กลางวันคิดเยอะ ตกกลางคืนก็เลยเก็บเอามาฝัน
เฉินโหรวหยูสรุปเรื่องนี้สั้นๆ ต้องเป็นเพราะเธอรู้สึกเสียใจมากที่ใส่ร้ายเขา เธอจึงมีความฝันเช่นนี้ แต่ทำไมหลังจากตื่นขึ้นมาเธอถึงได้ครุ่นคิดถึงเรื่องนี้?
หรือเป็นเพราะประโยคคำพูดของเหมิงกู้ที่ว่า ‘ผู้หญิงที่ชอบผมต่อแถวตั้งแต่หน้าประตูโรงพยาบาลจนถึงหน้าประตูบ้านคุณได้กระมัง’ เขามีผู้หญิงต่อแถวอยากเป็นแฟนเขามากขนาดนี้เลยเหรอ?
ถึงแม้เฉินโหรวหยูจะไม่ชอบที่เขาพูดลับหลังเธอ เธอก็อดคิดแล้วคิดอีกไม่ได้ ตั้งแต่ที่เขาเป็นเป้าหมายของเธอ จนถึงตอนที่เธอเลิกไล่ตามเขาจนถึงตอนนี้ เธอก็ยังไม่เข้าใจผู้ชายคนนี้
เหมิงกู้เป็นคนแบบไหนกันแน่?
ปากร้าย หน้าหนา......แน่นอนว่าเพื่อนของเขาต้องรู้
แต่ตอนที่เขาอยู่ที่โรงพยาบาล ใบหน้าของเขาที่แสดงต่อพยาบาลและคนไข้เป็นอีกใบหน้าหนึ่ง อย่างน้อยที่สุดเท่าที่เธอเห็นหลังจากที่ชายคนนี้สวมเสื้อคลุมสีขาวตัวใหญ่ เขาก็ถูกหล่อหลอมให้เป็นมนุษย์ใจดี วิธีการพูดคุยของเขาเป็นไปอย่างผ่อนคลายและมีอารมณ์ขัน ซึ่งทำให้คนไข้รู้สึกราวกับว่าอยู่ท่ามกลางสายลมในฤดูใบไม้ผลิ ทักษะทางการแพทย์ของเขาดูเหมือนจะดีมาก ดังนั้นจำนวนคนไข้ที่ลงทะเบียนเพื่อปรึกษากับเขาจึงเยอะเป็นพิเศษ ในแผนกผู้ป่วยใน เขายังเป็นหมอที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากอีกด้วย
นอกเหนือจากนี้ เธอรู้อะไรเกี่ยวกับเขาอีกบ้าง? เธอรู้ว่าจริงๆแล้วเธอไม่รู้อะไรเลย นอกจากถามเขาว่ามีแฟนหรือยัง เรื่องครอบครัว ความชอบ ประสบการณ์ที่ผ่านมาต่างๆ เธอไม่รู้อะไรเลย
ผู้หญิง ฮึ มีแค่เธอคนเดียวละมั้งที่ตาบอดทำเรื่องโง่เง่าเหล่านั้น วิ่งตามผู้ชายโดยที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย ผลลัพธ์คือเธอสร้างปัญหาให้ตัวเองมากมาย สมน้ำหน้า!
บทเรียนครั้งนี้จะเป็นเรื่องย้ำเตือน ไม่ให้เธอทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้อีก
แต่เพื่อความสบายใจทั้งสองฝ่าย เรื่องระหว่างเขาและเธอต้องได้รับการสะสาง
ดังนั้นคืนวันศุกร์ เฉินโหรวหยูจึงตั้งนาฬิกาปลุกตอนตี่สี่ เธอปีนลงจากเตียงโทรหาเหมิงกู้ ฟังเสียงรอสาย หัวใจของเธอก็กระโดดโลดเต้นด้วยความประหม่า
หลังจากรออยู่นานสักพัก ก็มีคนกดรับโทรศัพท์ “เฉินโหรวหยู ตอนนี้กี่โมงกี่ยามแล้ว? หวังว่าคุณจะมีเรื่องสำคัญมากถึงโทรมานะ!!” เสียงของเหมิงกู้แหบแห้งแต่ยังตวาดเสียงดังได้ เห็นได้ชัดว่าเขาเพิ่งตื่นนอนและอารมณ์ไม่ดีเอามากๆ
ดุจัง! หนังศีรษะเธอเริ่มชาเพราะถูกกดดันจากน้ำเสียงของเขา
“นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก ฉันโทรมาขอโทษคุณเรื่องที่กล่าวหารสนิยมทางเพศของคุณ ฉันผิดเองที่พูดออกไปแบบนั้น ความหมายเดิมของฉันไม่ใช่แบบนั้น แต่ไม่รู้ทำไมถึงทำให้เกิดความเข้าใจผิดไปได้ ช่างเถอะ ยังไงซะก็เป็นความผิดของฉัน ในเมื่อฉันทำ ฉันก็กล้ายอมรับและขอโทษคุณ”
“คุณเลือกเวลานี้เพื่อขอโทษเนี่ยนะ?” เสียงของเหมิงกู้ดังขึ้นกว่าเดิม
“ใช่ เวลานี่เหมาะสมที่สุดแล้ว ฉันรู้สึกดีที่ได้ปลุกคุณ นี่ก็ถือว่าฉันได้แก้แค้นสำหรับความผิดที่คุณทำกับฉัน พูดอีกอย่างคือคุณใจร้ายกับฉันก่อน เรื่องของเราจะได้จบสักที ไม่ว่าคุณทำอะไรคุณย่อมได้รับผลกรรมนั้น ไม่ต้องรู้สึกไม่ดีเมื่อเห็นฉัน เพราะฉันก็รู้สึกไม่ดีที่เห็นคุณเหมือนกัน หากว่าในอนาคตมีโอกาสเจอกัน คุณก็หันหัวกลับไปซะ ไม่ต้องมองฉันและทำเป็นไม่รู้จักฉันด้วย”
“เฉินโหรวหยู.....” ดูเหมือนว่าตอนนี้เหมิงกู้จะตื่นเต็มตาแล้ว น้ำเสียงของเขาดูประหลาดใจระคนโมโห “คุณไม่มีเงิน 3.5 หยวนไปพบหมอใช่ไหม? พรุ่งนี้คุณไปโรงพยาบาลแต่เช้านะ ผมจะลัดคิวให้คุณเป็นกรณีพิเศษ คุณต้องรีบมานะ อาการป่วยทางจิตไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ชีวิตของคุณยังมีความหวังที่จะรักษาหาย”
“อย่ามาตลก พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ ฉันไม่ต้องไปทำงาน ฉันจะนอนล่ะ คุณหมอเหมิงต้องทำงานหนัก พรุ่งนี้ก็ยังต้องทำงานเพื่อที่จะหาเงินเยอะๆ”
“ไม่เพียงแต่พรุ่งนี้ผมต้องทำงาน แต่ผมเพิ่งผ่าตัดคนไข้ฉุกเฉินเสร็จ เพิ่งนอนได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ และถูกคนจิตป่วยเช่นคุณโทรมาก่อกวน ตั้งแต่เกิดมายังไม่มีใครกล้าทำกับผมแบบนี้”
อ๊า เขาเพิ่งเสร็จจากการผ่าตัดฉุกเฉิน และตอนเช้ายังต้องไปทำงานต่อ ไอ่หยา ไอ่หยา
เฉินโหรวหยูกัดฟัน ความรู้สึกที่ไม่ดีต่อเขาหายวับไปกับตา
"คุณหมอเหมิง เห็นได้ชัดว่าคุณยังไม่ได้ศึกษาประเด็นการเกิดของมนุษย์อย่างละเอียดทั้งหมด สิ่งที่ฉันอยากพูดก็พูดไปหมดแล้ว สรุปสั้น ๆ คุณควรทบทวนตัวเอง พวกเราจะไม่พบกันอีก! ลาก่อนค่ะ"
พูดจบเธอก็วางสาย
เหมิงกู้โทรกลับมาทันที เสียงเรียกเข้าทำเอาหัวใจเฉินหลัวหยูกระโดดออกมาอย่างคนขวัญเสีย เธอตัดสายทิ้ง แต่เขายังกดโทรมาใหม่
ไอ่หยา ไอ่หยา......เขาควรจะนอนหลังจากผ่าตัดฉุกเฉินกลางดึกไม่ใช่เหรอ โทรกลับมาหาเธอได้ประโยชน์อะไร?
เธอปิดเครื่องและสอดมันไว้ใต้หมอน จากนั้นก็ถอนหายใจโล่งอกและมุดตัวเองอยู่ใต้ผ้าห่ม
ยอดเยี่ยมมาก……ผู้หญิงก็มีศักดิ์ศรี แม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่ได้โดดเด่น แต่ในบางครั้งศักดิ์ศรีของเธอก็ยังทำงานอยู่
หลังจากนั้นเฉินโหรวหยูก็ไม่ได้บังเอิญพบกับเหมิงกู้อีกเลย ชีวิตของเธอสงบสุขปราศจากคลื่นลม สงบนิ่งเหมือนน้ำในแอ่ง ทุกๆวัน เธอวิ่งไปวิ่งมาหาลูกค้าเพื่อขายประกัน และทำงานอย่างหนักในฐานะตัวแทนขายอุปกรณ์ทุกชนิด
เธอต้องหาเงิน ถึงแม้ครอบครัวของเธอไม่ต้องการเงินจากเธอ เธอก็ยังต้องส่งเงินให้ทุกเดือน
การทำเช่นนี้ไม่ใช่เพื่อสิ่งอื่นใด แต่เพื่อการมีหน้ามีตาของพ่อกับแม่
เฉินโหรวหยูไม่ใช่คนที่ขี้อวด แต่เป็นเพราะสถานที่ที่เธออยู่ บ้านเกิดของเธอในเมืองซี ญาติและเพื่อนของเธอทุกคนชอบแข่งขันกันเอง ผู้คนที่อาศัยอยู่ในสถานที่เล็กๆมักแพร่กระจายข่าวซุบซิบได้รวดเร็ว ทุกบ้านทุกตำบล คนอยู่ใกล้ไกลรู้จักกันหมด เดิมทีเธอไม่ได้กังวลกับการเปรียบเทียบประเภทนี้ เนื่องจากไม่ใช่ธุระของเธอ และเธอไม่ต้องการมีส่วนร่วม แต่สามปีที่แล้วมีเรื่องเกิดขึ้น เพื่อนสนิทของเธอ เกาอูหลาน ถูกฉีนากล่าวหาว่าแอบคบกับแฟนหนุ่มของเธอ และถูกจับได้คาหนังคาเขาในที่สาธารณะ ด้วยสาเหตุนี้เกาอูหลานจึงถูกเพื่อนหมางเมินและถูก ‘เจิ้งเทา’ แฟนหนุ่มของเธอทิ้ง
ในสถานที่เล็กๆ การนอกใจถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงมาก หนำซ้ำเกาอูหลานยังถูกจับได้ในที่สาธารณะ บวกกับการแสดงอันยอมเยี่ยมของฉีนาและภาพลักษณ์ของเจิ้งเทาที่ถูกแฟนสวมเขา ทุกคนในเวลานั้นต่างด่าทอเกาอูหลานอย่างรุนแรง คนที่ไม่ได้ด่าเธอก็ขีดเส้นแบ่งชัดเจนเพื่อแยกตัวเองออกจากเธอ และไม่ยอมให้ความช่วยเหลือใดๆ
เฉินโหรวหยูเป็นเพื่อนเกาอูหลาน ฉีนาเป็นเพื่อนเกาอูหลานและเป็นเพื่อนกับเธอด้วย คนที่หมางเมินเกาอูหลานก็เป็นเพื่อนเธอด้วยเช่นกัน เมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้น เฉินโหรวหยูยังคงเป็นเพื่อนกับเกาอูหลานและเป็นพยานที่เห็นทุกอย่าง
เกาอูหลานบอกว่าเธอไม่ได้นอกใจแฟน มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่ไม่มีใครเชื่อเธอ ภายในใจเฉินโหรวหยูเชื่อเธอ ภายใต้สถานการณ์ตอนนั้นเธอไม่ได้ออกมาพูดแทนเพื่อนที่ดีของเธอ เธอกลับเลือกที่จะเงียบและไม่พูดอะไรออกมาสักคำเดียว
เธอไม่กล้า เธอกลัวเพื่อนไม่คบ ในสถานที่เล็กๆ ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนนั้นใหญ่มาก
ตอนนั้นเธอลังเลและมารู้สึกเสียใจในภายหลัง
เธอยืนอยู่ข้างกลุ่มเพื่อนที่คิดว่าตนเองคือผู้ผดุงความยุติธรรม เธอสูญเสียเพื่อนที่ดีอย่างเกาอูหลาน ในท้ายที่สุดเกาอูหลานก็ไปจากเมือง C ทิ้งกลุ่มคนเบื้องหลังไว้แล้วมุ่งหน้าไปเมือง A
หนามนี้ฝังลึกอยู่ในใจของเฉินโหรวหยู เธอรู้สึกว่าเกาอูหลานถูกบังคับให้จากไป และเธอเป็นหนึ่งในผู้สมรู้ร่วมคิด หนามนี้ติดอยู่ในใจเธอ คอยทิ่มแทงจิตสำนึกของเธอซึ่งยากจะกำจัด
วันดีคืนดีอยู่ๆเธอไม่รู้เป็นบ้าอะไร เธอไม่สามารถทนกับความเจ็บปวดนี้ได้อีกต่อไป และต้องการเผชิญหน้ากับความผิดพลาดในอดีต เธอบอกทุกคนว่าเธอเชื่อเกาอูหลานไม่ใช่คนประเภทนั้น และยังบอกว่าต้องมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
ถ้าเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆ ก็หมายความว่าฉีนาและเจิ้งเทาเป็นคนผิด แน่นอนว่าฉีนาไม่ยอมให้ใครแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ ในฐานะเหยื่อ ฉีนาและเจิ้งเทาได้รับความเห็นใจและการสนับสนุนจากทุกคน ดังนั้นเฉินโหรวหยูที่ยืนต่อต้านตามลำพังเพื่อส่งเสียงคัดค้าน จึงถูกไล่ออกจากกลุ่มเพื่อน
ผลของการขับไล่ครั้งนี้คือทุกการกระทำของเธอและทุกสิ่งที่เธอทำต้องมีคนพูดถึง……เธออ้วนขึ้น ใส่เสื้อผ้าเก่าๆ เธอทำงานได้ไม่ดี เธอหาแฟนไม่ได้……
คำพูดของคนก็เปรียบเสมือนยาพิษ เฉินโหรวหยูถูกพิษจนเป็นแผลเหวอะหวะ เธอจึงหนีไปเหมือนเกาอูหลาน…ไปยังที่เดียวกับที่เกาอูหลานไป....ซึ่งก็คือเมือง A
เธอและเกาอูหลานในที่สุดก็แก้ความเข้าใจผิดกันได้ และกลับมาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันอีกครั้ง แต่ปัญหาที่ทิ้งไว้ที่เมือง C ยังไม่ได้รับการแก้ไข เธอพยายามที่จะปกปิดตัวตน ไม่ต้องการให้คนที่อยู่เมือง C รู้ว่าเธอทำงานอะไร ได้เงินเดือนเท่าไหร่ และมีเพื่อนกี่คน
การมีอาชีพอย่างขายประกันในสถานที่เล็กๆอย่างเมือง C บ้านเกิดของเธอไม่ใช่เรื่องน่ายินดี เมื่อเธอมาถึงเมือง A การหางานทำไม่ได้เป็นไปด้วยดี ต่อมาเธอได้เข้าทำงานกับบริษัทประกันภัย แต่ในระหว่างการเดินทางกลับบ้านในช่วงปีใหม่ เธอถูกถามจากกลุ่มญาติและเพื่อนที่มองเธอเต็มไปด้วยความสนใจ เธอถูกบังคับให้กลืนคำว่า 'ขายประกัน' และบอกพวกเขาว่าเธอทำงานในบริษัทการค้า
พ่อแม่ของเธอทำหน้าพึงพอใจ กลุ่มญาติและเพื่อนๆไม่ซุบซิบอะไรเธออีก ในเวลานั้นเฉินโหรวหยูถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่การโกหกก็ต้องตามมาด้วยการโกหกที่ไม่มีวันจบสิ้น ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่ค่อยกลับบ้านที่เมือง C และไม่ค่อยติดต่อกับครอบครัว
อันที่จริงเฉินโหรวหยูค่อนข้างพอใจกับงานที่ทำ เธอสามารถยืดหยุ่นเวลาได้ และมีเวลาไปทำสิ่งที่ชอบ ยังได้ช่วยเหลือคนอื่นด้วย เธอสามารถหาเงินได้และมีชีวิตที่สุขสบายตามอัตภาพ
สิ่งนี้ทำให้เธอพอใจ เธอไม่เพียงขายประกัน แต่ยังพยายามบริการลูกค้าให้ดีที่สุดอีกด้วย
วันหนึ่งลูกค้าของเธอประสบอุบัติเหตุรถชนต้องเข้าโรงพยาบาล มีโทรศัพท์ถึงเธอและบอกให้ไปโรงพยาบาล เธอสอบถามรายละเอียดอุบัติเหตุและช่วยลูกค้าเคลมประกัน
โชคไม่ดีที่เหมิงกู้ทำงานที่โรงพยาบาลนั้น และโชคร้ายที่เขาเป็นหมอเจ้าของไข้ลูกค้าเธอ
ถึงแม้ว่าเฉินโหรวหยูจะเลือกเข้าไปช่วงที่ไม่ต้องพบกับเขา กระนั้นก็ยังเจอกันที่ห้องชงชา
“เฉินโหรวหยู คุณยังกล้ามาที่นี่อีกนะ”
“โรงพยาบาลเป็นสถานที่สาธารณะ ทำไมฉันจะมาไม่ได้ล่ะคะ? อีกอย่าง ห้องนี้ค่อนข้างมิดชิด คงไม่เหมาะที่ชายหญิงจะอยู่ด้วยกันตามลำพัง ในเมื่อคุณหมอเหมิงยุ่งมาก คุณควรไปช่วยเหลือผู้ป่วยที่กำลังจะตายและรักษาผู้บาดเจ็บ โลกต้องการคุณ"
“ตอนนั้นคุณมีอาการทางจิตอะไรถึงได้โทรมาด่าผมกลางดึกแบบนั้น? คุณโทรหาผมทำไม?”
“ฉันไม่ได้ด่าคุณ ฉันโทรไปขอโทษคุณต่างหาก”
“งั้นหรือ?” เหมิงกู้เอามือกอดอกด้วยสีหน้าบ่งบอกว่า ‘คุณโกหกต่อไปเถอะ’
นี่เขามีแผนจะทำให้เธอเสียเวลาใช่ไหม? เฉินโหรวหยูขมวดคิ้วและวางกาน้ำร้อนลง เธอกอดอกบ้างและทำหน้าแบบ ‘คุณตั้งใจจะทำอะไร?”
เหมิงกู้เลิกคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “โอ้ เดี๋ยวนี้พัฒนาขึ้นนะ ผมจะให้โอกาสคุณพูดอีกครั้ง คนที่ผิดคือคุณ ทำไมคุณยังทำท่าทางโอหังแบบนั้น?”
เธอไม่ตอบ เธอไม่อาจหาคำใดที่เจ็บแสบได้และเธอไม่มีวันเถียงชนะเขา เธอจึงเลือกที่จะเงียบ แม้แต่การทำให้เขาขาดอากาศหายใจตายก็ถือว่าเธอชนะแล้ว
ตามคาด เหมิงกู้เริ่มหงุดหงิดและพูดว่า “คุณหมายว่าไงตอนที่บอกว่าผมใจร้าย? แค่เพราะผมไม่ให้คุณไปงานเลี้ยงและบังคับคุณปฏิเสธคำชวนของเกาอูหลาน? เวลานั้นคุณทำอะไร คุณย่อมรู้ดี คุณยังอยากให้ผมยิ้มและขอบคุณคุณที่กล่าวหาผมผิดๆ? ผมเป็นผู้ชายและไม่ยอมให้ใครมาเข้าใจผมผิดแบบนั้น ผมบังคับความคิดคนอื่นไม่ได้ แต่คุณทำให้ศักดิ์ศรีความเป็นชายของผมเสื่อมเสีย นี่เป็นเรื่องร้ายแรงมาก”
แล้วยังไง? เธอก็มีศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงเหมือนกัน เขาปากไม่ดีพูดลับหลังกับนางพยาบาลของเขาก่อนทำไมล่ะ เธอก็เจ็บเป็นเหมือนกันนะ
“คุณไม่ได้ไตร่ตรองถึงการกระทำผิดของคุณ แต่ยังกลั่นแกล้งผมกลางดึก ทำไม? คุณพยายามดึงดูดความสนใจจากผมรึเปล่า?"
เธอส่งสายตาดุร้ายไปให้เขา
“อะไร?...ที่ผมพูดไม่ถูกหรอ? งั้นทำไมตอนนั้นคุณถึงวิ่งไปวิ่งมาทั่วโรงพยาบาลทั้งวัน?”
บาดแผลของเธอถูกเปิดออก เฉินโหรวหยูหน้าแดงเพราะความอาย
เหมิงกู้ไม่สนใจ ยังคงตำหนิเธอต่อไปว่า “คุณเป็นผู้หญิงที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา และไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ นั่นไม่เป็นไร การที่คุณไม่มาที่โรงพยาบาลก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่เปลืองทรัพยากรของโรงพยาบาล แต่ทำไมคุณต้องปฏิบัติกับผมเหมือนเป็นศัตรูแบบนั้น? อยู่ๆก็มึนตึงใส่ผมและพูดจาดูถูกผม นี่คุณกำลังเล่นอะไรกับผมอยู่รึเปล่า? ให้ผมบอกคุณอย่าง เรื่องนี้คุณผิด ศักดิ์ศรีผู้ชายก็เหมือนร่างกายของผู้หญิงที่ไม่สามารถจาบจ้วงได้”
นี่เขายังพูดว่าเธอผิดงั้นเหรอ? เธอเป็นคนที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา? การที่เขานินทาเธอลับหลังเป็นสิ่งที่ถูกแล้วใช่ไหม? เขายังเรียกตัวเองว่าผู้ชายอยู่อีกเหรอ!
เฉินโหรวหยูก็เริ่มรู้สึกโกรธขึ้นมาบ้าง เธอโกรธมากๆ จึงตะโกนออกไปว่า “ความหมายของคุณหมอเหมิงคือร่างกายของผู้ชายไม่สามารถล้อเล่นได้ใช่ไหมคะ? นี่มันดูถูกกันชัดๆ เป็นผู้ชายแล้วมันยิ่งใหญ่มากนักรึไง? คุณคิดว่าผู้ชายมีศักดิ์ศรีแต่ผู้หญิงไม่มีหรอคะ? ดูท่าคุณหมอเหมิงให้คุณค่าตัวเองสูงมากและปฏิบัติต่อคนอื่นอย่างต่ำต้อย ‘ไม่ชอบให้ถูกปฏิบัติแบบไหนก็อย่าปฏิบัติแบบนั้นกับคนอื่น’ คุณหมอเหมิงได้ศึกษาเรื่องนี้มาก่อนมั้ยคะ? คุณควรเข้าใจความหมายของมันนะ ฉันทำผิด ฉันก็กล้าขอโทษ คุณหมอหมิงกล้ารึเปล่า? ทำไมศักดิ์ศรีของผู้ชายถึงสำคัญกว่าศักดิ์ศรีของผู้หญิง? ให้ฉันบอกอะไรคุณอย่างนะคะ ศักดิ์ศรีของผู้หญิงก็เหมือนน้องชายของผู้ชายนั่นแหละ”
เธอพูดรัวไม่หยุด เหมิงกู้ทำหน้าอึ้ง รู้สึกประหลาดใจ จากนั้นเขาก็ตอบสนองด้วยการหัวเราะเธอ
หัวเราะ? มีอะไรให้หัวเราะยะ! น่ารำคาญจริง!
"เฉินโหรวหยู คุณยอดเยี่ยมมากและก็กล้ามากด้วย"
อะไร? อะไร? คนขี้โกง! !