Your Wishlist

ศึกสองนางพญา (ศึกสองนางพญา)

Author: xxx555

รัชกาลฉุงเจิงฮ่องเต้ แผ่นดินเกิดภัยพิบัติ​ทางการยังเก็บภาษีเพิ่มประชาชนเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า เหล่าโจรปล้นชิงทรัพย์ ขันทีโฉดครองเมือง กองกำลังแมนจูทางภาคเหนือยังรุกรานเข้ามา สั่นคลอนต่อบัลลังก์มังกร

จำนวนตอน :

ศึกสองนางพญา

  • 19/04/2568

เราย่อมปฎิเสธ แต่มันให้เหตุผลว่าหากเราท้องโตขึ้นมาจะอยู่ในโลกได้อย่างไร เรากลับไม่ทันคิดถึงข้อนี้

 

 แต่เราที่เป็นอาจารย์ของมันหากแต่งให้กับมันไยไม่ถูกสาปแช่งจากคนทั้งแผ่นดิน ดีที่ชงยี้เปรื่องปราดนัก กลับเสนอให้เราแอบอ้างเป็นซือม่วยของมัน

 

 ในยุทธจักรไม่มีใครเคยเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของแม่ชีเทพยดาเช็งเซียนจื้อมาก่อน หากเราบอกเป็นซือม่วยของมันย่อมสมเหตุผลที่สุด และไม่มีใครตำหนิได้ โอ ไหนๆเรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้วเราย่อมไม่มีทางออกอื่นอีก

 

 เพียงแต่ต้องเรียกชงยี้ว่าซือเฮียมันน่าอับอายนัก ซ้ำยังต้องยอมให้มันเย็ดเราตามต้องการอีก โอ...แล้วกันไปเถอะ มนุษย์ไหนเลยฝืนลิขิตสวรรค์ได้....

 

จั่วหวินหลิงยืนอยู่หน้าโต๊ะกลางห้อง เขตคฤหาสน์ตระกูลเฉา ใช้พู่กันแต่งแต้มสีสันลงบนภาพวาดสองภาพ

ที่จั่วหวินหลิงวาด กลับเป็นภาพเหมือนของฉางผิงกงจู๊และเจาเหยินกงจู๊แห่งไต้เหม็ง

 

 

พลันได้ยินสุ้มเสียงหนึ่งดังว่า

"เจ้าสิบสี่ เจ้ากำลังจะออกเดินทาง ยังมีกะใจวาดภาพอีก"

พร้อมกับเสียงดัง เฉาฮั่วฉุนในชุดชมพูเดินเข้ามาภายในห้อง

จั่วหวินหลิงเหลียวหน้าไปกล่าวอย่างยิ้มแย้ม

 

"ผู้บุตรสืบทราบแน่ชัด หลี่จื้อเฉิงสามารถเป็นใหญ่ เพียงอาศัยขุนทัพหาญกล้าผู้หนึ่ง ฉายาดาบห่วงใหญ่หลิวจุงเหมียน ขอเพียงพวกเราประจบเอาใจมัน ยังมีคนบุกเบิกแผ่นดินให้กับพวกเรา หลิวจุงเหมี่ยนนิสัยวู่วามปานดินระเบิด จุดอ่อนเพียงหนึ่งเดียวคืองมงายในราคะ"

 

"ดังนั้นเจ้าวาดรูปองค์หญิงทั้งสอง เพื่อล่อหลอกฝ่ายหลี่จื้อเฉิง"

จั่วหวินหลิงรับคำ กล่าวว่า

"ครั้งกระโน้นหวังเจาจวินถูกจับส่งตัวไปยังชายแดนเพราะสืบเนื่องจากเจ้าฮวนผู้ครองแคว้นเห็นภาพวาดของนางนั่นเอง"

จั่วหวินหลิงกล่าวพลางม้วนเก็บภาพวาดทั้งสอง กล่าวว่า

"บิดา ข้าพเจ้าต้องไปแล้ว"

 

เฉาฮั่วฉุนที่ชั่วช้ากลับบังเกิดความผูกพันกับจั่วหวินหลิงเป็นพิเศษ กำชับว่า

"เจ้าต้องถนอมตัวให้ดี"

"ข้าพเจ้าทราบ การไปของผู้บุตรครั้งนี้ ต้องติดต่อกับหลี่จื้อเฉิงให้จงได้

พลางหันกายหมายจากไป

 

เฉาฮั่วฉุนพลันเรียกรั้งไว้ สั่งขันทีข้างกายไปหยิบฉวยเกราะอ่อนคุ้มครองกายมา จั่วหวินหลิงรีบทัดทานว่า

"บิดา ในนครหลวงมีผู้คนมากหลายคิดปองร้ายท่าน เกราะอ่อนคุ้มครองกายนี้สมควรให้ท่านสวมไว้"

 

"เจ้าสิบสี่ บิดาฝึกวิชาลมปราณแกร่งกร้าว ดาบกระบี่ยากระคาย และเป็นเกราะอ่อนคุ้มครองกายตามธรรมชาติแล้ว

จั่วหวินหลิง กล่าวว่า

"การไปของผู้บุตรครั้งนี้ ประมาณเดือนสองเดือนจะกลับมา บิดานอกจากเข้าเฝ้าแล้ว อย่าได้ร่วมงานสังสรรค์โดยใช่เหตุ"

 

"เฮอะ ในนครหลวงยังมีผู้ใดทำร้ายบิดาได้"

"นั่นก็มิผิด แต่เหวียนยั่วเฟยกลับมิอาจประมาทมัน"

"เหวียนยั่วเฟยแม้มีเพลงกระบี่สูงเยี่ยม ยังไม่สามารถทำลายวิชาลมปราณแกร่งกร้าวของเราได้"

 

เอ่ยถึงตอนนี้ ปรากฏขันทีผู้หนึ่งเร่งรุดมารายงานว่า

"เฉากงกง มีคนขอเข้าพบ"

พลางประครองส่งเทียบแดงใบหนึ่งให้

เฉาฮั่วฉุนรับเทียบมาอ่านดูแวบหนึ่ง กล่าวว่า

 

"เป็นชายาเต๋อชิงอ๋องแห่งแมนจู"

...ที่แท้ขันทีโฉดเฉาฮั่วฉุน กลับมีการติดต่อกับฝ่ายแมนจูอยู่ลับๆ

 

จั่วหวินหลิงร้องโพล่งว่า

"นางกล้าเข้านครหลวงมา"

 

เฉาฮั่วฉุนกล่าวว่า

"นางเข้านครหลวงมาครั้งนี้ คงมีเรื่องสำคัญอันใด"

พลางสั่งให้ขันทีนั้นเชิญแขกเข้ามา

ขันทีนั้นล่าถอยไป ไม่นานให้หลังก็ชักนำชายาของเต๋อชิงอ๋องเข้ามา

 

เต๋อชิงอ๋องเป็นเชื้อพระวงศ์ชาวแมนจู ชายาของมันแม้เป็นสตรีวัยเกือบสี่สิบแล้ว แต่ยังคงรูปโฉมสะคราญน่าหลงใหล นางแต่งกายเช่นชาวฮั่น หากบุคลิกท่วงท่ายังสง่างามสมกับเป็นชันชั้นสูงศักดิ์

 

ผู้ที่เดินตามหลังพระชายาแมนจูสองคน หนึ่งหน้าจิ้มลิ้มแต่งกายแบบหญิงรับใช้ อีกผู้หนึ่งเค้าหน้าผุดผ่องงดงาม ดวงตากลมโตสุกใสแต่แฝงแววเย่อหยิ่งถือตัว สวมใส่ชุดบุรุษรัดกุม

 

 ห้อยกระบี่ทีเอว ทว่าทรวงอกที่อวบนูน รวมทั้งส่วนสัดที่สวยงามละลานตาทำให้แม้อยู่ในเสื้อผ้าบุรุษ แต่ก็ดูออกไม่ยากว่า นางคือสตรีที่งดงามผู้หนึ่ง

 

เฉาฮั่วฉุนแนะนำจั่วหวินหลิงต่อพระชายาของเต๋อชิงอ๋อง จากนั้นถามว่า

"พระชายารุดมาครั้งนี่ คงมีเรื่องสำคัญคิดบอกกล่าวกระมัง"

ชายากล่าวเสียงนุ่มนวล

 

"ครั้งก่อนท่านรับปากว่าจะกำจัดสื่อเข่อฝ่า แต่ยังไม่ได้ดำเนินการกระมัง"

"เกี่ยวกับเรื่องนี้ เราพยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว มิคาดในราชสำนักคอยขัดขวาง องค์หญิงฉางผิงก็หาทางหน่วงเหนี่ยวจึงไม่สำเร็จลุล่วง แต่เราจะเพียบพยายามต่อไป"

 

"ยังมี ท่านไฉนไม่หาทางตัดการส่งเสบียงบำรุงแก่กองทหารชายแดน"

"เรื่องนี้ไม่อาจกระทำโดยง่ายดาย"

ชายาเต๋อชิงอ๋องขมวดคิ้วมุ่น กล่าวเสียงเครียดว่า

"เนื่องเพราะความผิดพลาดของท่าน ทำให้ทหารแมนจูเราเกิดการสูญเสียอย่างใหญ่หลวง ท่านตัวเอ่อกุนไม่พอใจอย่างยิ่ง"

 

"สรุปแล้ว ขอพระชายาช่วยพูดจาต่อท่านตัวเอ่อกุน เรานับว่ารับใช้ฝ่ายแมนจูอย่างสุดความสามารถแล้ว"

"กงกง เราเข้าใจในความจงรักภักดีของท่าน หลังจากที่ก่อการสำเร็จต้องไม่ทอดทิ้งท่านแน่นอน"

 

"พระชายามาครั้งนี้ ขอให้พักสักหลายวัน นครหลวงเรามีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เราจะให้คนพาท่านเที่ยว รวมทั้งจัดยอดฝีมือคอยติดตามดูแล"

 

พระชายายิ้มเล็กน้อยกล่าวว่า

"จัดคนพาเที่ยวนั้นดีอยู่ แต่ยอดฝีมือกลับไม่ต้อง องครักษ์เรา สือเข่อซิ่ว นับเป็นยอดฝีมือที่ไร้ผู้ต้าน" กล่าวพลางชี้ไปที่สตรีเย่อหยิ่งที่สวมเสื้อผ้าบุรุษนั้น

จั่วหวินหลิงพลันกล่าวบ้าง

 

"พระชายาคงไม่ทราบว่าหลวงเรามียอดคนมากมาย หากคิดลอบทำร้ายเกรงว่า..."

องครักษ์หญิงสือเข่อซิ่ว พลันกล่าวเสียงเย็นชาว่า

"ตัวท่านคงเป็นยอดฝีมือผู้หนึ่ง"

 

จั่วเหวินหลิงแย้มยิ้มให้นางแล้วกล่าวว่า"เรานับว่าพอฝึกปรือฝีมืออยู่บ้าง.."

ยังไม่ทันกล่าวจบคำ ก็รู้สึกละลานตาวูบ ได้ยินเสียง ฉาด ฉาด ดังขึ้น

เฉาฮั่วฉุนหน้าแปรเปลี่ยนในทันที

 

ที่แท้ สือเข่อซิ่ว ใช้เวลาชั่วพริบตาตบหน้าของจั่วหวินหลิงไปสองครั้ง ฝีมือของนางทั้งหมดจดรวดเร็วจนจั่วหวินหลิงไม่มีโอกาสหลบเลี่ยงป้องกันเลย

 

"เป็นอย่างไร" สือเข่อซิ่วพูดเยาะเย้ย

จั่วหวินหลิงตาทอประกายเคืองแค้นวูบหนึ่งแล้วสลายไปอย่างรวดเร็ว กล่าวว่า

"แม่นางสือเป็นยอดฝีมือจริงๆ ผู้น้องเลื่อมใส"

 

เฉาฮั่วฉุนคาดไม่ถึงว่า แมนจูจะมียอดฝีมือระดับนี้ ทอดตาทั่วแผ่นดินจะหาคนที่ตบหน้าองครักษ์สิบสี่ของมันโดยไม่มีโอกาสป้องกันตัวนั้นยากยิ่ง แม้กระทั่งเหวียนเหยียนเฟยยังไม่แน่จะกระทำได้หมดจดเช่นนี้ แต่มันที่เจ้าเล่ห์แม้จะไม่พอใจสือเข่อซิ่วแต่ก็ไม่กล้าก้าวร้าวต่อหน้าพระชายาชาวแมนจู ดังนั้นจึงรีบเปลียนเรื่องพูด

 

"พระชายา หลังก่อการสำเร็จ ดินแดนภาคเหนือเป็นของพวกท่าน แต่พี้นที่กังหนำขอให้เป็นของเรา"

"เรื่องนี้เราไม่สามารถรับปากท่าน ทางที่ประเสริฐให้ท่านร่างจดหมายฉบับหนึ่ง เราจะนำส่งต่อท่านตัวเอ่อกุน เพื่อขอรับการพิจารณา"

 

เฉาฮั่วฉุนสบตากับจั่วหวินหลิงแวบหนึ่ง คล้อยตามว่า

"อย่างนั้นรบกวนพระชายาแล้ว"

กลับหน้าหลัก ตอนก่อนหน้า