พิชิตศัตรูสิ้น สยบใต้หล้า เจียงฮ่าวเริ่มต้นจากศิลปะการต่อสู้สู่วิถีเซียนด้วยพรสวรรค์ที่ไร้ขีดจำกัด!
พิชิตศัตรูสิ้น สยบใต้หล้า เจียงฮ่าวเริ่มต้นจากศิลปะการต่อสู้สู่วิถีเซียนด้วยพรสวรรค์ที่ไร้ขีดจำกัด!
บทที่ 26 สายเลือดแห่งเทพตื่นแล้ว!
ทันทีที่หยดเลือดเบิกวิถีหยดที่สิบไหลลงสู่ท้อง เจียงฮ่าวจึงรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลง
ก่อนหน้านี้เมื่อเขากลืนหยดเลือดเบิกวิถี มันมีพลังบางอย่างในร่างกายที่เดือดพล่านแต่ไม่สามารถปะทุออกมาได้
แต่ครั้งนี้มันแตกต่างออกไป
เจียงฮ่าวรู้สึกว่าพลังอันน่าสะพรึงกลัวนั้นได้ "ตื่นขึ้น" อย่างสมบูรณ์แล้ว
"บู้มมม!"
ภายในร่างกายของเจียงฮ่าวเกิดเสียงดังสนั่น
ทันใดนั้น ร่างกายของเขาเปล่งแสงสีทองจางๆออกมา
แม้กระทั่งเส้นลายสีทองก็ปรากฏขึ้นบนผิวหนังของเขา
เมื่อภูติแห่งหอคอยได้เห็นภาพนี้ มันก็ถึงกับเบิกตากว้าง
"แสงสีทองรึ?"
"พลังแห่งสายเลือดที่มาพร้อมกับแสงสีทองแบบนี้น มีเพียงสายเลือดแห่งเทพเท่านั้นที่มีแสงสีทอง!"
"หรือว่าเจียงฮ่าวจะปลุกสายเลือดแห่งเทพขึ้นมาได้?"
ภูติแห่งหอคอยตกตะลึงอย่างมาก
สายเลือดแห่งเทพ!
มีเพียงตระกูลโบราณที่ถูกขนานนามว่า "ทายาทแห่งเทพ" เท่านั้นที่จะมีสายเลือดแห่งเทพได้
ส่วนคนธรรมดาล่ะ?
เป็นไปไม่ได้ที่จะมีสายเลือดแห่งเทพไหลเวียนอยู่ในร่างกายอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้สภาพของเจียงฮ่าวไม่ค่อยดีนัก
เขากำลังเจ็บปวด
มันเจ็บปวดจนเกินทน
เส้นลายสีทองบนร่างกายของเขาราวกับเปลวไฟที่กำลังลุกโชน
จากภายในสู่ภายนอก ราวกับว่ามันจะเผาเขาให้กลายเป็นเถ้าถ่าน
ความรู้สึกนี้ทำให้เจียงฮ่าวรู้สึกคุ้นเคยอย่างมาก
เหมือนกับ...การทำสมาธิภายในจิตสำนึก!
เจียงฮ่าวรู้สึกแบบนี้ทุกครั้งเมื่อทำสมาธิภายในจิตสำนึกกับพระอาทิตย์
เขาถูกเผาเป็นเถ้าถ่านในทุกครั้งที่ทำสมาธิภายในจิตสำนึกกับพระอาทิตย์
แต่นั่นคือตอนที่เขาอยู่ภายในจิตสำนึก ดังนั้นต่อให้ถูกเผาเป็นเถ้าถ่านเขาก็ไม่ตาย
แต่ตอนนี้มันเกิดขึ้นกับร่างกายของเขาในสภาวะความเป็นจริง
เจียงฮ่าวรู้สึกว่าถ้าเขาต้านทานพลังนี้เอาไว้ไม่ได้ เขาอาจจะตายขึ้นมาจริงๆก็เป็นได้!
ภูติแห่งหอคอยเองก็ตระหนักถึงความผิดปกติบางอย่าง
หลังจากนั้น ภูติแห่งหอคอยได้ผายมือเพื่อทำให้พลังของหอคอยหวงเทียนเข้าห่อหุ้มร่างเจียงฮ่าวเอาไว้
ทันใดนั้น ลมหายใจอันเย็นยะเยือกก็พุ่งเข้าสู่ร่างกายของเจียงฮ่าว
"เจียงฮ่าว เจ้าต้องรักษาสติให้มั่น ตอนนี้เจ้าได้ปลุกสายเลือดแห่งเทพที่แข็งแกร่งและร้อนแรงที่สุด ดังนั้นเจ้าจะต้องทนเอาไว้ให้ได้ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะถูกสายเลือดแห่งเทพนั้นเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน!"
คำพูดของภูติแห่งหอคอยดังก้องเข้าไปในหูของเจียงฮ่าว
เมื่อเจียงฮ่าวได้ยินเช่นนั้น
หัวใจของเขาจึงเต้นแรงขึ้น
สายเลือดแห่งเทพที่แข็งแกร่งและร้อนแรงที่สุดงั้นหรือ?
ดูเหมือนว่าสายเลือดของเขาจะไม่ใช่สายเลือดธรรมดา
แต่ยิ่งไม่ธรรมดาเท่าไหร่ก็ยิ่งอันตรายสำหรับเขาในตอนนี้มากเท่านั้น
โชคดีที่เจียงฮ่าวมีความมุ่งมั่นที่แข็งแกร่งมาก
นอกจากนี้เขายังมีภูติแห่งหอคอยคอยช่วยเหลือ
เมื่อเวลาผ่านไป เส้นลายสีทองบนร่างกายของเจียงฮ่าวก็ค่อยๆจางหายไป
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เจียงฮ่าวก็ลืมตาขึ้น
"สายเลือดของข้าตื่นขึ้นแล้วงั้นรึ?"
เจียงฮ่าวเห็นภูติแห่งหอคอย
"ใช่แล้วล่ะ สายเลือดของเจ้าได้ตื่นขึ้นแล้ว นอกจากนี้ ข้าคิดว่ามันน่าจะเป็นสายเลือดแห่งเทพที่ไม่ธรรมดาอีกด้วย!"
ภูติแห่งหอคอยตอบ
"สายเลือดแห่งเทพงั้นหรือ?"
เจียงฮ่าวไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับสายเลือดเลย
"นายท่านเคยกล่าวไว้ว่า ในร่างกายมนุษย์มีสายเลือดที่แข็งแกร่งซ่อนอยู่มากมาย คนปกติไม่สามารถกระตุ้นสายเลือดได้และมีเพียงวิธีพิเศษบางอย่างเช่นการดื่มหยดเลือดเบิกวิถีเท่านั้นถึงจะสามารถกระตุ้นสายเลือดได้"
"แต่การจะกระตุ้นสายเลือดแบบไหนออกมาได้นั้นก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของแต่ละคน"
"สายเลือดที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดานั้นคือสายเลือดแห่งเทพในตำนาน มีเพียงทายาทของตระกูลเทพที่เก่าแก่ที่สุดเท่านั้นที่มีโอกาสกระตุ้นสายเลือดแห่งเทพออกมาได้"
"นี่เจ้าไม่ใช่ทายาทของตระกูลเทพจริงๆงั้นรึ?"
เจียงฮ่าวส่ายหัว
เขาไม่ใช่ทายาทของตระกูลเทพอะไรทั้งนั้น
เขาเป็นแค่คนธรรมดา
ส่วนสาเหตุที่เขาสามารถกระตุ้นสายเลือดแห่งเทพออกมาได้, เจียงฮ่าวคาดเดาว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับวิหารฝึกยุทธในจิตสำนึกของเขา
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เจียงฮ่าวจึงรีบตรวจสอบพลังของตัวเองทันที
พลังยุทธ์ : พลังภายใน (ขั้นต้น)
สายเลือดแห่งเทพวิหคสุริยัน (ไม่สมบูรณ์) : ความคืบหน้า 10% (สามารถพัฒนาได้)
พรสวรรค์ :7
ความเข้าใจ : 5.8
จิตวิญญาณ : 2
ร่างฝึกฝนต้นกำเนิดศักดิ์สิทธิ์พระอาทิตย์ : ยังไม่เริ่มต้น
วิชาหมัดพยัคฆ์ : สมบูรณ์แบบ (รูปลักษณ์ของปีศาจเสือเพิ่มพลังโจมตีได้ 40 %)
พลังภายใน : เพิ่มพลังในร่างกาย 310%
เจียงฮ่าวเห็นสายเลือดแห่งเทพวิหคสุริยัน
แต่มันเป็นสายเลือดแห่งเทพที่ยังไม่สมบูรณ์
ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องปกติ
เพราะมีเพียงวิหคสุริยันเท่านั้นที่มีสายเลือดแห่งเทพนี้สมบูรณ์
ส่วนคนอื่นๆที่มีสายเลือดแห่งเทพนี้ล้วนไม่สมบูรณ์ทั้งสิ้น
ยิ่งไปกว่านั้น สายเลือดแห่งเทพของเจียงฮ่าวก็ยังไม่สมบูรณ์อีกด้วย
ความคืบหน้าของสายเลือดแห่งเทพของเขาอยู่ที่เพียง 10% เท่านั้นเนื่องจากพึ่งปลุกสายเลือดแห่งเทพขึ้นมาได้
"แล้วสายเลือดแห่งเทพนี้มีประโยชน์อะไรกับข้าบ้าง?"
เจียงฮ่าวคิดในใจ
เจียงฮ่าวจึงเรียกใช้พลังสายเลือดแห่งเทพวิหคสุริยันทันที
นี่เป็นเหมือนกับสัญชาตญาณ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องฝึกก็สามารถใช้ได้
มันเป็นเหมือนกับส่วนหนึ่งของร่างกายของเขา
หลังจากนั้น ลายเส้นสีทองก็ปรากฏขึ้นบนร่างกายของเจียงฮ่าวอีกครั้ง
แต่คราวนี้ลายเส้นสีทองนั้นกลับลุกเป็นไฟ
แม้จะเป็นเปลวไฟที่ลุกโชนแต่เจียงฮ่าวกลับไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย
"นั่นมัน...เปลวเพลิงแห่งดวงอาทิตย์งั้นรึ?!"
ภูติแห่งหอคอยที่ได้เห็นเปลวเพลิงที่น่ากลัวนั้นถึงกับสั่นกลัว
เปลวเพลิงแห่งดวงอาทิตย์!
เปลวเพลิงแห่งดวงอาทิตย์นั้นขึ้นชื่อว่าสามารถเผาผลาญได้ทุกสิ่ง ทรงพลังและร้อนแรงจนสามารถทำลายล้างปีศาจร้ายได้
เจียงฮ่าวเองก็เริ่มเข้าใจถึงประโยชน์ของสายเลือดแห่งเทพวิหคสุริยันแล้วว่ามันสามารถเพิ่มพูนความแข็งแกร่งของร่างกายได้ในระดับหนึ่ง แต่ที่สำคัญที่สุดคือเปลวเพลิงแห่งดวงอาทิตย์นี้
ยิ่งไปกว่านั้น เจียงฮ่าวยังรู้สึกได้อย่างลางๆว่านี่ยังไม่ใช่พลังที่แท้จริงของเปลวเพลิงแห่งดวงอาทิตย์อีกด้วย
บางทีพลังของมันอาจจะยังไม่ถึงหนึ่งในหมื่นของพลังที่แท้จริงเลยด้วยซ้ำ
เปลวเพลิงแห่งดวงอาทิตย์นั้นมีพลังเหนือกว่าจินตนาการของเขามาก
"เปลวเพลิงแห่งดวงอาทิตย์รวมกับร่างฝึกฝนต้นกำเนิดศักดิ์สิทธิ์พระอาทิตย์ แค่สองอย่างนี้แม้แต่ข้าก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพลังของข้าจะแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีกกี่เท่า?"
เจียงฮ่าวพอใจมาก
"เอาล่ะเจียงฮ่าว คลายพลังสายเลือดแห่งเทพนี้ไปก่อนเถอะ"
ภูติแห่งหอคอยพูด
เจียงฮ่าวคลายพลังสายเลือดแห่งเทพออกและทำให้ร่างกายกลับสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว
"เจียงฮ่าว ในเมื่อเจ้าก็ปลุกพลังสายเลือดได้แล้วก็ถึงเวลาที่ต้องออกไปจากหอคอยแล้ว"
"จงจำเอาไว้ว่า เมื่อเจ้าฝึกฝนถึงขอบเขตพลังแปลงสภาพและเริ่มใช้พลังร่างฝึกฝนต้นกำเนิดศักดิ์สิทธิ์พระอาทิตย์ได้ ค่อยกลับมาที่หอคอยหวงเทียนนี้อีกครั้ง"
เจียงฮ่าวพยักหน้า
ภูติแห่งหอคอยโบกมือพร้อมกับทางเดินที่ปรากฏขึ้น
เจียงฮ่าวก้าวเข้าสู่ทางเดินนั้นแล้วร่างของเขาก็หายวับไปในทันที
ณ ตอนนี้ ด้านนอกหอคอยหวงเทียน
หลายคนต่างจับจ้องไปที่ชั้นที่เก้าของหอคอยหวงเทียน
แต่เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ
ชั้นที่เก้าก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
นั่นทำให้ผู้คนเริ่มพูดคุยกันทันที
"นี่ก็ผ่านไปสองชั่วโมงแล้ว เจียงฮ่าวยังอยู่ในชั้นที่เก้าของหอคอยหวงเทียนอีกงั้นรึ?"
"ชั้นที่เก้าของหอคอยหวงเทียนนั้นมีน้อยคนนักที่จะผ่านได้ แต่ละคนล้วนเป็นบุคคลที่โดดเด่นในประวัติศาสตร์ของสำนักหวงเทียนและเกือบทุกคนจะเข้าสู่ขอบเขตวิถีได้สำเร็จ หรือทำได้แม้กระทั่งอยู่เหนือกว่าขอบเขตวิถีเลยด้วยซ้ำ การที่เจียงฮ่าวต้องการเทียบชั้นกับคนเหล่านั้นได้คงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก บางทีเขาอาจจะจบลงในชั้นที่เก้าก็เป็นได้"
"นั่นสิ ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว ก่อนหน้านี้เจียงฮ่าวใช้เวลาผ่านแปดชั้นแรกยังไม่นานเท่านี้เลย นี่คงต้องมีอะไรที่ผิดปกติเกิดขึ้นแน่ๆ"
"ต่อให้มาถึงชั้นที่เก้าแล้วแต่ถ้าผ่านไปไม่ได้ก็คงน่าเสียดายไม่น้อย"
"แต่ถึงแม้จะเข้าเป็นศิษย์ชั้นในไม่ได้ แต่ก็มีคนพร้อมที่จะมอบสิทธิ์เข้าเป็นศิษย์ชั้นนอกกับเจียงฮ่าวเป็นแน่"
"นั่นสินะ..."
แท้จริงแล้วหลายคนต่างรู้ดีว่าไม่ว่าเจียงฮ่าวจะผ่านชั้นที่เก้าของหอคอยหวงเทียนไปได้หรือไม่ ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของเขาในฐานะอัจฉริยะ
ตอนนี้มีเพียงจ้าวเฮยถ่าเท่านั้นที่กังวลมากที่สุด
เพราะเจียงฮ่าวได้ใช้สิทธิ์แนะนำเข้าเป็นศิษย์ชั้นในของจ้าวเฮยถ่าไป
ถ้าหากเจียงฮ่าวทำได้ไม่สำเร็จ มันจะเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่สำหรับจ้าวเฮยถ่า
"วู้มมม"
ทันใดนั้น หอคอยหวงเทียนก็สั่นเล็กน้อย
ในขณะเดียวกัน แสงสว่างที่ชั้นที่เก้าของหอคอยหวงเทียนก็ดับลง
หอคอยหวงเทียนกลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง
"ตุ้บ ตุ้บ"
ทันใดนั้น ร่างๆหนึ่งก็เดินออกมาจากหอคอยหวงเทียน
ซึ่งนั่นก็คือเจียงฮ่าว!
แต่ทุกคนกลับเต็มไปด้วยความสงสัย
การที่แสงสว่างในชั้นที่เก้าของหอคอยหวงเทียนดับลง
นั่นหมายความว่าเจียงฮ่าวผ่านชั้นที่เก้ามาได้หรือไม่?
สายตานับไม่ถ้วนต่างจับจ้องไปที่เจียงฮ่าว
ในตอนนี้ หยวนเวิ่นเทียนเจ้าสำนักหวงเทียนได้ปรากฏตัวขึ้น
แววตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
"เจียงฮ่าวผ่านสามารถชั้นที่เก้าของหอคอยหวงเทียนได้ นับจากนี้ไปเขาจะถูกเลื่อนชั้นให้เป็นศิษย์ชั้นในโดยทันที!"
เสียงของหยวนเวิ่นเทียนดังก้องไปทั่ว
"โอ้วววว!"
สำนักหวงเทียนทั้งสำนักตกอยู่ในความตื่นเต้นทันที
"สำเร็จแล้วรึ?"
ในตอนนี้ จ้าวเฮยถ่าตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
แม้แต่ร่างกายของเขาก็สั่นเทา
สำเร็จแล้ว!
เขาทำได้สำเร็จแล้ว!
จ้าวเฮยถ่าใช้สิทธิ์แนะนำเข้าเป็นศิษย์ชั้นในล้ำค่าเพื่อทำให้เจียงฮ่าได้เป็นศิษย์ชั้นในของสำนักหวงเทียนได้จริงๆ
นอกจากนี้ยังไม่ใช่ศิษย์ชั้นในธรรมดา
แต่เป็นศิษย์ที่ผ่านชั้นที่เก้าของหอคอยหวงเทียนมาได้
ดังนั้นจึงมีโอกาสที่จะเข้าสู่ขอบเขตวิถีได้ในอนาคต!
"เจียงฮ่าว!"
หยวนเวิ่นเทียนเดินเข้าไปหาเจียงฮ่าวทีละก้าว
"ศิษย์ขอคารวะท่านเจ้าสำนักขอรับ!"
เจียงฮ่าวรู้ว่าคนตรงหน้าคือเจ้าสำนักของสำนักหวงเทียน
"เจียงฮ่าว เจ้าสามารถผ่านชั้นที่เก้าของหอคอยหวงเทียนได้นั้นแสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์อันสูงส่งของเจ้า เจ้าในตอนนี้เหนือกว่าศิษย์ชั้นในเกือบทั้งหมด!"
"แต่ตอนนี้การฝึกฝนของเจ้ายังขาดไปหน่อยและยังไม่คู่ควรกับตำแหน่ง 'เมล็ดพันธุ์แห่งเต๋า'"
"ข้าสัญญาว่าหากเจ้าฝึกฝนไปจนถึงขอบเขตพลังแปลงสภาพได้ภายในสิบปี เจ้าจะได้เป็น 'เมล็ดพันธุ์แห่งเต๋า' ของสำนักหวงเทียนของเรา"
"'เมล็ดพันธุ์แห่งเต๋า' ในขอบเขตพลังแปลงสภาพนั้น สำนักหวงเทียนของข้ายังไม่เคยมีมาก่อน ดังนั้นข้าจึงหวังว่าเจ้าจะเป็นคนแรก..."
หลังจากพูดจบ หยวนเวิ่นเทียนก็หันหลังกลับและจากไป
แต่คำพูดของหยวนเวิ่นเทียนนั้นทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม
"ท่านเจ้าสำนักสัญญาด้วยตัวเองว่าถ้าเจียงฮ่าวฝึกฝนถึงขอบเขตพลังแปลงสภาพภายในสิบปี เขาจะได้เป็นเมล็ดพันธุ์แห่งเต๋าเชียวหรือ?!"
"พรสวรรค์ของเจียงฮ่าวนั้นทำให้ท่านเจ้าสำนักต้องประหลาดใจจริงๆ เมล็ดพันธุ์แห่งเต๋าของสำนักหวงเทียนของเรามักจะเป็นศิษย์ที่มีความโดดเด่นในหมู่ศิษย์หลักที่มีโอกาสเข้าสู่ขอบเขตวิถีได้เท่านั้นถึงจะได้เป็นเมล็ดพันธุ์แห่งเต๋า แต่สถานะเมล็ดพันธุ์แห่งเต๋าในขอบเขตพลังแปลงสภาพนั้นในประวัติศาสตร์ของสำนักไม่เคยมีมาก่อนจริงๆ"
"เจียงฮ่าวที่สามารถผ่านชั้นที่เก้าของหอคอยหวงเทียนได้ ดังนั้นการจะได้เป็นเมล็ดพันธุ์แห่งเต๋าก็สมควรแล้ว เพราะก่อนหน้านี้คนที่ผ่านชั้นที่เก้าของหอคอยหวงเทียนได้ทุกคนล้วนเข้าสู่ขอบเขตวิถีได้สำเร็จ"
"น่าเสียดายที่เจียงฮ่าวในตอนนี้ยังไม่ได้เป็นเมล็ดพันธุ์แห่งเต๋าเพราะการฝึกฝนที่ยังต่ำเกินไป"
"เจียงฮ่าวในตอนนี้ได้สร้างประวัติศาสตร์ขึ้นมาแล้ว ตอนนี้เขาเป็นศิษย์ชั้นในและยังเป็นศิษย์ชั้นในคนแรกของสำนักหวงเทียนที่อยู่ในขอบเขตพลังภายในเท่านั้น!"
เจียงฮ่าวไม่ได้สนใจเสียงพูดคุยรอบข้าง
เขาก้าวไปข้างหน้าจ้าวเฮยถ่า
ความสำเร็จของเขาในวันนี้ จ้าวเฮยถ่าคือคนที่ทุ่มเทมากที่สุด
"ท่านอาจารย์ ศิษย์จะไม่ทำให้ท่านผิดหวังขอรับ!"
เจียงฮ่าวก้มหน้าลงคำนับจ้าวเฮยถ่าอย่างนอบน้อม
สายตานับไม่ถ้วนจับจ้องไปที่จ้าวเฮยถ่า
ที่แท้นักศิลปะการต่อสู้ในขอบเขตพลังแปลงสภาพเป็นอาจารย์ของเจียงฮ่าวเองรึ?
หลายคนต่างอิจฉาเจียงฮ่าวเป็นอย่างมาก
ในขณะเดียวกัน จ้าวเฮยถ่ายืดอกและมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
นี่คือช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดในชีวิตของจ้าวเฮยถ่าโดยแท้จริง!