ซูมู่เก๋อออกรถม้าและเดินทางต่อไปยังเมืองหนานเจิง นางต้องไปเยี่ยมนางจางในนามของนางจ้าวให้ได้ เนื่องจากนางได้ทำสัญญาไปแล้ว
นางใช้เวลาทั้งวันในการเดินทางไปตามถนนสายหลัก และในที่สุดก็เห็นประตูสูงตระหง่าน ทางเข้าเมืองหนานเจิง
เมื่อนางเข้ามาในเมือง มันมืดแล้วและดึกเกินไปที่จะเดินทางต่อ นางต้องมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านนางจ้าวในวันพรุ่งนี้
การเดินทางหลายวันทำให้ซูมู่เก๋อเหนื่อยล้า ดังนั้น นางจึงหาโรงเตี๊ยมขนาดเล็กเพื่อให้ตัวเองได้พักผ่อน หลังจากซื้อยาบางอย่างที่นางอาจต้องได้ใช้
“โปรดจัดห้องหนึ่งห้องให้ข้าด้วย เจ้าค่ะ”
เจ้าของโรงแรมมองไปที่ดวงตาของนางที่ปกคลุมไปด้วยความเย็นชาและพูดว่า “ได้ นายหญิง โปรดรอสักครู่”
เสียงตะโกนดังมาจากข้างนอกเมื่อเจ้าของโรงแรมพูดจบ
“เถ้าแก่อยู่ที่ไหน? มานี่เร็วๆ”
ซูมู่เก๋อหันกลับไปและเห็นชายสองคนสวมเครื่องแบบทหาร ตามด้วยชายสวมเสื้อผ้าประณีตสีแดงเข้ม
“นายท่าน มีอันใดให้ข้าน้อยรับใช้ขอรับ?”
“เราต้องการจองห้องพักในโรงแรมทั้งหมด นี่คือตั๋วเงิน ไล่คนอื่นออกไปให้หมด เร็วเข้า”
ด้วยทองคำมูลค่าสิบเหลียงวางอยู่บนเคาน์เตอร์ ผู้ดูแลโรงเตี๊ยมจึงทำได้แค่จ้องมองตาเป็นมัน เขารู้ว่าทองคำที่ให้มานั้นสามารถเช่าห้องพักของโรงแรมทั้งหมดได้เป็นเดือนๆ!
“ได้ขอรับ ไม่มีปัญหา ข้าน้อยจะให้พวกเขาออกไปอย่างเร็วที่สุด”
ซูมู่เก๋อขมวดคิ้ว ก่อนที่นางจะพบโรงเตี๊ยมแห่งนี้ นางถามที่อื่นๆหลายที่แล้ว ไม่มีที่ใดเหลือว่างเลย ตอนนี้ข้างนอกมืดมากแล้ว และนางไม่คุ้นเคยกับเมืองหนานเจิง นางจะหาโรงเตี๊ยมอื่นได้อย่างไร?
“มีคำกล่าวว่า มาก่อนได้ก่อน มันค่ำมากแล้ว แต่ท่านขับไล่แขกออกไป มันเป็นสิ่งหยาบคายของท่านมาก”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น คนสามคนที่กำลังจะจากไปทั้งหมดหันหน้ามาที่นาง
ซูมู่เก๋อยืดหลังตั้งตรงโดยไม่กลัวการจ้องมองของพวกเขาเลย
“ผู้หญิงอวดดีอะไรอย่างนี้ เจ้ากล้าที่จะขัดขวางเจ้าหน้าที่ ไม่มีไหวพริบและออกไปซะ หรือต้องให้ข้าลากเจ้า!
ชายสวมเสื้อผ้าประณีตด้านหลังทหารทั้งสองมองไปที่ซูมู่เก๋อ
“ข้าจ่ายค่าที่พักไปแล้ว ทำไมข้าต้องจากไป”
“นายหญิง ข้าจะคืนเงินของท่านและท่านควรไปหาที่พักอื่นจะดีกว่า” ผู้ดูแลโรงเตี๊ยมไม่มีความกล้าที่จะคัดค้านเจ้าหน้าที่เพียงเพราะซูมู่เก๋อ นอกจากนี้ทหารยังมอบทองคำมูลค่าสิบเหลียงให้แก่เขาอีกด้วย เงินมากขนาดนั้น!
เขาไม่คาดคิดว่าซูมู่เก๋อจะดื้อรั้นขนาดนี้ เขาพูดกับมู่เก๋อว่า “ถ้าท่านไม่รังเกียจ มีห้องเล็ก ๆ ที่ใช้เก็บเรือสำเภาและท่านสามารถอาศัยอยู่ในห้องนั้นได้ สิบเหรียญทองแดงก็ได้”
ซูมู่เก๋อเหลือบมองทหารทั้งสอง มีคำกล่าวว่า คนทั่วไปไม่มีความสามารถในการต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ได้ ถ้านางดิ้นรนต่อไปนางจะได้รับอันตราย
นางมีห้าเหรียญและพูดว่า “ห้าเหรียญ ไม่มีมากกว่านี้อีกแล้ว”
เจ้าของได้รับทองสิบเหลียงและเขาพอใจแล้ว เขาแค่ต้องการแก้ปัญหาตรงหน้าให้ได้โดยเร็ว เขาหยิบเหรียญและขอให้คนรับใช้เป็นคนนำทางให้นาง
ช่วงเวลาที่ซูมู่เก๋อเดินไปที่สนามหญ้าด้านหลัง ทั้งโรงเตี้ยมถูกล้อมไปด้วยทหาร
ด้านนอกโรงเตี๊ยม มีรถม้าสีแดงเข้มจอดอยู่ ด้านหลังขบวนทหาร
หญิงสาวร่างบางสวมหมวกผ้าโปร่งเดินลงมาจากรถม้า ดูไม่เข้ากันกับโรงเตี๊ยมเลย ด้วยเสื้อผ้าที่หรูหราของนาง
“ฝ่าบาท เรามาถึงโรงเตี๊ยมแล้วพะย่ะค่ะ”
องค์หญิงฮวาเจิ้ง มองไปรอบๆอย่างคาดหวัง แต่ไม่เห็นร่างที่เพรียวสูง นางรู้สึกผิดหวัง
“องค์เหนือหัวส่งหม่อมฉันมากราบทูลองค์หญิงว่าเมื่อคืนสถานที่ขนส่งเกิดเพลิงไหม้ ดังนั้นเราจึงต้องพักค้างคืนที่โรงเตี๊ยมนี้พะย่ะค่ะ” ชายสวมเสื้อผ้าประณีตโค้งคำนับและกล่าว
“อืม”
สาวใช้ผู้ติดตามฮวาเจิ้งเข้ามาเพื่อพานางไปที่ห้องที่ดีที่สุด
คนรับใช้พาซูมู่เก๋อไปที่ห้องเก็บของ ห้องเก็บของไม่ใหญ่และกว้างไม่ถึงสิบตารางเมตร เต็มไปด้วยโต๊ะและเก้าอี้ต่างๆ
“นี่คือกระดาน ข้าจะเอาผ้าห่มมาให้ท่าน”
มันมืดและไม่มีไฟในห้อง ซูมู่เก๋อต้องหาที่ทางของนางในความมืดและวางกระดานไม้ลง หลังจากเสี่ยวเอ้อนำผ้าห่มมาให้ นางให้เหรียญแก่เขาเพื่อต้มยาคลายความหนาวให้นางและขอให้เขาหาอะไรมาให้กิน ทุกอย่างเรียบร้อยดีและนางก็ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นจากนั้นก็นอนพักผ่อน
บางทีมันอาจจะเป็นผลของยาที่ทำให้นางหลับไปอย่างรวดเร็ว
“ไฟมันลุกโหมแล้ว ช่วยด้วย ไฟไหม้โรงเตี๊ยม!”
“วิ่ง หนีเร็ว ถ้าไฟรุนแรงขึ้น เราจะออกไปไม้ได้!”
ซูมู่เก๋อซึ่งอยู่ในความงุนงงถูกปลุกด้วยเสียงรบกวนจากภายนอก นางลูบคิ้วไปมา มันทำให้คนหนึ่งรู้สึกไม่รู้ตัวเมื่อเขาป่วย
นางเห็นผ่านหน้าต่างว่าในโรงเตี๊ยมเต็มไปด้วยเปลวไฟ
“ไฟโหมแรงแล้ว!”
นางเปิดประตูและพร้อมที่จะวิ่งออกจากโรงแรม
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่นางเพิ่งวิ่งเข้าไปในสนาม ชายในชุดดำกระโดดออกมาจากห้องๆหนึ่ง
ซูมู่เก๋อถอนหายใจ นางช่างโชคร้ายมาก
ชายในชุดดำยกดาบขึ้นแทงนางทันทีที่เห็น
มู่เก๋อถอยหลังและกลิ้งตัวหลบ
ฉึก!
ชายคนนั้นจะแทงนางอีกครั้ง!
31/3/2564