Your Wishlist

ทางใครทางมัน! เราหย่ากันแล้ว! [สามบุพเพสกุลซือ] (57:เขาก็คือผู้มีพระคุณของข้า)

Author: หานยวี่

#จบแล้วจ้า ข้าจะไม่คิดแค้น...ข้าจะไม่โกรธเคือง..สิ่งที่ท่านทำ ข้าจะไม่เก็บมาเป็นเพลิงสุมใจ ขอให้ระหว่างเรา 'ท่าน' กับ 'ข้า' เป็นเพียงคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกันนับจากนี้...และตลอดไป...

จำนวนตอน : N/A

57:เขาก็คือผู้มีพระคุณของข้า

  • 28/04/2564

57

เขาก็คือผู้มีพระคุณของข้า

 

แม้เวลาจะผ่านเลยไปจนล่วงเข้ายามห้ายแล้ว...

แต่ซือหยวนซากับจุ้นเผิงก็ยังคงนอนอยู่ตรงนั้น ทำให้เซียวหลินหลิงที่แอบมองจากในห้องนอนอดมิได้ที่จะเห็นใจ ก่อนหน้านั้นนางได้พยายามเกลี้ยกล่อมสาวใช้ร่างเล็กแล้ว แต่เป็นตายร้ายดีอย่างไร เจินเจินก็จะปล่อยให้บุรุษผู้นั้นกับผู้ติดตามของเขานอนอยู่หน้ารั้วให้ได้

“เจินเจิน... สองคนนั้นน่าสงสารออก ดูแล้วคงเร่ร่อนพเนจรมาไกล ซ้ำยังเป็นผู้มีพระคุณของข้าด้วย” เซียวหลินหลิงกล่าว

“ช่างพวกเขาสิเจ้าคะคุณหนู ในเมื่อเขาอยากเลือกนอนตรงนั้นเอง” เจินเจินเอ่ยเสียงแข็ง

“ก็เพราะเจ้าไม่ให้เขาเข้ามานี่...” เซียวหลินหลิงยังคงพยายามหาเหตุผลมาแย้งอีกฝ่าย

“อยู่ๆ เราจะให้คนแปลกหน้าเข้ามาร่วมชายคากับเราได้อย่างไรเจ้าคะ?” สาวใช้ร่างเล็กถามกลับ ถึงนางจะรู้จักอีกฝ่ายก็เถอะ แต่คุณหนูไม่รู้จักนี่นา เช่นนั้นเรียกว่าคนแปลกหน้าก็ถูกแล้ว!

“ข้าเห็นด้วยกับเจินเจินนะ” หงเถิงที่เงียบมานานกล่าว แล้วเจินเจินก็พูดต่อ

“เอาเป็นว่าอย่าเอาเรื่องสองคนนั้นมาคิดให้หนักสมองเลยเจ้าค่ะ พวกเราเข้านอนกันเถิด”

“ก็ได้...” ร่างบางพยักหน้ารับ พลางล้มตัวลงนอนบนเตียงไม้แล้วแสร้งทำเป็นหลับตา... รอจนกระทั่งทั้งเจินเจินกับหงเถิงหลับสนิทแล้ว จึงค่อยๆ ถือผ้าห่มสองผืนเดินออกไปข้างนอก

“ตกดึกอากาศที่นี่ค่อนข้างหนาว ขอพวกท่านโปรดรับไว้นะเจ้าคะ” ร่างบางเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบากับคนทั้งสองที่ล้มตัวนอนอยู่บนพื้นหญ้า

“หือ...” ซือหยวนซาลืมตางัวเงียขึ้นมา เมื่อเห็นผ้าห่มสองผืนถูกยื่นมาให้ก็รับเอาไว้ พลางกล่าวว่า

“ขอบใจมากนะ”

“เรื่องเล็กน้อยเจ้าค่ะ ก็ท่านเป็นผู้มีพระคุณของข้านี่นา” ร่างบางเอ่ยยิ้มๆ แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด

“ขออภัยด้วยนะเจ้าคะ ที่ข้าไม่สามารถให้ท่านเข้าไปนอนข้างในได้ ท่านเลยต้องมานอนตรงนี้…”

“มิเป็นไร ข้าเข้าใจ... นี่ก็ดึกมากแล้วเจ้าไปนอนเถิด” ซือหยวนซาเอ่ย เซียวหลินหลิงพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนกล่าวว่า

“ราตรีสวัสดิ์นะเจ้าคะ... ท่าน... เอ่อ...” เซียวหลินหลิงนิ่งไปสักพัก เพราะไม่รู้จักชื่ออีกฝ่าย

“หยวนซา... ข้าชื่อหยวนซา... ส่วนนี่คือจุ้นเผิง” ซือหยวนซาพูดพลางผายมือไปยังจุ้นเผิงที่กำลังนอนหลับสนิทจนไม่รับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบตัว

“ส่วนข้าชื่อหลินหลิง ราตรีสวัสดิ์นะเจ้าคะ” กล่าวจบนางก็หมุนกายกลับเข้าไปในบ้าน...

ร่างสูงมองตามพลางอมยิ้มด้วยความเอ็นดูให้กับท่าทางเมื่อครู่...

นี่ขนาดว่าถูกสั่งห้าม ก็ยังมีแก่ใจแอบเอาผ้าห่มออกมาให้ข้าอีก

นางในยามนี้ช่างดูไร้เดียงสา ขณะเดียวกันก็เหมือนเด็กดื้อดึงที่กล้าขัดคำสั่งของผู้เป็นบิดามารดา ไม่ว่าอย่างไรก็ดูน่ารักน่าชัง...

คิดพลางคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมกายแล้วนอนหลับไปด้วยความอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก...

------------------------------------------------------------------------------------------------------

          วันต่อมา หลังจากที่ซือหยวนซากับจุ้นเผิงได้กินข้าวต้มร้อนๆ กับไข่เค็ม อันเป็นฝีมือของเซียวหลินหลิงที่เจินเจินเอามาให้อย่างเสียมิได้

อ้อ! ต้องบอกก่อนว่าใจจริงสาวใช้ร่างเล็กไม่อยากยื่นให้เลย... แต่อยากเอาราดหัวมากกว่า!!

ส่วนที่ยอมเอามาให้เพราะเมื่อวานก็ขัดใจคุณหนูมามากแล้ว ขืนขัดใจมากกว่านี้ คุณหนูต้องแอบพวกนางมาหาสองคนนี้เองแน่ๆ (ดูเหมือนว่าจะไม่ทันแล้วนะ)

ยังไม่ทันที่ซือหยวนซากับจุ้นเผิงจะได้นั่งอิ่มอกอิ่มใจ ก็ปรากฏร่างอันสูงใหญ่ของบุรุษสามคนเดินนำหน้าบ่าวชายหกคนที่กำลังหามเกี้ยวขนาดใหญ่สีน้ำตาลเข้ามาในหมู่บ้าน ปิดท้ายด้วยบุรุษร่างสูงอีกห้าคนสร้างความประหลาดใจให้ชาวบ้านเป็นอย่างยิ่ง

จนทุกคนลืมสนใจบุรุษแปลกหน้าสองคนที่พากันมานอนอยู่หน้ารั้วบ้านของหงถิงกับหงเถิงกันเลยทีเดียว

“ไอ้หมอนี่แหละขอรับ!!” นักเลงหัวโล้นที่ใบหน้าบวมปูดหันไปเอ่ยกับคนในเกี้ยวพลางถลึงตามองซือหยวนซา พลันเขาก็จำได้ว่าพวกนั้นคือนักเลงที่ตนเองเพิ่งจัดการไปเมื่อวาน... จึงทำเพียงยืนยิ้มมุมปากอย่างไม่ยี่หระ

ตายจริง นี่หมัดของข้าแรงขนาดนี้เลยหรือ!ร่างสูงคิดด้วยความแปลกใจกับพละกำลังเมื่อวานของตนเอง

       “จอดเกี้ยว!!” เสียงทุ้มของบุรุษผู้หนึ่งดังออกมาจากข้างในเกี้ยว ก่อนที่บ่าวชายทั้งหกคนจะวางเกี้ยวลงอย่างพร้อมเพรียง แล้วเปิดให้ผู้เป็นนายของตนเดินลงมา

 “มีเรื่องอะไรกันหรือขอรับ?” จุ้นเผิงถามคุณชายของตน ด้วยไม่รู้ว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้น เพราะตอนที่เขามาหาคุณชายก็เห็นแต่ตอนที่ยืนเถียงกับบ่าวชายของคุณหนูเซียว ไม่ทันเห็นตอนคุณชายต่อยพวกนี้จนล้มคว่ำ

“พอดีเมื่อวานมีคนเหยียบพู่กันของข้าหักน่ะ เขาก็เลยจะเอาค่าพู่กันมาจ่ายให้ข้า” ซือหยวนซากล่าวพลางปรายตามองไปยังร่างของชายหนุ่มวัยไล่เลี่ยกับตนที่ออกมาจากในเกี้ยว แล้วเอ่ยกับจุ้นเผิงว่า

“ไปหาผ้าชุบน้ำมาให้ข้าที”

“ขอรับ” บ่าวประจำตัวรับคำ แม้ยังคิดไม่ออกว่าจะไปหามาจากไหนก็ตาม!

ภายในตัวบ้าน เซียวหลินหลิงที่กำลังแอบดูเหตุการณ์ตรงหน้า เมื่อเห็นนักเลงสามคนนั้น ร่างบางก็เอ่ยเสียงดังขึ้นมาว่า

“นั่นมันพวกที่พยายามจะฉุดข้าเมื่อวานนี่!!”

“ว่าอย่างไรนะเจ้าคะ!?”

“จริงสิ... ข้ายังไม่ได้เล่าให้ทุกคนฟังนี่นา ว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้นกับข้า แล้วเหตุใดบุรุษผู้นั้นถึงกลายเป็นผู้มีพระคุณของข้า...” นางกล่าวแล้วเล่าทุกอย่างให้หงเถิง เจินเจิน ปิงจือ ต้าเหลย ชินหวังฟัง

“ทั้งหมดเป็นความผิดของพวกข้าแท้ๆ ที่ปล่อยให้คุณหนูยืนอยู่คนเดียว...” เจินเจินเอ่ยด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด พลันนางก็รู้สึกอยากจะวิ่งออกไปจัดการกับคนพวกนั้น แต่คิดไปคิดมาแล้ว... 

บางทีอะไรๆ มันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คุณหนูเห็นก็ได้ สาวใช้ร่างเล็กจึงกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงไม่ไว้วางใจ

“แต่คุณหนูอย่าเพิ่งนับถือบุรุษผู้นั้นเป็นผู้มีพระคุณเลยนะเจ้าคะ ไม่แน่ว่าทุกอย่างอาจเป็นการจัดฉากก็ได้!” ทุกคนยกเว้นเซียวหลินหลิงพยักหน้ารับ และต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่าควรรอดูสถานการณ์ต่อไป...

“เจ้ารู้หรือไม่... ว่าข้าคือผู้ใด!?” ผู้มาใหม่ถามพลางจ้องหน้าซือหยวนซาด้วยท่าทางเอาเรื่อง โดยมีนักเลงสามคนเข้ามายืนขนาบข้าง ยังไม่ทันที่เขาจะตอบ ก็มีเสียงของบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้นมา

“มีอะไรก็ค่อยๆ พูด ค่อยๆ จาสิ... อย่าเอาแต่ใช้กำลังข่มขู่ผู้อื่น!”

ใบหน้าที่เหมือนกันราวกับถอดแบบมาเพียงแต่ต่างวัย บ่งบอกความสัมพันธ์ได้เป็นอย่างดีว่าคนทั้งสองเป็นพ่อลูกกัน และผู้เป็นพ่อก็เป็นคนคุ้นเคยของซือหยวนซาเสียด้วย!

เดิมทีเขาก็ได้คิดวิธีการจัดการคุณชายซ่งไว้แล้ว แต่เมื่อเห็นบิดาของอีกฝ่ายปรากฏกาย เห็นทีอะไรๆ จะง่ายขึ้นหลายขุม!

กระนั้นร่างสูงก็ยังไม่พูดอะไรออกไป...

จะทำธุรกิจอยู่ที่นี่ก็ต้องรู้จักผูกไมตรีกับคนที่นี่สิ... เจ้าของประโยคเมื่อครู่คิดในใจ เพราะได้รับรายงานพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของบุตรชายที่เมืองลี้รัวจากใต้เท้าฉีเมื่อสามวันก่อน…

‘ซ่งเอียกี๋’ จึงตัดสินใจย้ายอีกฝ่ายให้มาทำงานอยู่ที่เมืองเล็กๆ แห่งนี้ หวังจะให้รู้จักปรับตัว และพอรถม้าบุตรชายออกเดินทางไปได้สักพัก เขาจึงได้แอบตามมาอย่างลับๆ จนถึงเมืองเฉียวในยามห้าย ช้ากว่า ‘ซ่งเจียสี’ สี่ชั่วยาม

มาวันนี้ยามเหม่าก็เห็นบุตรชายให้บ่าวหามเกี้ยวมาถึงที่นี่ จึงมิลังเลที่จะแอบติดตามออกมา เพราะอยากรู้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น พอเห็นซ่งเจียสีทำท่าจะใช้กำลังกับคนในหมู่บ้าน จึงตัดสินใจเปิดเผยตัว

“ท่านพ่อ!! มาได้อย่างไรขอรับ!?” ซ่งเจียสีพูดด้วยความตกใจพลางรีบย่อตัวทำความเคารพผู้เป็นบิดา หรือที่ใครๆ ก็รู้จักกันในนามเถ้าแก่ซ่ง พร้อมกับพยายามข่มความหวาดหวั่นที่เกิดขึ้นในใจ

ด้วยตัวเขามาที่นี่ก็เพราะเมื่อวานนักเลงทั้งสามที่จ้างมาอยู่ข้างกายไว้คอยใช้งานสกปรก ได้เล่าเรื่องที่พวกมันจะฉุดสตรีงามกลับมาปรนนิบัติเขา แต่กลับถูกนักพเนจรผู้หนึ่งขัดขวาง ซ้ำยังต่อยเตะพวกมันจนสลบเหมือด วันนี้เขาจึงขนมือดีมาเพิ่มเพื่อจัดการกับคนผู้นั้น ซ้ำยังวางแผนไว้ว่าหากตนเองต้องใจสตรีที่พวกนักเลงเล่าให้ฟัง ก็จะฉุดกลับไปด้วย...

"ไม่ได้พบกันเสียนาน มิทราบว่าเถ้าแก่ซ่งสบายดีหรือไม่ขอรับ!?"

ซ่งเอียกี๋เลิกคิ้วอย่างแปลกใจกับคำทักทายที่มาจากบุรุษแปลกหน้าซึ่งได้ยินว่ามีเรื่องกับคนของบุตรชายตน

ทว่า... เมื่อเพ่งดูใบหน้าเปื้อนเขม่าของอีกฝ่ายดีๆ แล้ว ก็ทำให้เขาถึงกับชะงักไป

"ท... ท่าน!!"

"ท่านพ่อ?" เมื่อเห็นท่าทีของบิดา ซ่งเจียสีก็รู้สึกสงสัย ก่อนจะมองหน้าท่านพ่อสลับกับซือหยวนซา

“ที่นี่ไม่สะดวกแก่การเอ่ยนามของข้า เรารู้กันเพียงสองคนจะดีกว่านะขอรับ” ร่างสูงโปร่งพูดพลางรับผ้าจากมือของจุ้นเผิงมาเช็ดคราบเขม่าที่อยู่บนหน้าของตนเองออก เผยให้เห็นใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่ช่วยยืนยันให้ซ่งเอียกี๋แน่ใจว่าตนดูไม่ผิด ส่วนเซียวหลินหลิงก็มีสีหน้าตกใจเพราะมิคิดว่าผู้มีพระคุณของนางจะอำพรางโฉมไว้

กระนั้นซ่งเจียสีก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมบิดาต้องทำท่าดีใจปานนี้ ด้วยตัวเขาไม่เคยรู้จักซือหยวนซามาก่อน เคยแต่ได้ยินชื่อผ่านหูเท่านั้น

“ท่านพ่อขอรับ...” สิ้นเสียงเรียกของผู้เป็นบุตรชาย ซ่งเอียกี๋ก็ได้สติกลับมา

“ข้าสบายดีขอรับ ขอบคุณที่ถามไถ่ แล้วท่านล่ะขอรับ!? มีเรื่องอันใดกับบุตรชายข้าหรือ!?”

“ก็เจ้าคนนี้น่ะสิขอรับท่านพ่อ! อยู่ดีๆ ก็มาทำร้ายคนของข้าเฉยเลย” ซ่งเจียสีชิงฟ้องซ่งเอียกี๋ แล้วให้บิดาของตนดูสภาพของพัวหิม พัวห่าย โจจุนที่ต่างก็มีรอยฟกช้ำดำเขียวตามใบหน้า

“มิผิด... เป็นฝีมือข้าเอง” ร่างสูงกล่าวเสียงเรียบ แต่ทำให้ซ่งเจียสีรู้สึกหงุดหงิดจนอยากจะสบถคำด่าออกมา ทว่าต้องไว้หน้าผู้เป็นบิดา

ส่วนซ่งเอียกี๋กลับแปลกใจเพราะคุณชายสามดูไม่น่าจะมีเรี่ยวแรงขนาดนั้น

“ส่วนสาเหตุเกิดจากอะไรนั้น... ให้คนของบุตรชายท่านพูดเองมิดีกว่าหรือ!?” ซือหยวนซากล่าวพลางปรายตามองนักเลงทั้งสามคน

 “......” ผู้ที่ถูกกล่าวถึงมีท่าทีเลิ่กลั่กพลางลอบมองหน้ากันไปมาแล้วตอบพร้อมกันว่า

“ขออภัยที่ทำให้เสียเวลาขอรับ ความจริงแล้วเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย”

ผู้ใดเล่าจะไปคิดว่าเถ้าแก่ซ่งจะแอบติดตามเถ้าแก่น้อยหรือคุณชายของพวกตนมา...

“นิดหน่อยมากเลยเจ้าค่ะนายท่าน... ก็แค่เมื่อวานที่ตัวเมืองเฉียว ทั้งสามคนนี้พยายามจะฉุดข้าไปให้คุณชายซ่งเจ้าค่ะ...”

 

เซียวหลินหลิงที่เดินออกมาจากในบ้านเอ่ยเสียงเรียบ บนใบหน้าท่อนล่างถูกปิดไว้ด้วยผ้าผืนเดียวกันกับเมื่อวาน ตามมาด้วยร่างของพวกเจินเจินที่วิ่งตามคุณหนูออกมา...

 

Writer:หลินหลิงอย่าไปยุ่งงง ออกมาลูก เดี๋ยวโดนลูกหลง  แต่ตาเจียสีก็แบบ...ก่อนฟ้องเอ็งดูสถานการณ์ก่อนเถอะ5555

เบื้องลึกของน้องหลินหลิง ยุทธภพไร้ใจ แต่ตัวข้าไม่ไร้รัก (ตอนนี้ก็กำลังเพิ่มเติมและแก้ไขเนื้อหาสำนวนภาษาอยู่)

และถ้าใครยังคิดว่าเรื่องนี้ยังฮาร์ดคอร์ไม่สุด ต้องพบกับ หัวเราะทีหลังดังกว่า!! เลยค่า ^_^ ความดราม่าอาจไม่เท่า แต่เนื้อเรื่องไม่เป็นรองใครแน่นอน!

ร่วมพูดคุยกันได้ที่ Han Yu หานยวี่ น้า

ปล.สำหรับคนชอบอ่านเรื่องสั้นๆ ปมไม่ซับซ้อนนะคะ

[สามพี่น้องตระกูลหาน] แต่งกับเจ้าแล้วไง! ข้าก็ไม่ได้รักเจ้าเสียหน่อย!

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป