ความรักหลากอารมณ์ที่ดอมดมอยู่กลางดงโรคระบาดโควิด-19 เพื่อนที่ไม่ใช่เพื่อน แฟนที่ไม่ใช่แฟน งานนี้ไม่มี "กามเทพ" มีแต่ "กามรมณ์" ในกมลสันดาน
ความรักหลากอารมณ์ที่ดอมดมอยู่กลางดงโรคระบาดโควิด-19 เพื่อนที่ไม่ใช่เพื่อน แฟนที่ไม่ใช่แฟน งานนี้ไม่มี "กามเทพ" มีแต่ "กามรมณ์" ในกมลสันดาน
“คงต้องเป็นเราที่ต้องออกรับหน้าแทน ยังไงซะตอนนี้พี่แพรวก็ไม่ได้อยู่ที่นี่อีกตั้งเป็นปีแหนะกว่าแกจะกลับมา”
“เราคือผู้ปกครองสูงสุดทุกการตัดสินใจของเราถือเป็นคำขาด ไม่แน่พวกเขาอาจจะเดือดร้อนหนีตายมาจากเมืองหลวงก็ได้ และถ้าเป็นงั้นจริงจะใจไม้ไส้ระกำขับไสไล่ส่งไปได้ยังไง”
“ไม่รู้ว่ามีอดีตอะไรกันมาหรอกนะพี่แพรว แต่ APแล้วไงคะพี่? ก็คนเหมือนกันอ๊ะเปล่า?”
.
สารพัดบทสนทนาตีกันอีรุงตุงนังอยู่ในภวังความคิด เจนิสชันกายขึ้นเธอยืนมองอากาศยานบนฟ้าค่อยๆลดระดับลงจอด พร้อมกับการสั่งให้ลูกทีมกระชับพานท้ายปืนขึ้นลำเตรียมเอาไว้
.
ไม่มีใครรู้ว่าภายในเฮลิคอปเตอร์มีกันกี่คน กองกำลังชาววิลเลจมีกันร่วม 20 กว่าคน ซึ่งมากพอที่จะล้อมลำฮอให้ตรึงนิ่งอยู่บนเนินดินสุสาน เรียกได้ว่าทุกการเคลื่อนไหวของคนที่อยู่ภายในล้วนอยู่ในสายตาของพวกเขาทั้งหมด แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเสียทรงจากการล้มลุกคลุกคลานไปบ้าง แต่ตอนนี้ก็นับว่าสถานการณ์ได้พลิกความได้เปรียบมาทางเจนิสบ้างแล้ว
.
“อย่าเพิ่งยิงนะทุกคน…ให้พวกเขาก้าวเท้าลงมาก่อน หนูขอคุยกับพวกเขาก่อน... ห้ามใช้ความรุนแรงเป็นอันขาด!”
"ย้ำ! ห้ามใช้ความรุนแรง! เราไม่นิยมความรุนแรง!"
.
“ครับน้องเจนิส…ระวังตัวด้วยพวกพี่จะระวังหลังให้เอง หน่วยเสริมที่เพิ่งกลับจากลาดตระเวนก็เพิ่งวิทยุมาบอกว่าเตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว หากมีอะไรไม่น่าไว้ใจให้วอเรียกได้เลยทันที!”
.
กลายเป็นความมั่นใจที่เพิ่มมากขึ้นในระดับสูง ต้องขอบคุณระบบจัดสรรกำลังพลที่แพรววางโครงสร้างเอาไว้ให้ มันทำให้เจนิสกล้าที่จะตัดสินใจ เพราะรู้อยู่แล้วว่าถ้าพลาดไปก็ยังมีคนคอยเก็บงานให้ นี่จึงไม่ใช่การเดิมพันที่ไม่มีโอกาสให้แก้ตัวเปรียบเสมือนรถที่วิ่งอยู่บนถนนที่มีไหล่ทาง ที่ถ้าแซงไม่พ้นขึ้นมาก็ยังเบี่ยงหลบออกด้านข้างให้ไม่ชนประสานงากันได้
.
ราว 60 วินาทีหลังประตูเฮลิคอปเตอร์เปิดออก
.
เจนิสและชาววิลเลจต่างก็เงียบไม่ส่งเสียง ทว่าจนแล้วจนรอดก็ไม่ยักเห็นขาของใครสักคนโผล่ยื่นลงมาเลย จะมีก็แต่กระป๋องปริศนากระป๋องหนึ่งที่ถูกปาเข้ามาใส่แทน!
.
“แกร๊ง..ง…ง.. กริ๊ก! , กริ๊ก! , กริ๊ง!”
.
“ฟับบบบ!!!!!”
.
โอ้เจ้าพ่อคุณเอ๊ย! ราวกับแสงแฟลชถ่ายรูปที่ถูกถ่ายออกมาจากกล้องส่องทางไกลอวกาศ มันขาวเจิดจ้าทั้งยังแสบตาราวกับสิ่งแวดล้อมถูกย้อมด้วยเฉดสีแห่งแดนสวรรค์ เจนิสยืนนิ่งแข็งค้างเช่นเดียวกับทุกคน ที่แม้จะถือปืนอยู่ในมือแต่ก็ไม่มีใครมองเห็นอะไรเลยนอกจากความขาวโพลนอันกระจ่างใส
.
มิหนำซ้ำยังมีกระป๋องแบบเดียวกันถูกปาลงมาเพิ่มเติมอีกหลายชิ้น จากไม่กี่วิก็เลยปาเข้าไปเป็นนาทีกว่าทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติ ไม่สิ! มันไม่ปกติเลยสักนิดเดียว!!!
.
"ฟู่มมมมมมม!!!"
.
“บะ…บ้าน่ะ…นี่มันอะไรกันเนี่ยะพวกคุณเป็นใคร?! แล้วเด็กเหล่านี้ล่ะมาจากไหนเต็มไปหมด?! ฉันงงไปหมดแล้ว..ว..ว..ว”
เจนิสเปล่งวาจาเสียงดังลั่น แถมยังสั่นเทิ้มตื่นตกใจ
.
หางตาสวยของเธอเหลือบมองดูพี่ๆหน่วยลาดตระเวนคนอื่นๆ ก่อนจะพบว่าต่างก็ตกอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างกัน ทุกคนถูกปืนจ่อเข้าที่ศีรษะ บางคนก็โดนจี้ด้วยมีดสั้นปลายแหลม กลุ่มชายชุดดำในลุคหน่วยคอมมานโดจู่โจมได้รวดเร็วมาก! แค่เสี้ยวพริบตาหลังแสงสว่างวาบแรกผ่านพ้น พวกเขาราว 50 ชีวิตก็พลิกความได้เปรียบให้กลับคืนไปเป็นของตัวเองได้
.
ความต่างชั้นประจักษ์ให้เห็นแก่สายตา ณ ตอนนั้น การรบแบบชาวบ้านหรือจะสู้กลุ่มทหารรับจ้างที่ต่อสู้ในศึกสงครามมานับต่อนัก ยิ่งมีอาวุธที่ทันสมัยมากกว่าด้วยแล้ว ปืนผาหน้าไม้แบบธรรมดาก็ไม่ต่างอะไรจากไม้เสียบลูกชิ้นในสายตาพวกเขา
.
"เดี๋ยวก่อน! , หยุดก่อน!"
“ฉันขอเจรจา…หัวหน้าพวกคุณเป็นใคร? พวกเราไปทำอะไรให้ทำไมถึงทำกับเราแบบนี้!”
เจนิสกัดฟันพูดกลัวก็กลัวแต่จะให้ทำไงได้ ในเมื่อเธอต้องเป็นคนรับผิดชอบที่นี่แทนแพรว
.
ความใจกล้าของเธอถึงกับดุนหน้าผากเล็กๆ ให้ไปชนเข้ากับปลายกระบอกปืนของชายชุดดำ เธอง้างดันมันด้วยเจตนาจะถ่วงเวลาให้พี่หน่วยลาดตระเวนคนเมื่อครู่หาทางติดต่อไปยังหน่วยเสริมให้ได้ ตอนนี้ที่นี่เข้าตาจนแล้ว! แผนการทุกอย่างพังเละเทะ! และด้วยกองกำลังที่มาพร้อมกับฮอชีนุกลำนี้ แค่หยิบมือเดียวพวกเขาก็สามารถถล่มวิลเลจแห่งนี้ได้เป็นจุณ
.
“ว่าไงล่ะรีบติดต่อเข้าสิ… ใครกันที่ส่งพวกคุณมา… คุณจะเอาอะไรพวกเราไม่มีอะไรให้หรอกนะ ข้างนอกมีผู้ติดเชื้อเต็มไปหมดทำไมไม่รักสามัคคีกันไว้ จะเข่นฆ่ากันไปทำไม?”
“ไหนล่ะหัวหน้าพวกคุณ… รีบเข้าสิ!… บอกเขาออกมาคุยกับฉัน แล้วเด็กพวกนี้คืออะไรตุ้งติ้งอย่างกับตุ๊ดแต๋วจะซุกอยู่หลังกระโปรงเด็กรึไง , ออกมาสิมาคุยกัน!!!”
.
ไดอะล็อคสนทนามีแต่คำว่า “เร็วสิ” , “เร่งสิ” , “รีบติดต่อเข้าสิ” ฟังเผินๆอาจจะไม่รู้และคิดว่าเจนิสกวนประสาท แต่เจตนาแฝงของเธอกลับเป็นการส่งสัญญาณบอกพี่คนนั้นให้รีบลงมือ เธอเสี่ยงมากที่พูดแบบนั้นออกไปเพราะระยะเผาขนแค่นี้เพียงเหนี่ยวไกครั้งเดียว ปืนกลมือ MP5 เฮคเลอร์แอนด์คอช ของชายชุดดำก็เป่าหัวเธอทิ้งได้ราวกับไดฟ์เป่าผม
.
การตะโกนอันเกินกว่าเหตุเรียกร้องให้ทุกสายตาจับจ้องมาที่เธอ เปิดช่องให้หน่วยลาดตระเวนคนดังกล่าวมีโอกาสได้ทำภารกิจ ทว่าเขายังไม่ทันจะได้กดวิทยุใดๆเลย เบื้องหน้าห่างออกไปราว 10 เมตรที่ตรงบันไดทางลงจากตัวเครื่อง ก็ได้ปรากฏร่างสวยของผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นมา ผมเธอยาวปลิวสลวยใส่ชุดรัดรูปสุดเซ็กซี่ราวกับแบล็กวิโดว์ที่หลุดออกมาจากหนังมาเวล เธอเดินตรงเข้ามายังจุดปะทะของคนสองกลุ่ม และเพื่อยุติความขัดแย้งเธอก็เลยได้แสดงเจตจำนงค์อันบริสุทธิ์ออกมา
.
“วางอาวุธลงก่อนทุกคน.. พวกเรามาดีขออภัยที่ทำให้ตกใจแตกตื่น”
.
คีย์เสียงราบเรียบเย็นชาแต่กลับเห็นผลทันตาเพราะเหล่าทหารรับจ้างต่างก็ลดระดับปืนลงตามคำสั่ง พวกเขาถอยหลังกลับมายืนแสตนบายด์ที่ด้านหลังเธอ โดยมีกลุ่มเด็กตัวเล็กๆ ยืนออกันอยู่หลังสุด
.
“คุณใช่ไหมที่บอกเมื่อกี้ว่าตัวเองเป็นคนคุมที่นี่? ยังเด็กอยู่เลยนี่? นี่พูดเล่นรึเปล่า?”
.
“พี่แพรวไม่อยู่… และหนูคุมที่นี่แทน! แต่ก่อนจะคุยกันหนูว่าคุณกับพวกควรถอดหน้ากากครอบแก้วออกก่อนดีกว่าไหมคะ ที่นี่หายใจได้ไม่จำเป็นต้องใช้ของพรรณนั้นหรอก มันดูไม่จริงใจเวลาจะต้องพูดความจริงต่อกัน! ไม่เคยมีใครสั่งสอนคุณเลยหรอ!?”
ได้ทีพูดข่มใหญ่ อย่างที่บอกว่าบุคลิกของเจนิสนั้นแทบจะถอดแบบมาจากแพรวเป๊ะๆ พอเห็นว่าฝ่ายนั้นมีเด็กวัยอนุบาลตัวเล็กๆ ติดสอยห้อยตามมาเป็นโขยง ภาพของหน่วยคอมมานโดจอมโหดจึงดูซอร์ฟลงไปเยอะ เจนิสค่อนข้างมั่นใจว่าพวกเขาจะไม่จู่โจมอีก
.
“แพรว? , แพรว อิสราใช่ไหม?! , ที่นี่เป็นแคลนของเธอใช่ไหมแม่หนู? ผู้หญิงที่มีผมสีแดง?!”
“ไชโย…ในที่สุดก็หาเจอจนได้!”
ประสานมือกำแน่นทุบอกดีใจ สาวหุ่นดีในหมวกครอบแก้วแทบจะกระโดดตัวลอย ในขณะที่สมาชิกที่บินมาด้วยกันต่างก็ทยอยแกะสายล็อคของหมวกครอบแก้วออก
.
“แกร็ก , แกร็ก , แกร็ก , แกร็ก , แกร็ก , แกร็ก , แกร็ก , แกร็ก”
พวกเขาทยอยแกะมันออกทีละคนสองคน เผยให้เห็นใบหน้าคร่าตาว่าก็เป็นคนปกติธรรมดาเหมือนกัน ไม่ใช่ผู้ติดเชื้อกลายพันธุ์จากที่ไหนสักหน่อย แบ่งเป็นผู้ใหญ่ที่เป็นทหารได้ราว 50 นายแล้วก็เป็นเด็กตัวเล็กๆ วัยอนุบาลได้อีกในปริมมาณที่เท่าๆกัน
.
เจนิสก็เลยตัดบทด้วยการแทรกคำขึ้น
.
“เราไม่ได้เรียกที่นี่ว่าแคลน เราใช้คำว่า “วิลเลจ” พวกเราอยู่กันเป็นครอบครัว ต่างคนต่างพึ่งพาอาศัยกันมีแต่พวกคุณนี่แหละที่แหกกฎเข้ามาอย่างไม่ให้การเคารพ หนำซ้ำยังจ่อหัวพวกเราด้วยมีดแล้วก็ปืนอีก”
“ตกลงคุณเป็นใครมาจากไหนกันแน่…! แล้วเกี่ยวอะไรกับพวก AP ทำไมถึงมีสัญลักษณ์นี้ปรากฏอยู่บนหางเครื่องบิน!? เล่ามาให้หมด! หน่วยเสริมของเรากำลังมาและมันมากกว่ากำลังพลของคุณถึง 3 เท่า! แล้วจะหาว่าหนูไม่เตือน!!”
.
“เฮ้…แม่หนูใจเย็นน่าาาไปกินแตนที่ไหนมา เอาเป็นว่าฉันขอโทษแล้วกันบางทีพวกเขาก็เคยชินกับยุทธการแบบนี้ การใช้ระเบิดแฟลชเปิดทางเวลาที่ต้องปะทะกับกลุ่มคนที่ต้องสงสัย มันเป็นภาษาสากลของกลุ่มทหารรับจ้างเค้าอยู่แล้ว แต่แก่นแท้ไม่ได้มีอะไรน่ากลัวหรอกฉันรับประกันได้..”
.
“แล้วคุณเป็นใคร? บอกมา!”
เจนิสชักจะโกรธเธอเบื่อที่จะต้องทนฟังเรื่องที่ไม่ตรงประเด็นเต็มที
.
“แกร็กกกก!!!”
.
สาวหุ่นสวยจึงตอบกลับไปด้วยการถอดหน้ากากครอบแก้วรุ่นท็อปที่สวมอยู่ออก เธอสะบัดผมสองสามทีพอให้เหงื่อกระเซ็น พลันตอบน้องมัธยมหน้าคมคนนี้ไปว่า
.
“ฉันก็เป็นประธานบริษัทยังไงล่ะ… ทุกอย่างใน AP คือของๆฉัน!”
.
.
"อะ..เอิ่ม..ม.."
“คะ…คุณมิวท์!!!! ไม่อยากจะเชื่อ…!”
"คุณในลุคนี้...ในสถานที่แบบนี้เนี่ยะนะ?!"
เจนิสถึงกับตกตะลึง เหมือนโลกหยุดหมุน เหมือนฝันที่เป็นจริงเมื่อคนที่แอบชอบมาตลอดและเคยเห็นแต่อยู่ในโปสเตอร์ มายืนสวยอยู่ตรงหน้าตัวเอง