แน่นอนว่าเธอไม่ได้อยากเตะเขาจริงๆหรอก
และเขาก็ดูเหมือนหมอธรรมดาที่ทำหน้าที่ตัวเองอย่าตั้งอกตั้งใจ คอยสอนหมอรุ่นน้องอย่างระมัดระวัง เขาอดทนกับคนป่วยมาก และตอบคำถามของคนไข้อย่างละเอียด เขาเป็นคนตลกมีไหวพริบ ทำให้คนไข้มีความสุขมาก
เฉินโหรวหยูไม่ได้อ้าปากพูดตลอดการตรวจคนไข้ของเขา เธอรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ เมื่อเขาจริงจังกับงาน เขามีเสน่ห์จริงๆ และไม่ขัดหูขัดตาเลย และเขาไม่ได้ทำให้เธอเดือดร้อนต่อหน้าคนอื่น แต่เมื่อเขามองไปที่เธอเท่านั้นแหละ เขาจะแสดงสีหน้าคลุมเครือ
ไม่ เธอใช้คำผิดอีกแล้ว นั่นไม่ใช่คลุมเครือ ผู้ชายที่น่าสมเพชคนนี้ดูถูกเธอ ผิดก็ว่าไปตามผิด
ในระยะเวลาสองวัน เฉินโหรวหยูในฐานะผู้ป่วย และเหมิงกู้ในฐานะแพทย์ ไม่มีปัญหาใดๆต่อกัน สถานการณ์กลมกลืนกันมาก จนเฉินโหลวหยูสงสัยว่าเธอกลายเป็นคนโง่หลังจากถูกคนชั่วสองคนทำร้ายร่างกาย และตอนนี้เธอกำลังเกิดภาพลวงตา
วันที่สาม เฉินโหรวหยูก็ยืนยันได้ว่าเธอไม่ได้โง่ เธอยังคงเป็นคนธรรมดา
วันนั้นเฉินโหรวหยูรู้สึกดีขึ้นมาก ใส่ชุดคนไข้เดินลงบันไดไปนั่งในสวนรับแสงแดด เธอกำลังคำนวณค่าใช้จ่ายในโรงพยาบาล ในขณะเดียวกันก็สงสัยว่าควรไปถามว่าเธอสามารถออกจากโรงพยาบาลได้รึยัง ทันใดนั้นเองชายหนุ่มรูปหล่อในเสื้อคลุมสีขาวตัวใหญ่ลอยผ่านหน้าเธอและนั่งลงข้างเธอ
เฉินโหรวหยูรู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อย และเขยิบตัวหนี เธอกระแอมสองสามครั้ง และจิตใจเธอก็เริ่มสับสน เหมิงกู้เปิดปากพูดว่า
“เฉินโหรวหยู ผมรู้ว่าคุณคิดอะไรอยู่”
เธอคิดอะไร? เธอไม่ได้คิดอะไรเลย!
อย่างมากเธอก็แค่คิดว่า คงจะดีมากถ้าเธอไม่ได้พบกับหมอมองโกเลียคนนี้มาก่อน หรือบางที (เธอครุ่นคิด) ……หลังจากออกจากโรงพยาบาล เธอจะแสร้งทำเป็นว่าไม่รู้จักเขา หรืออย่างอื่น (ความคิดของเธอปั่นป่วน) ……หมอชาวมองโกเลียคนนี้ประพฤติตัวดีในช่วงสองวันที่ผ่านมา และตอนนี้เขาต้องการพูดคำหยาบกับเธออีกครั้งหรือไม่? คราวนี้เธอต้องควบคุมปากและต้องไม่ทำให้ตัวเองขายหน้า บางที (เธอคิดอีกครั้ง)……ทำไมเมื่อเธอตั้งใจจะอยู่ห่างจากเขา เธอก็มักจะเจอเขาเสมอ หรืออื่นๆ (เธอครุ่นคิดอีกครั้ง)………
“คุณต้องการผมบอกเกาอูหลานให้มาเยี่ยมคุณรึเปล่า?”
“อ๊ะ” เฉินโหรวหยูตกใจ เธอดึงตัวเองกลับมาจากความคิดสับสนร้อยแปด “ไม่ ไม่” มือและศีรษะของเธอส่ายไปมา “อย่าบอกเธอ”
หลังจากถูกทำร้ายร่างกายและถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาล เรื่องนี้ไม่บอกคนอื่นจะดีกว่า นอกจากนี้ยังเป็นการดีที่สุดที่จะไม่บอกให้คนอื่นรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์แปลกๆของเธอกับหมอมองโกเลียคนนี้
“เฉินโหรวหยู ความจริงแล้วคุณยังไม่เข้าใจผม”
“อะไรนะ?” เฉินโหรวหยูสงสัยว่าเธอได้รับความกระทบกระเทือนจากการถูกทำร้าย ดังนั้นเธอจึงมีปัญหาในการได้ยิน และความเข้าใจ หรืออื่นๆ ทำไมเธอถึงไม่เข้าใจคำพูดของเหมิงกู้
จากความสามารถในการเข้าใจของเธอ พวกเขากำลังพูดถึงเกาอูหลานไม่ใช่หรือ อยู่ๆกระโดดกลับมาที่เขาได้อย่างไร ไม่มีความเชื่อมโยงใดๆเลยทั้งสิ้น
เฉินโหรวหยูยกแขนที่มีรอยฟกช้ำของเธอขึ้น แล้วโบกมือ “คุณหมอเหมิง กรุณาพูดช้าๆ”
เหมิงกู้ยิ้มยิงฟัน “คืนนั้น คุณจับมือผมเอาไว้ และไม่ยอมให้ผมไป”
เธอจ้องเขาตาโต เขากำลังล้อเล่นกับเธออีกครั้งใช่ไหม?
เหมิงกู้ยังคงยิ้มละไม “คุณพูดกับผมตั้งหลายอย่าง”
เธอไม่สามารถนั่งอยู่ตรงนี้ได้อีกต่อไป “ลาก่อนค่ะ คุณหมอเหมิง”
เหมิงกู้จับแขนเสื้อเธอเอาไว้ ดึงเธอกลับมานั่งที่เดิม และกล่าวว่า “เฉินโหรวหยู ผมเป็นคนตรงไปตรงมา และจะบอกกับคนๆนั้นตรงๆต่อหน้าเธอ ถ้าหากผมไม่ชอบเธอหรือเธอไม่เข้าตาผม”
คำพูดประเภทนี้ค่อนข้างอ่อนโยนเกินไป เขาไม่เคยบอกต่อหน้าเธอตรงๆ เขาทำให้เธอรู้สึกอับอายและขายหน้า จนเธอต้องถอยหนีออกมาเอง ชายผู้น่าสมเพชคนนี้ไม่รู้ความหมายของมารยาทที่ดีด้วยซ้ำ
เฉินโหรวหยูพยักหน้า “ฉันเคยมีประสบการณ์แบบนั้นมาก่อน”
“ดังนั้นการพูดลับหลังคนอื่นไม่ใช่สไตล์ของผมจริงๆ”
"คุณหมอเหมิง คุณไม่ต้องมาประชดฉันอีกแล้ว ฉันรู้ว่าครั้งที่แล้วฉันทำผิด และขอโทษคุณไปแล้ว"
“ผมไม่ได้หมายถึงคุณ”
ไม่ได้หมายถึงฉันแล้วหมายถึงใครยะ! เฉินโหรวหยูกัดฟัน และสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง
"ผมบอกว่า แต่เดิมมีผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะสนใจผม ทุกๆสามถึงห้าวัน เธอจะมาที่โรงพยาบาลเพื่อหาผม แม้ว่าเธอจะไม่ได้ป่วย เธอก็ยังลงทะเบียนเพื่อให้ได้ปรึกษากับผม เธอยังชวนผมไปร่วมงานสังสรรค์กับเพื่อนๆ และส่งของขวัญ อาหารมาให้ แต่วันหนึ่งจู่ๆเธอก็หายไป ผมบังเอิญเจอเธออีกทีที่ซูเปอร์มาร์เก็ต เธอทำหน้าราวกับว่าผมติดหนี้เธอแปดล้านดอลลาร์ และมึนตึงใส่ผม”
เฉินโหรวหยูตะลึง ชายผู้น่าสมเพชคนนี้ ไม่ไว้หน้าเธอเลยสักนิด!
“ผมเคยสงสัยว่าผู้หญิงคนนั้นเกิดมาพร้อมกับโรคหลายบุคลิกรึเปล่า? หรือเธอมีแนวโน้มที่จะชอบสิ่งใหม่ๆและละเลยสิ่งเก่าๆ ตกหลุมรักผม จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นศัตรู? สองวันก่อนผมเพิ่งรู้ว่าเธอได้ยินข่าวลือไม่ดี และเธอรู้สึกเจ็บปวดใจมาก”
เธอกัดฟัน เนื่องจากเขาพูดอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมา เธอจึงไม่จำเป็นต้องสุภาพอีกต่อไป
"คุณหมอเหมิง คุณไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นตาบอดเพราะน้ำมันหมู* และไม่เข้าใจสถานการณ์ เธอไม่รู้อะไรและสร้างความเดือดร้อน ตอนนี้เธอเสียใจกับสิ่งที่ทำไป"
(น้ำมันหมูหมายถึงไขมันหมู แต่ในที่นี้หมายถึงคนที่ไม่อ่อนไหวต่อสิ่งอื่นหรือตระหนักถึงสิ่งอื่น ยกเว้นความรู้สึกในใจของเธอ)
การแสดงออกของเธอ ทำให้เหมิงกู้หัวเราะออกมาดังๆอีกครั้ง
เธอขมวดคิ้ว มีอะไรตลกนักหนายะ?
“การตาบอดเพราะน้ำมันหมูเป็นปัญหาร้ายแรง ถ้าหากเธอไม่ดูแลดีๆ คราวนี้ตาของเธอได้บอดแน่ แค่ขอคำปรึกษาในแผนกจิตเวชคงยังไม่พอ เธอจำเป็นต้องขอรับการรักษาในแผนกจักษุด้วยเช่นกัน ผู้หญิงคนนี้ช่างน่าสงสารจริงๆ”
“ลาก่อนค่ะ คุณหมอเหมิง”
เหมิงกู้หัวเราะเสียงดัง และดึงเธอกลับมานั่งอีกครั้ง
“เฉินโหรวหยู ผมไม่ได้พูดกับคนอื่นเรื่องของผม แม้ว่าคำพูดของผมจะค่อนข้างชัดเจนและตรงไปตรงมา แต่ผมไม่ใช่คนที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นการพูดไม่ดีลับหลังคนอื่น ถ้าหากผมมีอะไรอยากพูด ผมจะพูดกับคุณตรงๆต่อหน้า”
อยู่ๆเหมิงกู้ก็เข้าโหมดจริงจัง เฉินโหรวหยูเงยหน้าขึ้น ตั้งใจฟังเขาอย่างระมัดระวัง
“ผมไม่เหมาะกับคุณ และคุณไม่ได้จริงจังกับผม รักแรกพบนั้นเป็นอะไรที่ไม่มีวันเกิดขึ้น อีกอย่างตอนแรกคุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะจีบใครระหว่างผมกับเล่ยเฟิง เลิ่ยเฟิงมีคู่หมั้นแล้ว เพราะงั้นคุณเลยเปลี่ยนเป้าหมายมาที่ผม ดังนั้นผมเลยไม่คิดว่าความรู้สึกดีที่คุณมีให้ผมอย่างไม่สิ้นสุดเป็นสิ่งน่าสนใจ ชีวิตของเรา นิสัย และอื่นๆ ไม่เข้ากันจริงๆ แต่เพราะคุณคือเพื่อนของเกาอูหลาน และตอนนั้นผมไม่ได้สนิทกับคุณ ผมคิดเอาเองว่าการรอให้คุณค่อยๆเข้าใจด้วยตัวเองเป็นวิธีที่ดีที่สุด คุณเข้าใจผมไหม ที่ผมพูดแบบนี้?”
เฉินโหรวหยูพยักหน้าหงึกหงัก สติสตังเริ่มเลอะเลือน
เหมิงกู้พูดต่อไปว่า “จากนั้นคุณก็ไม่มาอีกเลย หายไปเลย ผมคิดว่าคุณคงคิดได้แล้ว ตอนที่เจอคุณที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต คุณหลบหน้าผม ทำราวกับว่าผมเป็นศัตรูคู่แค้น ผมรู้สึกว่าสถานการณ์แปลกๆ หลังจากนั้นก็ตอนที่คาเฟ่ ผมได้ยินคุณพูดถึงผมกับคู่นัดบอดของคุณ ผมโมโหมาก แต่ดูตอนนี้สิ ผมเข้าใจคุณผิดเหมือนกัน เพราะฉะนั้นปล่อยให้อดีตผ่านไปและเราเป็นเพื่อนกันดีกว่า”
เป็นเพื่อน?
เธอกระพริบตาและผงกศีรษะรับ
ทำไมตอนนี้มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ว่าเขาสามารถพูดคุยได้เหมือนมนุษย์? ดังนั้นเป็นเธอเองที่เข้าใจเขาผิด และหลังจากคิดไม่ดีกับเขา ก็เป็นเธอเองที่รู้สึกแย่
“ในเมื่อเราเป็นเพื่อนกันแล้ว ผมยังมีบางอย่างจะพูดกับคุณ”
ยังมีอะไรจะพูดอีกเหรอ?
เธอจ้องเหมิงกู้นิ่ง การพูดมากไม่ใช่คุณสมบัติที่ดีของผู้ชายนะ เธอค่อยๆบ่งหนามออกจากใจและดูเหมือนว่าตัวเธอค่อยๆรู้สึกเบาขึ้น
"แรงจูงใจของคุณดี แต่น่าเสียดายที่มันมาจากสมองหมู คุณคิดว่าคุณเป็นคิงคองหญิงที่อยู่ยงคงกระพัน? คุณคิดว่าคุณมีความสามารถในการต่อสู้? กับผู้ชายสองคน……ถ้าคุณขาดเงิน 3.50 หยวนจริงๆก็บอกผมได้"
เธอยังไม่ทันได้อ้าปาก เขาก็เริ่มดุเธอ
เฉินโหรวหยูกระพริบตาปริบๆ พร้อมกับอ้าปากค้าง สุภาพบุรุษที่เพิ่งคุยกับเธอหายไปไหน?
“คุณรู้รึเปล่าถ้าคุณไม่เจอคนใจดีโทรเรียกตำรวจให้มาช่วยคุณ คุณอาจจะแย่กว่านี้? คุณคิดถึงผลตามมาบ้างไหม? ลูกค้าของคุณขาดเงินขนาดนั้นเลยเหรอ? คุณถึงต้องเอาชีวิตตัวเองไปแขวนอยู่บนเส้นด้าย คุณขายประกันแต่ทำไมถึงขายชีวิตตัวเองด้วยล่ะ? มีตำรวจ มีศาล และลูกค้าของคุณก็ยังมีเพื่อนและญาติพี่น้องของเขา คนพวกนั้นไร้ประโยชน์หมดงั้นเหรอ? หรือคุณคิดว่าพวกเขาตายไปหมดแล้ว?”
“นั่น…คนที่ช่วยฉัน เขาเป็นใครคะ?” เธอประมาทจริงๆ เธอไม่ได้ขอบคุณเขาจริงๆจังๆ
“นี่ใช่ประเด็นสำคัญเหรอ? นี่คือประเด็นสำคัญหลังจากที่ผมเพียรบอกกับคุณตั้งมากมาย?” เหมิงกู้เริ่มหัวเสียแล้ว
“ก็คุณพูดตั้งเยอะ ใครจะรู้ว่าประเด็นสำคัญคืออะไร” เขาหัวเสียใส่เธอ เธอก็ชักจะโมโหขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน
“ประเด็นสำคัญคือคุณเป็นผู้หญิงโง่”
“โง่แล้วผิดตรงไหน? คุณจะทำไม?” เธอโกรธแล้วจริงๆ
“คุณโง่ แล้วผมก็รู้สึกเสียใจกับคุณ ในฐานะเพื่อน ถ้าหากผมไม่พาคุณกลับมายังทางที่ถูกที่ควร ผมคงรู้สึกผิด”
"เวลาที่คุณประชดประชันและด่าคนอื่น ทำไมคุณไม่รู้สึกเสียใจบ้างล่ะ?" เฉินโหรวหยูเถียง
“ถ้าหากไอคิวของคุณมีไม่มาก ก็มีแต่ชดเชยได้ด้วยความยับยั้งชั่งใจเท่านั้น” เหมิงกู้เพิกเฉยต่อการโต้กลับของเธอ และพูดต่อว่า "ก่อนที่คุณจะทำอะไร คุณต้องบอกตัวเองก่อนว่าอย่าหุนหันพลันแล่น แล้วชีวิตถึงจะมีความหวัง"
ชีวิตถึงจะมีความหวัง? แค่ฟังเขาพูดเนี่ยนะ!
“อย่าคิดว่าผมต้องการจะควบคุมคุณ ถ้าคุณไม่ใช่เพื่อนผม ผมไม่เสียเวลามายุ่งเรื่องของคุณหรอก” เหมิงกู้ยังคงจู้จี้เธอต่อไปอีกสิบนาที
เขาห่วงเธอ การตระหนักรู้นี้ทำให้หัวใจของเฉินโหรวหยูเต้นผิดจังหวะ
เมื่อหัวใจเต้นเร็วเกินไปก็สามารถฆ่าคนได้เช่นกัน
ถึงแม้จะยังไม่ตาย แต่ก็สามารถทำให้คนคนหนึ่งสูญเสียความสามารถการพูดไปได้ ดังนั้นเธอจึงไม่เถียงและฟังเขาบ่นต่อไปอีกสิบนาที ในที่สุดเธอก็ถูกคุณหมอเหมิงดีดหน้าผาก
“ผมให้คำแนะนำอย่างจริงใจและอดทน แต่คุณกำลังทำหน้าเบื่อใส่ผม”
เฉินโหรวหยูยังคงทำหน้าซังกะตาย จากนั้นก็ลูบหน้าผากตัวเอง หันไปรอบๆและเดินออกไป ทันใดนั้นเธอก็ตระหนักถึงสิ่งที่น่ากลัว
เธอชอบเขา
พระเจ้า ขนลุกชะมัด!
ผู้หญิงโง่แบบไหนที่จะเพิ่งรู้ถึงความรู้สึกของตัวเองในขณะที่ถูกด่า? และหลังจากที่เขาปฏิเสธเธออย่างชัดเจนต่อหน้า ก็มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้เพิ่งรู้ตัวว่าเธอชอบเขา
ในแง่หนึ่งเขาเป็นหมอมองโกเลียหน้าหนาที่ไร้ความรับผิดชอบ และในทางกลับกันเขาก็เป็นคุณหมอที่จริงจังและมีหัวใจอันยิ่งใหญ่ เขามีสองบุคลิก และเธอชอบเขาจริงๆ
หลังจากที่เธอเข้าใจช่องว่างระหว่างเธอกับเขา และหลังจากที่เขาเห็นตัวตนของเธอผ่านการกระทำของเธอเอง เธอเพิ่งรู้ตัวว่าเธอชอบเขาจริงๆ
เธอป่วยแน่ๆ ป่วยหนักเลยล่ะ!
ภายในใจเต็มไปด้วยความเศร้าโศก ตะโกนร่ำร้องถึงความโชคร้ายของตัวเอง
เมื่อเกิดมามีไอคิวไม่มาก สิ่งที่ทำได้คือชดเชยด้วยความยับยั้งชั่งใจเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยากในอนาคต และเธอคงไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ การกระทำที่ผิดพลาดอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดอีกครั้ง ดังนั้นเฉินโหรวหยูจึงวิ่งหนีไป
เธอออกจากโรงพยาบาลคนเดียวเงียบๆ