หลินหลานเฟิน อัจฉริยะสาวต้องมาตาย ในระหว่างที่กำลังค้นคว้าตำราที่ซื้อมาจากร้านขายของเก่า เมื่อตื่นขึ้นมาอีกทีปรากฏว่ามาอยู่ในร่างของเด็กน้อยวัย 8 ขวบ ที่ป่วยขี้โรคเป็น 'ขยะ' ไร้ค่าที่ผู้คนต่างดูถูก
หลินหลานเฟิน อัจฉริยะสาวต้องมาตาย ในระหว่างที่กำลังค้นคว้าตำราที่ซื้อมาจากร้านขายของเก่า เมื่อตื่นขึ้นมาอีกทีปรากฏว่ามาอยู่ในร่างของเด็กน้อยวัย 8 ขวบ ที่ป่วยขี้โรคเป็น 'ขยะ' ไร้ค่าที่ผู้คนต่างดูถูก
บทที่ 1
กรุ้ง....กริ้ง
เสียงกระดิ่งหน้าประตูดังขึ้นพร้อมกับประตูที่ถูกเปิดออก ที่นี่เป็นร้านขายของเก่าแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในเขตเก่าแก่ของเมือง ซึ่งอยู่ใกล้กับวิทยาลัยผู้เชี่ยวชาญศาสตร์การใช้จารึกอักขระ
ที่ด้านหน้าประตูทางเข้า ปรากฏร่างอันงดงามของหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่ง แต่เธอกับสวมชุดของอาจารย์ประจำวิทยาลัยผู้เชี่ยวชาญอันดับหนึ่งซึ่งเป็นสถานที่ฝึกสอนอันดับ 1 ชื่อของเธอคือ 'หลานเฟิน' อัจฉริยะวัยเยาว์เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ทางวิทยาลัยได้เชิญมาสอนในกรณีพิเศษ เนื่องจากเธอนั้นมีความเชี่ยวชาญในศาตร์การใช้จารึกอักขระอาคมรูปแบบโบราณและเป็นผู้สร้างระดับอาวุโส หลานเฟินนั้นเป็นผู้ที่คลั่งไคล้ในศาสตร์ด้านจารึกอักขระโบราณเป็นอย่างมาก เมื่อได้ข่าวว่าเถ้าแก่ของร้านขายของเก่าแห่งนี้ มีสิ่งของที่ได้มาจากสุสานโบราณเธอจึงรีบมาที่ร้านทันที
“มาอีกแล้วเหรอเด็กน้อย วันนี้สนใจซื้ออะไรล่ะ” ทันทีที่เถ้าแก่ร้านเห็นหลานเฟินเดินเข้ามา เถ้าแก่ร้านก็เอ่ยทักทายขึ้นมาทันทีด้วยความคุ้นเคย
“สวัสดีค่ะคุณตา ฉันเผอิญได้ยินมาว่าที่ร้านของคุณตา ได้รับของที่มาจากสุสาน ฉันอยากดูของที่ได้มาในครั้งนี้ค่ะ ครั้งนี้เหมือนครั้งที่แล้วหรือเปล่าคะ” หญิงสาวตอบออกมาพร้อมกับถามสิ่งที่สงสัยออกไป แววตาแฝงไปด้วยความตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
“อ๋อ.... ของนั่นน่ะเหรอ… รอเดี๋ยวนะ” ชายชราเจ้าของร้านตอบออกมา
ก่อนจะเดินเข้าไปที่หลังร้าน หลานเฟินจึงเอ่ยปากถามคำถามที่คาใจออกมาอีกหนึ่งเรื่อง
“คุณตาคุณพอจะทราบข่าวคราวของชายชราขี้เมาบ้างไหมคะ” หลานเฟินถามออกไปด้วยความเป็นห่วง
เธอถูกชายชราขี้เมาพาเลี้ยงตั้งแต่เด็ก ชายชรามักจะหายออกไปหลายวัน ทุกครั้งที่เขากลับมาก็จะมีตำราเกาแก่ที่จารึกอักขระโบราณกลับมาด้วยทุกครั้ง นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เธอหลงไหลในศาสตร์จารึกโบราณ แต่ทุกครั้งที่ชายชราออกไปอย่างมากที่สุดก็แค่ไม่กี่เดือน ไม่เคยเงียบไปเป็นปีมาก่อน แต่ครั้งนี้เขาหายไปเกือบจะห้าปีแล้ว
หลานเฟินออกตามหาจนมาพบร่องรอยของชายชราขี้เมาที่ร้านขายของเก่าแห่งนี้ เธอได้ค้นพบว่าชายชราขี้เมาได้นำของสิ่งหนึ่งมาฝากไว้ที่นี่ เธอจึงตัดสินใจจะปักหลักอยู่ที่แห่งนี้เป็นการชั่วคราว เธอจึงตอบตกลงรับคำเชิญของวิทยาลัย
เวลาผ่านไปไม่นาน ชายชราก็เดินออกมาพร้อมกับถือกล่องไม้ใบไม่ใหญ่มากนักออกมา ภายในกล่องไม้มีแต่หนังสือตำราเก่าๆ อยู่ 5 เล่มแต่ละเล่มมีความหนาประมาณ 2 นิ้ว
ตำราเก่าทั้ง 5 เล่มทั้งหมดนี้ถูกจารึกไว้ด้วยภาษาโบราณ หลังจากที่หลานเฟินเห็นตำราทั้ง 5 เล่มนั้นดวงตาของเธอก็เป็นประกายขึ้นมาทันที
เธอรู้สึกสนใจตำราทั้ง 5 เล่มนี้เป็นอย่างมาก ครั้งที่แล้วเธอมาที่ร้านนี้ เธอได้รับจี้หยกรูปหยดน้ำที่มีจารึกอักขระโบราณที่ชายชราขี้เมาทิ้งไว้ให้มาชิ้นนึง ซึ่งตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถไขความลับของจารึกอักขระโบราณนั้นได้ เธอจึงตัดสินใจมาที่ร้านนี้อีกครั้ง เผื่อว่าจะมีเบาะแสหรืออะไรที่เกี่ยวข้องกับอักขระจารึกโบราณนั้นและสิ่งที่ชายชราขี้เมากำลังตามหา
ทันทีที่หลานเฟินได้ยินข่าวเรื่องมีของที่ได้มาจากสุสานที่ร้านนี้ เธอจึงรีบมา
“คุณตาขายตำราทั้งหมดนี่ให้ฉันได้ไหมคะ” หลานเฟินถามซื้อทันทีที่เห็นภาษาที่จารึกบนตำรา
“ได้สิไหนๆ มันอยู่กับตาไปก็ไร้ประโยชน์” คุณตาเจ้าของร้านมองไปที่ตำราทั้ง 5 เล่มก่อนจะเอ่ยออกมา
“แต่ตาขอเตือนอะไรไว้สักอย่างนะ ตำราทั้งหมดนี้มันแปลกมาก ไม่ว่าจะพยายามเปิดอ่านเท่าไหร่ก็ไม่สามารถเปิดอ่านได้” ชายชราเอ่ยเตือนขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะซื้อมัน” ถึงแม้จะยังสงสัยสิ่งที่ชายชราพูด แต่เธอก็ยังต้องการตำราทั้งหมดนั้นอยู่ดี
หลังจากได้รับของที่ต้องการแล้ว หลานเฟินก็ออกจากร้านขายของเก่า กลับไปยังที่พักของเธอทันที หลานเฟินนำตำราทั้งหมดไปไว้ในห้องทดลอง ห้องที่เธอไว้ใช้ในการสร้างโอสถ อาวุธ และทักษะวิชาแบบใหม่
ตุบ.....(เสียงวางตำรา)
“เอาล่ะ เราจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี” หลานเฟินพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะเลือกหยิบตำราเล่มที่มีความหนาที่สุดมาลองเปิดดูก่อน
กึก กึก...
เปิดไม่ออก??
“เปิดอ่านไม่ได้อย่างที่คุณตาบอกมาจริงด้วย.... ทำอย่างไงดีล่ะทีนี้” หลานเฟิน ลองหยิบตำราขึ้นมาอีกเล่ม
กึก...กึก
เปิดไม่ออก!!!
นี่ก็ไม่ออก!!!
ไม่ออก!!!
ไม่ออก!!!
“.......” หมดแล้วตำราทั้ง 5 เล่มเปิดอ่านไม่ได้สักเล่มเดียว
หลานเฟินถึงกับนำมือขึ้นมากุมขมับตัวเอง ถึงเธอจะเก่งกาจแค่ไหนหากตำราเปิดอ่านไม่ได้นั่นมันก็ไร้ประโยชน์
หลานเฟินนำตำราทั้งหมดมาวางเรียงกันและวิเคราะห์ใหม่อีกครั้ง ทันใดนั้นเองหลานเฟินก็สังเกตเห็นลวดลายบนตำราทั้ง 5 เล่ม
“อ๊ะ...ลวดลายนี้มันคล้ายสัญลักษ์อะไรสักอย่าง”
ลวดลายของตำราแต่ละเล่มไม่เหมือนกัน แต่ถ้าลองมองสังเกตให้ดีๆ ก็จะเห็นจุดเชื่อมโยงระหว่างลวดลายของตำราแต่ละเล่ม
หลานเฟินจัดวาง เรียงตำราใหม่ทั้งหมดตามรอยต่อที่เชื่อมโยงของลวดลายที่จารึกอยู่บนตำราทั้ง 5 เล่มนั้น
วูบ... รูปร่างของลวดลายจารึกที่สมบูรณ์บนตำราปรากฏขึ้น พร้อมกับตำราที่ส่องแสงสว่างจ้าขึ้นมาเมื่อแสงสว่างหจ้านั้นหายไป ก็ปรากฏตำราที่รูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปทั้งหมด
ตำราที่เดิมทีมีอยู่ 5 เล่ม ตอนนี้เหลืออยู่เล่มเดียว ที่กำลังเปล่งแสงสีทองแดง กำลังล่องลอยอยู่กลางอากาศ
จากรอยจารึกลวดลาย เดิมทีที่เป็นแค่รอยจารึกคล้ายภาพวาดธรรมดา แต่ตอนนี้ปรากฏเป็นรอยสลักจารึกขึ้นมาแทน รอยสลักรูปดาวห้าแฉก ตรงกลางดวงดาวมีร่องลึกรูปร่างคล้ายหยดน้ำ
หลานเฟินลองเปิดตำราอีกครั้งแต่ผลที่ออกมายังคงเหมือนเดิมกับครั้งที่แล้ว หลานเฟินก้มลงไปมองที่ตำราทั้ง 5 เล่มอีกครั้ง
เมื่อหลานเฟินเห็นรอยสลักรูปหยดน้ำ ทำให้เธอก็พลันนึกถึงจี้หยกรูปหยดน้ำที่ชายชราขี้เมาทิ้งไว้ให้ที่ร้านขายของเก่านั้นขึ้นมา รูปร่างของจี้หยกก็มีลักษณะหยดน้ำเหมือนกันมากและยังมีขนาดเท่ากัน ภาษาที่ใช้ในการจารึกมาจากยุคสมัยเดียวกัน
หลานเฟินเกิดความคิดที่จะทดลองขึ้นมา เธอจึงนำจี้หยกมาเทียบกับรูปสลักรูปหยดน้ำนั้น หลานเฟินหยิบจี้หยกออกมาวางลงที่รูปสลักหยดน้ำนั้นทันที
“โอ๊ะ.... วางได้พอดีเลยแฮะ เหมือนว่าทั้งสองสร้างขึ้นมาคู่กันบางทีเราอาจจะมาถูกทางแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม”
หลานเฟินมองไปที่อักขระบนจี้หยกอีกครั้ง คราวที่แล้วเธอได้พยายามที่จะวิเคราะห์หลักการของการทำงานของอักขระที่กำกับอยู่บนจี้หยก จู่ๆความคิดหนึ่งก็แล่นขึ้นมาในสมอง ถ้าหากอักขระนั้นเป็นอักขระที่ใช้ปิดผนึกล่ะ ถ้าจะให้เปรียบก็เหมือนตำรานี้เป็นประตูที่ถูกล็อกอยู่ และต้องใช้กุญแจเพื่อที่จะไขเปิด
อาจจะเป็นจี้หยกที่เธอได้มาก่อนหน้านี้ก็ได้ แต่ดูเหมือนยังขาดปัจจัยสำคัญที่เป็นตัวชี้นำอะไรไปอยู่ หลานเฟินมองไปที่ตำราที่เปิดอ่านไม่ได้อีกครั้ง
“เอาเถอะ เป็นไงเป็นกัน ใช้วิธีที่โบราณที่สุดและง่ายที่สุด ใช้เลือดนี่แหละชี้นำ” หลานเฟินคิดจะใช้วิธีที่เข้าใจง่ายที่สุดก่อน
หลานเฟินหยิบมีดขึ้นมา กรีดไปที่ปลายนิ้วของตัวเอง
แหมะ... เลือดหยดลงไปบนจี้หยก ไหลไปตามรอยจารึก
เลือดหยดลงไปบนจี้หยก
แหมะ....
เงียบ…
ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเกิดขึ้น ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ‘หรือว่าเลือดที่ใช้ยังน้อยเกินไป’
หลานเฟินขมวดคิ้วมองดูที่ลวดลายสลักจารึกรูปดาวห้าแฉกนั้นอีกครั้ง เธอตัดสินใจนำมีดกรีดลงไปที่ฝ่ามือเพิ่ม นำเลือดทั้งหมดหยดลงไปบนจี้หยกอีกครั้งธาราแห่งสายเลือดค่อยๆ ไหลลงไปตามรอยลวดลายสลักรูปดาวห้าแฉก จนมาบรรจบกับจี้หยกสีฟ้า หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการเหล่านั้นทั้งหมด จี้หยกสีฟ้าค่อยๆกลายเปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ายโลหิต
หลังจากจี้หยกกลายเป็นสีแดงทั้งหมด พลันเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ลวดลายบนตำรา ลวดลายรูปดวงดาวห้าแฉกค่อยๆเปล่งแสงสีแดงสว่างออกมาเป็นรูปดาวห้าแฉก ตำราเล่มขยับหมุนวนเปลี่ยนเป็นลวดลายอักขระโบราณก่อนที่ตำราจะหายเข้าไปในแสงสีแดงทั้งหมด
หลานเฟินเฝ้ามองปรากฏการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างอัศจรรย์ด้วยตาไม่กระพริบ
หลังจากที่ตำราเล่มนั้นหายเข้าไปในแสงสีแดงรูปดาวห้าแฉกนั้น แสงสีแดงรูปดาวห้าแฉกก็ค่อยๆ กลุ่มก้อนแสงสีแดงนั้นลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นอย่างกระทันหัน
จู่ๆแสงสีแดงที่หยุดนิ่งกลางอากาศไม่เคลื่อนไหว ก็พลันพุ่งเข้าใส่หลานเฟินยืนอยู่อย่างไม่ทันได้ตั้งตัว หลานเฟินอุทานร้องออกมาด้วยความตกใจ
“อ๊ะ...!!!”
แสงสีแดงพุ่งหายไปที่ด้านหลังมือขวาของเธอ เมื่อแสงสีแดงหายไปปรากฏรอยสัญลักษณ์สีแดงรูปดาวห้าแฉก ตรงกลางดวงดาวนั้นเป็นรูปหยดน้ำคล้ายจี้หยกของเธอ ที่บนหลังมือด้านขวาของเธอ
ร่างกายของหลานเฟินจู่ๆก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมากระทันหันอีกครั้ง ผิวหนังของหลานเฟินค่อยๆปริแตกออกจากกันจนเกิดเป็นรอยแตกคล้ายกับใยแมงมุม
“นี่มันอะไร เกิดอะไรขึ้นกัน!!! อ๊ะ… อ๊าก.....”
ความร้อนค่อยๆกัดกินร่างกายของหลานเฟินอย่างช้าๆ หลานเฟินร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ส่วนต่างๆของร่างกายค่อยๆหายไปอย่างช้าๆ จนในที่สุดร่างทั้งร่างของ หลานเฟินก็สลายหายไป นี่เธอต้องตายอย่างนั้นหรอ
เฮือก....
หลานเฟินสะดุ้งตื่นขึ้นมา
‘นี่เราฝันไปงั้นเหรอ ทำไมร่างกายถึงได้รู้สึกร้อนอย่างนี้ ความรู้สึกเหมือนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไม่ใช่ความฝัน’ หลานเฟินพึมพำกับตัวเองด้วยความมึนงง
“นายท่านเจ้าคะ คุณหนูรู้สึกตัวแล้วเจ้าค่ะ” หญิงสาวเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น
“ไปตามท่านหมอมาเร็ว” เสียงของชายวัยกลางคนน้ำเสียงดุดันเอ่ยสั่งสาวใช้เสียงเข้ม แต่แฝงไปด้วยความวิตกกังวล
“น้องหญิง เฟินเอ๋อร์ของเราต้องไม่เป็นไรเดี๋ยวท่านหมอก็มาแล้ว” ชายวัยกลางคนเอ่ยปลอบหญิงสาวที่อยู่ข้างกาย ที่ยามนี้น้ำตาไหลอาบแก้มดั่งสายธาร
“เจ้าค่ะ ท่านพี่” หญิงสาวเอ่ยวาจาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
‘แล้วนี่มันเสียงของใครกันนักหนา โวยวายกันอยู่ได้รบกวนคนจะหลับจะนอน’
‘ไม่สิ!!! นี่มันไม่ถูกต้อง? ทำไมคนพวกนี้ถึงใช้คำพูดแปลกๆ’
ร่างเล็กค่อยๆลืมตาขึ้นมา ภาพแรกที่มองเห็นคือห้องไม้สไตล์โบราณไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์เครื่องเรือนต่างๆ ทุกอย่างเป็นสไตล์โบราณทั้งหมด หลานเฟินมองรอบๆ สายตาจับจ้องไปที่บุคคลแปลกหน้าสองคน แถมยังแต่งตัวแปลกประหลาดคล้ายชุดสมัยโบราณด้วยความประหลาดใจ อีกครั้งที่หลานเฟินต้องขมวดคิ้ว
‘นี่เธอฝันซ้อนฝันหรือยังไงกัน’ หลานเฟินหลับตาลงอีกครั้งเพื่อเรียกสติ
“เฟินเอ๋อร์ ลูกตื่นแล้วเป็นอย่างไรบ้างลูก ลูกยังรู้สึกไม่สบายตรงไหนอีกหรือเปล่า” สตรีใบหน้างดงามเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงห่วงใย
หลานเฟินรับรู้ถึงสิ่งผิดปกติได้ทันทีที่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ‘นี่ไม่ใช่ความฝัน’ เธอยังคงได้ยินคำพูดแปลกๆอยู่ หลานเฟินตัดสินใจหลับตาและลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ปรากฏว่าเธอยังคงนอนอยู่ที่เดิม นี่ไม่ใช่ความฝันอย่างแน่นอน หลานเฟินมองไปที่ผู้หญิงที่อยู่ใกล้เธอ ถามอาการของเธอด้วยความเป็นห่วง
“ที่นี่ที่ไหน?” หลานเฟินถามคู่ชายหญิงที่อยู่ตรงหน้าของเธอออกไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ ตอนนี้ในหัวของเธอมึนงงจับต้นชนปลายไม่ถูกไปหมดแล้ว
ชายหญิงทั้งสองคนที่ยืนอยู่ข้างเตียงแสดงสีหน้าตกใจทันทีที่ได้ยินคำถามของเธอ เพียงไม่นานผู้หญิงตรงหน้าของเธอก็ร้องไห้โฮออกมาอย่างกระทันหัน เล่นเอาหลานเฟินที่อยู่ในอาการสับสนสะดุ้งตกใจจนแทบตกจากเตียง…
“ท่านหมอเกิดอะไรขึ้นกับเฟินเอ๋อร์ ทำไมเฟินเอ๋อร์ถึงเป็นเช่นนี้ได้” ชายวัยกลางคนเอ่ยถาม ชายชราที่ถูกเรียกว่าท่านหมอทันทีที่ได้ยินคำถามของบุตรตรี
‘นี่ฉันพูดอะไรผิดไป หรือว่านี่ฉันกำลังฝันอยู่จริงๆ' หลานเฟินมองไปที่ชายชราที่ถูกเรียกว่าหมอที่ยื่นมือมาจับที่ข้อมือของเธอ
‘แปลก? ทำไมมือของฉันรวมไปถึงข้อมือถึงได้เล็กขนาดนี้ ความรู้สึกตอนโดนสัมผัสนั้นก็เป็นของจริง ตอนนี้ฉันไม่ได้อยู่ในความฝันอย่างแน่นอน’ หลานเฟินได้แต่สบสนกับตัวเอง จนรู้สึกตัวอีกทีชายชราก็ปล่อยมือที่สัมผัสเธอออกไปแล้ว
“เรียนท่านแม่ทัพ ร่างกายของคุณหนูนั้นเป็นปกติทุกอย่างจนน่าแปลก ร่างกายของคุณหนูไม่มีส่วนไหนที่แสดงอาการป่วยก่อนหน้านี้ออกมาเลยแม้แต่น้อย แต่การที่คุณหนูจำอะไรมิได้นั้นอาจจะเป็นผลข้างเคียง หลังจากที่คุณหนูหลับไหลไปเป็นเวลานานก็เป็นได้” หมอชราตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยมั่นใจนัก เขาไม่เคยเจอเหตุการเช่นนี้มาก่อน เขาทำได้เพียงบอกอาการตามที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเท่านั้น
หลานเฟินนั่งฟังบุคคลทั้งสามพูดคุยกัน ในหัวของเธอก็นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเธอก่อนหน้านี้ เธอจำได้ว่าเธอกำลังหาวิธีเปิดตำราอยู่ในห้องทดลอง หลังจากนั้นก็...?
หลานเฟินใช้มือน้อยๆของเธอกุมไปที่หัวของเธอ เมื่อมองไปที่มือของตนเองอีกครั้ง ความจำอันเรือนร่างก็ค่อยๆเริ่มแจ่มชัดขึ้นมา