การมาเยี่ยมของญาติๆ ที่วางแผนจะใช้เวลาช่วงฤดูร้อนที่อาร์วิส การรวมตัวสังสรรค์ต่างๆ เรื่องการประกันเรือสินค้าที่จะออกเดินทางในเดือนหน้า
แมทเธียสนั่งอยู่ด้านหลังของรถม้า มองออกไปนอกหน้าต่าง ขณะที่พ่อบ้านส่วนตัวของเขา เฮสเซน รายงานปัญหาที่ยังค้างคาของครอบครัว แมทเธียสตอบคำถามของเฮสเซนด้วยคำตอบสั้นๆ หรือไม่ก็ตอบด้วยการพยักหน้า เขาคือผู้บริหารดูแลกิจการของบริษัท ส่วนแม่และย่าของเขาดูแลเรื่องต่างๆ ของครอบครัว แต่ผู้มีอำนาจในการตัดสินใจขั้นสุดท้ายคือดยุคเฮอร์ฮาร์ด และแมทเธียสก็อยู่ในตำแหน่งนั้นตั้งแต่เขาอายุได้สิบสองปี
เมื่อรถม้าแล่นเข้าสู่ถนนต้นเพลนานัสที่นำไปสู่เขตแดนของเฮอร์ฮาร์ด รายงานของเฮสเซนก็สิ้นสุดลง
แมทเธียสเอียงศีรษะเล็กน้อยขณะที่จ้องมองทิวทัศน์ที่คุ้นเคย ต้นไม้สูงที่เรียงรายอยู่ทั้งสองข้างของทางเดินโก่งโค้งราวกับจับมือกัน แสงแดดที่ส่องผ่านใบไม้ที่พลิ้วไหวตกแต่งเส้นทางเหมือนลวดลายงดงาม
เมื่อเข้าสู่เขตแดน คฤหาสน์สีขาวหลังคาสีน้ำเงินเข้มก็ปรากฏตัวขึ้น ที่หน้าประตู แม่และย่าของเขายืนต้อนรับเพื่อรอหัวหน้าครอบครัวกลับมา ขณะที่แมทเธียสจัดตำแหน่งเนกไทให้เรียบร้อย ประตูรถม้าก็เปิดออก
“ยินดีต้อนรับ แมทเธียส”
ดัชเชสแห่งอาร์วิส นอร์มา คาตารินา ฟอน เฮอร์ฮาร์ด ทักทายหลานชายด้วยรอยยิ้มสดใส แมทเธียสก้มหัวรับจูบจากย่า เอลีเซ ฟอน เฮอร์ฮาร์ด ที่ยืนอยู่ข้างหลังก็ก้าวเข้ามาหาแมทเธียสด้วยท่าทางงามสง่า
“ลูกสูงขึ้นนะ”
เธอกอดเขาอย่างอบอุ่น ผมสีดำสนิทของเธอเหมือนกับของลูกชาย ส่องประกายภายใต้แสงอาทิตย์ต้นฤดูร้อน
แมทเธียสตอบด้วยรอยยิ้มเช่นเดียวกัน คำทักทายที่มีให้กับคนใช้คนอื่นๆ ที่ยืนรอต่อแถวอยู่ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก มารยาทที่ประณีตและความสุภาพของแมทเธียสแสดงออกมาอย่างชัดเจนต่อหน้าทุกคน เขาเป็นผู้นำตระกูลที่สมบูรณ์แบบ ดยุคเฮอร์ฮาร์ด
ขณะที่ยืนอยู่ระหว่างย่ากับแม่ แมทเธียสก็เดินนำเข้าไปห้องโถง ก่อนที่เขาจะขึ้นบันได เขาเงยหน้าขึ้นมองโคมระย้าขนาดใหญ่ที่เปิดไฟอยู่ ด้านบนโคมระย้าคือสัญลักษณ์ประจำตระกูลเฮอร์ฮาร์ดที่สลักอยู่บนเพดาน
เขาคือเฮอร์ฮาร์ด
ความหมายของชื่อตระกูลคือความเฉลียวฉลาด ความสง่างาม และความไม่ย่อท้อ
ในชีวิตของเขาเอง แมทเธียสไม่เคยเรียกร้องหรือมีความสงสัยใด เขารู้ดีถึงประเภทของชีวิตที่เขาต้องดำเนิน และยินดีที่จะยอมรับมัน เขาจัดการชีวิตของเขาเหมือนกับการหายใจ และมันก็ง่ายดายเพียงนั้น
ด้วยสายตาที่จ้องมองต่ำ แมทเธียสก็ก้าวขึ้นบันไดอย่างรวดเร็ว
เมื่อเจ้าของบ้านเข้ามาในคฤหาสน์อย่างปลอดภัย คนรับใช้ก็สามารถหายใจได้อย่างสะดวก
คนของอาร์วิสเตรียมการล่วงหน้าหลายวันเพื่อการต้อนรับดยุคเฮอร์ฮาร์ดอย่างสมบูรณ์แบบ ทุกสิ่งทุกอย่างและทุกคนต้องเพียบพร้อมเมื่อเขามาถึง รวมถึงผู้ที่อาศัยอยู่บนที่ดินของเขาด้วย บรรดาคนรับใช้ต้องดูดีที่สุด แม้แต่เลย์ลา เลอเวลลิน แขกที่ไม่ได้รับเชิญของอาร์วิสก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
"ดยุคเข้าไปแล้วหรือ? เรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะ?"
เลย์ลาที่ยืนอยู่ตรงขอบกลุ่มคนรับใช้กระซิบด้วยเสียงที่ค่อนข้างผิดหวัง ชุดสีงาช้างที่บิลซื้อให้พลิ้วไหวไปกับการเคลื่อนไหวของเธอ
"เธออาจจะได้เจอท่านดยุคเฮอร์ฮาร์ดในป่า ฉันต้องขออนุญาตก่อน"
บิล เรมเมอร์ ตอบสั้นๆ และเริ่มเดินไปทางป่า เลย์ลาวิ่งตามเขาไป
"ท่านดยุคชอบป่าด้วยหรือคะ?"
"อืม ใช่ เขาชอบล่าสัตว์"
"ล่าสัตว์? ในป่า?"
ดวงตาของเลย์ลาเบิกกว้างขึ้น บิลพ่นลมหายใจขณะที่เขามองเด็กน้อยด้วยหางตา
"มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ป่าจะเป็นแหล่งล่าสัตว์ของเฮอร์ฮาร์ด"
"แล้วเขาล่านกด้วยหรือเปล่าคะ?"
"ท่านดยุคชอบล่านกที่สุด"
เลย์ลาหยุดเดินและครุ่นคิดกับคำพูดที่ไม่คิดอะไรมากของบิล หลังจากตระหนักถึงสิ่งที่ตนเองพูด บิลก็แอบกระแอมแห้งๆ
เขาคิดว่าจะปลอบเธอด้วยการโกหกที่เหมาะสม แต่ท่านดยุคเฮอร์ฮาร์ดมีกำหนดจะล่าสัตว์ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เขากังวลว่าหากเขาพยายามปลอบเธอด้วยการโกหก อาจทำให้เธอตกใจยิ่งขึ้น
"เธอจะประหลาดใจเมื่อเห็นทักษะการยิงปืนของท่านดยุค เขายังหนุ่มแต่ก็เป็นนักแม่นปืนที่ยอดเยี่ยมทีเดียว"
บิลพูดเช่นนี้เพราะคิดว่าเขาควรพูดอะไรสักอย่างเพื่อให้เด็กหญิงตัวน้อยสบายใจขึ้น แต่ตอนนี้เลย์ลาก็แทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อแล้ว
"ทำไมเขาถึงชอบยิงนก? ในคฤหาสน์ก็มีอาหารให้กินเยอะแยะอยู่แล้วนี่คะ"
"สำหรับขุนนาง การล่าสัตว์เป็นเพียงรูปแบบหนึ่งของการพักผ่อน นกเป็นเป้าหมายที่น่าสนใจที่สุดในการล่า และ..."
บิลตระหนักถึงสิ่งที่ตนพูดอีกครั้งและหันไปทางเลย์ลา ดวงตาของเขาสบกับใบหน้าที่ไม่พอใจของเด็กน้อย
ทำไมเธอต้องชอบนกมากด้วยนะ
บิลแทบจะตะโกนออกมา เขาไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องอธิบายสิ่งเหล่านี้ให้เธอฟังและต้องระวังความรู้สึกของเจ้าหล่อนอีกด้วย บิลเลือกที่จะเงียบ เพราะถ้าเขาพูดอีกคำเดียว เด็กน้อยคนนี้ได้ร้องไห้ออกมาแน่
เลย์ลาที่ร้องไห้
เขาเกลียดการเห็นเด็กร้องไห้
หลังจากลังเล บิลเริ่มออกเดินอีกครั้ง เด็กน้อยเดินตามเขาไปด้วยไหล่ที่ลู่ลง เด็กน้อยที่ตื่นเต้นกับการใส่ชุดใหม่สีงาช้างตอนนี้หายไปแล้ว การได้เห็นเธอกระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้นเกี่ยวกับชุดที่เพิ่งได้รับมันช่างเป็นภาพที่น่าประทับใจจริงๆ
"หนูหวังว่าท่านดยุคจะเริ่มเกลียดการล่าสัตว์"
เด็กน้อยที่เงียบไปนานพูดอย่างระมัดระวัง
"บางทีเขาอาจจะเบื่อการล่าสัตว์แล้วก็ได้"
เลย์ลามองบิลด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวัง บิลทำได้เพียงตอบด้วยการเกาหลังคออย่างเก้อเขิน
เลย์ลาเชื่อว่าคำอธิษฐานของเธออาจเป็นจริง
หนึ่งสัปดาห์หลังจากการกลับมา ดยุคเฮอร์ฮาร์ดก็ไม่ปรากฏตัวที่แหล่งล่าสัตว์ ซึ่งเป็นเรื่องเข้าใจได้เพราะเขายุ่งกับการต้อนรับแขกที่มาร่วมงานที่คฤหาสน์ทุกวัน
ฤดูร้อนใกล้จะสิ้นสุดแล้ว ลูกนกฟักออกจากไข่และดอกกุหลาบป่าที่เคยตูมตอนนี้บานสะพรั่ง เลย์ลาชื่นชมการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่เกิดขึ้นในป่านี้อย่างมีความสุข
"อย่าไปไกลเกินไปนะ เลย์ลา!"
บิลตะโกนบอกเมื่อเลย์ลาออกจากกระท่อมด้วยความดีใจ
"โอเคค่ะ! หนูแค่จะไปเดินเล่นริมแม่น้ำ! แล้วจอกันค่ะลุงบิล!"
เลย์ลาหันกลับมาและโบกมือทั้งสองข้าง กระเป๋าหนังเก่าที่เธอสะพายอยู่ที่ไหล่ก็สั่นไปตามการกระโดดโลดเต้นของเธอ
เลย์ลาเป็นคนแรกที่เห็นนกที่เพิ่งฟักออกจากไข่บนกิ่งไม้ ลูกนกไร้ขนกำลังรอให้แม่ของพวกมันนำอาหารมาให้ เลย์ลาลงจากต้นไม้และบันทึกลูกนกที่เห็นวันนี้ลงในสมุดบันทึกเล็กๆ ที่หยิบออกมาจากกระเป๋าหนัง แม้ว่าภาพสเก็ตช์จะดูยุ่งเหยิงไปบ้าง แต่เธอก็พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อวาดภาพนกตัวน้อยๆ
เลย์ลาวาดและเขียนทุกอย่างที่เธอเห็นในป่าในสมุดบันทึกเล็กของเธอ แผ่นดินนี้งดงามกว่าที่อื่นๆ ที่เธอเคยอยู่ เลย์ลาอยากเขียนทุกอย่างไว้ เพื่อว่าเมื่อถึงเวลาที่ต้องจากไป เธอจะสามารถรำลึกถึงความทรงจำที่เธอมีต่อป่าผ่านสมุดบันทึกของเธอ ความคิดที่จะต้องจากไปในวันหนึ่งทำให้เธอเศร้า
ขณะที่เลย์ลาเดินไปตามทางที่นำไปสู่ริมแม่น้ำ เธอก็บันทึกสิ่งที่เห็นในป่าไปเรื่อยๆ เธอแทรกกลีบดอกไม้สีพาสเทลระหว่างหน้าสมุดบันทึกและเก็บสตรอเบอร์รี่ที่พบตามทาง เมื่อเธอมาถึงริมแม่น้ำที่ส่องประกาย พระอาทิตย์ก็กำลังจะตก
เลย์ลาปีนขึ้นต้นไม้ใหญ่ที่ยืนต้นอยู่ระหว่างชายป่าและแม่น้ำ กิ่งไม้หนายาวนั้นเป็นจุดโปรดของเธอเพราะมันสบายเหมือนเก้าอี้ ขณะที่เลย์ลากำลังจะเปิดสมุดบันทึก เสียงกีบม้าก็ลอยมาจากที่ไกลๆ
เลย์ลายัดสมุดบันทึกลงในกระเป๋าอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันเสียงม้าก็เข้ามาใกล้ เธอกอดกิ่งไม้ที่เธอนั่งอยู่ด้วยความกลัว
ไม่นานหลังจากนั้น ม้าสีน้ำตาลเข้มที่มีขนเรียบก็ปรากฏตัว ชายคนหนึ่งอยู่บนหลังม้า ชายคนนั้นเลือกที่จะหยุดพักม้าของเขาใต้ต้นไม้ที่เลย์ลาอยู่ ท่าทางของเขาขณะลงจากม้าดูคล่องแคล่วปราดเปรียว
เลย์ลาคิดว่าควรจะลงไป แต่ชายแปลกหน้าก็เอนหลังพิงต้นไม้เสียแล้ว ไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรให้ตัวเอง เลย์ลาจึงมองไปที่ชายคนนั้นที่กำลังยกมือขึ้นถอดหมวกออก ขณะนั้นเองกระเป๋าหนังของเลย์ลาก็หลุดจากไหล่และกระแทกกับกิ่งไม้
ความทรงจำในช่วงเวลาต่อมาเลือนลาง
ชายคนนั้นหันศีรษะไปทางกิ่งไม้อย่างรวดเร็วและสบตากับเลย์ลา เลย์ลาจ้องมองดวงตาของเขา ดวงตาสีฟ้าของเขาที่มองผ่านเส้นผมดำหนาที่ปรกหน้าผากนั้นเหมือนลูกแก้วใส เมื่อเลย์ลาได้สติ ชายคนนั้นก็กำลังชี้ปืนมาที่ใบหน้าของเธอ ใบหน้าของเลย์ลาซีดเผือดเมื่อคิดว่ากำลังจะถูกยิงด้วยปืนยาวที่น่ากลัวนั้น
เลย์ลาที่ตัวแข็งทื่อกอดต้นไม้ไว้แน่น ร่างกายของเธอสั่นสะท้านและชุ่มไปด้วยเหงื่อ ชายคนนั้นถอนหายใจเบาๆ
และลดปืนลงช้าๆ
"เธอเป็นใคร?"
เสียงทุ้มต่ำลอดผ่านริมฝีปากของเขา
"....เลย์ลา"
เลย์ลาพยายามบีบเสียงออกมาแต่คล้ายจะร้องไห้เสียมากกว่า ผมสีทองของเธอพลิ้วไหวไปกับสายลม
"อะไรนะ?"
ดวงตาของเขาหรี่ลงอีก เลย์ลาจิกเล็บกอดต้นไม้แน่นจนปลายนิ้วเจ็บ
"เลย์ลา เลย์ลา เลอเวลลิน"
"ลุง! ลุงบิล! ลุงคะ!"
เสียงของเลย์ลาดังก้องในป่า
บิลกำลังนั่งอยู่หน้าคลังเก็บของที่กระท่อม เขาหันศีรษะด้วยความงุนงงเมื่อได้ยินเสียงเรียกของเลย์ลาที่ตื่นตกใจ เลย์ลาวิ่งมาหาเขาด้วยใบหน้าสีแดงจัด
"เกิดอะไรขึ้น?"
"มี- มีผู้ชายคนหนึ่งในป่า! ตัวสูงมาก!"
แม้จะเหนื่อยหอบ เลย์ลาก็พยายามจะอธิบายการพบเจอกับชายแปลกหน้า
"เธอคงเจอดยุคที่ออกมาล่าสัตว์นั่นเอง"
บิลตอบขณะหยิบเครื่องมือจากคลังเก็บของ
"ผมเขาดำและตาของเขาสีฟ้ามาก เสียงของเขาเบาเหมือนขนนก"
"นั่นแหละดยุคเฮอร์ฮาร์ด ไม่มีผิดแน่"
บิลหัวเราะอย่างสนุกสนาน เลย์ลายืนอยู่หน้าบิลเป็นเวลานาน พยายามหายใจให้เป็นปกติ
ชายที่ดูงดงามแต่ก็น่ากลัวจ้องมองเลย์ลาอยู่พักหนึ่งก่อนจะหันไปโดยไม่พูดอะไร เมื่อเขาขึ้นหลังม้า ชายอีกสองคนก็ปรากฏตัวจากป่าลึก ชายคนนั้นหันม้าไปรวมกับคนอื่นๆ และขี่ม้าเข้าไปในป่า เมื่อพวกเขาหายไปจากสายตา เลย์ลาก็ปีนลงจากต้นไม้และวิ่งกลับไปที่กระท่อม
"แล้วท่านดยุค..."
ขณะที่เลย์ลากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เสียงปืนก็ดังขึ้น เขย่าความสงบของป่าจนน่ากลัว
เลย์ลาสะดุ้งและหันศีรษะไปทางเสียง นกที่ตกใจบินขึ้นจากป่าที่อยู่ไกลออกไป หนึ่งในนกที่ตกใจร่วงลงมาตามต้นไม้ ปีกของมันตกลงอย่างไร้เรี่ยวแรง
เสียงปืนยังดังขึ้นอีกสองสามรอบ บิลตบไหล่เลย์ลาเบาๆ เพื่อปลอบโยนเด็กน้อยที่กำลังตกใจกลัว
"เลย์ลา"
เลย์ลาค่อยๆ เงยหน้าขึ้น เมื่อสายตาของทั้งสองสบกัน บิลก็กลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว
เด็กน้อยกำลังร้องไห้
นักล่านกผู้งดงาม
นั่นคือฉายาที่เลย์ลา เลอเวลลินมอบให้เขา
ทุกคนในที่ดินนี้ แม้กระทั่งบิล เรมเมอร์ ต่างสรรเสริญเขาว่าเป็นขุนนางที่สมบูรณ์แบบ ผู้คนดูเหมือนจะห่วงใยและรักแมทเธียส ฟอน เฮอร์ฮาร์ด ซึ่งมีคุณสมบัติที่โดดเด่นในฐานะเจ้าของที่ดินนี้
แต่เลย์ลาไม่เห็นด้วย
นับตั้งแต่วันที่ดยุคออกล่าสัตว์ แม่นกก็หายไป ลูกนกที่เพิ่งฟักไข่ไม่มีแม่นกมาป้อนอาหารอีกต่อไป นอกจากนี้ นกจำนวนนับไม่ถ้วนก็ไม่ปรากฏให้เห็นอีก
ทำไมดยุคถึงล่านกตัวเล็กๆ ที่สวยงามเหล่านั้นแทนที่จะล่านกตัวใหญ่ที่เอาไว้กินได้?
เลย์ลาที่เฝ้าสังเกตและทุกข์ใจมานานกว่าหนึ่งเดือน ตอนนี้ดูเหมือนจะรู้คำตอบแล้ว
สำหรับเขา นกคือเป้าหมายที่เคลื่อนที่ได้
ยิ่งเล็กก็ยิ่งยากและยิ่งน่าท้าทาย ดยุคไม่เคยสนใจเหยื่อที่เขายิงได้ เขาแค่หันหลังให้เหยื่อหลังจากยิงเป้าหมายแล้ว ในวันที่เขาออกล่าสัตว์ เลย์ลาฝังนกที่ตายไปมากมาย
ปัง-
เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้งจากระยะไกล