รัชกาลฉุงเจิงฮ่องเต้ แผ่นดินเกิดภัยพิบัติทางการยังเก็บภาษีเพิ่มประชาชนเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า เหล่าโจรปล้นชิงทรัพย์ ขันทีโฉดครองเมือง กองกำลังแมนจูทางภาคเหนือยังรุกรานเข้ามา สั่นคลอนต่อบัลลังก์มังกร
รัชกาลฉุงเจิงฮ่องเต้ แผ่นดินเกิดภัยพิบัติทางการยังเก็บภาษีเพิ่มประชาชนเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า เหล่าโจรปล้นชิงทรัพย์ ขันทีโฉดครองเมือง กองกำลังแมนจูทางภาคเหนือยังรุกรานเข้ามา สั่นคลอนต่อบัลลังก์มังกร
เหวียนยั่วเฟยย่อกายวูบ กลับมุดลอดใต้คมกระบี่ของนาง อ้อมปราดไปด้านหลังเจาเหยินกงจู้ จากนั้นถอยปราดไปยืนในระยะห่าง ชูมือซ้ายชึ้นอย่างยิ้มแย้ม ในมือเพิ่มดอกไม่มุกล้ำค่าดอกหนึ่ง
เจาเหยินกงจู้ยกมือแตะมุ่นมวยผมอย่างลืมตัว ยืนตะลึงลานกับที่
ดอกไม้มุกนั้นความจริงประดับบนมวยผมนาง กลับถูกเหวียนยั่วเฟยปลดไป
เหวียนยั่วเฟยยิ้มพลางกล่าวว่า
"องค์หญิงเจาเหยิน เราชนะแล้ว"
ได้ยินสุ้มเสียงสดใสเสียงหนึ่งสอดขึ้น
"เป็นกระบวนท่าอันยอดเยี่ยมจริงๆ แต่หากมิใช่น้องเรามีจิตใจดีงาม ไม่อาจหักใจทำร้ายท่าน ท่านไหนเลยพิชิตนางได้?"
คนกล่าววาจาคือฉางผิงกงจู้ ที่แท้นางกับเอี๋ยนอู๋ซวงติดตามมาถึง เห็นการประลองยุทธระหว่างเหวียนยั่วเฟยกับเจาเหยินกงจู้โดยชัดตา
เหวียนยั่วเฟยเหลียวหน้าไปตามเสียง เห็นเป็นนางพญาในชุดขาวปักลายหงส์คู่นางหนึ่ง ต้องโพล่งว่า
"ท่านนี้คือ..."
เจาเหยินกงจู้กล่าวเสริมขึ้น
"นางเป็นเจ้เจ๊เราองค์หญิงฉางผิง"
เหวียนยั่วเฟยตะลึงลานวูบจึงกล่าว
"ที่แท้เป็นองค์หญิงใหญ่ ขอถามน้องท่านมีจิตใจดีงามอย่างไร?"
ฉางผิงกงจู้กล่าวว่า
"เมื่อครู่น้องเราพอลงมือ ก็ใช้ออกด้วยท่าหงสาสามผงกหัว"
"เราใช้ท่าลมฝนแปดทิศเข้าคลี่คลาย"
"น้องเราหากลงมือ ก็ใช้ออกด้วยท่าห้าเหมยเบ่งบาน แยกย้ายแทงใส่จุดเทียนตี้ ฮุ้นมึ้ง ฮั่วก่าย เชียะซิบและเห็งมึ้งของท่านห้าแห่ง ท่านจะรับมืออย่างไร"
"เราจะใช้ท่าลมคลุมทั่วทั้งเหลาเข้าทำลาย"
"แต่หากเป็นเช่นนั้น ท่านต้องถอยร่นไปห้าก้าว"
เหวียนยั่วเฟยรับคำ ฉางผิงกงจู้จึงกล่าวว่า
"ท่านลองดูว่าที่นี่มีพื้นที่กว้างขวางเท่าใด?"
"ยังเพียงพอให้เราสำแดงฝีมืออย่างเต็มที่"
"หากแม้นน้องเราสามนายบ่าวใช้ท่าสิบสองกับดัก ผนึกกำลังต้านรับท่าลมคลุมทั่วทั้งเหลาของท่าน ท่านจะรับมืออย่างไร?"
"เราจะใช้ท่าลำแสงพุ่งฟ้าเข้าต่อกร"
"หากท่านใช้กระบวนท่านี้ กระบี่ของน้องเราทั้งสามจะแทงใส่จุดย่งจั้วที่ส้นเท้าของท่าน ท่านจะหลบเลี่ยงได้สักกี่กระบี่?"
เหวียนยั่วเฟยอึ้งไปวูบจึงกล่าว
"องค์หญิงสูงส่งยอดเยี่ยมจริง แต่นี่เป็นเพียงการเคลื่อนทัพบนแผ่นกระดาษ เราคิดขอรับทราบกระบวนท่าขององค์หญิงด้วยตนเอง"
ฉางผิงกงจู้เบือนหน้าไปอีกทางหนึ่ง หาตอบรับไม่ เจาเหยินกงจู้ต้องกล่าวว่า
"พี่เราร่างกายอ่อนแอตั้งแต่เล็ก ไม่เคยฝึกวิชาบู๊มาก่อน ไหนเลยประกระบวนท่ากับท่านได้?"
ฉางผิงกงจู้กล่าวเสริมขึ้น
"กระบวนท่าของเรา ล้วนเล่าเรียนจากคัมภีร์วิชาฝีมือทั้งสิ้น"
เหวียนยั่วเฟยมีท่าทีระทดท้อแท้ กล่าวว่า
"เราแม้ประลองยุทธเอาชัยองค์หญิงเจาเหยิน แต่ภูมิรอบรู้เชิงวิทยายุทธ ยังสู้คนไม่รู้จักฝีมือผู้หนึ่งไม่ได้ ไหนเลยอวดตนเป็นผู้ชนะได้ เราขอยอมรับการพ่ายแพ้"
พลางเหลียวหน้าไปยังเอี๋ยนอู๋ซวงอย่างเสียใจแวบหนึ่ง
ฉางผิงกงจู้กล่าวว่า
"เหวียนกงจื้อ ซึ่งความจริงผลแพ้ชนะได้เสียไม่ควรยึดถือเกินไป ท่านสามารถนำโกวเนี้ยนางนี้กลับไปได้"
เจาเหยินกงจู้เรียก "พี่ท่าน" ฉางผิงกงจู้ชิงกล่าวว่า
"เรื่องนี้น้องเราเป็นฝ่ายผิดตั้งแต่ต้น เราต้องขออภัยแทนน้องเรา ณ ที่นี้"
เหวียนยั่วเฟยประสานมือกล่าวว่า
"องค์หญิงใหญ่เคารพเหตุผลเทิดทูลคุณธรรม ผู้แซ่เหวียนนับถือเลื่อมใสยิ่ง"
กล่าวจบ นำพาเอี๋ยนอู๋ซวงออกจากวัง กลับไปยังห้องพักในตึกหอมหวน
วิกาลผ่านมาได้ค่อนคืน ใกล้เวลาจะรุ่งสางแล้ว เช็งเซียนจื้อนอนซุกหน้าอยู่ในอ้อมอกของเอี้ยชงบนเตียง สองอาจารย์ศิษย์หยอกเย้ากันอย่างหวานชื่น
ยามนั้นเอี้ยชงกล่าวว่า
"เช็งยี้ เจ้าช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก"
"ซือเฮีย ข้ามีความสุขเหลือเกิน"
"เช็งยี้ เจ้าว่าลีลาของข้าเป็นยังไง"
เช็งเซียนจื้ออุทานดังอา พลิกหันหลังให้ กล่าวด้วยสีหน้าแดงซ่านว่า
"เรื่องแบบนี้ไหนเลยกล่าวได้ ช่างน่าอายนัก"
เอี้ยชงสวมกอดนางไว้ จูบไปที่แก้มของนาง แล้วกระซิบที่ข้างหูว่า
"บอกมา ลีลาของข้าเป็นยังไง มิเช่นนั้นจะถูกลงโทษ"
ปากว่าสอดมือเข้าไปคลึงที่ปทุมถันอวบอิ่มของนาง
เช็งเซียนจื้อถูกจับนม ก็วาบหวิว สั่นสะท้าน กล่าวว่า
"ซือเฮีย ท่าน...ลีลา...ดียิ่ง..." พูดถึงเพียงนี้ก็อับอายหน้าแดงฉานไป
เอี้ยชงไม่เห็นใบหน้านาง แต่ได้ยินถ้อยคำก็ได้ใจ ขยับกายแนบไปกับร่างนาง ท่อนควยเต้นกระดุบๆทาบอยู่ที่ร้องก้น มือก็เลื่อนลูบไล้ไปตามส่วนสัดที่งดงามเย้ายวน ลงไปเกาะกุมอยู่ที่โคกหี ลูบคลำขนหมอยอ่อนนุ่มของนางเล่น พร้อมกับขยับตัวให้ลำควยเสียดสีกับร่องก้น สร้างความเสียวซ่านให้เช็งเซียนจื้อยิ่งนัก ถึงกับร้องครางออกมาเบาๆ
"ซือเฮีย พอก่อนเถอะ ข้าจะไม่ไหวแล้ว"
เอี้ยชงหัวเราะเสียงหื่น สอดนิ้วเข้าไปในร่องหีที่เปียกแฉะกล่าวว่า
"เช็งยี้ หีเจ้าโดนรุมกระหน่ำจากนักพรตโฉดมาไม่รู้กี่อันยังปิดสนิทแน่น ช่างน่าอัศจรรย์นัก"
"ซือเฮีย อย่าพูดแล้ว"
"อับอายไปไย.... เช็งยี้ เจ้าสอนวิทยายุทธให้ข้า แต่ข้าสอนเพลงสวาทให้เจ้า อันที่จริงเจ้าควรเรียกข้าว่าอาจารย์บ้างจะได้ไม่เสียเปรียบกัน"
เช็งเซียนจื้อได้ฟังก็วาบหวามหัวใจ ร่ำร้องว่า
"ไหนเลยมีเรื่องน่าอายเช่นนั้น ชงยี้ แค่เรียกเจ้าว่าเซือเฮียก็ยากจะกล่าวออกจากปากแล้ว เจ้านี่ช่าง.."
เอี้ยชงพลันพลิกร่างนางกลับมา สวมกอดไว้ จูบเบาๆที่แก้ม แล้วกล่าว
"เช็งยี้
เจ้าหน้าอ่อนเยาว์อย่างนี้จะต้องอับอายไปไย ...หากบอกเป็นน้องสาวข้า ใครจะกล้าไม่เชื่อ"
พูดพลางมือเปะปะลูบไล้ไปทั่วร่างของนาง
"อืมมม... เช็งยี้ตัวเจ้าช่างนุ่มมือยิ่งนัก มาเย็ดกันอีกรอบเถอะ"
"อย่า ไม่เอา..ซือเฮีย...พอแล้ว"
"อูยยย ไม่เอาได้ไง อือ เช็งยี้ หีเจ้าแฉะไปหมดแล้ว มาเถอะ..."
เช็งเซียนจื้อหัวเราะคิก ดิ้นรนจากอ้อมกอด ลุกขึ้นจากเตียงแล้วกล่าวว่า
"ใกล้จะสางแล้ว ซือเฮีย ข้าไปอาบน้ำก่อนดีกว่า"
เอี้ยชงหัวเราะกล่าวหยอกล้อว่า
"จริงด้วย เช็งยี้ ตัวเจ้าเปียกน้ำกามของพวกจมูกโคเต็มไปหมด อาบน้ำให้หอมๆแล้วค่อยมาเย็ดกันต่อ"
เช็งเซียนจื้อหัวเราะชอบใจ พลันกล่าวว่า
"เอ๊ะ.. ว่าข้าเหม็นงั้นให้ดมเลย"
พูดแล้วกระโดดกลับขึ้นไปบนเตียง จ่อโคกหีเข้ากับจมูก เอี้ยชงรีบยึดสะโพกนางไว้แล้วแลบลิ้นสอดเข้าไปในร่องหีทันที เช็งเซียนจื้อหัวร่อคิกแล้วรีบกระโดดออก สวมเสื้อคลุมแล้วเดินออกจากห้องด้วยความวาบหวามดื่มด่ำ
เช็งเซียนจื้อนั่งเปลือยเปล่าอาบน้ำอุ่นอยู่ในถังไม้อย่างมีความสุข น้ำในถังอุ่นจนร้อนควันขึ้นกรุ่น ใบหน้างามของนางแดงซ่าน เห็นช่วงลำคอระหง ไหล่นวลเนียนยามเปียกน้ำเรียบลื่นเป็นประกายชวนให้ผู้คนตาพร่างพราย
นางครุ่นคิดด้วยความเคลิบเคลิ้ม
... คิดไม่ถึงจริงๆว่า ชงยี้จะดีกับเราปานนี้ แม้เราจะไม่ได้มอบความบริสุทธิ์ให้กับมัน ซ้ำยังเป็นสตรีที่มีราคี ถูกรุมข่มขืน
แต่มันกลับยินยอมรับเราเป็นภรรยา...ใบหน้าของนางยิ้มแย้มอย่างเปี่ยมสุข ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น
....มันก็เพราะเจ้าพวกอลัชชีชั่วร้ายนั่นเอง โอ...เราเช็งเซียนจื้อเสียทีที่มีพลังฝีมือสูงกับพลาดท่าให้กับพวกมัน ช่างน่าแค้นใจยิ่งนัก...
...ยาที่เจ้าพวกนั้นใช้ร้ายกาจจริงๆ ยากนักที่พวกมันค้นคว้ามาได้... มันทำให้เราไม่สามารถรวบรวมลมปราณได้เลย เราเมื่อสูญเสียพลังฝีมือก็เป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น อย่าว่าแต่บุรุษเป็นสิบๆคนเลย แค่คนเดียวเราก็ต้านทานไม่ได้.. อย่าว่าแต่เรายังถูกสกัดจุดอีกด้วย
เจ้าอลัชชีป้กติ้งอันชั่วช้าตอนนั้นถอดเสื้อผ้าจนเปลือยเปล่าไปแล้ว ...โอ เป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นเจ้าส่วนนั้นของบุรุษ มันนอกจากจะใหญ่และยาวแล้ว ตรงปลายยังพองบาน ช่างน่าเกลียดน่าขยะแขยงเหลือเกิน
เจ้าอุบาทว์ชาติชั่วมันล้มทาบทับลงมาบนลำตัวของเรา เอาเจ้าสิ่งนั้นถูไถตามเนื้อตัวที่เปลือยเปล่าของเรา.... เราแม้ขุ่นเคืองยิ่งแต่ไม่มีกำลังจะต่อต้านได้
เจ้าพรตถ่อยมันก้มหน้าจูบปากเราอย่างชั่วช้า บีบขยำปทุมถันจนเจ็บไปหมด ซ้ำยังดูดเลียหัวนมเราอย่างหยาบช้าลามก...
....คิดถึงตอนนี้เช็งเซียนจื้อต้องกำมือ ริมฝีปากสั่นระริกด้วยความแค้นใจ
....เราสับสนงงไปหมด เราอยากจะคิดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นเพียงความฝัน.. แต่มันเป็นความจริง เรา..เรา..ไม่มีโอกาสจะขัดขืนเลย เราทั้งแค้นทั้งอับอาย เจ้าป้กติ้งมันแหกขาเราออกทั้ง 2 ข้าง