Your Wishlist

ว่าไงคะ ท่านนายพล (บทที่ 11 : ลาป่วย)

Author: Han Wuji (Akira แปล)

กู้เหนียนจื่อ หญิงสาวอายุ 17 ปีผู้สูญเสียความทรงจำในวัยเด็ก มีเพียงภาพที่ตนเองติดอยู่ในรถที่กำลังลุกไหม้เท่านั้นที่ยังฉายชัดอยู่ในความฝันของเธอ โชคดีที่เธอได้ฮัวเฉาเหิง ทหารหนุ่มผู้มีตำแหน่งพลตรีช่วยชีวิตเอาไว้ ชายหนุ่มถูกกองทัพของจักรวรรดิร้องขอให้เป็นผู้ปกครองของกู้เหนียนจื่อที่มีอายุเพียง 12 ปี และปกปิดประวัติที่แท้จริงของทั้งคู่เอาไว้ แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แต่เธอก็อยู่กับเขานับตั้งแต่นั้นมา เธอใช้ชีวิตด้วยความกลัวและไม่มั่นคงมาตลอด เธอจะรู้สึกปลอดภัยเฉพาะเวลาได้อยู่ใกล้ ๆ ผู้ปกครองหนุ่มเท่านั้น ระหว่างนั้นกองทัพของจักรวรรดิได้ทำการสืบค้นประวัติของหญิงสาว แต่ก็ไม่สามารถค้นหาได้ว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน ตัวตนที่แท้จริงของกู้เหนียนจื่อคือใครกันแน่? เหตุใดเธอจึงถูกลอบทำร้ายจนเกือบเสียชีวิต?

จำนวนตอน : 2263

บทที่ 11 : ลาป่วย

  • 19/07/2564

ตอนนี้ใบหน้าของฮัวเฉาเหิงไม่อาจคาดเดาได้ แต่ดวงตาของเขาดูมืดมิดราวกับทะเลที่น้ำลึกไร้แสงแดดก่อนเกิดพายุเฮอริเคน เขากอดอกจ้องไปที่เฉินหลายนิ่ง ๆ “ไม่มีทางอื่นแล้วเหรอ?”

 

“ก็ไม่เชิง” ผู้เป็นหมอพูดอย่างไม่ใส่ใจ เขาเช็ดเหงื่อออกจากคิ้วด้วยผ้าเช็ดหน้า จากนั้นเขาก็ถอดแว่นตาออกและเริ่มใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดแว่น

 

“นายหมายความว่ายังไง”

 

“ถ้าคุณยืนกรานที่จะลบความทรงจำของคุณทั้งหมด วิธีเดียวที่จะทำได้คือการผ่าตัดออกทางร่างกาย กล่าวอีกนัยหนึ่ง เราจะตัดชิ้นส่วนสมองหน้าผากของคุณออก” เขาเสี่ยงเหลือบมองชายตรงหน้า แต่ไม่รอดูปฏิกิริยาของอีกฝ่ายต่อสิ่งที่เขาบอก แล้วยกแว่นขึ้นมาส่อง “แต่สิ่งนี้จะมีผลกระทบร้ายแรง บอส คุณเป็นทหารระดับสูง กองทัพจะไม่ยอมให้คุณเข้ารับการผ่าตัดแบบนี้ นอกจากนั้น พวกเขาจะอยากรู้เหตุผล คุณจะบอกพวกเขาว่ายังไง” เขาพูดอย่างตรงไปตรงมาในการวิเคราะห์ข้อดีและข้อเสียของทหารหนุ่ม

 

“แม่ง!” ฮัวเฉาเหิงกระแทกหมัดเข้าที่ประตูเหล็ก มันกระแทกแรงพอที่จะทิ้งรอยบุบไว้

 

เมื่อเห็นท่าทีแบบนั้น คิ้วของเฉินหลายก็เลิกขึ้น เขาหัวเราะและพูดกับอีกคนแบบติดตลกว่า “มีอะไรเหรอบอส? ทำไมคุณถึงมีปฏิกิริยาแบบนี้? ปกติคุณมีความมุ่งมั่นและควบคุมตัวเองได้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ ผมแน่ใจว่าสิ่งที่คุณต้องทำคือบอกตัวเองว่าคุณต้องการลืมเรื่องราวพวกนั้นและความทรงจำจะหายไป ง่าย ๆ แค่นี้เอง! แน่นอนว่าเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้จะไม่เป็นปัญหาสำหรับคุณใช่ไหม”

 

“แน่นอนว่าไม่” ชายหนุ่มร่างสูงตอบกลับเสียงดังและจงใจหักนิ้วของตัวเองต่อหน้าคนเป็นหมอ ทำให้เขาตัวแข็งทื่อราวกับหิน

 

เฉินหลายเริ่มเหงื่อออกอีกครั้ง ถ้าเขาอยากจะมีชีวิตอยู่เพื่อเห็นแสงของวันพรุ่งนี้ คงจะดีที่สุดถ้าเขาเปลี่ยนเรื่องพูด เขาคิดถึงกู้เหนียนจื่อและใช้เธอเพื่อเบี่ยงเบนความโกรธของอีกฝ่ายทันที “บอส ผมต้องไปตรวจสอบเหนียนจื่อ สาวน้อยพรหมจารีอย่างเธออาจจะต้องได้รับการรักษา พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเมื่อคืนคุณทำอะไรกับเธอบ้าง”

 

"รอก่อน" ผู้ปกครองของหญิงสาวหยุดเขาพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย “ให้หมอผู้หญิงไปตรวจ”

 

“บอส คุณกำลังเลือกปฏิบัติต่อแพทย์ชาย!” หมอหนุ่มประท้วงอย่างตรงไปตรงมา แต่ก่อนที่คนเป็นเจ้านายจะทำอะไร เขาก็เปิดเพจเจอร์ของเขาอย่างรวดเร็วและพูดว่า “หมออี้ ช่วยมาที่พักของนายพลฮัวหน่อย เราต้องการคุณเพื่อปฏิบัติภารกิจลับ”

 

ในที่สุดฮัวเฉาเหิงก็ปล่อยมือที่รั้งชายร่างท้วมไว้ หลังจากเขาปล่อยมือ เขาก็เดินไปที่หน้าต่างแล้วไปหยุดยืนกอดอกพร้อมกับมองออกไปข้างนอก “ฉันถือว่านายเข้าใจว่าบางเรื่องจะต้องถูกเก็บเป็นความลับ”

 

“เป็นความลับ! ใช่ ไม่มีปัญหา!” เฉินหลายพยักหน้าอย่างจริงจัง ซึ่งนี่เป็นวิธีการสำนึกผิด เขาไม่ต้องการที่จะเห็นด้านมืดของผู้ชายคนนี้อีกครั้ง

 

นายพลหนุ่มเพียงแค่ปรายตามองเขาอย่างเย็นชาและไม่พูดอะไรต่อ

 

ไม่นานนัก อี้ซี่ถานก็ปรากฏตัวพร้อมกับชุดเครื่องมือแพทย์ เธอทักทายเจ้าบ้านด้วยการเคารพแบบทหารแล้วหันมองไปคนที่เรียกเธอมา “หมอเฉิน ภารกิจคืออะไร?”

 

เฉินหลายชี้ไปที่ห้องนอนและนำหญิงสาวไปทางนั้นโดยพูดด้วยเสียงเบา ๆ ว่า “คุณรู้จักกู้เหนียนจื่อใช่ไหม? เธอถูกลอบทำร้าย ถ้าคุณเข้าใจที่ผมพูด เราเพิ่งช่วยชีวิตเธอไว้ ไปตรวจสอบเธอดูว่ามันแย่แค่ไหนและรักษาอาการบาดเจ็บของเธอด้วย”

 

อี้ซี่ถานเป็นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่ทำงานภายใต้คำสั่งของเฉินหลาย เธอตกใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้และถามขึ้นมาทันที “อะไรนะ? ใครทำ? จับตัวคนร้ายได้หรือยัง?”

 

ดวงตาของแพทย์หนุ่มมองไปทางฮัวเฉาเหิงที่กำลังยืนหันหลังให้กับพวกเขาโดยไม่พูดอะไร แต่ปากของเขากระตุกอย่างควบคุมไม่ได้ เขากระแอมเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองว่า “อย่าเพิ่งถามมาก แล้วคุณคิดจริง ๆ เหรอว่านายพลฮัวจะปล่อยให้คนร้ายหนีไปได้? ผมบอกได้เลยว่าเขาจะต้องทุบกระดูกของไอ้สารเลวนั่นเป็นชิ้น ๆ แล้วเอาขี้เถ้าโยนให้ปลิวไปตามลม จำไว้ว่าคุณต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ นายพลฮัวจะมีคำสั่งทางทหารพร้อมให้คุณลงนามเมื่อคุณทำเสร็จแล้ว ผมแน่ใจว่าข้อควรระวังเหล่านี้บอกคุณได้ว่าสถานการณ์นี้ร้ายแรงแค่ไหน”

 

แพทย์หญิงพยักหน้าด้วยท่าทางเคร่งขรึม "ฉันเข้าใจแล้ว เรื่องนี้จะถูกเก็บเป็นความลับสุดยอด” เมื่อพูดจบเธอก็เดินเข้าไปในห้องนอนพร้อมกับชุดอุปกรณ์ทางการแพทย์ของเธอ

 

หลังจากเดินเข้ามาในห้องที่มืดสนิท สิ่งแรกที่เธอทำคือเปิดไฟ เธอสวมถุงมือก่อนที่จะยกผ้าห่มบาง ๆ ที่คลุมตัวกู้เหนียนจื่อขึ้น

 

สิ่งที่เธอเห็นทำให้เธอหายใจไม่ออก

 

"โอ้พระเจ้า! โหดร้าย! ป่าเถื่อน! พวกมันทำอย่างนี้กับหญิงสาวตัวเล็ก ๆ ได้ยังไง!” เธอเห็นรอยฟกช้ำมากมายอยู่บนตัวของคนที่นอนอยู่บนเตียง ภาพตรงหน้าทำให้หมอสาวแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว เธอสาปแช่งใครก็ตามที่ทำสิ่งนี้ แล้วรู้สึกว่ามันสมควรแล้วที่ไอ้สารเลวนั่นจะถูกสับเป็นชิ้น ๆ แล้วขอให้มันตกนรกหมกไหม้

 

เฉินหลายยืนอยู่ที่ทางเข้าประตูด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว เขาพยายามอย่างหนักที่จะไม่หัวเราะออกมา แต่ในไม่ช้าก็รู้สึกทนต่อไปไม่ไหว ถ้าเขายังคงทำแบบนี้ต่อไปเขาต้องตายแน่ ๆ

 

ในเวลาเดียวกันฮัวเฉาเหิงยืนอยู่ข้างหน้าต่าง มุมปากของเขากระตุกสองสามครั้ง เมื่อเขาหันออกจากหน้าต่าง สีหน้าปกติของเขาก็กลับมา เขาเดินออกจากประตูหน้าอย่างไม่เต็มใจ

 

มือของเขาถูกล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงลายพราง เขาสวมหูฟังบลูทูธจนติดเป็นนิสัยไปแล้ว เขาเดินลงมาจากชั้นสาม ตอนนี้ยังเช้าอยู่เขาจึงตัดสินใจออกกำลังกายยามเช้าสักหน่อย ซึ่งการกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางระยะทาง 10 กิโลเมตรจะเป็นเพียงสิ่งเดียวที่จะปลดปล่อยความอัดอั้นที่เขากักเก็บไว้ได้

 

เมื่อเขาเพิ่งเริ่มวิ่งก็มีสายเข้ามายังชุดหูฟังของเขา มันมาจากเจ้าหน้าที่โอเปอร์เรเตอร์ซึ่งประจำการอยู่ที่ฐานทัพทหาร

 

“ท่านครับ มีคนฝากข้อความเสียงไว้ที่สายโทรศัพท์พลเรือนของคุณ มันเป็นเรื่องของคุณกู้ อยากฟังไหมครับ”

 

นายพลหนุ่มเป็นผู้ปกครองของกู้เหนียนจื่อ แต่เขาไม่เคยเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขาต่อสาธารณะมาก่อน

 

และหมายเลขที่เขาให้กู้เหนียนจื่อเป็นหมายเลขพลเรือน ตัวตนที่เขาสร้างขึ้นว่าเป็นคนชนชั้นกลาง ด้วยเหตุนี้เพื่อนร่วมชั้นและเพื่อน ๆ ของกู้เหนียนจื่อจึงรู้สึกว่าเธอเป็นเด็กกำพร้าภายใต้การดูแลของอาที่ไม่รวยมาก

 

"ว่าไง"

 

“นี่เป็นการสัมภาษณ์รอบสุดท้ายของคุณกู้ สำหรับการเข้าเรียนต่อปริญญาโทของเธอ มหาวิทยาลัยของเธอพยายามโทรหาเธอทั้งเช้า พวกเขาบอกว่าพวกเขาโทรหาเธออย่างน้อย 10 ครั้ง แต่ไม่มีใครรับสาย ในที่สุดพวกเขาก็ยอมแพ้และโทรไปที่เบอร์ของคุณแทน”

 

การสัมภาษณ์รอบสุดท้ายสำหรับการเข้าเรียนต่อปริญญาโท?

 

ฮัวเฉาเหิงขมวดคิ้ว เขาจำได้ในทันใด กู้เหนียนจื่อเคยบอกเขาว่าเธอจะเรียนต่อปริญญาโท เธอสอบไปแล้วเหรอ? นี่ยังเหลือสัมภาษณ์อีกเหรอ?

 

ชายหนุ่มหยุดวิ่งก่อนจะโทรหาเฉินหลายและถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เฉินหลาย เหนียนจื่อเข้ารับการสอบเรียนต่อปริญญาโทหรือเปล่า?”

 

ปลายสายตอบกลับว่า “โอ้ ใช่ เธอได้อันดับหนึ่งด้วย มีอะไรเหรอ?”

 

คนเป็นผู้ปกครองของหญิงสาวจุดบุหรี่พลางถามว่า “เธอจะตื่นเมื่อไหร่? การสัมภาษณ์รอบสุดท้ายของเธอคือวันนี้ นายรู้หรือเปล่า”

 

"สัมภาษณ์? ลืมมันไปเถอะ แม้ว่าวันนี้เธอจะตื่นขึ้นมา แต่เธอก็ไม่สามารถลุกจากเตียงไปได้หรอก เธอเพิ่งกลับมาจากขุมนรก ผมคาดว่าเธอจะนอนอยู่บนเตียงอีกเป็นอาทิตย์” หมอหนุ่มกล่าวพร้อมกับเคาะนิ้วลงบนโต๊ะ

 

ฮัวเฉาเหิงดูดบุหรี่เฮือกใหญ่ด้วยความไม่พอใจก่อนจะพ่นควันออกมา แล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “โอเค หาเงื่อนไขทางการแพทย์ให้เธอ ให้เป็นเคสที่แย่ที่สุดที่นายคิดได้และใส่ไว้ในใบรับรองการลาป่วย ฉันจะหาคนไปส่งที่มหาวิทยาลัยของเหนียนจื่อและดูว่าเราจะให้พวกเขาเลื่อนการสัมภาษณ์ได้หรือเปล่า”

 

เฉินหลายไม่คัดค้าน เขารู้ว่ากู้เหนียนจื่ออยากจะไปเรียนต่อที่โรงเรียนกฎหมาย เขาเล่นกับอุปกรณ์ฟอกไตในห้องนอนขณะที่เขาตอบอีกฝ่ายว่า “ไม่มีปัญหา ผมขอแนะนำอะไรหน่อยนะ คุณควรส่งคนที่พูดเจรจาเก่งไป ผมหมายความว่าเราอาจมีปัญหาถ้าใครก็ตามที่โทรมาจากมหาวิทยาลัยของเธอเป็นคนแข็งกระด้างที่ยืนกรานที่จะทำตามกฎ แบบนั้นเราคงจะแย่”

 

“ฉันจะให้หยินชือฉงจัดการเรื่องนี้” นายพลหนุ่มกล่าว ทันทีที่เขาพูดจบเขาก็โทรออกหาหยินชือฉงทันที

 

หยินชือฉงเป็นหนึ่งในเลขาส่วนตัวของฮัวเฉาเหิง เขามักจะเป็นคนที่จัดการเรื่องภายนอกทั้งหมดของฮัวเฉาเหิง เขาเป็นคนซื่อสัตย์และติดต่อกับคนอื่นได้ดี นอกจากนี้ทักษะการโน้มน้าวใจของเขายังทำได้แม้กระทั่งเกลี้ยกล่อมนกกิ้งโครงให้ลงมาจากต้นไม้

 

ชายหนุ่มรับสายจากผู้เป็นเจ้านายและตกลงที่จะทำในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการทันที เขาเข้ามารับใบรับรองการลาป่วยและรายงานทางการแพทย์ ก่อนจะขับรถไปที่มหาวิทยาลัยของกู้เหนียนจื่อเพื่อลาป่วยให้เธอ

 

ตอนนี้เป็นเวลา 15 นาทีก่อนการสัมภาษณ์

 

เฟิงอี้ซีสวมชุดกระโปรงสีเทาอ่อนกำลังนั่งรอด้วยท่าทางที่สง่างามอยู่ในห้องประชุม ศาสตราจารย์เฮอจือชูจากเมือง B กำลังสัมภาษณ์ผู้สมัครระดับบัณฑิตศึกษาเป็นการส่วนตัวในวันนี้

 

จนถึงตอนนี้กู้เหนียนจื่อยังคงไม่ปรากฏตัว และเธอคงไม่มา

 

หญิงสาวก้มศีรษะเพื่อซ่อนรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ

 

ในห้องสำนักงานถัดไปเป็นชายในชุดสูทสีขาว เขาคือเฮอจือชู ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายที่มหาวิทยาลัย B ซึ่งตั้งอยู่ในเมือง B เขาหันหลังให้กับประตูแล้วพูดอย่างหมดความอดทนว่า “ถ้าเธอไม่สามารถมาสัมภาษณ์ได้ทัน เธอก็ควรจะสละสิทธิไป ลาป่วยงั้นเหรอ? เธอคิดว่าเธอกำลังล้อเล่นกับใครอยู่?”

 

“ศาสตราจารย์เฮอ คุณกู้ป่วยจริง ๆ ครับ มันกะทันหันและคาดไม่ถึงมาก ผมมีใบรับรองการลาป่วยของเธอซึ่งออกโดยแพทย์ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน คุณสามารถอ่านรายงานทางการแพทย์ของเธอได้ครับ” การแสดงของหยินชือฉงนั้นไร้ที่ติ เขาแสดงรายงานทางการแพทย์ที่เขาได้รับจากเฉินหลายให้อีกฝ่ายดู

 

ใบรับรองแพทย์นี้เป็นเท็จทั้งหมด แน่นอนว่าความจริงต้องถูกเก็บเป็นความลับ

 

เฮอจือชูหันกลับมาจากหน้าต่าง เขามองไปที่ใบรับรองการลาป่วยและรายงานที่อีกฝ่ายมอบให้เขา

 

เลขาหนุ่มมองผู้เป็นศาสตราจารย์เงียบ ๆ เขาไม่ได้คิดว่าศาสตราจารย์ที่มีชื่อเสียงของโรงเรียนกฎหมายมหาวิทยาลัย B จะยังดูหนุ่มขนาดนี้!

 

อาจารย์คนนี้มีรูปร่างสูงและมีร่างกายที่แข็งแรง ชุดสูทสีขาวที่พอดีกับตัวเขานั้นทำให้เขาดูสมบูรณ์แบบมากขึ้น มันช่วยเสริมท่าทางที่อ่อนโยนและใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาขึ้นด้วย

 

เฮอจือชูมีดวงตาที่เรียวยาวและแคบซึ่งหางตาชี้ขึ้นไปบนขมับของเขา ซึ่งเขามีชื่อเสียงในเรื่องดวงตาที่เย้ายวน มีชีวิตชีวา และมีรูปร่างคล้ายอัลมอนด์

ทุกวันเสาร์ เวลา 15:00
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป