Your Wishlist

ว่าไงคะ ท่านนายพล (บทที่ 2 : ลอบวางยา)

Author: Han Wuji (Akira แปล)

กู้เหนียนจื่อ หญิงสาวอายุ 17 ปีผู้สูญเสียความทรงจำในวัยเด็ก มีเพียงภาพที่ตนเองติดอยู่ในรถที่กำลังลุกไหม้เท่านั้นที่ยังฉายชัดอยู่ในความฝันของเธอ โชคดีที่เธอได้ฮัวเฉาเหิง ทหารหนุ่มผู้มีตำแหน่งพลตรีช่วยชีวิตเอาไว้ ชายหนุ่มถูกกองทัพของจักรวรรดิร้องขอให้เป็นผู้ปกครองของกู้เหนียนจื่อที่มีอายุเพียง 12 ปี และปกปิดประวัติที่แท้จริงของทั้งคู่เอาไว้ แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แต่เธอก็อยู่กับเขานับตั้งแต่นั้นมา เธอใช้ชีวิตด้วยความกลัวและไม่มั่นคงมาตลอด เธอจะรู้สึกปลอดภัยเฉพาะเวลาได้อยู่ใกล้ ๆ ผู้ปกครองหนุ่มเท่านั้น ระหว่างนั้นกองทัพของจักรวรรดิได้ทำการสืบค้นประวัติของหญิงสาว แต่ก็ไม่สามารถค้นหาได้ว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน ตัวตนที่แท้จริงของกู้เหนียนจื่อคือใครกันแน่? เหตุใดเธอจึงถูกลอบทำร้ายจนเกือบเสียชีวิต?

จำนวนตอน : 2263

บทที่ 2 : ลอบวางยา

  • 19/07/2564

กู้เหนียนจื่อยิ้มแล้วเดินตามเหม่ยเสี่ยวเหวินไปที่ห้องจัดเลี้ยง 

 

ด้านหลังต้นไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่ไกลออกไป เฟิงอี้ซีผู้ที่สวมชุดราตรีรัดไหล่สีส้มโอรสได้เห็นเหตุการณ์นั้น สีหน้าของเธอก็บูดบึ้ง เธอจึงบีบแก้วไวน์ในมืออย่างแรงจนแก้วแทบจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ

 

เฟิงอี้เฉินหันมาสะกิดเธอ “ไปกัน เธอมาถึงแล้ว”

 

หญิงสาวดื่มไวน์ทั้งหมดในแก้วของเธอเพียงอึกเดียวแล้วรวบรวมสมาธิก่อนจะปรับอารมณ์บนใบหน้าของเธอเป็นรอยยิ้มและเดินเข้าไปใกล้กู้เหนียนจื่อและเหม่ยเสี่ยวเหวิน เธอพลิกตำแหน่งของแหวนเพชรรูปลูกแพร์บนนิ้วกลางของเธออย่างลับ ๆ จากนั้นเธอก็ตบไหล่ที่มีสีแดงอมชมพูระเรื่อของกู้เหนียนจื่อเพื่อแทงเข็มเล็ก ๆ เข้าไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสียงหวาน ๆ ของเธอที่อุทานออกมาว่า “เหนียนจื่อ เธอมาแล้ว!” เธอมองชุดราตรีของอีกฝ่ายด้วยสายตาที่ตื่นเต้น “ว้าว เธอเป็นสาวที่สวยที่สุดในคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัย C จริง ๆ พอเธอสวมชุดนี้แล้วเธอดูสวยมากเลย!”

 

ในขณะนั้นฝ่ายที่ถูกตบไหล่คิดว่าไหล่ของเธอถูกอะไรกัดเพราะเธอรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา แต่ความรู้สึกนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็วจึงทำให้เธอไม่สนใจมันแล้วส่งกล่องของขวัญเล็ก ๆ ไปให้เฟิงอี้ซีแล้วพูดว่า “อี้ซี สุขสันต์วันเกิดนะ!”

 

เจ้าของวันเกิดรับกล่องของขวัญมาและจับมือของกู้เหนียนจื่อในขณะที่เธอขยับแหวนเพชรรูปลูกแพร์ที่นิ้วกลางข้างซ้ายของเธอกลับสู่ตำแหน่งเดิม

 

"เธอใจดีมาก! เอาของขวัญมาให้ทำไมเนี่ย แค่เธอมาร่วมงานฉันก็ดีใจแล้ว เธอก็รู้ว่าเราสนิทกันมากแค่ไหน ไม่ต้องพิธีรีตองอะไรมากหรอก” เฟิงอี้ซีส่งกล่องของขวัญให้กับคนรับใช้ในบ้าน เสร็จแล้วก็จับมือกู้เหนียนจื่อและขยิบตาให้เธอ “ไปกันเถอะ ฉันจะแนะนำเธอให้รู้จักกับเพื่อนของฉัน เธอจำลูกพี่ลูกน้องของฉันได้ใช่ไหม? เขาชอบเธอมานานแล้ว ไปสังสรรค์กับพวกเขาเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ ฉันจะมีความสุขมากกว่าการได้รับของขวัญเสียอีก”

 

เมื่อเฟิงอี้ซีพูดแบบนั้นทำให้กู้เหนียนจื่อไม่สามารถปฏิเสธได้และถูกดึงมือออกไปนอกห้องโถง

 

ในบริเวณนั้นมีโคมไฟหลากสีแขวนอยู่ในสวนหลังบ้านซึ่งมีเงาของคนในกลุ่ม 2-3 คนยืนอยู่และเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นเป็นระยะ ๆ

 

ช่วงเวลาต่อมาเฟิงอี้ซีลากกู้เหนียนจื่อไปถึงตรงหน้ากลุ่มผู้ชาย 5-6 คน ก่อนจะเอ่ยทักทายว่า “พี่คะ นี่คือกู้เหนียนจื่อ เธอเป็นอัจฉริยะในคณะนิติศาสตร์ นอกจากเธอจะฉลาดและน่ารักแล้ว เธอยังเด็กอยู่ด้วย เธอเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเยาวชนซึ่งเธอเริ่มเข้าเรียนได้ตั้งแต่อายุ 14 ปี และกำลังจะจบการศึกษาในปีนี้ ตอนนี้อายุแค่ 18 เอง!”

 

ในเวลานั้นหญิงสาวที่ถูกแนะนำตัวลดสายตาลง ที่จริงแล้วเธอเกิดในเดือนตุลาคม ดังนั้นเธอจึงอายุแค่ 17 ยังไม่ถึง 18 

 

เมื่อมีสาวสวยมาปรากฏตรงหน้า เหล่าชายฉกรรจ์ก็จ้องมองเธอไม่วางตา

 

การจ้องมองของพวกเขาดูเจ้าเล่ห์แล้วสายตาแสดงชัดเจนว่ากำลังมองไปที่หน้าอกของเธอและบริเวณตรงกลางลำตัวของเธอเป็นเวลานาน

 

มันทำให้กู้เหนียนจื่อรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เดินหลบออกไปเพราะเห็นแก่เฟิงอี้ซี ในขณะที่เธอฝืนยิ้มและพยักหน้า “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”

 

“ฉันชอบเด็กคนนี้ เธอดูดีและน่าจะเต็มไม้เต็มมือ” ชายคนหนึ่งที่มีหน้าตาขี้เหร่ที่ย้อมผมหลายสีแทบน้ำลายหก

 

ภายใต้แสงไฟยามค่ำคืนและโคมไฟหลากสีได้ขับให้ผิวของกู้เหนียนจื่อดูเหมือนจะส่องสว่างออกมา

 

เฟิงอี้ซีคลายมือของเธอออกจากแขนของเพื่อนสาว ทำให้ชายพวกนั้นเห็นว่าแหวนสีแดงได้เจาะลงไปบนผิวของหญิงสาวที่ดูขาวและมีเลือดฝาดแล้ว 

 

พวกเขาอยากรู้ว่าพวกเขาจะรู้สึกยังไงเมื่อมีหญิงสาวที่บอบบางเช่นนี้อยู่ใต้ร่างของพวกเขาเพื่อทำตามที่พวกเขาพึงพอใจ? หากไม่ได้ใช้ยาปลุกอะไร พวกเขาคงรู้สึกตื่นเต้นกว่านี้มากจริง ๆ

 

เมื่อเห็นว่ากู้เหนียนจื่อเป็นที่ถูกใจของผู้ชายพวกนั้นมากแค่ไหน เฟิงอี้ซีก็แทบไม่สามารถปกปิดความอิจฉาและความเกลียดชังที่ฉายลึกลงไปในสายตาของเธอได้ เธอรีบเบนสายตาออกไปและพูดพลางหัวเราะว่า “พวกเธอคุยกันได้เต็มที่เลย ฉันจะไปต้อนรับแขกก่อนนะ” พูดจบแล้วเธอก็หันหลังเดินออกไป

 

ในขณะนั้นกู้เหนียนจื่ออยากไปกับอีกฝ่ายด้วย แต่ผู้ชายพวกนั้นกลับมาล้อมเธอไว้อย่างรวดเร็ว

 

“ที่รัก จะรีบไปไหน มาดื่มกับเราก่อนดีกว่า!” ชายที่หน้าตาน่าเกลียดส่งค็อกเทลให้เธอ

 

ตอนนี้หญิงสาวรู้สึกว่าไม่อยากดื่มเครื่องดื่มมึนเมาเลย แต่ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกหมดแรงและอารมณ์บางอย่างก็เริ่มปะทุขึ้นจากช่องท้องของเธอ

 

ผู้ชายกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเธอนั้นน่าขยะแขยงมาก หากเธอเจอคนแบบนี้ข้างนอก เธอคงจะตบเขาหน้าคว่ำอย่างแน่นอน แต่ในขณะที่เขาขยับเข้ามาใกล้ เธอก็ได้กลิ่นอายของผู้ชายที่ไม่อาจต้านทานได้และมีความต้องการที่จะพุ่งเข้าหาเขาอย่างกระทันหัน!

 

จากนั้นมือของเธอก็สั่นเทาและดวงตาของเธอหรี่ลง เธออยากจะปฏิเสธและถอยห่างออกไป แต่เสียงของเธอก็แผ่วเบามากและหอบหนักเหมือนคนหายใจไม่ออก

 

นี่เธอถูกวางยาเหรอ?!

 

หญิงสาวไม่รู้ว่าตอนนี้คนปกติคงจะสูญเสียการควบคุมร่างกายไปแล้ว แต่เธอมีร่างกายที่เป็นเอกลักษณ์และความต้านทานยาพิษของเธอแข็งแรงกว่าคนปกติ

 

ในช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวังเธอจึงตัดสินใจกัดลิ้นของตัวเองอย่างแรง

 

ความเจ็บปวดที่รุนแรงระงับความต้องการในร่างกายของเธอและแรงปรารถนาจนทำให้เธอหลั่งน้ำตาออกมา ก่อนที่เธอจะก้าวถอยหลังและมองไปที่กลุ่มผู้ชายพวกนั้นด้วยรอยยิ้ม “ขอโทษนะคะ ฉันขอตัวไปห้องน้ำก่อน” เธอเลิกกระโปรงขึ้นและเดินเซไปมาแล้วรีบพุ่งเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงที่มีคนแออัดภายในโรงแรม

 

ณ เวลานั้นลูกพี่ลูกน้องของเฟิงอี้ซีกำลังตกตะลึง

 

เกิดอะไรขึ้นกับแผนการเปลี่ยนสาวสวยให้กลายเป็นสาวมากตัณหา?! เธอยังมีแรงวิ่งหนีไปได้ยังไง?!

 

ชายคนนั้นรีบวิ่งตามเธอไปในขณะที่หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ เขาไปหาเฟิงอี้ซีในห้องจัดเลี้ยง “บ้าเอ๊ย เพื่อนเธอหนีไปแล้ว”

 

“หนีเหรอ?” ฝ่ายที่ได้ยินเช่นนั้นแทบอยากจะสาดแก้วไวน์ใส่หน้าของลูกพี่ลูกน้องของเธอ “นี่มันบ้าอะไรกัน พี่บอกฉันเองนะว่านี่เป็นยาปลุกที่ดีที่สุดจากต่างประเทศ! กว่าจะหามาได้มันยากมากเลยไม่ใช่เหรอ?!”

 

เฟิงอี้เฉินเดินเข้ามาและพูดด้วยเสียงที่เบาลงว่า “นี่มันจะแย่กว่านี้อีกถ้ามีอะไรเกิดขึ้นในบ้าน” เธอมองไปรอบ ๆ และเห็นชุดผ้าไหมสีม่วงของกู้เหนียนจื่อเดินผ่านฝูงชนไปที่ประตู เธอรีบชี้ไปในทิศทางที่อีกฝ่ายกำลังมุ่งหน้าไป “เธอกำลังจะหนีไปแล้ว รีบตามเธอไป มันคงจะดีถ้าคุณพาเธอไปที่สนามข้างนอกเพื่อทำอะไร ๆ ตามแผน”

 

“เอ้าดอร์งั้นเหรอ?! ฉันชอบความคิดนี้!” ดวงตาของลูกพี่ลูกน้องของพวกเธอเป็นประกายในขณะที่เขาพาเพื่อน ๆ ไล่ตามเธอไป แต่เมื่อพวกเขาก้าวออกจากประตูมา กู้เหนียนจื่อก็หายตัวไปแล้ว!

 

ในบริเวณวิลล่าในเขตเต๋อซินมีถนนเพียงสายเดียวที่จะพาออกไปข้างนอก แต่พวกเขาไม่เห็นวี่แววของหญิงสาวคนนั้นบนถนนเส้นดังกล่าวเลย

 

“เวรเอ๊ย! เธอบินหนีไปหรือไงห้ะ!”

 

“ไม่มีทาง เราต้องหาตัวผู้หญิงคนนี้ให้เจอแล้วสั่งสอนเธอให้สำนึก!”

 

 

ในเวลานั้นกู้เหนียนจื่อไม่ได้หนีออกจากบริเวณวิลล่าในเขตเต๋อซิน

 

หลังจากที่หลบหนีออกมาจากบ้านพักของตระกูลเฟิง เธอได้มุ่งหน้าไปทางบ้านพักของฮัวเฉาเหิงที่ตั้งอยู่ใจกลางของย่านนั้น

 

มือของเธอสั่นเทาขณะคลำหากุญแจเพื่อเปิดประตู

 

เมื่อเข้าไปในบ้านได้เธอก็รีบปิดประตูแล้วหันหลังนั่งลงกอดตัวเองก่อนจะนอนลงบนพื้น เธอเกลียดความปารถนาของเธอที่แสดงออกมาก่อนหน้านี้มาก ราวกับว่าเธอไม่ได้เจอผู้ชายมาหลายร้อยปีแล้ว!

 

ไม่มีใครรู้ว่าก่อนหน้านี้เธอเจอกับผู้ชายหื่นกามที่น่ารังเกียจ แต่เมื่อเธอสูดดมกลิ่นฟีโรโมนเพศชายบนร่างกายของพวกเขา เธอก็อยากจะกระโจนเข้าหาผู้ชายพวกนั้นแล้ว

 

ตอนนี้ปากของเธอแห้งผากด้วยความกระหายแต่ร่างกายของเธอไม่ได้กระหายน้ำ

 

ในขณะที่เหงื่อของเธอไหลออกมาจนเปียกโชกไปทั่วตัว

 

กู้เหนียนจื่อจึงไปตั้งค่าเครื่องปรับอากาศในบ้านให้อยู่ในระดับต่ำสุดและถอดเสื้อผ้าออก แต่มันไม่ได้ช่วยระงับความร้อนรุ่มในร่างกายของเธอได้เลย

 

‘ฉันรับมันไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ฉันต้องการหมอ’

 

แต่ในสถานะปัจจุบันของเธอ เธอกลัวว่าตัวเองจะกระโจนเข้าใส่ผู้ชายคนแรกที่เธอเห็นและฉีกเสื้อผ้าของเขาก่อนที่เธอจะรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ด้วยซ้ำ

 

ในขณะนี้หญิงสาวยิ้มอย่างขมขื่นขณะมองไปที่โทรศัพท์ของเธอ แต่ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจกดโทรหาเฉินหลาย

 

เฉินหลายเป็นคนที่ยุ่งมาก เขาเป็นแพทย์ที่อายุน้อยที่สุดและมีทักษะมากที่สุดในโรงพยาบาลทหารทั้งหมด นอกจากนี้เขายังได้รับความไว้วางใจจากผู้ปกครองของเธอ ‘ฮัวเฉาเหิง’ ให้ดูแลเธอ

 

ในขณะเดียวกันเมื่อเฉินหลายเห็นกู้เหนียนจื่อโทรมา เขาจึงรับโทรศัพท์ทันทีแล้วถามเธอด้วยน้ำเสียงติดตลกว่า “อะไรกัน? ลมอะไรหอบมาถึงทำให้เธอโทรหาฉันแบบนี้”

 

“พี่เฉิน พี่ว่างไหม มาหาฉันหน่อย ฉันอยู่ที่บ้านพักของนายพลฮัว ฉัน...ฉัน...ฉันรู้สึกไม่ดีเลย”

 

“เกิดอะไรขึ้น? มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ” ชายหนุ่มกำลังจัดระเบียบเอกสารของเขา เมื่อเขารับสายของกู้เหนียนจื่อที่เสียงของเธอฟังดูแหบพร่าและเย้ายวนอย่างมาก ทำให้หัวใจของเขากระตุกอย่างช่วยไม่ได้และเขารู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเธอโดยสัญชาตญาณทันที

 

หมอหนุ่มเปลี่ยนโทรศัพท์ไปถือด้วยมืออีกข้าง ก่อนที่จะปิดหน้าแล็ปท็อปของเขาและเริ่มเก็บของขณะที่คุยกับปลายสายว่า “เธอรู้สึกไม่สบายตรงไหน? ฉันจะรีบไปหาทันที”

 

“ฉะ...ฉัน...ฉันอธิบายไม่ถูก แต่มันมีอะไรบางอย่างผิดปกติ อยู่ดี ๆ ตัวฉันก็ร้อนขึ้นมาเหมือนจะเป็นไข้” ใบหน้าของหญิงสาวแดงระเรื่อหลังจากที่เธอพูดจบประโยค มันทำให้เธออยากจะกัดลิ้นตัวเองมาก

 

เมื่อได้ยินอย่างนั้นมือของเฉินหลายก็ชะงักไปชั่วครู่ แล้วอ้าปากค้างก่อนที่เขาจะพูดว่า “ฉันเข้าใจแล้ว อย่าเพิ่งขยับตัวแล้วก็อย่าออกไปข้างนอก ขอฉันเตรียมอุปกรณ์ทางการแพทย์แปบนึงนะ”

 

ในขณะนั้นชายหนุ่มถือกระเป๋าแล็ปท็อปและกระเป๋าเดินทางที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์แบบพกพาแล้วเดินทางออกจากโรงพยาบาลในฐานทัพไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด 

 

 

“คืนนี้เธอไปทำอะไรมา” เฉินหลายวางอุปกรณ์ของเขาขณะที่เขาถามกู้เหนียนจื่อและเอาเลือดของเธอไปตรวจ

 

หลังจากผ่านไป 1 ชั่วโมง ผลการตรวจเลือดก็ออกมา ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นผลลัพธ์ ทำให้เขาพูดติด ๆ ขัด ๆ ว่า “เธอ...เธอโดนวางยาปลุก! ใครทำแบบนี้กับเธอเนี่ย!”

 

ฤทธิ์ของยานี้ดูเหมือนจะรุนแรงมาก นี่ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ปกติทั่วไปที่วางขายตามท้องตลาดแน่นอน

 

หัวใจของกู้เหนียนจื่อกระตุกวูบหลังจากได้ยินผลการตรวจเลือด แต่เธอไม่มีแรงที่จะพูดกับเขาอีกแล้ว ตอนนี้ร่างของเธอกระตุกและทรุดตัวลงบนโซฟาในห้อง ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำหยดใส ๆ และเธอกัดริมฝีปากล่างอย่างแรงจนเลือดออก

 

“ชิบหายแล้ว! ฉันควรทำยังไงดี?!" เฉินหลายตื่นตระหนกและรีบพูดเรียกสติอีกฝ่าย “กู้เหนียนจื่อ! เฮ้! เธอต้องใจเย็น ๆ ก่อน! ฉัน...ฉันจะเรียกผู้ปกครองของเธอมา!”

 

กู้เหนียนจื่ออายุยังไม่ถึง 18 แต่เธอต้องทนทุกข์ทรมานกับยาปลุกที่มีฤทธิ์แรงขนาดนี้ มันเกิดขึ้นได้ยังไง!

 

บัดซบเอ๊ย!

 

หมอหนุ่มส่ายหัวและยกโทรศัพท์ของเขาขึ้นมาโทรหาฮัวเฉาเหิง ผู้ปกครองของเธอทันท

ทุกวันเสาร์ เวลา 15:00
กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า ตอนถัดไป