คืนนั้น เจียนอ้ายฝันได้สมจริงมาก
ในความฝันของเธอ เธอมองไม่เห็นใครเลย และไม่มีฉากใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งหมดที่เธอเห็นมีแต่คำพูดที่เป็นตัวอักษร . ดูเหมือนว่าจะเป็นตำนานโบราณหรือนิกายที่สาบสูญ
ทันใดนั้นเสียงที่ชัดเจนดังขึ้นในความคิดของเธอ “ในยุคปฐมกาล ผู้ก่อตั้งนิกายจิตวิญญาณ อี้เจียง แสวงหาการเรียนรู้ตลอดชีวิต เขาเลือกคนที่ท้าทายโชคชะตาและรวมตัวเองเข้ากับสายเลือดของพวกเขา.....”
เสียงนี้ก้องกังวานและทรงพลัง ห่างไกล และไร้ตัวตน ราวกับว่าเป็นเสียงของชายชราจากเวลาและสถานที่อื่น เจียนอ้ายที่หลับใหลตื่นขึ้นมา และพบว่ามีคำพูดตัวอักษรอยู่เหนือศรีษะเธอ
ท้าทายโชคชะตา?
นี่เป็นคำแรกที่ปรากฏในความคิดของเจียนอ้าย ในความฝัน เธอจำคำที่ได้ยินได้ มันบอกว่าผู้ที่ท้าทายโชคชะตาจะหลอมรวมสายเลือดของพวกเขาเข้ากับเขา
เธอได้ย้อนกลับมาในช่วงอายุ 14 ปี นี่อาจเป็นสิ่งที่เรียกว่าท้าทายโชคชะตากระมัง?
เธอเงยหน้าขึ้นมองดูตัวอักษรสีทองที่อยู่ตรงหน้า มันเป็นคู่มือลับของนิกายโบราณ บันทึกเทคนิคการเพาะปลูกจิตสิบสองชุดของผู้ก่อตั้ง อี้เจียง ก่อนที่เจียนอ้ายจะอ่านเนื้อหาอย่างระมัดระวัง ตัวอักษรสีทองนับพันก็กระโดดขึ้นราวกับว่าพวกมันมีชีวิต เจียนอ้ายตกตะลึง ทันใดนั้นพวกมันบินพุ่งเข้าไปในสมองของเธอ
องค์ความรู้ ความเข้าใจ ที่เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันทำให้สมองของเจียนอ้ายไหม้ราวกับถูกไฟไหม้ เธอรู้สึกว่าสมองของเธอบวมและร้อนขึ้น เธอรู้สึกทรมานมาก ใช้เวลาอย่างน้อยสองนาทีกว่าทุกอย่างจะจบลง
ในตอนนี้ เจียนอ้ายสามารถพูดเทคนิคการเพาะปลูกจิตทั้งสิบสองชุดได้อย่างง่ายดาย ราวกับว่าพวกมันได้จารึกไว้ในหัวของเธอแล้ว
เจียนอ้ายนั่งอยู่บนเตียงและมองดูนาฬิกาปลุกลิตเติ้ลบอลของเธอ เธอยกมือขึ้น และนาฬิกาปลุกบนโต๊ะข้างเตียงก็ลอยไปหาเธอ
เจียนอ้ายทั้งประหลาดใจและยินดี เธอคิดว่าการเกิดใหม่ของเธอเป็นพรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจากสวรรค์ แต่ใครจะคิดว่าเธอจะยังได้รับชุดทักษะพิเศษจากนิกายโบราณ? ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันน่าตื่นเต้นยินดีแค่ไหน
การกลับมาเกิดใหม่นั้นเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะเชื่ออยู่แล้ว และตอนนี้เธอยังได้เรียนรู้เทคนิคการฝึกฝนจิตทั้งสิบสองชุดอีก หากทั้งหมดนี้ไม่เกิดขึ้น เจียนอ้ายย่อมไม่มีวันเชื่อว่าสิ่งนี้จะมีบนโลก
เมื่อเธอตื่นนอนตอนเช้าก็เป็นเวลา 6 โมงเช้าแล้ว เจียนอ้ายอาบน้ำอย่างรวดเร็ว สวมชุดนักเรียนที่เธอไม่ได้เห็นมานาน ถือกระเป๋านักเรียน แล้วเดินออกไป
ในเวลานี้ แม่และพี่ชายของเธอกำลังยุ่งอยู่ที่แผงขายอาหารเช้า เจียนอ้ายจะกินอาหารเช้าที่แผงขายทุกเช้าก่อนไปโรงเรียน
“เสี่ยวอ้าย!”
ขณะที่เธอกำลังเดินไปแผงขายอาหาร ก็มีใครบางคนเรียกชื่อเธอจากด้านหลัง
เจียนอ้ายหยุดเดินและหันกลับไปดู เด็กหญิงคนหนึ่งอายุไล่เลี่ยกับเธอ สวมชุดนักเรียน กำลังวิ่งตึงๆ มาทางเจียนอ้าย
กวนเตาเป็นเพื่อนร่วมชั้นและเพื่อนสนิทของเจียนอ้าย ทั้งสองเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงมัธยมปลาย พวกเธออาศัยอยู่เมืองเดียวกัน เมื่อถึงมหาวิทยาลัย พวกเธอก็สมัครเรียนคนละมหาวิทยาลัยเพราะความคิดต่างกัน แต่ก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเรื่อยมา
กวนเตาแต่งงานกับทายาทเศรษฐีรุ่นสองในชาติที่แล้ว และให้กำเนิดลูกฝาแฝด เป็นลูกชายทั้งสองคน เธอสามารถยืดหลัง เชิดหน้าและมีชีวิตที่สะดวกสบาย
“เธอจะไปโรงเรียนทันทีที่หายป่วยเลยเหรอ? ทำไมไม่นอนพักอยู่บ้านสักวันสองวันก่อนล่ะ?” เสียงเล็กๆของกวนเตาถามขึ้นด้วยความห่วงใย
เมื่อเห็นกวนเตาที่ยังเด็ก เจียนอ้ายก็นิ่งไปชั่วครู่ จากนั้นเธอก็พูดว่า “ฉันสบายดีขึ้นมากแล้ว ไม่ได้ไปโรงเรียนตั้งหลายวัน ถ้าวันนี้ไม่ไปอีก เดี๋ยวตามไม่ทัน”
เมื่อกวนเตาเห็นสีหน้าเพื่อนดีขึ้น เธอก็สบายใจ จากนั้นเธอก็ถอนหายใจและกล่าวว่า “อย่ายั่วหลี่หยุนเหม่ยและคนอื่นๆ อีกนะ พวกเขารวยและมีอำนาจมาก ครั้งนี้พวกนั้นแค่ผลักเธอลงสระ แต่อนาคตอาจทำอะไรมากกว่านี้อีกก็ได้ ไม่มีใครรู้”
เจียนอ้ายตกตะลึง เธอจำได้ว่าเธอเป็นไข้เพราะตกลงไปในน้ำ แต่ทำไมเธอจำไม่ได้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหลี่หยุนเหม่ย?
เอ้อจงเป็นหนึ่งในโรงเรียนมัธยมชั้นนำในเมืองไป่หยุน นักเรียนที่นั่นแบ่งออกเป็นสองประเภทคร่าวๆ ประเภทแรกคือคนรวยและมีอำนาจ อีกประเภทคือคนที่เรียนเก่งและเป็นนักเรียนทุน
เจียนอ้ายและกวนเตาอยู่ในประเภทที่สอง เพราะว่าครอบครัวธรรมดาทั่วไปไม่สามารถจ่ายค่าเล่าเรียนราคาแพงหูฉี่ได้
อย่างไรก็ตาม เด็กนักเรียนที่ได้รับทุนการศึกษาเป็นชนกลุ่มน้อย เนื่องจากเด็กสาววัยรุ่นชอบสร้างกลุ่มแก๊งของตัวเอง เจียนอ้ายและกวนเตาที่อาศัยอยู่ในสลัมในเขตตอนใต้จึงมักถูกเพื่อนร่วมชั้นเมินเฉินหรือรังแก
อย่างไรก็ตาม เจียนอ้ายไม่มีความรู้สึกว่าหลี่หยุนเหม่ยผลักเธอลงสระน้ำของโรงเรียน มันไม่เคยเกิดขึ้นในชาติที่แล้ว
บางทีหลังจากเกิดใหม่ หลายสิ่งหลายอย่างจึงเปลี่ยนแปลงไปด้วย?
“เสี่ยวอ้าย ฉันพูดกับเธออยู่นะ”
“อื้อ ฉันรู้แล้ว” เจียนอ้ายดึงสติกลับบ้านและตอบกลับอย่างเร็ว
แผงขายอาหารเช้าของครอบครัวตั้งอยู่สุดถนน เนื่องจากทำเลที่ตั้งไม่เลว พวกเขาจึงไม่ใช่แผงขายอาหารเช้าแห่งเดียวในบริเวณใกล้เคียง
“ป้าเหม่ย เสี่ยวอ้ายกับหนูนั่งอยู่ข้างนอกนะคะ” กวนเตาส่งเสียงเรียกหวางหยุนเหม่ยที่กำลังยุ่งวุ่นวาย
“จ้าๆ รอแปบนะ ป้าจะไปเดี๋ยวนี้” หวางหยุนเหม่ยตอบขณะที่มือกำลังยุ่งเป็นระวิง
ธุรกิจแผงขายอาหารเช้าแทบจะเหมือนเดิมทุกวัน พวกเขามีลูกค้าประจำ เนื่องจากแป้งโดว์แท่งของหวางหยุนเหม่ยนั้นอร่อยมาก คนที่ชอบกินแป้งโดว์ทอดจึงชอบมาทานอาหารเช้าที่แผงขายของของครอบครัวพวกเธอ
“สาวสวยสองคน อยากกินอะไรกัน?”
เจียนหยูเดินมาที่โต๊ะและถามพวกเธอด้วยรอยยิ้มสดใส
ทันทีที่เห็นเจียนหยู ดวงตาของกวนเตาก็สว่างวาบ แต่ก่อนที่เธอจะทันได้พูดอะไร เจียนอ้ายก็พูดขึ้นก่อนว่า “นมถั่วเหลือง แป้งทอด และก็ไข่น้ำสอง พี่ชาย เร็วหน่อยนะ เดี๋ยวพวกเราโรงเรียนสาย”
“โอเค” เจียนหยูเลิกคิ้วข้างเดียวและเดินกลับไปที่แผงขายอาหาร
เกาเตาที่กำลังอ้าปากเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา สายตาของเธอมองตามหลังเจียนหยู
“เลิกมองได้แล้วน่า ลูกตาจะหลุดออกมาแล้ว” เจียนอ้ายมองกวนเตาด้วยความขบขัน
กวนเตาหน้ามุ่ย กลอกตา “ป้าเหม่ยคลอดลูกเก่งมาก เธอกับพี่ชาย หน้าตาดีมากทั้งคู่”
เจียนอ้ายผิวขาวและมีใบหน้ารูปไข่ ใบหน้าของเธอไม่ได้งดงามหยดย้อย แต่เธอมีความงามแบบคลาสสิก
ส่วนเจียนหยูมีคิ้วหนา ตาโต และฟันขาวซี่โต เมื่อเขายิ้ม เขาดูเหมือนดวงอาทิตย์เล็กๆ มีผู้หญิงไม่มากนักที่ต้านทานเขาได้
“จริงสิ ป้าเหม่ยหน้าตาดี พวกเธอสองคนพี่น้องเลยเลยได้รับถ่ายทอดพันธุกรรมหน้าตาดี” กวนเตาเอ่ย
เธอพูดถูก หวางหยุนเหม่ยให้กำเนิดเจียนหยูตอนอายุสิบเจ็ด และให้กำเนิดเจียนอ้ายตอนอายุยี่สิบเอ็ด ตอนนี้เธออายุสามสิบห้าปี ไม่น่าเชื่อว่าเธอมีลูกสองคนในวัยนี้
งานของหญิงวัยกลางคนอายุ 35 ปีคือพนักงานต้อนรับในไนท์คลับ ถ้าพูดออกไป ทุกคนคงจะหัวเราะเยาะเธอ
อย่างไรก็ตาม หวางหยุนเหม่ยนั้นแตกต่างออกไป เธอเกิดมาสวย และแม้ว่าเธอจะอายุ 35 ปี ผิวของเธอก็ยังเต่งตึง และรูปร่างของเธอก็เซ็กซี่ เธอมีเสน่ห์ยิ่งกว่าเด็กสาวเสียอีก
ทุกวัน