกทางให้ด้วย ขอข้าพเจ้าทั้งสองได้ขึ้นไปบนเวทีเพื่อพิสูจน์ความจริงให้ปรากฏด้วยเถิด"

หยกเหินลม/ชล ชโลทร

 

17 เมษายน 2564
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป