รัชกาลฉุงเจิงฮ่องเต้ แผ่นดินเกิดภัยพิบัติทางการยังเก็บภาษีเพิ่มประชาชนเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า เหล่าโจรปล้นชิงทรัพย์ ขันทีโฉดครองเมือง กองกำลังแมนจูทางภาคเหนือยังรุกรานเข้ามา สั่นคลอนต่อบัลลังก์มังกร
รัชกาลฉุงเจิงฮ่องเต้ แผ่นดินเกิดภัยพิบัติทางการยังเก็บภาษีเพิ่มประชาชนเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า เหล่าโจรปล้นชิงทรัพย์ ขันทีโฉดครองเมือง กองกำลังแมนจูทางภาคเหนือยังรุกรานเข้ามา สั่นคลอนต่อบัลลังก์มังกร
"นังชีโสโครก ดูลำควยของเต้าเอี้ย เป็นไง"
เช็งเซียนจื้อกำลังเงี่ยนสุดขีด ครั้นลืมตาเห็นท่อนควยของป้กติ้งกระดกหัวหงึกหงัก เส้นเลือดเป็นสีม่วงคล้ำนูนเป็นเส้นหงิกงอ มีขนาดใหญ่กว่าของเอี้ยชงอย่างเทียบไม่ติด
ต้องเสียวจนขมิบหีปล่อยน้ำเงี่ยนออกมาจนชุ่มโชกโพรงสวาทของตัวเอง ร่ำร้องว่า
"ท่าน...เอา...เข้ามาในรูหีเราเถอะ"
พูดแล้วลุกขึ้นจะจับลำควยของป้กติ้ง แต่พรตโฉดผลักนางล้มลงแล้วหันไปทางป้กเฮี้ยง
"ซือเจ็ก อย่างนี้ไม่ดีแน่"
"ทำไม" นักพรตคิ้วขาวขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย
"หากให้นังชีโสโครกลิ้มรสควยของเรา กลับจะเป็นการให้ความสุขแก่นางแพศยาไป ไม่สมกับความแค้นที่ทำไว้"
ป้กเฮี้ยงกล่าวว่า
"อย่างนั้นก็ให้ซือเจ็ก สกัดจุดทำลายพลังฝีมือนาง แล้วให้นางกินยาขจัดพิษ รับรู้ความอัปยศที่ถูกพวกเราข่มขืน"
ป้กติ้งมีสีหน้าลิงโลด โน้มตัวคารวะนักพรตคิ้วขาวกล่าวว่า
"รบกวนซือเจ็กแล้ว"
นักพรตคิ้วขาวยิ้มอย่างชั่วร้าย กระโดดขึ้นไปคล่อมร่างของเช็งเซียนจื้อ
"ท่าน ถอดกางเกงออกเถอะ"
เช็งเซียนจื้อร้อง ยื่นมือไปหมายช่วยปลดกางเกงของนักพรตคิ้วขาวด้วยความเงี่ยน แต่นักพรตโฉดแสยะยิ้มตวาด"นังชีแพศยานอนลง"
มือยกขึ้นจี้ไปที่ทรวงอกอวบอูม และท้องน้อย เช็งเซียนจื้อรู้สึกตัวอ่อนระทวยหมดเรี่ยวแรง นอนหงายผึ่งลงบนเตียง ตากลมโตมองหน้านักพรตคิ้วขาวอย่างเลอะเลือนไม่เข้าใจ
นักพรตคิ้วขาวล้วงมือเอาห่อผ้าออกจากอกเสื้อตนเอง แล้วคลี่ออกหยิบยาสีเขียวมาหนึ่งเม็ดยัดเข้าปากของเช็งเซียนจื้อ แล้วบีบกรามบังคับให้นางกลืนลงไป จากนั้นกระโดดลงจากเตียง ตวาดสั่ง
"ป้กติ้ง เย็ดนางให้สะใจเลย"
ยังไม่ทันที่ปุกติ้งจะขยับตัว ยาขจัดพิษก็ออกฤทธิ์อย่างรวดเร็ว เช็งเซียนจื้อพลันรู้สึกตัวขึ้น ดวงตาเปลี่ยนจากเคลิบเคลิ้มเลอะเลือนเป็นสดใสปานน้ำค้างกลางหาว แต่พอเห็นบรรดานักพรตโฉดชั่วยืนกันเต็มห้อง บางคนเปลือยท่อนล่างเห็นลำควยขนาดต่างๆกัน สภาพของตัวเองก็เปลือยเปล่าทั้งตัว !
เช็งเซียนจื้อกรีดร้อง กระโดดลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้นตกใจ รีบเกร็งพลังกลับรู้สึกว่าไม่สามารถรวบรวมลมปราณได้ ใจหายวาบ แต่ด้วยสัญชาตญาณทำให้พยายามวิ่งหนีออกจากห้อง....
ฉางผงกงจู้ในชุดขาว ปกเสื้อปักรูปหงส์คู่สีฟ้า นั่งดูหนังสืออยู่ข้างโต๊ะกลางห้องนอนของพระขนิษฐา
นางกำนัลเฟยจินเอ๋อยืนปรนนิบัติอยุ่ด้านข้าง สีหน้าอดปรากฏแววร้อนรุ่มกระวนกระวายมิได้
พลันเห็นม่านมุกเลิกวูบ เจาเหยินกงจู้เดินเข้ามาโดยมีแนเสี่ยวเชี่ยนตามติดอยู่ด้านหลัง
เฟยจินเอ๋อรีบสะอึกเข้าหา คิดกล่าวกระไร เจาเหยินกงจู้ชิงบอกใบ้ห้ามปรามไว้ เดินถึงเบื้องหน้าฉางผิงกงจู้ กล่าวอย่างยิ้มแย้ม
"พี่ท่าน ไฉนมาเยือนอย่างกะทันหัน"
ฉางผิงกงจู้เงยหน้าจากหนังสือ กล่าวว่า
"เนื่องเพราะปฎิบัติการของเจ้าวันก่อน เป็นที่ห่วงใยกังวลของเรา"
"ผู้น้องเพียงคิดช่วยหยั่งตื้นลึกหนาบางของเฉาฮั่วฉุนให้กับท่าน"
ฉางผิงกงจู้ยีดกายขึ้นช้าๆ กล่าวเสียงราบเรียบ
"อย่างนั้นเรายังต้องขอบใจเจ้าแล้ว"
"นั่นกลับไม่ต้อง เพียงแต่ภายหน้าพวกท่านควรอนุญาตผู้น้องเข้าร่วมปฏิบัติการด้วย"
"น้องเรา เราที่ไม่บอกเจ้าเพราะไม่ต้องการให้เจ้าเสี่ยงอันตราย"
เจาเหยินกงจู้กระแทกนั่งลงบนเก้าอี้ กล่าวอย่างดื้อดึง
"เพียงจัดการกับเฉาฮั่วฉุน มีอันใดเสี่ยงอันตราย"
"เจ้ายังกล่าวอีก ครั้งนี้เจ้าชิงลงมือ ก่อกวนทำลายแผนการของเรา ทั้งแทบถูกเฉาฮั่วฉุนคร่ากุมไป เจ้าหากเป็นอะไรไป เรากับพระบิดาจะทำอย่างไร"
เจาเหยินกงจู้รีบกุมมืออ่อนนุ่มของผู้เป็ยเจ้เจ๊ไว้ กล่าวว่า
"พี่ท่าน ผู้น้องจะไม่หุนหันพลันแล่นอีก"
"น้องเรา ตอนที่พวกเจ้าอยู่ในห้วงคับขัน ใช่ปรากฏยอดฝีมือเข้าช่วยเหลือหรือไม่"
"ถูกแล้ว หนึ่งคือกระบี่ดอกท้อเหวียนยั่วเฟยอีกผู้หนึ่งคือแม่ชีเทพยดาเช็งเซียนจื้อ"
ฉางผิงกงจู้ซักถามว่า
"ตอนนี้อยู่ที่ใด"
เจาเหยินกงจู้หน้าแดงซ่านกล่าวเบาๆว่า
"เหวียนยั่วเฟยอยู่ที่ตึกหอมหวน ส่วนแม่ชีเทพยดาผู้น้องไม่ทราบ"
ฉางผิงกงจู้ผงกศีรษะช้าๆ ดวงตาทอประกายวูบ
ภายในหอห้องเขตตึกหอมหวน อบอวลด้วยบรรยากาศชวนวาบหวาม เหวียนยั่วเฟยร่ำสุราชมดูระบำรำฟ้อนคลอเคลียกับเอี๋ยนอู๋ซวง และเหล่านางคณิกา ที่ห่างไปยังนั่งด้วยนักดนตรีตาบอดผู้หนึ่ง
ตึกหอมหวนเป็นซ่องคณิกาชั้นสูง สตรีทุกนวลนางมีรูปโฉมงดงาม จัดเจนวิชาระบำรำฟ้อน เพียงขายเสียงไม่ขายตัว
เหวียนยั่วเฟยกับเอี๋ยนอู๋ซวงคลอเคลียกันอยู่หลังโต๊ะเตี้ย ยกจอกดื่มสุราโบกพัดจับด้วยท่าทีงามสง่า มองดูนางระบำห้านางกรีดกรายรำอยู่ตรงหน้า
นางระบำทั้งห้า หนึ่งโบกพัดขนนกสีชมพู หมุนตัวร่ายรำอย่างอ่อนช้อยงดงาม อีกสี่นางถือถาดดอกไม้ประดิษฐ์ กรีดกรายวนเวียนอยู่รอบข้าง จนผู้คนตาละลานพร่าพราย
เหวียนยั่วเฟยชมดูจนปรบมือ ร้องชมเชยว่า
"วิเศษแท้ นับเป็นการเริงรำอันอ่อนช้อย ชั่วชีวิตยากที่จะพบพาน"
นางรำบำที่โบกพัดขนนกสีชมพูพอฟังย่อกายคารวะอย่างชดช้อย กล่าวว่า
"กงจื้อชมเชยเกินไป"
เหวียนยั่วเฟยไม่ทันกล่าว พลันได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ แม่เล้าตึกหอมหวนมือขวากุมต้นแขนซ้าย วิ่งกระหืดหระหอบเข้ามา กล่าวว่า
"เหวียนกงจู้ เบื้องนอกมีโกวเนี้ยดุร้ายรุดมาสองนอง บอกว่าต้องการพบท่าน แต่กงจื้อสั่งว่าไม่รับแขก เราจึงออกปากปฎิเสธ มิคาดพวกนางกลับทุบตีแขนของเราข้างนี้แทบหักไป"
เหวียนยั่วเฟยเลิกคิ้วอันเรียวงามกล่าวว่า
"เป็นผู้ใดดุร้ายปานนี้"
"เป็นพวกเรา"
สุ้มเสียงสดใสสองเสียงดังพร้อมเพรียง หน้าประตูเพิ่มดรุณีสาวสองนาง กลับเป็นแนเสี่ยวเชี่ยนและเฟยจินเอ๋อ
เหวียนยั่วเฟยจดจำออกว่า พวกนางเป็นนางกำนัลคนสนิทของเจาเหยินกงจู้ ดังนั้นยิ้มออกมากล่าวว่า
"ที่แท้เป็นโกวเนี้ยทั้งสอง เราเข้าใจว่าติดค้างหนี้รักของผู้ใดเสียอีก"
เฟยจินเอ๋อกล่าวอย่างขุ่นเคือง
"ท่านอย่าได้กล่าวเหลวไหล องค์หญิงพวกเราทั้งสองขอเชิญท่านเข้าวังไปหารือเรื่องราว"
"ขออภัย เราไม่มีเวลา"
"ไม่ได้ องค์หญิงเมื่อสั่งมา ท่านต้องไปให้จงได้"
เหวียนยั่วเฟยกล่าวอย่างยิ้มแย้ม
"องค์หญิงพวกท่านทั้งสองดุร้ายปานนี้?"
"อย่าได้พร่ำไร้สาระ ท่านที่แท้จะไปหรือไม่?"
เหวียนยั่วเฟยส่ายหน้าช้าๆ กล่าวว่า
"ไม่ไป"
แนเสี่ยวเชียนร้องว่า
"อย่างนั้นอย่าได้โทษว่าพวกเราเสียมารยาทแล้ว
เสียงดังร่างถึง สะอึกถึงเบื้องหน้าเหวียนยั่วเฟยยื่นมือตะปบใส่หัวไหล่อีกฝ่ายหนึ่ง
เหวียนยั่วเฟยยังนั่งแน่วนิ่ง เพียงยกพัดจีบในมือจี้วูบ ก็จี้ใส่จุดชาของนาง แนเสียวเชียนหมุนขวับไปตามแรงจึ้ จากนั้นยืนแข็งทื่อกับที่
เฟยจินเอ๋อชมดูจนหน้าแปรเปลี่ยนไป สะอึกเข้ามาสมทบ ฟาดฝ่ามือใส่เหวียนยั่วเฟยอย่างหักโหม
เหวียนยั่วเฟยตวัดพัดจีบปิดสกัดสภาวะฝ่ามือของนาง จากนั้นจี้พัดออก ก็จี้สกัดจุดชาของเฟยจินเอ๋อ เฟยจินเอ๋อก็หมุนกลับไป ยืนแข็งทื่ออีกผู้หนึ่ง
เหวียนยั่วเฟยยีดกายขึ้นช้าๆ พอดีอยู่หว่างกลางของแนเสี่ยวเชี่ยนทั้งสอง กล่าวกับแม่เล้าตึกหอมหวนว่า
"โกวเนี้ยทั้งสองทำร้ายแขนท่าน จะลงโทษนางอย่างไรดี"
แม่เล้าไม่ทันตอบ คณิการ่างอ้อนแอ้นผู้หนึ่งพลันยิ้มอย่างซุกซนพูดว่า
"โกวเนี้ยทั้งสองงดงามน่ารัก มิสู้ถอดกางเกงพวกนางออกมาชมดูว่าถ้ำหยกของพวกนางจะสวยงามแค่ไหน"
เหล่านางคณิการับคำกันเซ็งแซ่ เหวี่ยนยั่วเฟยยังไม่ทันตอบคำ พวกนางก็ฮือกันเข้าหา มือกระตุกสายรัดเอววูบ ทำให้กางเกงของทั้งคู่ร่วงลงไปกองกับเท้า เหวียนยั่วเฟยรีบหันหลังให้ จำเดิมตั้งใจจะขัดขวางแต่นึกถึงนางถือดีในอำนาจทำร้ายคนอย่างไม่มีเหตุผลสมควรได้รับการสั่งสอนแล้ว
เหล่าคณิกาแค้นใจแทนแม่เล้า จึงพากันลูบคลำโคกหีของทั้งคู่ แล้วแกล้งกล่าวลวนลามกันอย่างสนุกสนาน
"โอ้โฮ ถ้ำหยกของโกวเนี้ยทั้งคู่ช่างงดงามเหลือเกิน"
"พี่โบตั๋น ท่านว่าของคนไหนสวยกว่ากัน"
"ยากจะบอก แต่ของโกวเนี้ยท่านนี้ดกดำอวบอูมดีแท้"
"เจ้าว่าพวกนางเคยผ่านมือชายมาก่อนหรือไม่"
"ให้เราลองสำรวจดูก็รู้"
เสียงหัวเราะคิกคักดังลั่นห้อง คณิกาบ้างก็ลูบคลำเนินเนื้ออวบอูม บ้างก็ยัดนิ้วเข้าไป แนเสี่ยวเชี่ยนทั้งสองเพียงถูกจี้สกัดจุดชา ไม่สามารถขยับเคลื่อนไหว แต่ยังมีสติแจ่มใส รับรู้เหตุการณ์ทั้งมวล ล้วนร้อนรุ่มขุ่นแค้นแทบสิ้นสติไป
เอี๋ยนอู๋ซวงพลันกล่าวกับนักดนตรีตาบอดว่า
"เรานึกออกแล้ว ให้นักดนตรีร้องเพลงสิบแปดลูบคลำเถอะ"
นักดนตรีตาบอดงงงันวูบใหญ่ ที่แท้สิบแปดลูบคลำเป็นเพลงลามก บรรยายถึงการลูบไล้ทุกส่วนสัดสรีระ ดังนั้นทักท้วงว่า
"สิบแปดลูบคลำเป็นเพลง..."