ซ่งชิงหยูต้องข้ามมิติไปกว่าสิบครั้งเพื่อความอยู่รอด ก่อนที่จะได้กลับมาสู่โลกเดิมของเธอ เธออยากจะนอนเฉยๆ ไม่ทำอะไร แต่โชคชะตากลับพาเธอไปติดอยู่ในป่าดงดิบ เเต่หลังจากที่เธอพบแมวตัวหนึ่ง ชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ซ่งชิงหยูต้องข้ามมิติไปกว่าสิบครั้งเพื่อความอยู่รอด ก่อนที่จะได้กลับมาสู่โลกเดิมของเธอ เธออยากจะนอนเฉยๆ ไม่ทำอะไร แต่โชคชะตากลับพาเธอไปติดอยู่ในป่าดงดิบ เเต่หลังจากที่เธอพบแมวตัวหนึ่ง ชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
【ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์หมายเลข 0 1 2 3 ที่ทำภารกิจทั้งหมดสำเร็จ ตอนนี้จะกลับไปยังโลกเดิมของคุณ】
【ระบบจะทำการยกเลิกการผูกมัดภายในสามวินาที สาม...สอง...หนึ่ง】
【ขอให้ชีวิตที่เหลือของคุณราบรื่น—】
เสียงในหัวเธอหายไปอย่างสมบูรณ์
เธอ...กลับมาจริงๆ แล้วหรือ?!
ซ่งชิงหยูลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว
บนโต๊ะตรงหน้าเธอมีกล่องกระดาษใบหนึ่ง
ข้างในนั้นมีแมวลายเสือสีเงินขาวที่สกปรกมากตัวหนึ่งนอนอยู่
เสียงพูดคุยจอแจดังขึ้นรอบตัว
"นี่ฉันตาฝาดไปหรือเปล่า? เธอเอาแมวมาด้วย?!"
"เข้าร่วมการเอาชีวิตรอดในป่า แต่กลับเอาแมวมาด้วยเนี่ยนะ?"
"เอาขวดน้ำมาด้วยยังดีกว่าแมวอีกมั้ง?"
"เธอมาผิดที่หรือเปล่า?"
"กล้าจริง ๆ นะ!"
...
เสียงซุบซิบนินทายังดังต่อเนื่อง
ซ่งชิงหยูค่อยๆ นึกถึงสถานการณ์ของโลกเดิมที่เธอจากมา
เนื่องจากครอบครัวล้มละลายและเป็นหนี้ พ่อบุญธรรมของซ่งชิงหยูจึงโกรธจนหัวใจวายและหมดสติ
เมื่อหมดหนทาง ซ่งชิงหยูอาศัยความงามของตนเองจนได้เป็นศิลปินในสังกัดของเจียอี้มีเดีย และได้รับบทในละครออนไลน์เรื่องหนึ่ง
แต่หลังจากละครออกอากาศ เธอกลับถูกวิจารณ์ว่าเป็นแค่ "แจกันดอกไม้" ที่สวยแต่รูปเเต่ไร้ฝีมือ แถมในงานเลี้ยงงานหนึ่งเธอยังถูกผลักจนไปชนกับเจียงจื้อหาน ทายาทของกลุ่มบริษัทตระกูลเจียง
มีคำกล่าวว่า "คุยกับยมบาลยังง่ายกว่าคุยกับปีศาจ"
เจียงจื้อหานอาจไม่สนใจคนธรรมดาอย่างเธอ แต่ผู้คนที่พยายามจะเอาใจเขากลับมีมากมาย
เเล้วเหตุใดจึงจะปล่อยเธอไป?
ในขณะที่เธอตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ผู้จัดการเฉินหลันก็ยุให้เธอเข้าร่วมรายการ
"เอาชีวิตรอดในป่า 3"
เพราะในสองซีซั่นก่อนหน้านั้นมีการเปิดเผยว่าเป็นการแสดงทั้งหมด รายการนี้จึงสูญเสียความนิยมไปนานแล้ว ทีมงานจึงตัดสินใจประกาศว่าซีซั่นใหม่จะถ่ายทอดสดตลอด 24 ชั่วโมง
รายการนี้ต้องใช้ทักษะที่แท้จริง และเนื่องจากขาดทั้งกระแสและเงินทุน จึงไม่สามารถเชิญดาราดังมาร่วมรายการได้ คนที่สนใจติดตามก็มีน้อยนิด
ไม่เช่นนั้นรายการนี้ก็คงไม่มาถึงมือซ่งชิงหยูซึ่งเป็นดาราระดับล่าง!
แต่ซ่งชิงหยูไม่คาดคิดเลยว่า ก่อนที่จะได้เข้าร่วมรายการ เธอกลับประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์
ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า “ระบบข้ามโลก” นั่นมาหาเธอ ซ่งชิงหยูคงตายไปนานแล้ว!
หลังจากข้ามโลกไปหลายครั้ง ซ่งชิงหยูก็เข้าใจได้อย่างชัดเจนว่า การล้มละลายของตระกูลซ่ง อาการโคม่าของพ่อบุญธรรม การถูกกดดัน รวมถึงอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกิดขึ้นนั้น...
ไม่มีทางเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ!
เหมือนกับเจ้าแมวจรที่ปรากฏตัวในกล่องตรงหน้าเธอ
มันต้องเป็นฝีมือของใครบางคนที่จงใจสับเปลี่ยนของในกล่องแน่นอน!
เพราะในรายการนี้มีกฎสำคัญข้อหนึ่งคือ: แขกรับเชิญทั้งหกคน นอกจากเสื้อผ้าแล้วยังสามารถนำของติดตัวไปด้วยได้คนละหนึ่งชิ้นเท่านั้น
และของที่แต่ละคนเอามาจะต้องไม่ซ้ำกัน
ซ่งชิงหยูยังจำได้อย่างชัดเจนว่า ตอนนั้นเธอเตรียมไฟฉายสารพัดประโยชน์มา ไม่ใช่เจ้าแมวจรที่เธอช่วยไว้ระหว่างทาง!
ตอนนี้ เจ้าแมวตัวน้อยขนาดไม่ถึง 30 เซนติเมตรกำลังขดตัวเป็นก้อน อกของมันกระเพื่อมขึ้นลงเบาๆ อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นสัญญาณว่ามันอยู่ในสภาพที่ไม่ดีนัก
ซ่งชิงหยูที่รักแมวเป็นทุนเดิมก็เผลออุ้มมันขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“ของที่ชิงหยูเลือกนำมาด้วย ช่างเหนือความคาดหมายจริง ๆ!”
ผู้กำกับรู้สึกตัวรีบหันไปมองเจ้าหน้าที่ที่กำลังพูดคุยกันเสียงดัง เขาถลึงตาใส่จนทุกคนเงียบลง
แต่ในห้องถ่ายทอดสดแชตกลับไม่ใจดีเช่นนั้น
[ตอนซ่งชิงหยูออกมา ใบหน้านั้นทำฉันตกตะลึง แต่ไม่คิดเลยว่าสมองเธอจะมีปัญหา...]
[พระเจ้าปิดประตูด้านสติปัญญาเพื่อแลกกับใบหน้าสวยๆ ให้เธอสินะ?]
[ครั้งแรกเลยที่เห็นคนเอาสัตว์เลี้ยงมาเข้าร่วมการเอาชีวิตรอดในป่า!]
[ที่สำคัญคือซ่งชิงหยูดูบอบบางมาก แค่ดูแลตัวเองยังไม่น่าจะไหวเลยมั้ง?]
[เทียบกับคนที่เอาหม้อหรือเกลือมาแล้ว ของเธอดูแปลกมาก!]
[นี่เธอมาที่นี่เพื่อท่องเที่ยวหรือไง?]
...
ผู้ชมต่างพูดจาเสียดสี แต่ซ่งชิงหยูกลับสงบนิ่งตั้งแต่ต้นจนจบ
หลินซิง ซึ่งเป็นเน็ตไอดอลที่มีผู้ติดตามนับล้านคน รู้สึกไม่พอใจตั้งแต่แรกที่เธอถูกซ่งชิงหยู ซึ่งเป็นดาราโนเนม แย่งซีนไป แถมยังแอบดีใจที่เห็นซ่งชิงหยู กล้า เอาแมวมาร่วมรายการ
เมื่อเห็นท่าทีไม่แยแสของซ่งชิงหยู หลินซิงก็ยิ่งไม่พอใจและตะโกนขึ้นมาอย่างไม่พอใจ:
“พวกเรามาที่นี่เพื่อเอาชีวิตรอดกลางป่า แต่เธอดันเอาสัตว์เลี้ยงมาด้วย คิดจะถ่วงเรางั้นเหรอ? นี่มันชัดเจนเกินไปไหม!”
ซ่งชิงหยูหรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาหยอกล้อ และยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์:
“กฎของรายการบอกว่าสามารถเอาอะไรมาก็ได้ ฉันเอาแมวมา มีปัญหาตรงไหน?”
หลินซิงเเสร้งทำท่าทางเสียใจ:
“กฎมันก็เป็นแบบนั้นแหละ แต่พวกเราต้องร่วมมือกันในป่า เห็นแก่ทีมบ้างสิ...”
[ซิงเหม่ยพูดถูก ซ่งชิงหยูช่างเห็นแก่ตัว ไม่คิดถึงคนอื่นเลย]
[โอ้โห ยังไม่ทันเริ่มเอาชีวิตรอดก็เริ่มทะเลาะกันแล้ว?]
เมื่อเห็นหลินซิงทำท่าทางน่าสงสาร ซ่งชิงหยูก็หัวเราะออกมาอย่างกะทันหัน
หลินซิงมองเธออย่างหงุดหงิด “เธอหัวเราะอะไร? ฉันพูดอะไรน่าขำงั้นเหรอ?”
ถึงเวลาแบบนี้แล้ว ยังหัวเราะออกมาได้อีก?
ซ่งชิงหยูลูบหัวแมวช้าๆ แล้วพูดอย่างไม่รีบร้อน:
“ฉันหัวเราะให้กับคนที่ใช้สมองเป็นแค่ของตกแต่งน่ะสิ”
“เธอหมายความว่ายังไง?” หลินซิงชะงักไป
ซ่งชิงหยูอุ้มแมวให้หันหน้าไปทางกล้อง
“แมวตัวนี้ชัดเจนว่าเป็นแมวจร เธอดูไม่ออกหรือ?”
พูดจบเธอก็ยิ้มอย่างสนุกสนาน:
“รีบร้อนออกมาตำหนิฉันแบบนี้...แมวตัวนี้ หรือว่าจะเป็นฝีมือเธอที่เอามันใส่เข้ามานะ?”
"เธอพูดอะไรไร้สาระแบบนี้?" หลินซิงตาเบิกกว้าง พยายามกลบเกลื่อนความตื่นตระหนกที่อยู่ในใจ
"ฉันกับเธอไม่มีเรื่องบาดหมางกัน ฉันจะทำแบบนี้ไปทำไม? ถ้าทำก็คงบ้าไปแล้วล่ะ!"
ซ่งชิงหยูทำหน้าตาเรียบเฉย "ขอโทษทีนะ ประวัติการรักษาเป็นข้อมูลส่วนบุคคล ฉันเลยไม่รู้ว่าเธอบ้าหรือเปล่า"
"เธอ!" หลินซิงโมโหจนกำหมัดแน่น
[สีหน้าหลินซิงเปลี่ยนไปเลย]
[ซ่งชิงหยูพูดแรงไปหน่อย]
[แมวตัวนี้ผอมแล้วก็สกปรก เป็นแมวจรจริงๆ]
[ใครจะไปเอาแมวจรมาร่วมรายการได้ ซ่งชิงหยูไม่ได้โง่นะ]
[หรือว่าเป็นฝีมือหลินซิงจริงๆ?]
[หลินซิงเป็นแค่เน็ตไอดอล ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับซ่งชิงหยู หรือจะเป็นฝีมือรายการ?]
ผู้กำกับเห็นกระแสความคิดเห็นไม่ค่อยดี จึงรีบพูดขึ้นว่า "การเอาชีวิตรอดกลางป่าเป็นเรื่องที่จริงจัง รายการของเราไม่มีทางเอาชีวิตของผู้ร่วมรายการมาเล่นสนุกแน่นอน เรื่องนี้เราจะตรวจสอบให้แน่ชัดในภายหลัง..."
"กลับมาที่ประเด็นหลักก่อน ซ่งชิงหยู ตอนนี้เธออยากจะเปลี่ยนของที่เอามาไหม?"
พอได้ยินแบบนั้น หลินซิงก็มองไปที่ซ่งชิงหยูทันที เธอเผลอกัดริมฝีปากล่างแน่น ดูเหมือนจะกังวลว่าคนตรงหน้าจะตอบว่า 'ใช่'
ซ่งชิงหยูเหลือบตามองหลินซิง ยิ้มบาง ๆ แล้วพูดว่า
"อย่าเข้าใจผิด ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น"
"ฉันจะเอาแมวตัวนี้ไปร่วมรายการด้วย ที่พูดเมื่อครู่ก็แค่อยากบอกความจริง เพราะ...ฉันไม่อยากให้ใครสงสัยว่าฉันโง่กว่าค่าเฉลี่ย"
แมวจรตัวเล็กที่ได้รับบาดเจ็บจะถูกทิ้งไว้ที่นี่ ไม่รู้เลยว่าจะเจอกับอะไรบ้าง
ยิ่งกว่านั้น ซ่งชิงหยูเคยผ่านโลกหลังวันสิ้นโลกมาแล้ว เธอจะกลัวการเอาชีวิตรอดในป่าพร้อมกับแมวอีกตัวได้ยังไง?
แต่พอเธอพูดจบ ช่องแชทสดก็เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
[พูดแบบนี้ก็ดูเท่ดี แต่ขอเถอะ อย่าทำเป็นเก่งได้ไหม?]
[ซ่งชิงหยูไม่รู้หรือไงว่าการเอาชีวิตรอดในป่าหมายถึงอะไร?]
[ฉันจะพูดไว้ตรงนี้เลย ถ้าซ่งชิงหยูผ่านด่านได้จริง ฉันจะกินคีย์บอร์ดโชว์!]
ผู้กำกับถามย้ำอีกครั้ง "แน่ใจแล้วใช่ไหม?"
ซ่งชิงหยูพยักหน้า "ฉันแน่ใจ"
มือของหลินซิงที่กำไว้แน่น ค่อยๆ คลายลง
[ซ่งชิงหยูบ้าไปแล้วหรือ?]
[ทำตัวอวดดีชั่วคราว แต่ตอนนี้จะโดนเผาทั้งเป็นแล้ว]
[นี่คือการเรียกร้องความสนใจใช่ไหม? ต้องบอกเลยว่า นี่เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดจริงๆ]
[รายการอื่นทำแบบนี้ได้ไม่มีปัญหา แต่ที่นี่คือการเอาตัวรอดในป่าดงดิบ!]
[เธอจะทิ้งแมวกลางทางหรือเปล่า?]
[ขำตาย ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ในห้องถ่ายทอดสด ดูว่าซ่งชิงหยูจะใช้เวลานานเเค่ไหนในการล้มเหลว ]
[พนันกันไหม สองวัน]
[ฉันพนันแค่วันเดียว]
เพราะซ่งชิงหยู ทำให้ห้องถ่ายทอดสดมีคอมเมนต์มากขึ้น
ทีมงานรายการยินดีถ้าผู้ร่วมรายการจะทำอะไรบ้าๆ แบบนี้ จึงไม่ขัดขวาง