Your Wishlist

ว่าไงคะ ท่านนายพล (บทที่ 3 : ผู้ปกครอง)

Author: Han Wuji (Akira แปล)

กู้เหนียนจื่อ หญิงสาวอายุ 17 ปีผู้สูญเสียความทรงจำในวัยเด็ก มีเพียงภาพที่ตนเองติดอยู่ในรถที่กำลังลุกไหม้เท่านั้นที่ยังฉายชัดอยู่ในความฝันของเธอ โชคดีที่เธอได้ฮัวเฉาเหิง ทหารหนุ่มผู้มีตำแหน่งพลตรีช่วยชีวิตเอาไว้ ชายหนุ่มถูกกองทัพของจักรวรรดิร้องขอให้เป็นผู้ปกครองของกู้เหนียนจื่อที่มีอายุเพียง 12 ปี และปกปิดประวัติที่แท้จริงของทั้งคู่เอาไว้ แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แต่เธอก็อยู่กับเขานับตั้งแต่นั้นมา เธอใช้ชีวิตด้วยความกลัวและไม่มั่นคงมาตลอด เธอจะรู้สึกปลอดภัยเฉพาะเวลาได้อยู่ใกล้ ๆ ผู้ปกครองหนุ่มเท่านั้น ระหว่างนั้นกองทัพของจักรวรรดิได้ทำการสืบค้นประวัติของหญิงสาว แต่ก็ไม่สามารถค้นหาได้ว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน ตัวตนที่แท้จริงของกู้เหนียนจื่อคือใครกันแน่? เหตุใดเธอจึงถูกลอบทำร้ายจนเกือบเสียชีวิต?

จำนวนตอน : 2263

บทที่ 3 : ผู้ปกครอง

  • 19/07/2564

ฮัวเฉาเหิงมีอาชีพเป็นทหาร แต่ในขณะนี้เขาไม่ได้อยู่ในเมือง C

 

ตั้งแต่ที่เขายอมรับภารกิจลับเมื่อเดือนที่แล้ว หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เดินทางออกจากฐานทัพในเมือง C โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเขาหายตัวไปไหน

 

ก่อนจากไปเขาได้มอบหมายให้เฉินหลายดูแลกู้เหนียนจื่อ

 

ใครไปจะคิดว่าเธอจะมีปัญหาในช่วงเวลาที่เขาไม่อยู่กัน?

 

ชายที่เป็นแพทย์นึกถึงแววตาที่เยือกเย็นและไร้ความปรานีของนายพลหนุ่มและวิธีการลงโทษของอีกฝ่าย แค่คิดถึงเรื่องนั้นมันก็ทำให้เขารู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขากำลังจะกระโจนออกจากลำคอ

 

เฉินหลายถือโทรศัพท์ของเขาพลางจ้องมองไปที่กู้เหนียนจื่อที่กำลังบิดตัวไปมาและร้องครวญครางอยู่บนโซฟา โดยที่เขากำลังคิดว่าเรื่องนี้นับเป็นเรื่องคอขาดบาดตายไหม?

 

นอกจากนี้หมอหนุ่มกำลังนึกถึงเบอร์โทรศัพท์ที่ฮัวเฉาเหิงให้เขาก่อนที่จะเดินทาง ผู้ชายคนนี้มักจะหายตัวไปตามอำเภอใจโดยไม่คิดให้คนอื่นรู้ แต่คราวนี้เขาได้ทิ้งเบอร์ไว้ให้เฉินหลายสามารถติดต่อได้ตลอดเวลา

 

แน่นอนว่าฮัวเฉาเหิงได้เตือนคนเป็นหมอซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเขาไม่ควรโทรหาเบอร์นี้เว้นแต่จะเป็นเรื่องคอขาดบาดตายจริง ๆ

 

ซึ่งมันก็คือตอนนี้ใช่ไหม?

 

เฉินหลายกดหมายเลขพิเศษสี่หลัก เสร็จแล้วก็จ้องไปที่หน้าจอโทรศัพท์พลางพึมพำอย่างกระวนกระวาย “เร็วเข้า รับสิ! รับสิ! รับ!"

 

ตอนที่แพทย์หนุ่มโทรหาเขาทางโทรศัพท์ ฮัวเฉาเหิงได้ทำภารกิจของเขาเสร็จสิ้นแล้ว ตอนนี้เขาอยู่ในเมืองหลวงของจักรวรรดิในขณะที่เขากำลังยืนอยู่นอกประตูที่นำไปสู่เวทีในวุฒิสภาเพื่อรอให้ถึงคิวของเขา

 

ภารกิจปัจจุบันของเขาคือการชักชวนให้วุฒิสภาให้เงินสนับสนุนในเขตทหารที่ 6 ที่จัดตั้งขึ้นใหม่

 

แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะต้องเข้าไปในห้องโถง

 

นายพลหนุ่มยืนอยู่ที่ปลายสุดของทางเดินด้านนอกห้องประชุมโดยคีบบุหรี่ไว้ระหว่างนิ้วมือขวาที่สวมถุงมือสีขาวของเขา ในขณะที่มือซ้ายของเขาอยู่ในกระเป๋ากางเกง เขากำลังเหม่อมองทิวทัศน์ยามค่ำคืนด้านนอกหน้าต่างกระจกบานใหญ่อย่างเงียบ ๆ

 

และไม่ไกลจากเขามีนักศึกษาฝึกงานหญิงเพียงไม่กี่คน ผู้หญิงพวกนั้นมีหน้าตาที่สะสวย นอกจากนี้ทุกคนยังมาจากครอบครัวที่มีชื่อเสียง พวกเธอกำลังมองไปทางเขา แต่ไม่มีใครกล้าที่จะเดินเข้าไปคุยกับเขาเลยแม้แต่คนเดียว

 

วันนี้ฮัวเฉาเหิงอยู่ในเครื่องแบบทหารเต็มยศ เขาสวมเสื้อเบลเซอร์สีกรมท่าที่ทำจากขนสัตว์เนื้อดีและกระดุมทองเหลืองสว่างส่องเรียงเป็นเส้นตรงจนถึงลำคอเรียวของเขา บนบ่ามีอินทรธนูและดาวที่เป็นสีทองส่องแสงระยิบระยับภายใต้แสงโคมไฟในห้องจัดเลี้ยง

 

รอบเอวของเขามีเข็มขัดทหารขนาดกว้างที่ทำจากหนังแรด ส่วนด้านล่างเป็นกางเกงขายาวสีน้ำเงินกรมท่าซึ่งทำจากผ้าวูลเนื้อดีตะเข็บตรงไร้ที่ติ และเท้าของเขาก็สวมรองเท้าบูทสูงถึงเข่า

 

ชายหนุ่มมีความสูงประมาณ 180 เซนติเมตรและรองเท้าบูทคู่นี้ทำให้เขาสูงมากกว่าเดิมไปอีก นอกจากนี้เขายังมีไหล่กว้างและอกผายอีกด้วย เขาได้เข้ารับราชการทหารเมื่ออายุ 15 ปีและก่อนหน้านั้นเขาได้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาก่อน ทำให้ในขณะที่ยืนอยู่นิ่ง ๆ เขาดูสง่างามราวกับรูปปั้นแกะสลักอย่างดี 

 

เมื่อประกอบกับชุดทหารรัดรูปของเขายิ่งทำให้ทุกคนเห็นถึงความแข็งแกร่งของเขาชัดเจนยิ่งขึ้น

 

แค่รูปร่างที่สูงและกล้ามเนื้อแน่น ๆ ของเขาเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้หัวใจของหญิงสาวทุกคนเต้นแรงแล้ว แต่ราวกับว่าสวรรค์ยังลำเอียงไม่พอ เพราะใบหน้าที่เข้ากับรูปร่างนั้นก็หล่อเหลาเสียจนผู้หญิงส่วนใหญ่ที่มองดูนั้นรู้สึกสิ้นหวังกับความไม่คู่ควรของตัวเอง

 

โชคดีที่โลกนี้ยังไม่ถึงกับไม่ยุติธรรมเสียทีเดียว รูปลักษณ์ที่น่าอิจฉาของเขากลับกลายเป็นว่าไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขาเลย ทำให้ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเป็นเหมือนสิ่งต้องห้ามและใครก็ตามที่ถูกจ้องมองมักจะรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งตัวเพราะดวงตาที่เยือกเย็นและห่างเหินของเขา ซึ่งกู้เหนียนจื่อได้แปลความหมายของสายตานั้นไว้ว่า ‘พวกแกมันก็แค่เศษขยะ’

 

เขาได้รับชื่อเสียงในฐานะ ‘ยูนิคอร์น’ ของกองกำลังปฏิบัติการพิเศษ ดอกไม้ที่ไม่มีใครสามารถแตะต้องได้ซึ่งจะเบ่งบานอยู่บนยอดเขา ชายผู้นี้เป็นคนที่สมบูรณ์แบบที่ทุกคนปรารถนา แต่ก็ทำได้แค่ชื่นชมจากระยะไกลเท่านั้น

 

ในขณะนั้นฮัวเฉาเหิงจ้องมองท้องฟ้ายามค่ำคืนสีฟ้าเข้มที่อยู่เหนือหน้าต่างขณะที่เขาพ่นควันบุหรี่ออกมา เขากำลังคิดถึงคำปราศรัยที่เขากำลังจะนำเสนอต่อวุฒิสภา

 

ทันใดนั้นหูฟังบลูทูธของเขาก็ดังขึ้น

 

มีคนโทรหาเขาโดยใช้เบอร์ลับสุดยอดส่วนตัวที่ใช้ในทางทหารเท่านั้น และเขาเคยให้เบอร์นี้กับเฉินหลายเท่านั้นและย้ำกับเขาว่าให้โทรมาได้ในเฉพาะกรณที่มีเรื่องคอขาดบาดตายของกู้เหนียนจื่อเท่านั้น

 

มีบางอย่างเกิดขึ้นกับกู้เหนียนจื่อหรือเปล่า?

 

ชายหนุ่มรวบรวมสมาธิกลับมาแล้วสะบัดบุหรี่ทิ้งลงในถังขยะและพูดอย่างไร้อารมณ์ว่า “ว่ามา”

 

ชุดหูฟังบลูทูธของเขาได้เชื่อมต่อกับสายส่วนตัวทันที เสียงที่นุ่มนวลและทุ้มลึกของผู้มีตำแหน่งพลตรีดังผ่านการเชื่อมต่อและผ่านเข้าสู่หูของเฉินหลายที่อยู่ในอีกด้านหนึ่งของสายสนทนา

 

แพทย์หนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกราวกับว่าในที่สุดเขาก็ปลดภาระอันหนักอึ้งในใจไปได้ ก่อนที่เขาจะรีบอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับกู้เหนียนจื่อ

 

คิ้วหนา ๆ ของฮัวเฉาเหิงขมวดเล็กน้อย “ยาปลุก? นายโทรหาฉันในเวลานี้เพราะเรื่องโง่ ๆ เนี่ยนะ แค่ให้ยาแก้พิษกับเธอก็พอแล้วไม่ใช่หรือไง” เสียงของเขาทุ้มต่ำและฟังดูไม่แยแส แต่เฉินหลายสามารถบอกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกรำคาญ

 

“ผมให้ยาแก้พิษสองสามอย่างไปแล้ว แต่นี่มันมีอะไรมากกว่านั้น  มีคนพยายามทำร้ายเธอซึ่งเป็นสาเหตุที่ผมคิดว่าคุณที่เป็นผู้ปกครองของเธอควรจะได้รู้เรื่องนี้ นอกจากนี้นี่ไม่ใช่ยาปลุกธรรมดา ๆ ! มันมีฤทธิ์แรงมากและผมไม่รู้ว่าจะทำให้เธอสงบลงได้ไหม ลองฟังเสียงเธอดูสิ” หลังจากระเบิดอารมณ์โกรธเสร็จ เฉินหลายก็วางโทรศัพท์ไว้ใกล้แก้มของกู้เหนียนจื่อแล้วพูดว่า “นี่คือฮัวเฉา [1] ผู้ปกครองของเธอ”

 

ราวกับว่าในขณะนี้มีแสงแดดส่องทะลุสมองที่เลือนรางและยุ่งเหยิงของหญิงสาว เมื่อรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีเหลืออยู่เธอจึงพูดออกมาว่า “ฮัวเฉา...” ก่อนที่เธอจะเป็นลมหมดสติไป

 

‘ฮัวเฉา’ คำ ๆ นี้เปล่งออกมาอย่างนุ่มนวลและน่าฟัง ทำให้เจ้าของชื่อรู้สึกเหมือนกับว่ามีลูกแมวแรกเกิดใช้อุ้งเท้าอ้วน ๆ มาลูบไล้ฝ่ามือของเขาอย่างสนุกสนาน

 

ฮัวเฉาเหิงเป็นชายหนุ่มที่เคร่งขรึมและมีความยับยั้งชั่งใจอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้เขายังยืนอยู่ในสถานที่ที่ดูโอ่อ่าสง่างาม และเขาไม่เคยคิดเป็นอย่างอื่นกับกู้เหนียนจื่อเลย เขาเห็นเธอเป็นเด็กน้อยที่อยู่ภายใต้การดูแลของเขามาตลอด แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้สึกว่าหนังหัวของเขาชาวาบเมื่อได้ยินเสียงของเธอ

 

มีบางอย่างแปลก ๆ

 

ชายหนุ่มถามขึ้นมาทันทีว่า “เธอเป็นแบบนี้นานแค่ไหนแล้ว?”

 

ฝ่ายที่ถูกถามเหลือบมองไปที่กู้เหนียนจื่อซึ่งตอนนี้กำลังพลิกตัวและพยายามถอดเสื้อผ้าของเธอออก เขากัดฟันตัวเองแน่นจนเส้นเลือดที่ขมับปูด “ผมไม่รู้ ผมจะลองให้ยาแก้พิษกับเธอดู ผมต้องขอบอกไว้ก่อนนะว่าผมไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในยานั้นบ้าง ผมเลยไม่รับประกันว่ายาแก้พิษจะได้ผล โอย! แค่นี้ก่อนนะ เธอถอดเสื้อผ้าตัวเองออกจะหมดแล้ว”

 

เมื่อได้ยินอย่างนั้นคิ้วของฮัวเฉาเหิงเลิกขึ้นทันที แต่ขณะที่พูดน้ำเสียงของเขายังคงอยู่ในระดับปกติ “มัดเธอไว้และปิดปากเธอด้วย คิดว่านี่เป็นการฝึกของกองกำลังปฏิบัติการพิเศษแล้วกัน”

 

“ผมรู้ แต่ผมไม่มีเครื่องมืออะไรเลย” หมอหนุ่มมองไปรอบ ๆ ก่อนจะถามขึ้นมาว่า “เฮ้ คุณเก็บเชือกไว้ในบ้านพักของคุณบ้างหรือเปล่า”

 

“น่าจะมีในห้องเก็บของ รีบเข้า อย่ามัวชักช้า พาเธอไปที่คลินิกของนายที่ฐานทัพโดยเร็วที่สุด” เส้นเลือดบนขมับของคนเป็นผู้ปกครองปูดขึ้น เขาวางสายและจุดบุหรี่อีกมวนแล้วสูดเข้าไปลึก ๆ ก่อนจะหายใจออกช้า ๆ ทำให้ควันกระจายหายไปในยามพลบค่ำ

 

ในเวลาเดียวกันเฉินหลายจ้องไปที่โทรศัพท์ของตน เขาโยนมันทิ้งแล้วรีบไปที่ห้องเก็บของ ไม่นานเขาก็พบเชือกและนำมามัดตัวกู้เหนียนจื่อเหมือนข้าวต้มมัดจีน

 

 

 

ในขณะนี้หญิงสาวผู้น่าสงสารถูกมัดอย่างแน่นหนา แต่เสียงครวญครางที่ฟังดูน่าหดหู่ที่มาจากเธอยังคงดังรบกวนเฉินหลาย แม้ว่าเขาจะได้รับการฝึกฝนทางการแพทย์มาแล้ว เขาจึงปิดปากเธอด้วยผ้าก๊อซ จากนั้นเขาก็พาเธอออกจากบ้านแล้วเดินไปทางที่จอดรถชั้นใต้ดินของบ้านพัก เขาก็มัดเธอไว้ในรถก่อนที่จะขับรถออกจากบริเวณบ้านพักในเขตเต๋อซินเพื่อมุ่งหน้าไปยังฐานปฏิบัติการพิเศษของเมือง C

 

ในเวลาเดียวกันใบหน้าของฮัวเฉาเหิงยังคงสงบและเยือกเย็น แต่ภายในใจเขากำลังเริ่มกังวล มันเป็นแค่ยาปลุก แทบจะไม่มีพิษอะไร ชีวิตของเหนียนจื่อคงไม่ตกอยู่ในอันตราย เขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรีบกลับบ้านไปในตอนนี้

 

แต่ใครจะรับประกันได้?

 

เขาเหลือบมองนาฬิกาของตัวเองเป็นครั้งคราว แล้วหันไปออกคำสั่งกับฝานเจี้ยน ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาว่า “เตรียมเครื่องบินเกรย์ชาโดว์ให้ฉัน ทันทีที่การประชุมสิ้นสุดลง ฉันจะมุ่งหน้ากลับไปที่ฐาน บอกพวกเขาไปว่านี่เป็นการบินทดสอบ”

 

เกรย์ชาโดว์เป็นเครื่องบินขับไล่ความเร็วเหนือเสียงสองที่นั่งรุ่นล่าสุดที่ผลิตจากการวิจัยและพัฒนาทางทหารและยังอยู่ในขั้นตอนการทดสอบเท่านั้น

 

แต่ชายหนุ่มไม่ได้กังวลกับเรื่องนี้ เขาได้รับการฝึกฝนให้เป็นนักบินรบและทักษะของเขาในฐานะนักบินไม่เป็นสองรองใคร

 

ฝานเจี้ยนที่ยืนเป็นระเบียบเรียบร้อยตอบรับคำสั่งของเขาทันที "ครับท่าน!" จากนั้นเขาก็รีบออกไปเพื่อรักษาความปลอดภัยบนเครื่องบิน

 

เมื่อฮัวเฉาเหิงออกคำสั่งเสร็จก็มีหญิงสาวสวยหุ่นดีเดินออกมาจากห้องประชุม เธอโค้งคำนับและกล่าวว่า “นายพลฮัว ถึงตาคุณแล้วค่ะ”

 

ชายหนุ่มที่ถูกเลือกเดินเข้าไปในห้องโถงในขณะที่ใบหน้าของเขายังคงสงบนิ่ง 

 

ห้องประชุมใหญ่ของวุฒิสภาถูกสร้างขึ้นด้วยรูปทรงที่เหมือนกับเปลือกหอยขนาดยักษ์ โดยมีการจัดที่นั่งสำหรับวุฒิสมาชิกที่มีลักษณะคล้ายพัดที่คลี่ออกมาแล้ว คนที่อยู่ด้านหน้ามีที่นั่งต่ำที่สุดในขณะที่คนที่อยู่ด้านหลังจะนั่งสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ ทำให้ไม่มีใครบดบังสายตาของใคร

 

ส่วนโพเดียมถูกวางไว้ตรงกลางซึ่งเป็นจุดหมุนของพัด

 

ด้านหลังโพเดียมจะเป็นหน้าจออิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่มากที่สูงจากพื้นจรดเพดาน

 

ในขณะนั้นฮัวเฉาเหิงก้าวขึ้นไปยืนก่อนจะโค้งตัวเล็กน้อยบนโพเดียมเพื่อแสดงความเคารพต่อวุฒิสมาชิกด้านล่าง ต่อมาเขาแนะนำตัวเองว่า “ผมชื่อฮัวเฉาเหิง พลตรีแห่งกองทัพจักรวรรดิและเป็นผู้บัญชาการกองกำลังปฏิบัติการพิเศษซึ่งปฏิบัติงานภายใต้การบังคับบัญชาของทหารโดยตรง ผมมาที่นี่ในวันนี้เพื่อขอให้วุฒิสภาจัดสรรงบประมาณที่จำเป็นเพื่อสนับสนุนกองทัพภาคที่ 6 ตลอดระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า”

 

เมื่อเขาพูดจบภายในห้องโถงก็เงียบลง

 

หลังจากนั้นครู่หนึ่งวุฒิสมาชิกที่มีผมสีเทาที่นั่งแถวหน้าก็พูดด้วยน้ำเสียงที่สื่อถึงความกังขาของเขาว่า “นายพลฮัว จักรวรรดิของเรามีเขตทหารเพียง 5 แห่งซึ่งตั้งอยู่ทางด้านตะวันออก, ทางใต้, ทางตะวันตก, ทางเหนือและตรงกลาง แล้วกองทัพภาคที่ 6 ที่คุณพูดถึงนี้อยู่ที่ไหน”

 

[1] “ฮัวเฉา” เป็นชื่อเล่นที่กู้เหนียนจื่อเรียกฮัวเฉาเหิง

 

 

ข้อมูลยศทหาร

ยศทหารภาษาไทย    ตัวย่อ    ยศทหารภาษาอังกฤษ    ตัวย่อ

จอมพล - Field Marshal -

พลเอก    พล.อ.     General    Gen.

พลโท     พล.ท.    Lieutenant General   Lt.Gen.

พลตรี      พล.ต.    Major General    Maj.Gen.

พันเอก    พ.อ.    Colonel    Col.

พันโท     พ.ท.    Lieutenant Colonel    Lt.Col.

พันตรี     พ.ต.     Major     Maj.

ร้อยเอก   ร.อ.    Captain   Capt.

ร้อยโท    ร.ท.    Lieutenant     Lt.

ร้อยตรี     ร.ต.    Sub Lieutenant    SubLt.

จ่าสิบเอก จ.ส.อ.  Sergeant Major First Class SM1

จ่าสิบโท  จ.ส.ท.  Sergeant Major Second Class  SM2

จ่าสิบตรี    จ.ส.ต.  Sergeant Major Third Class  SM3

สิบเอก   ส.อ.    Sergeant   Sgt.

สิบโท    ส.ท.    Corporal   Cpl.

สิบตรี     ส.ต.    Private First Class   Pfc.

พลทหาร   พลฯ    Private   Pvt.

น้กเรียนนายร้อย   นนร.   Army Cadet      -

นักเรียนนายสิบ  -    Army Non-Commissioned Officer Student  -

ทุกวันเสาร์ เวลา 15:00
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป