Your Wishlist

ทางใครทางมัน! เราหย่ากันแล้ว! [สามบุพเพสกุลซือ] (47:ข้ารู้ ข้ามันเป็นบิดาที่เลวยิ่ง!)

Author: หานยวี่

#จบแล้วจ้า ข้าจะไม่คิดแค้น...ข้าจะไม่โกรธเคือง..สิ่งที่ท่านทำ ข้าจะไม่เก็บมาเป็นเพลิงสุมใจ ขอให้ระหว่างเรา 'ท่าน' กับ 'ข้า' เป็นเพียงคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกันนับจากนี้...และตลอดไป...

จำนวนตอน : N/A

47:ข้ารู้ ข้ามันเป็นบิดาที่เลวยิ่ง!

  • 28/04/2564

47

ข้ารู้ ข้ามันเป็นบิดาที่เลวยิ่ง!

 

ยามอู่ จวนสกุลเซียว

“ทานข้าวสักหน่อยนะเจ้าคะท่านพี่” เหมยกุ้ยพูดกับเซียวหลี่เจี๋ยที่นอนหลับตาอยู่บนเตียง ในมือถือถ้วยข้าวต้มร้อนๆ ที่ส่งกลิ่นหอมคละคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง แต่เจ้าตัวก็ปฏิเสธพร้อมกับโบกมือไล่นาง

       “ข้าไม่หิว! เอาออกไป!”

“มิได้นะเจ้าคะ! ทุกวันนี้ท่านก็แทบจะไม่มีอาหารตกถึงท้องอยู่แล้ว กินเสียหน่อย สักสองสามคำก็ยังดี” เหมยกุ้ยพยายามเกลี้ยกล่อม

นี่แหละหนา... ก่อนทำไม่คิดให้ดี พอทำลงไปแล้วจึงค่อยมาเสียใจภายหลัง...

ไยนางจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร อาการเช่นนี้คงไม่พ้นตรอมใจเรื่องเซียวหลินหลิงเป็นแน่แท้ เหมยกุ้ยล่ะอยากซ้ำเติมนัก แต่เมื่อเห็นสภาพของอีกฝ่ายก็สงสาร... แม้นางจะต้มยาบำรุงร่างกายมาให้ดื่มทุกวัน แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมช่วยเหลือตนเอง เช่นนี้จะให้ทำอย่างไร...    

“ข้าไม่กิน...” คู่สนทนายังคงดื้อดึง

“ท่านพี่...” เหมยกุ้ยพูดพลางถอนหายใจเบาๆ

“ข้ามีเรื่องอยากถามเจ้า... ตอบข้าตามตรงได้หรือไม่!?” เซียวหลี่เจี๋ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“เรื่องอะไรหรือเจ้าคะ?” เหมยกุ้ยถามกลับด้วยสีหน้าหน้างุนงง

“เรื่องที่ว่าต้าเหลยรักหงถิง ปิงจือรักเจินเจิน แล้วลักลอบหนีไปด้วยกันมิใช่เรื่องบังเอิญใช่หรือไม่!? แล้วก็... ไหนจะยังมีชินหวังอีกคน”

ทันทีที่ได้ยินชื่อของทั้งห้าคน ร่างบางก็ตกใจจนรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งตัว แต่ยังพยายามควบคุมอาการของตนให้เป็นปกติ

“ถ้าเป็นห้าคนนั้น ข้าจำได้ว่าจ่ายเบี้ยหวัดชดเชยให้ท่านพี่ไปแล้วนะเจ้าคะ ด้วยเหตุเกิดจากตัวบ่าวของข้า” เหมยกุ้ยชิงพูดออกไป

“เจ้าตอบไม่ตรงคำถาม...” เซียวหลี่เจี๋ยกล่าวพลางมองไปที่อีกฝ่ายด้วยแววตาคาดคั้น

“ข้าไม่เข้าใจว่าท่านพี่ต้องการสื่อถึงเรื่องอันใด... ในเมื่อพวกเขาหนีตามกันไปเพราะรักกัน... ผิดหรือเจ้าคะ!?” นางยังคงทำตัวเป็นกระต่ายขาเดียวไม่ยอมรับ

“มีอะไรก็บอกข้ามาเสีย! หรือจะปล่อยให้ข้าตายก็เลือกเอา!”

“ท่านพี่... หรือท่านคิดว่าบ่าวไม่มีสิทธิ์มีความรู้สึก?” เมื่อเห็นท่าทีของเหมยกุ้ย ผู้ที่นอนป่วยอยู่บนเตียงก็โพล่งออกมา

“เจ้าไม่ต้องมาทำเป็นเฉไฉอ้างนั่นอ้างนี่!! ใช่! ข้ารู้! ข้ามันเป็นบิดาที่เลวยิ่ง!! มีอย่างที่ไหนลงมือสังหารบุตรสาวสุดที่รักด้วยน้ำมือตนเอง... ข้าจึงต้องมานอนทุกข์ทรมานอยู่บนเตียงนี่อย่างไรเล่า!”            

“…...” เมื่อเห็นท่าทางของเหมยกุ้ย เซียวหลี่เจี๋ยจึงพูดต่อ

“เจ้าไม่ตกใจ!? นั่นสิ... จะตกใจไปไย ในเมื่อเจ้ารู้อยู่แล้วว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง”

“…...” อีกฝ่ายได้แต่ยืนนิ่ง เพราะไม่รู้ว่าควรตอบอะไรออกไป

“สองอาทิตย์ก่อน... ข้าเพิ่งนึกบางอย่างออก... บางอย่างที่ทำให้ข้ารู้สึกว่าตัวเองช่างโง่งม... เจ้ารู้หรือไม่ว่าคือสิ่งใด!?” แล้วเซียวหลี่เจี๋ยก็พูดต่อก่อนจะยิ้มหยันให้ตนเอง

“หากหรงเอ๋อร์จะต้องเลือกมาเข้าฝันใครสักคน คนที่นางจะเข้าฝันควรจะเป็นเจ้าไม่ก็หลินหลิง ไม่มีทางเป็นเฟยหย่า...” ถึงจะเคยเป็นสหายรักกันมาก่อน แต่อินเฟยหย่าก็เป็นคนทำลายความสัมพันธ์นี้เอง เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ซินหรงจะกล้าไว้ใจนางได้อย่างไร...

นี่คือความจริงที่เซียวหลี่เจี๋ยเพิ่งระลึกได้ ทว่ามันก็สายไปเสียแล้ว!!

“ไฉนท่านเพิ่งมานึกได้เจ้าคะ!? ฮึก... ทั้งที่ท่านควรจะนึกสงสัยตั้งแต่ตอนแรกแล้ว” กังเหมยกุ้ยกล่าวพร้อมกับปล่อยโฮออกมา

“มิผิด... ข้าควรจะนึกได้ตั้งแต่ตอนนั้น... ก่อนที่ข้าจะฟาดหัวหลิน หลิงแล้วให้เฟยหย่าเอานางไปฝัง...” เซียวหลี่เจี๋ยพูดพลางหลับตาลง

“ข้าอยากพูดคุยเรื่องนี้กับเจ้าหลายครั้งแล้ว แต่ไม่มีโอกาส พอดีเฟยหย่าพาฟู่เหม่ยไปเมืองฉี... น่าจะอีกสามวันจึงจะกลับมา” กังเหมยกุ้ยนิ่งไปสักพัก ก่อนถามต่อพร้อมน้ำตาที่นองหน้า

“ฮึก… ถึงรู้แล้วท่านจะทำอะไรได้!? ท่านกล้าที่จะลงโทษอินฮูหยิน ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดหรือเจ้าคะ!?”

“ข้าทำแน่! ข้าจะจับตัวนางส่งทางการให้ได้รับโทษตามกฎบ้านเมือง”

“แล้วเรื่องที่คุณชายสามส่งคนมาสังหารนางล่ะเจ้าคะ!?” เหมยกุ้ยหยั่งเชิงต่อ

“แน่นอนว่าข้าจะบุกไปที่จวนสกุลซือเพื่อทวงความยุติธรรมให้บุตรสาวของข้า... แม้ต้องแลกกับการที่ข้าต้องรับโทษเพราะเป็นผู้ลงมือทำร้ายหลินหลิง ข้าก็ยอม….”

“ท่านไม่มีหลักฐาน อยู่ๆ จะไปกล่าวหาลอยๆ ได้อย่างไรเจ้าคะ?”

“ขอให้ข้าได้พูดคุยกับพวกซือห้าวโจวก่อน... หากพวกเขายังยืนกรานไม่ยอมรับก็มีวิธีอื่น”

“วิธีอะไรหรือเจ้าคะ?”

“จ้างคนไปสืบ... แต่ข้าเชื่อว่าพวกเขาต้องยอมคายความจริงออกมาแน่นอน ด้วยพื้นฐานพวกเขาก็ไม่ใช่คนที่มีจิตใจโหดร้ายอะไร... มิเช่นนั้นคุณชายสามจะเทียวไปเทียวมาที่นี่เพื่อเยี่ยมหลุมศพของหลินหลิงหรือ!?” จากนั้นเซียวหลี่เจี๋ยก็เอ่ยด้วยแววตาวิงวอน

“ได้โปรดเถอะกุ้ยเอ๋อร์… ช่วยยืนยันให้ข้าแน่ใจทีว่า… นางไม่ได้นอนอยู่ในหลุมนั่นจริงๆ”

“เช่นนั้นท่านต้องกินข้าวก่อน... แล้วพวกเราจะเดินทางไปที่จวนสกุลซือด้วยกัน... ระหว่างที่อยู่บนรถม้า ข้าจะเล่าให้ฟัง... ตกลงไหมเจ้าคะ!?” กังเหมยกุ้ยกล่าวตอบอีกฝ่าย นางก็อยากรู้เหมือนกันว่าแท้จริงแล้วความจริงทั้งหมดเป็นเช่นไร บางส่วนนั้นฟังมาจากคุณชายสามแล้ว แต่ยังไม่ใคร่กระจ่างนัก...

หากต่างฝ่ายต่างเอาสิ่งที่ตัวเองรู้มาแบ่งปันแก่กันและกัน… ครานี้นางคงจะได้รู้เสียที...

“ได้...” เซียวหลี่เจี๋ยรับคำ ก่อนจะลุกพรวดขึ้นมานั่งบนเตียงได้ราวกับปาฏิหาริย์ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นไม่มีเรี่ยวแรงจะทำอะไรเลย เพราะคำพูดเมื่อครู่ของเหมยกุ้ยเป็นเหมือนน้ำทิพย์ชโลมจิตใจ ทำให้ตัวเขามีความหวังและกำลังใจในการมีชีวิตอยู่

“ส่งถ้วยข้าวต้มมา! กินเสร็จแล้วพวกเราจะออกเดินทางทันที!”

“เจ้าค่ะ ค่อยๆ กินนะเจ้าคะมันยังร้อนอยู่...” เหมยกุ้ยพูดพลางส่งถ้วยข้าวต้มให้อีกฝ่าย...

 -------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ขณะเดียวกัน ที่หมู่บ้านชี

“คุณหนูเป็นอะไรหรือเจ้าคะ?” เจินเจินถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของอีกฝ่าย ที่กำลังจะลงมือทำอาหารกลางวัน

“ข้า...” เซียวหลินหลิงไม่ตอบแต่ปรายตามองไปยังสับปะรดบนโต๊ะแทน มันทำให้นางนึกถึงอาหารต้องห้ามที่เป็นของโปรดท่านแม่... และยังเป็นอาหารมื้อสุดท้ายที่นั่งกินร่วมกับท่านพ่อในวันนั้น...

วันที่นางถูกฟาดหัวและเกือบจะตายเพราะโดนฝังทั้งเป็น!!

“ป่านนี้ท่านพ่อจะเป็นอย่างไรบ้างหนอ?” ร่างบางรำพึงออกมา เจินเจินที่นึกหงุดหงิดก็ได้แต่เงียบไว้ เพราะไม่อยากด่านายท่านออกมาให้คุณหนูได้ยิน

ทว่าคำพูดต่อมาของเซียวหลินหลิงทำให้นางรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

“ข้าหวังว่าเขาจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้... โดยที่ไม่มีข้า”

“ทำไมล่ะเจ้าคะ!?”

“หากเขาต้องมานั่งทรมานก็หมายความว่าความตายของข้าสูญเปล่าน่ะสิ ข้าอยากให้เขาใช้ชีวิตอย่างสบายใจและมีความสุขมากกว่า”

“โธ่... คุณหนู...” เจินเจินโอดครวญก่อนส่ายหน้าให้กับความคิดผู้เป็นนายของตน

“ข้าควรจะโกรธเขาใช่หรือไม่?”

“เจ้าค่ะ...” เจินเจินยอมรับ

“แต่ข้าก็โกรธไม่ลง... ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน...” เซียวหลินหลิงพูดพลางยกมือปาดน้ำใสๆ ที่เอ่อล้นออกมาจากขอบตา นางอยากจะโกรธผู้เป็นบิดาเหลือเกิน แต่ทุกครั้งที่พยายามกลับกลายเป็นว่ารู้สึกเศร้าและมีน้ำตาไหลออกมาแทน…

เจินเจินที่ไม่รู้จะทำอย่างไรได้แต่ทรุดตัวลงไปกอดขาคุณหนูแล้วร้องไห้ไปด้วยกัน ในใจมีคำพูดมากมายที่อยากเอ่ยออกไป แต่ก็ไม่กล้า

เพราะเหตุใดเจ้าคะ? เพราะเหตุใดคุณหนูถึงต้องเป็นคนดีเช่นนี้ด้วย

ทั้งที่... นายท่านทำกับคุณหนูถึงขนาดนี้...

เหตุใดถึงไม่โกรธ? เหตุใดถึงขอให้เขามีความสุข?

หากเป็นข้านอกจากจะไม่ขอเช่นนี้แล้ว...

ยังจะแช่งชักหักกระดูกอีกด้วย! ขอให้ต้องนอนทรมานทุกวันจนกว่าจะตาย!!

“ฮึก... คงเป็นเพราะข้าเชื่อว่าเขามีเหตุผลที่ทำเช่นนี้...” เซียวหลิน หลิงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“มีเหตุผลแล้วอย่างไรเจ้าคะ? แม้จะมีเหตุผล แต่นายท่านก็ไม่ควรทำอยู่ดี... คุณหนูเป็นถึงบุตรีที่เกิดจากท่านซินหรงนะเจ้าคะ”

“ข้าถึงได้อยากรู้... ว่าทำไมท่านพ่อจึงทำเช่นนี้...”

แสดงว่าถ้าเหตุผลนั้นมันฟังขึ้น คุณหนูก็จะให้อภัยนายท่านงั้นหรือ!?

มันช่างไม่ยุติธรรมกับคุณหนูเลย...

เพราะสำหรับตัวข้า...

เหตุผลของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นฆาตกรน่ะ ข้าไม่อยากรับฟังหรอกเจ้าค่ะ!

เพราะไม่ว่าอย่างไรมันก็ฟังไม่ขึ้น!

 “เจินเจิน... ข้ารู้ว่าเจ้าไม่พอใจแทนข้า...” เซียวหลินหลิงพูดต่อเมื่อเห็นสีหน้าของสาวใช้ร่างเล็ก

“เจ้าค่ะ...”

“เช่นนั้นข้าก็ฝากเจ้าโกรธแทนข้าด้วยละกัน... ฮึก... เพราะข้าทำไม่ได้” แล้วเซียวหลินหลิงก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ก่อนจะร่ำไห้ออกมา

“ไม่เอานะเจ้าคะ คุณหนู... ฮึก… พื้นมันสกปรกนะเจ้าคะ...”

“ทีเจ้ายังนั่งได้ แล้วเหตุใดข้าจะนั่งบ้างไม่ได้? ฮือ... เจินเจิน อย่าลืมสิตอนนี้ข้าไม่ใช่คุณหนูแล้ว เป็นแค่สาวชาวบ้านธรรมดาผู้หนึ่ง” กล่าวจบก็คว้าร่างของเจินเจินเข้ามากอดไว้แน่น

“ฮือๆๆ คุณหนูของเจินเจิน” เจินเจินร้องไห้ตามผู้เป็นนาย

“เกิดอะไรขึ้น!?” หงถิงที่เข้ามาเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าเอ่ยถามด้วยความตกใจ ตามด้วยหงเถิง ปิงจือ ต้าเหลย ชินหวังที่ยกโขยงกันเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วงหลังจากเห็นว่าคุณหนูใช้เวลาในครัวนานกว่าปกติ

“เอาสับปะรดไปทิ้งเสีย!!” เจินเจินที่ตาแดงก่ำหันไปสั่งปิงจือ

“สับปะรดนี่ข้าซื้อมาเอง มีปัญหาอะไรหรือ?” หงเถิงถามก่อนจะรีบเข้ามาหยิบสับปะรดของตัวเองไปถือไว้

“เดี๋ยวข้าเอาไปเก็บที่บ้านของตัวเองก็ได้”

“ทีหลังอย่าซื้อมาให้คุณหนูเห็นอีก!!” 

“ข้าไม่เป็นไรเจินเจิน... ฮือ... ไม่เป็นไร” แม้เซียวหลินหลิงจะพยายามทำตัวให้กลับมาเข้มแข็ง แต่ในยามนี้ก็มิอาจทำได้

“คุณหนู!” ปิงจือ ต้าเหลย ชินหวังปราดเข้าไปดูผู้เป็นนายด้วยความเป็นห่วง

“ก็ได้ๆๆ ทีหลังข้าจะไม่ซื้อมาให้นางเห็นอีกแล้ว” หงเถิงรับคำอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ แม้จะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอเห็นท่าทางของอีกฝ่ายก็สงสารจนโกรธไม่ลง…

 

 

 

Writer:มีคนเพิ่งฉลาดอีกคน555

เบื้องลึกของน้องหลินหลิง ยุทธภพไร้ใจ แต่ตัวข้าไม่ไร้รัก (ตอนนี้ก็กำลังเพิ่มเติมและแก้ไขเนื้อหาสำนวนภาษาอยู่)

และถ้าใครยังคิดว่าเรื่องนี้ยังฮาร์ดคอร์ไม่สุด ต้องพบกับ หัวเราะทีหลังดังกว่า!! เลยค่า ^_^ ความดราม่าอาจไม่เท่า แต่เนื้อเรื่องไม่เป็นรองใครแน่นอน!

ร่วมพูดคุยกันได้ที่ Han Yu หานยวี่ น้า

ปล.สำหรับคนชอบอ่านเรื่องสั้นๆ ปมไม่ซับซ้อนนะคะ

[สามพี่น้องตระกูลหาน] แต่งกับเจ้าแล้วไง! ข้าก็ไม่ได้รักเจ้าเสียหน่อย!

คู่นี้สปาร์คกันไวมาก 6 ตอนแต่งเลย จริงๆ คือโดนจับแต่ง555555 เฮฮา จิปาถะ puppy love xD

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป