Your Wishlist

จอมยุทธ์เจ้ายุทธจักร (สยบสามสำนักใหญ่)

Author: หยกเหินลม

เมื่อยุทธภพแบ่งออกเป็นสอง มารยึดครองยุทธจักร คัมภีร์ยุทธ์ที่สาบสูญกลับคืนสู่บู๊ลิ้ม บุญคุณความแค้นรอการสะสาง หนี้เลือดต้องล้างด้วยเลือด เด็กน้อยผู้หนึ่งจะก้าวขึ้นมาเป็นเจ้ายุทธจักรได้เช่นไร หนึ่งคัมภีร์สยบกระบวนท่า หนึ่งเคล็ดวิชาดรรชนี สุริยันจันทราปรากฏในปถพี สยบไปหมื่นลี้ร้อยมณฑล

จำนวนตอน :

สยบสามสำนักใหญ่

  • 13/08/2565

ตอนที่ 23
สยบสามสำนักใหญ่

เมื่อบุรุษหน้ากากปีศาจทิ้งร่างลงสู่พื้น สายตาที่ลอดผ่านช่องหน้ากากปีศาจจับจ้องมองมายังประมุขพรรคไผ่หลิวเฉิงปู้กงกับเจ้าหุบเขามู่ชิวป้าอย่างไม่หวาดหวั่น โดยไม่เหลียวกลับไปมองดูเจ้าสำนักเมฆฟ้าพิรุณเหิงปี้ไป่เลยแม้แต่น้อย คล้ายจะมั่นใจว่าเจ้าสำนักเมฆฟ้าพิรุณจะไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีกปานฉะนั้น

ซึ่งความจริงแล้วหากจะคิดเช่นนั้นล้วนมิผิดนัก เจ้าสำนักเมฆฟ้าพิรุณได้รับบาดเจ็บภายในสาหัสแต่ไม่ถึงกับอันตรายร้ายแรงถึงแก่ชีวิต ยังนับได้ว่าเจ้าสำนักเมฆฟ้าพิรุณท่านมีกำลังภายในกล้าแข็ง อีกประการหนึ่งท่านสามารถเกร็งลมปราณขึ้นมาคุ้มครองจุดชีพจรสำคัญไว้ได้ทันท่วงที มิฉะนั้นคงมิอาจคาดเดาได้ว่าจุดจบจะเป็นเช่นไร

เจ้าสำนักเมฆฟ้าพิรุณเหิงปี้ไป่เองไม่คาดคิดว่า บุรุษชุดขาวที่สวมหน้ากากปีศาจดูอายุเยาว์วัยไฉนถึงได้มีฝีมือร้ายกาจสูงส่งถึงเพียงนี้ ท่านเองผาดโผนในยุทธภพมาเนิ่นนานผ่านการต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วน แต่ยังไม่ถึงกับพ่ายแพ้แก่คู่ต่อสู้ภายในไม่กี่กระบวนเพลงเหมือนเช่นครั้งนี้ ขนาดบุรุษอายุเยาว์ผู้นี้ยังร้ายกาจถึงเพียงนี้ แล้วผู้ที่ถ่ายทอดวิชาให้จะมีฝีมือสูงส่งสักปานใด 

ครั้งนี้บุรุษชุดขาวผู้นี้ปรากฏตัวขึ้นโดยมิมีผู้ใดทราบว่ามีจุดประสงค์อันใด แต่ที่พอคาดเดาได้ต้องมิใช่จุดประสงค์ดีอย่างแน่นอน ถึงแม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่เจ้าสำนักเมฆฟ้าพิรุณเหิงปี้ไป่ยังนับได้ว่าเป็นยอดฝีมือมีประสบการณ์ช่ำชอง เมื่อตั้งสติได้รีบพยุงกายลุกขึ้นนั่งพลางเกร็งพลังลมปราณปิดจุดชีพจรสำคัญ พร้อมกับโคจรกำลังภายในเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บเบื้องต้น

แต่ถึงเช่นไรเจ้าสำนักเมฆฟ้าพิรุณเหิงปี้ไป่ ท่านเองยังมั่นใจในพลังฝีมือของเจ้าหุบเขามู่กับประมุขเฉิง ว่าท่านทั้งสองจะสามารถผนึกกำลังเอาชนะบุรุษสวมหน้ากากปีศาจได้อย่างแน่นอน ศิษย์ของพรรคไผ่หลิวทั้งสามคนรีบวิ่งเข้ามาดูอาการของเจ้าสำนักเหิง พร้อมกับแยกย้ายโอบล้อมเจ้าสำนักเหิงเอาไว้ กระบี่หยกไผ่หลิวทั้งสามเล่มถูกชักออกจากฝักตระเตรียมพร้อม หากมีผู้หนึ่งผู้ใดจู่โจมเข้ามาทั้งสามจะใช้วิชากระบี่หลิวชมจันทร์เข้าต่อสู้อย่างสุดกำลัง

บุรุษหนุ่มชุดขาวสวมหน้ากากปีศาจสีเงินคำรามเสียงดังกึกก้องกังวาน เจ้าหุบเขามู่กับประมุขเฉิงท่านทั้งสองรับรู้ได้ถึงพลังวัตรอันลึกล้ำของบุรุษหนุ่มผู้นี้ แต่ถึงเช่นไรวันนี้จะต้องทวงถามชีวิตของคนในพรรคไผ่หลิวหนึ่งร้อยสิบชีวิตจากบุรุษหนุ่มลึกลับผู้นี้ให้จงได้ บุรุษหนุ่มชุดขาวเปล่งเสียงหัวเราะอย่างเย้ยหยัน พลางขยับโบกพัดจีบในมือไปมาคล้ายมิมีเรื่องราวใดเกิดขึ้น พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะแล้วกล่าววาจาขึ้นว่า

“ฮาฮา อาวุโสทั้งสองท่านเห็นแล้วสินะ ว่าสภาพของเจ้าสำนักเหิงเป็นเช่นไร? ท่านทั้งสองหากไม่อยากมีสภาพเหมือนเช่นเจ้าสำนักเหิง จงรีบตัดเอ็นมือเอ็นเท้าของตนเอง หรือไม่จงทำลายพลังวิชาฝ่ามือของท่านเสีย แล้วข้าพเจ้าจะนำท่านทั้งสองกลับไปยังสำนักของข้าพเจ้า ด้วยเห็นว่าอาวุโสทั้งสองยังพอมีความรู้และมันสมองพร้อมสติปัญญาพอให้ใช้สอยได้บ้าง ข้าพเจ้าจะเรียนต่อท่านเจ้าสำนักผู้ซึ่งเป็นอาจารย์ของข้าพเจ้า ให้ท่านรับอาวุโสทั้งสองไว้คอยรับใช้ให้คำปรึกษา ถึงแม้แขนขาจะพิการไร้วรยุทธ์แต่คิดว่าสมองคงไม่ถึงกับใช้การมิได้ อาวุโสทั้งสองโปรดเลือกเอาเถิดว่าจะเลือกวิธีใด? ระหว่างตัดเอ็นมือเท้ากับทำลายวรยุทธ์ตนเอง หากยังตัดสินใจมิได้เห็นทีข้าน้อยจะต้องให้ท่านทั้งสองเดินทางไปเป็นเพื่อนเจ้าสำนักเหิงแล้ว”

เมื่อบุรุษผู้นั้นกล่าววาจาจบลง อาวุโสทั้งสองร้องเพ้ยพร้อมกัน แล้วประมุขเฉิงกล่าววาจาโต้ตอบกลับไปว่า

“เจ้าปีศาจชั่วช้าอำมหิต ท่านอย่าได้กล่าววาจาสามหาว ข้าพเจ้าทั้งสองแม้นต้องตายจะไม่มีวันไปรับใช้คนชั่วช้าเช่นท่านเป็นอันขาด ท่านทำร้ายเจ้าสำนักเหิงอีกทั้งยังฆ่าศิษย์ในพรรคของข้าพเจ้าไปถึงร้อยสิบชีวิต วันนี้ข้าพเจ้าเฉิงปู้กงจะขอทวงถามชีวิตจากท่าน หากท่านมีดีอะไรจงรีบแสดงออกมา มิฉะนั้นอย่าได้กล่าวหาว่าข้าพเจ้าอาวุโสรังแกเด็กเป็นอันขาด”

“เฮอะ อาวุโสถือว่าครั้งนี้ท่านแส่หาเรื่องเอง ทางสวรรค์มีให้เดินท่านกลับมิยอมไป ทางนรกปิดตายท่านกลับเสาะหาเส้นทางเข้า หากเป็นเช่นนั้นแล้วข้าพเจ้ามารขลุ่ยเงินคร่าวิญญาณเยิ่นหว่อถิง คงต้องส่งเสริมท่านอาวุโสทั้งสองแล้ว”

กล่าวจบบุรุษหนุ่มผู้ที่เรียกตนเองว่ามารขลุ่ยเงินคร่าวิญญาณเยิ่นหว่อถิง เก็บพัดจีบไว้ในซอกอกเสื้อแล้วดึงขลุ่ยเงินยาวฟุตครึ่งออกมาจากสายรัดเอว พร้อมกับกวัดแกว่งจนเกิดเป็นสภาวะพลังปราณไร้สภาพ พุ่งจู่โจมครอบคลุมยังจุดชีพจรทั่วร่างของประมุขเฉิงแต่ไกล

ประมุขเฉิงมิรอช้ารีบเกร็งพลังลมปราณคุ้มครองกาย พร้อมกับพุ่งร่างเข้าปะทะกับพลังปราณขลุ่ยไร้สภาพที่จู่โจมเข้ามาอย่างหักโหม ในมือของท่านประมุขเฉิงบัดนี้เพิ่มไม้เท้าไผ่หลิวด้ามหนึ่งแล้วจู่โจมออกด้วยวิชาไผ่หลิวกวาดพสุธา ก่อเกิดเป็นพลังวังวนม้วนทะลักคล้ายดั่งต้นไผ่หลิวนับพันนับหมื่นต้นกวาดเฉียง ๆ เรียดพื้น ตำแหน่งข้อเท้าทั้งสองของมารขลุ่ยเงินคร่าวิญญาณเยิ่นหว่อถิง

บุรุษชุดขาวเมื่อเปิดเผยชื่อจึงทราบว่ามันมีฉายามารขลุ่ยเงินคร่าวิญญาณนามเยิ่นหว่อถิง เมื่อมันเห็นเช่นนั้นรีบรั้งดึงพลังปราณขลุ่ยเงินจากที่พุ่งตรงเข้าหาประมุขเฉิง เมื่อรั้งดึงกลับรีบเปลี่ยนปราณพลังสายนั้นเป็นฟาดเฉียง ๆ จากบนลงล่างอย่างเร่งร้อน เข้าปะทะสกัดกั้นกับพลังปราณไม้เท้าไผ่หลิวของประมุขเฉิง เมื่อปราณพลังทั้งสองสายปะทะกันบังเกิดเป็นเสียงเปรื่องดังเลื่อนลั่นสนั่นหวั่นไหว หลังจากนั้นประมุขเฉิงพุ่งร่างเข้ามาถึงระยะประชิดห่างราวครึ่งก้าว หนึ่งฝ่ามือหนึ่งไม้เท้าแยกย้ายใส่ร่างของบุรุษชุดขาวนามเยิ่นหว่อถิงในทันที

มารขลุ่ยเงินคร่าวิญญาณเยิ่นหว่อถิงรีบสับเท้าเบี่ยงกายซ้ายสลับขวา รวดเร็วจนตาประมุขเฉิงสายตาพร่าพรายเห็นเป็นเพียงเงาร่างเคลื่อนไหวดุจภูตคะนอง ทุกไม้เท้าและฝ่ามือของประมุขเฉิงล้วนอัดแน่นไปด้วยกำลังภายในถึงเจ็ดส่วน แต่ทุกไม้เท้ากับฝ่ามือล้วนคล้ายฟาดผ่านอากาศธาตุอันว่างเปล่า ร่างของมารขลุ่ยเงินคร่าวิญญาณเยิ่นหว่อถิงในยามนี้คล้ายจริงคล้ายหลอก เห็นเหมือนอยู่ใกล้แท้จริงกลับอยู่ห่างไกล แต่พอเห็นว่ามันอยู่ไกลออกไปกลับประชิดใกล้เกือบชิดติดร่างจนยากตั้งตัว พอรู้สึกตัวอีกทีขลุ่ยเงินยาวฟุตครึ่งด้ามนั้นตวัดเขี่ยเข้าใต้ซอกแขนของประมุขเฉิงอย่างรวดเร็ว

ประมุขเฉิงแสดงอาการสะดุ้งคราหนึ่ง รับรู้ได้ถึงพลังอำมหิตพิสดารที่ถ่ายเทเข้ามากับตัวขลุ่ยจนชาวูบใต้ซอกรักแร้  ประมุขเฉิงรีบยกแขนขึ้นเบี่ยงไปด้านข้างพร้อมกับหมุนตัวเพื่อปล่อยให้ด้ามขลุ่ยเงินพุ่งไปตามสภาวะ  ฝ่ามือซ้ายของท่านบัดนี้อัดแน่นไปด้วยพลังลมปราณเปี่ยมล้น ย่อกายเล็กน้อยแล้วกระแทกฝ่ามือเข้าใส่บริเวณท้องน้อยของมารขลุ่ยเงินคร่าวิญญาณเยิ่นหว่อถิงสุดกำลัง

มารขลุ่ยเงินคร่าวิญญาณเยิ่นหว่อถิงนอกจากจะไม่ปิดป้องแล้วมันยังไม่หลบหลีกอีกด้วย  ยืนสงบนิ่งปล่อยให้ฝ่ามือของประมุขเฉิงกระแทกเข้ามาตรง ๆ อย่างจงใจ ประมุขเฉิงร้อง เอ๊ะ ว่าผิดท่าแล้วแสดงอาการแปลกประหลาดพิกลสีหน้าแปรเปลี่ยนจนยากคาดเดา พอฝ่ามือของประมุขเฉิงสัมผัสกับท้องน้อยของมารขลุ่ยเงินคร่าวิญญาณเยิ่นหว่อถิง ท่านมีความรู้สึกคล้ายกับกระแทกฝ่ามือใส่ก้อนเต้าหู้หรือก้อนสำลีขนาดใหญ่ ฝ่ามือของท่านจมลึกหายเข้าไปในท้องน้อยของมารขลุ่ยเงินคร่าวิญญาณเยิ่นหว่อถิงจนมิดข้อมือ พอดีกับสภาวะกับพลังลมปราณที่ใช้ออกขาดห้วงพอดี

ขณะที่ประมุขเฉิงรีบผนึกลมปราณขึ้นใหม่อีกครั้ง ท้องน้อยที่ยุบลงไปของมารขลุ่ยเงินคร่าวิญญาณ กลับดีดสะท้อนออกมาพร้อมกับพลังที่อัดแน่นจนแทบทะลักทะล้น ประมุขเฉิงร่ำร้องว่าผิดท่าในใจรีบกระชากรั้งดึงฝ่ามือกลับอย่างร้อนรน ยิ่งออกแรงรั้งดึงมากเท่าไหร่คล้ายกับมีแรงดึงดูดเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า มารขลุ่ยเงินคร่าวิญญาณคำรามดุจพยัคฆ์กระหายเหยื่อ พร้อมกับกระแทกพลังลมปราณที่ท้องน้อยออกมา ซึ่งบัดนี้หากไม่ปลดปล่อยออกมาภายในท้องน้อยคงไม่สามารถรองรับไหว ต้องระเบิดแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ อย่างแน่นอน

เสียงตูมคล้ายดั่งดินระเบิดลูกเขื่องถูกจุดชนวน พร้อมกับร่างของประมุขเฉิงลอยละลิ่วปลิวนำเสียงตูมนั่นมา ร่างของประมุขเฉิงบัดนี้คล้ายดั่งว่าวไร้สายมิอาจบังคับทิศทางได้ ร่างของท่านพุ่งเอาส่วนแผ่นหลังกระแทกเข้ากับรูปปั้นพยัคฆ์ขนาดใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่หน้าทางเข้าพรรคไผ่หลิวอย่างจังดังเป็นเสียงวัตถุสองสิ่งกระทบกันอย่างความรุนแรง ผลปรากฏรูปปั้นพยัคฆ์ขนาดใหญ่แตกกระจัดกระจายไม่เหลือชิ้นดี เมื่อเห็นเช่นนั้นเจ้าหุบเขามู่รีบพุ่งกายเข้าไปประคองประมุขเฉิงด้วยความเป็นห่วง

ร่างของประมุขเฉิงนอนราบกับพื้นมือขวาเกาะกุมบริเวณแผ่นอก แขนและมือด้านซ้ายแนบราบไปกับพื้นไม่ห่างจากลำตัวมากนัก ความรู้สึกของท่านในยามนี้ไม่สามารถกระดุกกระดิกแขนซ้ายได้คาดคิดว่าไหล่ซ้ายอาจจะหลุดไป หรือไม่กระดูกแขนท่อนหนึ่งท่อนใดคงแตกหักอย่างแน่นอน โลหิตสีแดงสดฉีดพ่นออกมาเป็นทางจากปากท่าน สองมุมปากของประมุขเฉิงไหลประดับไปด้วยสายโลหิตเป็นเส้นทางยาว เจ้าหุบเขามู่เมื่อเข้ามาประคองพลางส่งเสียงร้องถามประมุขเฉิงว่า

“ท่านเฉิงเป็นเช่นไรบ้าง?”

“ท่านมู่ ข้า..ข้าพเจ้าต้องขออภัยด้วยที่ไม่สามารถช่วยเหลือท่านได้ เจ้าปีศาจชั่วช้ามันมีวรยุทธ์ร้ายกาจล้ำลึกมากยากรับมือ ท่านอย่าได้ต่อกรกับมันรีบหาทางหนีไป รบกวนท่านมู่ช่วยนำพาศิษย์ของข้าพเจ้าทั้งสามหลบหนีไปด้วย แล้วรีบนำเหตุการณ์ครั้งนี้ไปบอกกล่าวกับบรรดาชาวยุทธ์ คิดว่าก่อนวันชุมนุมจะต้องมีชาวยุทธ์ล้มตายอีกหลายคนอย่างแน่นอน”

“ท่านเฉิง เป็นเพราะข้าพเจ้าเพียงผู้เดียวที่นำความเดือดร้อนมาให้ท่าน อีกทั้งศิษย์ในพรรคไผ่หลิวล้วนถูกฆ่าตายถึงร้อยกว่าชีวิต ตัวท่านเฉิงกับท่านเหิงเองยังถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัส ท่านจะให้ข้าพเจ้าหลบหนีเอาตัวรอดเพียงผู้เดียวจะถือว่าเป็นสหายกันได้เช่นไร? ข้าพเจ้าจะมิยอมกระทำเช่นนั้นเป็นอันขาด วันนี้ถึงแม้ต้องตายข้าพเจ้าเจ้าหุบเขามู่ชิวป้าต้องแลกชีวิตกับมันให้จงได้”

ขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากัน มารขลุ่ยเงินคร่าวิญญาณเยิ่นหว่อถิง ส่งเสียงกล่าวขึ้นว่า

“อาวุโสทั้งสอกล่าวลากันพอแล้วหรือไม่? ท่านอย่าได้ห่วงข้าพเจ้ารับรองว่าจะให้พวกท่านทั้งสามได้ไปเจอะเจอกันอีกในปรโลก พร้อมกันจะส่งศิษย์ของท่านทั้งสามติดตามไปปรนนิบัติรับใช้อีกด้วย”

เจ้าหุบเขาผาพยัคฆ์ขาวมู่ชิวป้า ได้ยินเช่นนั้นรีบกล่าวโต้ตอบไปด้วยอาการเกรี้ยวกราดว่า

“เจ้าปีศาจชั่วช้าสามานย์ หยุดวาจาโอหังของท่าน วันนี้ข้าเจ้าเจ้าหุบเขามู่ชิวป้าจะขอแลกชีวิตกับท่าน หากจะต้องไปปรโลกข้าพเจ้าจะขอเอาท่านไปด้วย”

“ฮาฮา ท่านช่างแก่ชราแถมเลอะเลือนจริง ๆท่านคงเห็นสภาพของอาวุโสทั้งสองแล้วกระมัง? ว่ามีสภาเป็นเช่นไรในตอนนี้? ท่านเองจะมีปัญญาทำอะไรข้าพเจ้าได้ แต่หากท่านยังคงดื้อรั้นมั่นใจว่ามีความสามารถเพียงพอ ข้าพเจ้าจะให้ท่านได้เห็นวิชาเงาปีศาจพันร่าง ก่อนตายท่านจะได้เปิดหูเปิดตา”

เจ้าหุบเขามู่คิดแลกชีวิตกับมารขลุ่ยเงินคร่าวิญญาณอยู่แล้ว จึงมิได้แสดงอาการหวาดหวั่นพรั่นพรึง กลัวเกรงต่อคำพูดของมารขลุ่ยเงินเยิ่นหว่อถิง ดังนั้นท่านจึงประคองร่างของประมุขเฉิงให้นอนในท่าที่ถนัดมิกระทบอาการบาดเจ็บ ก่อนจะลุกขึ้นก้าวเท้าเข้าหามารขลุ่ยเงินเยิ่นหว่อถิง พร้อมกับส่งเสียงกล่าวว่า

“วันนี้ไม่ข้าพเจ้าตายก็ท่านม้วย ข้าพเจ้าจะให้ท่านได้ลิ้มลองวิชาฝ่ามือพยัคฆ์คำรณของหุบเขาผาพยัคฆ์ขาวดู”

“หากเป็นเช่นนั้นเพื่อให้รวบรัดรวดเร็วยิ่งขึ้น ท่านเยี่ย ท่านจาง ศิษย์สามคนของพรรคไผ่หลิวข้ามอบให้กับพวกท่านทั้งสองจัดการ ท่านทั้งสองจงรีบลงมือเข่นฆ่าศิษย์ทั้งสามของท่านอาวุโสเฉิง ส่วนอาวุโสเหิงบัดนี้ใกล้ตายเอาไว้ให้ข้าพเจ้าลงมือเอง”

มารขลุ่ยเงินเยิ่นหว่อถิงออกคำสั่งต่อชายสองคนที่อยู่หน้าขบวน มันมีชื่อว่าเยี่ยเหว่ยอายุสี่สิบห้าปี อีกคนมีชื่อว่าจางจิ้งอายุสี่สิบสามปีเป็นมือดีที่ติดตามมันมา เมื่อได้รับคำสั่งรีบดึงกระบี่ออกมาจากฝัก แล้วก้าวสามขุมเข้าหาศิษย์ทั้งสามของพรรคไผ่หลิวโดยย่ามใจ มันสองคนคิดว่าเด็กรุ่นเยาว์สามคนหามีอันใดน่ากลัว เพียงลงมือไม่กี่กระบวนท่าสามารถคร่าชีวิตของทั้งสามได้แล้ว

ศิษย์ทั้งสามของพรรคไผ่หลิวคือเหวินมู่กับอวี้หว่อและเทียนจิ้ง ทั้งสามมิรอช้าประคองเจ้าสำนักเมฆฟ้าพิรุณเหิงปี้ไป่ให้ลุกขึ้น ในขณะนี้ท่านใช้กำลังภายในรักษาอาการบาดเจ็บได้บางส่วนจึงสามารถเคลื่อนไหวลุกเดินได้บ้าง ทั้งสามขอร้องให้ท่านเจ้าสำนักเหิงช่วยไปดูแลอาจารย์ของพวกตนให้ด้วย ทางด้านชายสองคนพวกเขาทั้งสามจะผนึกกำลังใช้วิชากระบี่หลิวชมจันทร์จัดการให้จงได้ เจ้าสำนักเหิงพยักหน้ารับคำแล้วรีบก้าวเดินไปยังตำแหน่งที่ประมุขเฉิงนอนบาดเจ็บอยู่ พอเดินเข้ามาใกล้เห็นว่าประมุขเฉิงสามารถขยับร่างกายลุกขึ้นนั่งได้แล้ว

ทางด้านเจ้าหุบเขามู่กับมารขลุ่ยเงินเยิ่นหว่อถิง กำลังประกระบวนท่ากันอย่างดุเดือดฝีมือสูสีก่ำกึ่ง เจ้าหุบเขามู่ใช้ประสบการณ์ที่มีมากกว่า อีกทั้งยังได้เห็นแนวทางการเคลื่อนไหวของมารขลุ่ยเงินเยิ่นหว่อถิงก่อนหน้านี้ จึงใช้ความสุขุมมิบุ่มบ่ามเขาห้ำหั่นต่อสู้ ในตอนนี้ทั้งสองประกระบวนท่าผ่านไปร้อยกว่าเพลงแล้ว

ด้านศิษย์ทั้งสามของพรรคไผ่หลิว เมื่อผนึกกำลังใช้เคล็ดวิชากระบี่หลิวชมจันทร์อย่างตั้งใจ ปรากฏว่าฝีมือกลับไม่ตกเป็นรองยอดฝีมือทั้งสองมากนักอีกทั้งมีจำนวนคนมากกว่า เมื่อทั้งสามใช้เคล็ดวิชากระบี่หลิวชมจันทร์ออกไป ที่ผ่านมาเคยแต่ฝึกซ้อมไม่เคยได้ต่อสู้จริงกับยอดฝีมือมาก่อน เมื่อถึงเวลานี้ทั้งสามต่างประสานใจเป็นหนึ่งเดียว หล่อหลอมกายใจเป็นหนึ่งเดียวกับกระบี่ อานุภาพที่ปรากฏออกมาจึงเกินความคาดหมายของทั้งสามยิ่งนัก

กระบี่หยกไผ่หลิวทั้งสามเล่ม แยกย้ายเข้าจู่โจมยอดฝีมือทั้งสองนามเยี่ยเหว่ยกับจางจิ้ง กระบี่ยามสัมผัสกันเกิดเป็นประกายแลบแปลบปลาบ นอกจากนั้นเส้นสายปราณกระบี่สีเขียวของกระบี่หยกไผ่หลิวทั้งสามเล่มยังปกคลุมยอดฝีมือทั้งสองเอาไว้ แต่ถึงเช่นไรยอดฝีมือทั้งสองนับได้ว่าผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชน ถึงแม้บัดนี้ทราบว่าตกเป็นรองอยู่กลับมิได้ลนลาน ต่างป้องซ้ายป่ายขวาป้องกันหน้าหลัง กวัดแกว่งกระบี่ในมือเข้าปะทะกับศิษย์ทั้งสามของพรรคไผ่หลิวโดยมิยอมถดถอย

ส่วนเจ้าหุบเขามู่กับมารขลุ่ยเงินเยิ่นหว่อถิงในเวลานี้ ประเมินสถานการณ์แล้วเจ้าหุบเขามู่คล้ายตกเป็นรองอยู่ส่วนหนึ่ง ด้ามขลุ่ยเงินยาวฟุตครึ่งแยกย้ายจู่โจมเข้าหาเจ้าหุบเขามู่อย่างเร่งร้อนดุดัน ทุกกระบวนท่าคล้ายมีคล้ายไม่มี แต่สามารถคุกคามจุดชีพจรทั่วร่างของเจ้าหุบเขามู่อย่างน่าหวาดเสียว ฝ่ามือพยัคฆ์คำรณของเจ้าหุบเขามู่เคยสร้างชื่อมานับไม่ถ้วนนับว่าร้ายกาจ  ทุกฝ่ามือที่ฟาดผ่านหรือกดกระแทกเข้ามา ก่อเกิดเป็นสภาวะดั่งลมบ้าฟ้าคลั่ง จนกระทั่งในบางครั้งมารขลุ่ยเงินเยิ่นหว่อถิงยังมิกล้าหักโหม

ผ่านไปสามร้อยกว่าเพลง เจ้าหุบเขามู่ใช้ออกด้วยท่าพยัคฆ์ตะปบเหยื่อเหนือเวหา กรงเล็บกรีดกรายเป็นเส้นสายจนลายตา นับว่าได้ผลกรงเล็บของเจ้าหุบเขามู่กรีดผ่านหัวไหล่ด้านขวาของมารขลุ่ยเงินเยิ่นหว่อถิงจนเสื้อนอกที่สวมใส่ฉีกขาดเป็นแผลยาวเท่าฝ่ามือ เมื่อเห็นเช่นนั้นมันรีบเปลี่ยนท่าร่างดั่งเงาปีศาจเคลื่อนย้าย ด้ามขลุ่ยเงินกลับกลายจากหนึ่งเป็นร้อยพันยากจำแนกออกว่าด้ามไหนจริงด้ามไหนเงา

แต่คล้ายเจ้าสำนักเหิงกับประมุขเฉิงจะคาดคำนวณได้ก่อน เมื่อแลเห็นท่าร่างของบุรุษในชุดขาวเคลื่อนไหวพร้อมออกอาวุธเป็นขลุ่ยเงินยาวฟุตครึ่ง ท่านทั้งสองอยู่นอกวงต่อสู้จึงสามารถคาดเดาทิศทางของมารขลุ่ยเงินคร่าวิญญาณได้อยู่เก้าส่วน ทั้งสองเมื่อเห็นเช่นนั้นรีบตะโกนร้องเตือนเจ้าหุบเขามู่ให้รีบถอยกลับออกมา

“ท่านมู่ระวัง! รีบถอยออกมาก่อนเร็วเข้า”

พอได้ยินเสียงร้องเตือนนับว่าสายไปเสียแล้ว เงาขลุ่ยเงินที่กระจายนับร้อยนับพันซึ่งจู่โจมเข้าครอบคลุมร่างของเจ้าหุบเขามู่ล้วนเป็นเพียงเงามายาของวิชาเงาปีศาจพันร่างนั่นเอง แท้จริงแล้วร่างของมารขลุ่ยเงินเยิ่นหว่อถิงเคลื่อนย้ายมายังด้านหลังของเจ้าหุบเขามู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ท่านเองยังมิอาจทราบได้ เจ้าหุบเขาเมื่อรู้ตัวว่าพลาดท่าได้ยินเสียงมารขลุ่ยเงินคร่าวิญญาณร้องดังกังวานว่า

“ฝ่ามืออสูรสยบโลกันตร์”

เจ้าหุบเขามู่สะดุ้งขึ้นสุดตัวรีบหมุนร่างกลับมาอย่างสุดกำลัง พร้อมกับพุ่งร่างถอยหลังอย่างเร่งร้อนสายตาจับจ้องมองเห็นเพียงเงาฝ่ามือที่กดกระแทกเข้ามาด้วยความเร็วดุจวิชชุอสุนีบาตฟาดใส่ เจ้าหุบเขามู่ร่ำร้องก้องในใจว่าครั้งนี้จบสิ้นแล้วต้องตายภายใต้ฝ่ามือเด็กน้อยผู้นี้โดยแน่แท้ รีบเร่งเร้าพลังลมปราณขึ้นคุ้มครองจุดชีพจรสำคัญด้านหน้าเอาไว้

เสียงทึบหนัก ๆ เจ้าหุบเขามู่รู้สึกคล้ายดั่งถูกภูผาทั้งลูกพุ่งเข้าชนเต็มกำลัง พลังลมปราณที่บรรจุมากับฝ่ามือทำเอาหายใจติดขัดอวัยวะภายในปั่นป่วนแทบจะขย่อนออกมา ร่างของเจ้าหุบเขามู่ปลิวไปตามพลังฝ่ามือพร้อมกับแค่นเสียงร้องหนัก ๆ ออกมาคำหนึ่ง นอกนั้นเป็นโลหิตสีแดงสดพุ่งออกมาเป็นเส้นสายฟูมฝอยเป็นละอองฟองฟู่กระจายอยู่ในอากาศ

ร่างของเจ้าหุบเขามู่ลอยละลิ่วปลิวไปด้วยความแรงและรวดเร็วไกลเกือบยี่สิบวา เป็นทิศทางเดียวกับที่เจ้าสำนักเหิงกับประมุขเฉิงนั่งอยู่พอดี เจ้าสำนักเหิงถึงแม้จะบาดเจ็บสาหัสรีบพุ่งเข้าคว้ารับร่างของเจ้าหุบเขามู่เอาไว้ จนทั้งร่างของทั้งคู่กระเด็นกระดอนล้มกลิ้งไปด้วยกัน พอร่างของทั้งสองแน่นิ่งอยู่กับพื้นแล้วเจ้าหุบเขามู่กระอักโลหิตออกมาอีกคำโต สายตาจับจ้องไปยังร่างของมารขลุ่ยเงินเยิ่นหว่อถิง คล้ายดั่งจะมองให้ทะลุหน้ากากปีศาจสีเงินนั้นไป เพื่อจะได้จดจำใบหน้าของมันผู้นั้นเอาไว้ ยังไม่ทันจะกล่าววาจาออกมาสิ้นสติสมประดีไป

มารขลุ่ยเงินเยิ่นหว่อถิงละสายตาจากทั้งสาม หันไปทางศิษย์ทั้งสามของพรรคไผ่หลิวซึ่งในขณะนี้กำลังใช้กระบี่หยกไผ่หลิว ประสานกับวิชากระบี่หลิวชมจันทร์ไล่ต้อนสองมือดีของตนภายใต้ท่วงท่าที่พลิ้วไหวในยามพลิกแพลง แต่กลับดูหนักแน่นดุดันยามจู่โจมโหมกระหนาบ อีกคนรุกอีกคนรับอีกคนรีบสอดประสานเสริมเติมเข้ามา นับว่าเป็นวิชากระบี่ที่หาดูได้ยากยิ่งจริง ๆ แม้แต่มารขลุ่ยเงินคร่าวิญญาณเยิ่นหว่อถิงยังนึกชื่นชมในใจ

หยกเหินลม/ชล ชโลทร

17 เมษายน 2564
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป